ความคิดเห็นที่ 1 น้ำตาลปี๊บ  ตามความรู้ที่เรียนมา ตั้งแต่เด็ก ขั้นตอนการทำ น้ำตาลปี๊บ   1 ตัดงวงตาล รองน้ำตาลใส่กระบอก (กันเสียโดยใส่ใบเคี่ยม หรือ แกนต้นพะยอม) 2 เอาน้ำตาลมาเคี่ยวในกระทะใบบัว 3 เอาไม้ตีให้น้ำตาลฟู  และเหนียวข้น (ถ้ามีการใส่สารฟอกขาว จะใส่ลงในขั้นตอนนี้ ใส่เพียงประมาณครึ่งช้อนชาถึง หนึ่งช้อนชาแล้วแต่ต้องการขาวมากขาวน้อย ต่อ น้ำตาลหนึ่งกะทะ หรือ ประมาณ 10 กิโล) 4 บรรจุปี๊บ ส่งไปจำหน่าย ...เป็นที่มาของชื่อ "น้ำตาลปี๊บ" แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 17:53:24 จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 17:22:39

ความคิดเห็นที่ 2 ขั้นตอนการทำ น้ำตาลปึก   1 ตัดงวงตาล รองน้ำตาลใส่กระบอก (กันเสียโดยใส่ใบเคี่ยม หรือ แกนต้นพะยอม) 2 เอาน้ำตาลมาเคี่ยวในกระทะใบบัว 3 เอาไม้ตีให้น้ำตาลฟู  และเหนียวข้น (ถ้ามีการใส่สารฟอกขาว ก็จะใส่ตรงขั้นตอนนี้)...ต่างกับน้ำตาลปี๊บ ตรง เคี่ยวให้ข้นกว่าแล้วเอา 4 เอาน้ำตาลที่ได้มาหยอดลงในหลุม(หรือถ้วย)ที่รองผ้าขาว เมื่อน้ำตาลแห้งหรือแข็ง จะออกมาเป็น ก้อนๆ หรือ เป็นปึกเป็นแผ่น เพื่อสะดวกในการใช้งาน  เป็นที่มาของชื่อ ...น้ำตาลปึำำำก หมายเหตุ...ถ้าทำจาก น้ำตาลของต้นมะพร้าวจะเรียก" น้ำตาลมะพร้าว" ซึ่งจะมีลักษณะแข็ง กว่าน้ำตาลจากต้นตาล สังเกตุดูจะเป็นเกร็ด และ ความหอมน้อยกว่า น้ำตาลปึกที่ทำจาก ต้นตาล แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 17:54:53 แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 17:31:15 จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 17:28:25

ความคิดเห็นที่ 3 ขั้นตอนการทำน้ำตาลแว่น(ทำกันเฉพาะในภาคใต้) 1 ตัดงวงตาล รองน้ำตาลใส่กระบอก (กันเสียโดยใส่ใบเคี่ยม หรือ แกนต้นพะยอม) 2 เอาน้ำตาลมาเคี่ยวในกระทะใบบัว 3 เมื่อได้น้ำตาลที่เหนียวข้นแล้ว เอามาใส่ในใบตาลที่ตัดแล้วขัดกันเป็นวงๆ  (ขั้นตอนนี้ถ้าเป็นน้ำตาลแว่นไม่แท้จะมีการผสมน้ำตาลทราย เข้าไปเพิ่มเพิ่มปริมาณ และลดต้นทุน สังเกตุได้จากน้ำตาลผสม จะมีลักษณะแข็งและหนัก เป็นเกร็ด รสชาติไม่หอมเท่าของแท้สีจะอ่อนกว่า) หมายเหตุ น้ำตาลแว่น ทำจากน้ำตาลของต้นตาลเหมือนกัน แต่ทำออกมา จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เพราะไม่ผ่านการใส่สารฟอกสีใดๆทั้งสิ้น จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 17:39:44

ความคิดเห็นที่ 4 น้ำตาลแว่นแท้ ๆ จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ไม่ผ่าน การใส่สารฟอกสี จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 17:41:46

ความคิดเห็นที่ 5 น้ำตาลแว่นที่ ผสมน้ำตาลทราย และผ่านการใส่สารฟอกสี ป,ล จะมี น้ำตาลแว่นผสม น้ำตาลทราย แต่ไม่ผ่าน การใส่สารฟอกสี อีกอย่าง ว่างๆจะไปเก็บภาพมาให้ดู เปรียบเทีียบ จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 17:43:11

ความคิดเห็นที่ 6 ขั้นตอนการทำน้ำตาลป่น  หรือน้ำตาลอ้อยแบบผง ที่ใส่ในเต้าฮวย   ปกติ จะทำจากน้ำอ้อยหีบ แล้วเอาไปเคี่ยวให้แห้ง เป็นผงๆ ในกระทะ แต่ที่เกาะยอ ใช้น้ำตาล จากต้นตาล มาเคี่ยว ให้แห้ง ขึ้นตอนการทำเหมือนน้ำตาล ปี้บและน้ำตาลปึก แต่เคี่ยวให้แห้งกว่า แล้วผ่าน ตะแกรง ให้ละเอียด  แต่ที่ขายโดยทั่วไป ทำเป็นจำนวนมากๆ ไม่ผ่านตะแกรง แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 17:55:27 จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 17:48:33

ความคิดเห็นที่ 7 ^^^ภาพ จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 17:56:39

ความคิดเห็นที่ 8 2ภาพบน....เปรียบเทียบ น้ำตาล แว่นแบบ ไม่ใส่สารฟอกสี กับ น้ำตาลแว่นที่ใส่สารฟอกขาว และผสมน้ำตาล 2 ภาพล่าง... เปรียบเทีียบ น้ำตาล ปึก แบบไม่ใส่สารฟอกสี(หรืออาจใส่เล็กน้อย) กับ น้ำตาลปึก แบบใส่สารฟอกขาว แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 18:02:27 จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:01:41

ความคิดเห็นที่ 9 ภาพเปรียบเทียบ น้ำตาลปี๊บแบบไม่ใส่สารฟอกขาว (หรือใส่น้อย) ภาพขวา กับ น้ำตาลปี๊บที่ผ่านการใส่สารฟอกขาว (ซ้าย) จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:04:08

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีค่ะ คุณ panmai ปกติก็ใช้น้ำตาลหลากหลาย ถ้าทำขนมหรือกับข้าว มักใช้น้ำตาลปี๊ปหรือน้ำตาลปึก แต่ถ้าชงเครื่องดื่มมักใช้น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี เพิ่งเห็นน้ำตาลแว่นแบบไม่ใส่สารฟอกสีและไม่ใส่น้ำตาล น่ากินมาก ปกติ ในตลาดเจอแต่แบบสีน้ำตาลอ่อน ฟอกสีมา ถ้าไปตามร้านกาแฟสดใหญ่ๆ ก็มักได้เติมน้ำตาลน้ำตาลป่น หรือน้ำตาลอ้อยแบบผง หอมดี จากคุณ : namyen_ny เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:09:18 A:115.31.134.171 X: TicketID:152595

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ :) จากคุณ : มู้มิล เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:10:26

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อสัีงเกตุ จาก ค.ห 8 และ ค.ห 9 ทำไม ถึงบอกว่า น้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลปึก สีน้ำตาล  อาจมีการใส่สารฟอกสี....เล็กน้อย(ในความเห็นจ.ข.ก.ทจากประสบการณ์แล้ว คิดว่าใส่แน่นอน ) เพราะลองเทียบกับน้ำตาล แว่น ที่ทำมาจากน้ำตาล และขั้นตอนการทำ่เหมือนกัน  ที่เป็นธรรมชาติจริงๆสีจะออกน้ำตาลเข้ม ถ้าสีอ่อนลง วิเคราะห์เบื้องต้น ว่ามีการใส่สารฟอกขาวแน่นอน แต่อาจใส่เพียงเล็กน้อย เพื่อเป็นไปตามความต้องการของตลาดผู้บริโภค  ถ้าเพื่อนๆจำได้สมัยก่อน น้ำตาลปี๊บจะสีน้ำตาลเข้ม มาก ไม่น่ากินเหมือนสมัยนี้  ถ้าใครเคย คลุกคลีกับร้านขายโชวห่วยจะเคยเห็นน้ำตาลจากปี๊บ  มีแบบเข้ม มากๆเกือบดำ และแบบขาวจั๊วะ สมัยก่อน คนจะนิยมซื้อแต่แบบขาวจั๋วะ เหมือนน้ำตาลทรายสีรำจะถือเป็นน้ำตาลคนจน ราคาถูก จนมายุคหลังๆมีการตื่นตัวเรื่องสุขภาพ เรื่องอาหารที่ใช้สารฟอก เพราะคนเป็นโรคมะเร็งกันมาก หลังๆ คนหันมาบริโภคน้ำตาลที่ไม่ผ่านการฟอก จน น้ำตาลไม่ฟอก กลับราคาแพงกว่าน้ำตาลฟอก ทุกชนิด น้ำตาล ที่กำลังตี ยังไม่ผ่านการใส่ยาฟอกขาว สีจะออกประมาณน้ำตาลเข้ม ถ้าคุมไฟดี เต็มที่สีก็ไม่เข้มไปกว่านี้ แต่ถ้าคุมไฟไม่ดี ไฟแรงไป น้ำตาลจะไหม้ เป็นสีน้ำตาลเข้มแต่จะหอมกลิ่นน้ำตาลไหม้ เหมือนพวกน้ำตาลแว่น จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:19:53

ความคิดเห็นที่ 13 ดังนั้น การเลือกซื้อน้ำตาลปี๊บ อย่างน้อย ก็ควรเลือกสี ระดับในภาพ นี้(คาดว่าจะไม่ใส่สารฟอกขาว หรือใส่น้อย)  ถ้าอ่อนกว่านี้ ใส่สารฟอกขาวแน่นอน  ยิ่งขาวมากเท่าไหร่ ก็ใส่มากเท่านั้น จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:23:08

ความคิดเห็นที่ 14 ^^ ส่งภาพผิด ต้องควรจะสีระดับนี้น่ะค่ะ เป็นอย่างน้อย จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:25:19

ความคิดเห็นที่ 15 การเลือกซื้อ น้ำตาลปึก ก็ควรจะสีระดับนี้น่ะค่ะ จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:27:03

ความคิดเห็นที่ 16 เสริมให้ อีกนิดเป็นความรู้เกี่ยวกับการ เลือกซื้อ ทุเรียนกวนค่ะ ถ้าทุเรียนกวนธรรมชาติแบบชาวบ้าน กวนจริงๆ (ไม่ใช่มืออาชีพในการคุมไฟ  มีผลต่อสีทุเรียนกวน) จะออกมาเป็นสีน้ำตาลเ้ข้มเกือบดำแบบในภาพเลยค่ะ ป,ล เทคนิคการกวนทุเรียน   ช่วงแรก ใช้ไฟแรงแต่ต้องกวนไม่หยุดมือ ไปทางเดียวกัน และระวังไหม้ พอทุเรียนกวน ใกล้แห้ง ใช้ไฟอ่อน ถ้ามืืออาชีพ ใช้เตากวนใหญ่ๆ กะทะต้องปากกว้างๆ เขาเรียกว่าจะคุมไฟ ให้เตาร้อนระอุแต่ไม่มีเปลวไฟ(โดยเอา สังกะสีที่ตัดจากปี๊บ ปิดถ่านฟืน) และต้องคอยแผ่ให้เนื้อทุเรียน มีควันไอระเหยออกให้แห้งเร็ว จะได้ทุเรียนกวนสีสวย เป็นสีทองเข้ม  ถ้าทองอ่อน ก็ใส่สารฟอกให้สีสวย จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:33:23

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าใช้กะทะทองกวน สีจะสวย ออกมาสีอ่อน กว่าใช้กะทะเหล็ก กวน แต่ก็เป็นเหลืองทองเข้ม ไม่ใช่เหลืองทองอ่อน การกวนทุเรียนกวน หรือ ของกวนทุกชนิด  กะทะที่ใช้กวน ดีที่สุด คือ กะทะทองเหลือง เพราะให้ความร้อนระอุดี ขนมไม่กัดกะทะ  รองลงมาคือกะทะ แสตนเลท สุดท้าย แย่ที่สุดคือกะทะเหล็ก เพราะ ผลไม้กัดเหล็กให้มีสีดำ (ทุเรียนไม่มีรสเปรี้ยว แต่ก็กวนออกมาดำ เพราะทำปฎิกริยากับ เนื้อกะทะ) จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:36:50

ความคิดเห็นที่ 18 สีขนาดนี้ ที่ขายกันตามท้องตลาด ก็มีการใส่สารฟอกขาวมาแล้วค่ะ ถ้าไม่ใส่สารฟอก สีจะเข้มกว่านี้ ประมาณ ภาพที่ใช้กะทะทองกวน หรืออาจอ่อนกว่านิดหน่อย สำหรับมืออาชีพ แต่สีจะ ออกน้ำตาลทองแบบแก่ไฟ ไม่ใสเป็นสีทองสว่าง จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:41:03

ความคิดเห็นที่ 19 เอาคล่าวๆแค่นี้่ก่อนน่ะค่ะ (หิวข้าวแล้ว อิอิ)ขอบคุณภาพทุกภาพ ที่ยืมมาใช้ ตอบคำถามของเืพื่อนๆที่หลังไมค์มาค่ะ หวังว่า คงจะเป็นประโยชน์กับเืพื่อนๆบ้ืางไม่มากก็น้อย namyen_ny ...เช่นกันค่ะ ปัจจุบ้ัน เลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่บางอย่างก็เลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องสะสมเข้าไปในร่างกาย แบบรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้างอิอิ มู้มิล.....ขอบคุณค่ะ พอดี มีหลังไมค์มาหลายคน เลยตอบทีเดียว แล้วส่งภาพได้ด้วย แต่ไม่มีเวลาไปเก็บภาพเอง เพราะช่างนี้งานยุ่งมาก เลยต้องยืมจากในเน็ต ภาพนี้ให้ดูกันเล่นๆค่ะ  ว่า สีธรรมชาติของน้ำตาล ขณะเคี่ยว ที่ไม่ผ่านการใส่สาร กับน้ำตาล เป็นกระสอบๆข้างหลัง (แปลว่ามีการผสมน้ำตาลแน่นอน) จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:51:33

ความคิดเห็นที่ 20 ภาพนี้ดูน้ำตาลปึกน่ากินดี แต่ดูสีของน้ำตาลในกะทะที่กำลังเคี่ยว  เข้ม ซะขนาดนี้ ( ถ้าบอกว่าไม่ใส่สารฟอก เืพื่อนๆว่าเป็นไปได้หรือ   แล้วกระสอบน้ำตาลทรายข้างหลัง ด้วย) จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:58:16

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพนี้ น้ำตาลปึก สีน่้ากินดี แต่ ดูกองกระสอบข้างหลังสิ   ป,ล ภาพทั้งหมด เอามาให้ดู เพื่อให้เกิดข้อคิด ในการเลือกซื้อน้ำตาล และอาหาร ชนิดต่างๆเท่านั้นน่ะค่ะ  อย่าคิดมาก   ใครรู้แล้ว ก็ผ่านไป ถือว่าอ่านเล่นๆ ฆ่าเวลา แล้วกันน่ะค่ะ ไม่ค่อยกล้าโพสอะไรที่เป็นวิชาการ   บายๆ จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 19:03:07

ความคิดเห็นที่ 22 ลืม...ตอบ คำถามคุณประดับดาว จากหลังไมค์ ที่ถามว่าทำไม น้ำตาลปี๊บ จึงเสียง่าย ถ้าไม่ใส่ตู้เย็น ปกติ น้ำตาลปี๊บไม่จำเป็นต้องใส่ตู้เย็นก็ได้ค่ะแต่คิดว่า สาเหตุที่น้ำตาลเสีย โดยมากจะขึ้นราจาก สาเหตุการใช้ อุปกรณ์ เช่นช้อนที่ไม่แห้งตัก ทำให้เกิดการปนเปื้อน  มีเชื้อราเกิดขึ้นได้ ดังนั้น ควรใช้ช้อนแห้งๆสะอาด ตัก และปิดฝาน้ำตาลให้สนิททุกครั้งหลังใช้ และอีกสาเหตุคือ ปัจจุบ้นแม่ค้า  ที่ตักน้ำตาลปี๊บแบ่งใส่ถุงพลาสติกขาย เป็นกิโลหรือครึ่งกิโล นิยม เอาถุงพลาสติกไปชุบน้ำมันพืช แล้ว ควักหรือตัก น้ำตาลปี๊บใส่ถุง ทำให้ไม่ติดเลอะเทอะ เวลาเทออกจากถุงก็ง่าย  แต่น้ำน้ำมันไว้นานๆ ทำให้มีกลิ่นหืน หรือ ทำปฏิกริยากับ อากาศ และเชื้อโรคที่เข้าไปทำให้เสียได้ ดังนั้น ถ้านานๆใช้ทีกว่าน้ำตาลปี๊บจะหมด  ก็ควร เก็บในภาชนะที่ปิดฝาสนิทและไว้ในตู้เย็น จะเก็บไว้ได้นานกว่าค่ะ หรือ ซื้อเป็นน้ำตาลปึก ก็จะไว้ได้นานก่ว่า น้ำตาลปี๊บ เพราะแห้ง และหยิบใช้ง่าย เป็นก้อนๆ แต่มองๆดู หลังๆน้ำตาลปึกจะผสมน้ำตาลทรายกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะน้ำตาลแท้ๆกวนให้แห้งยาก โดนความร้อนก็จะเหลวนิ่ม ง่าย จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 19:16:21

ความคิดเห็นที่ 23 ที่บ้านซื้อน้ำตาลโตนดและน้ำตาลมะพร้าวจากเตาที่เชื่อถือได้ ว่าไม่มีการปนน้ำตาลทรายหรือใส่สารฟอกสี โชคดีที่ญาติส่วนใหญ่เป็นชาวเพชรบุรี กับมีบ้านอยู่จังหวัดประจวบฯ เลือกซื้อจากแหล่งผลิตง่าย แต่ถ้าจำเป็นก็จะซื้อจากเลมอนฟาร์มเท่านั้น ราคาค่อนข้างสูงแต่ไม่ได้ซื้อเยอะ สำหรับน้ำตาลทรายขาว เท่าที่ทราบเทคโนโลยีในการฟอกสีในปัจุบัน คือใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และกระบวนการแลกเปลี่ยนประจุ (Ion Exchange Resin) ไม่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค ต่างจากน้ำตาลทรายไม่ฟอกเพียงกลิ่นและรสชาติของน้ำตาลทรายไม่ฟอกจะหอมกากน้ำตาลมากกว่า จากคุณ : Daytime Lantern เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 19:40:18

ความคิดเห็นที่ 24 :::::ไขปัญหากับน้าบัง:::::น้ำตาลทรายขาวไม่ดี ใครพูดแบบนั้น เอาตัวมันออกมา::::: http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2009/05/D7827098/D7827098.html จากคุณ : shimoho เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 20:33:12

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณ คุณpanmai มาก ๆ เลยค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย จริง ๆ แล้วที่ซื้อใช้ปกติ คือน้ำตาลปึก แบบที่เป็นชาม ๆ แล้วมาทุบอีกทีค่ะ (แต่ชอบเรียกเป็นน้ำตาลปี๊บ) แล้วก็จะซื้อแค่ครึ่งกิโลทุกครั้ง แต่ล๊อตที่ซื้อมาแล้วขึ้นรา ซื้อเต็ม 1 กิโล แบ่งใส่กล่องพาสติก 2 กล่อง พอใช้กล่องแรกหมด หยิบกล่องที่ 2 มาเปิด ก็เจอราเขียวเต็มกล่องเลย โดยที่กล่องที่ 2 นี้ยังไม่เคยเปิดใช้เลยค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทิ้ง เสียดายค่ะ เลยกะว่าเก็บไว้ใส่ถังหมักทำน้ำ EM จากคุณ : ประดับดาว เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 20:36:40

ความคิดเห็นที่ 26 เข้่ามาเก็บความรู้ค่ะ จากคุณ : คะน้า (KaNa-IRC) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 21:10:07

ความคิดเห็นที่ 27 ญาติผู้ใหญ่เคยทำน้ำตาลปีบอยู่แม่กลอง(เค้าว่าน้ำตาลที่นี่ดีสุดในประเทศไทย) ที่บ้านทำขนมตั้งแต่จำความได้ 4-5ปีหลังเปิดร้านค้าก็ยังเอาน้ำตาลมาขายเป็นเอกลักษณ์ของร้านอีกอีก เลยไดความว่าน้ำตาลปีบตามตลาด ส่วนใหญ่จะมีแค่2แบบ 1.ปี้บแท้-น้ำตาลปึก - ดั้งเดิมวิธีทำก็อย่างที่คุณpanmaiบอกมา แต่ปัจจุบันเราโดนโกงครับ ผสมทั้งแบะแซ น้ำตาลทราย จะมากจะน้อยอันนี้เล้วแต่เตา 2.ปี้บเทียม-ปี้บรอง - นึกแค่ว่าน้ำตาลสีเหลืองอ่อนๆที่ใส่ตามร้านส้มตำทั่วไป ใช้แค่น้ำตาลทราย แบะแซะ สารฟอก สี ในการผลิต อยากให้เป็นเงินสีไทเทเนี่ยมเขาก็ทำได้(แต่ใครจะกิน) ผมเคยถามว่าคนทำว่าถามว่าทำไมไม่ใช้น้ำตาลโตนดแท้ๆไปเลย คำตอบคือ หอมอย่างเดียว(บางคนก็ว่าไม่อร่อย) รสชาดมันไม่เป็นหวานตามต้องการ(เลยต้องใช้น้ำตาลทรายปรุง) ละลายง่าย รักษายาก(เลยต้องใส่แบะแซให้มันเหนียว) คนฒ่าคนแก่ยังบอกเลยว่าน้ำตาลสมัยนี้อร่อยอยากได้รสไหนก็ทำได้ แต่ก่อนนี้ไม่มีการปรุง วันไหนฝนตกตาลก็จืด เอามาเคี่ยวก็ได้น้ำตาลปี้บจืดๆใส่อาหารเยรสชาดไหปซะอีก ตอบ คห.25 น้ำตาลขึ้นราเพราะความชื้นเข้าไปในภาชนะครับ ถ้าถามว่าจะซื้อแบบไหน คงจะซื้อไว้หลายๆแบบแหละครับ แต่จะเน้นน้ำตาลปี้บแท้ จากคุณ : Crazy Concept เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 00:56:48

ความคิดเห็นที่ 28 ส่วนน้ำตาลทราย คงต้องมีติดบ้านไว้ทั้ง2แบบแหละครับ ทรายแดงแต่ใช้ทำขนมไทยนี่เด็ดเลย แต่ถ้าเอาไปใส่น้ำชากา-แฟ ทำเบอเกอรี่ ไม่เห็นจะได้ความ สรุปคือมีติดบ้านไว้ทุกอย่าง แล้วเก็บให้ดี ดีทีสุดครับ ของแต่ละอย่างมันก็ใช้ไม่เหมือนกันอ่ะครับ(ถึงมันจะหวานเหมือกันก็เถอะ) ***เผือคนไม่รู้ครับว่าแบะแซคืออะไร แบะแซเป็นสารเคมีเคี่ยวหวานๆเหนียวๆหนืดๆใสๆใช่ให้อาหารให้มันมีความเหนียวขึ้น ถ้าจะให้นึกภาพง่ายๆก็ น้ำตาลปั้นที่ปั้นเป็นรูปนกแก้ว ลิงตกปลา (มันคือแบะแซ90%++ +แป้ง+สี) ไม่ก็อ่านหลังห่อลูกอมเกือบทุกยี่ห้อที่เขียนว่า กลูโคสไซรัป นั่นแหละคือแบะแซ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 01:07:38 จากคุณ : Crazy Concept เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 01:05:16

ความคิดเห็นที่ 29 แบะแซ คือ แป้งที่นำมาผ่านกระบวนการหมักจนกลายเป็นน้ำตาลกลูโคส ลักษณะใส เหนียวและมีรสหวาน แบะแซแบบจีน ได้ จากข้าวสาลีอ่อนที่เพาะไว้ประมาณ 4-5 วัน นำไปบดให้ละเอียด แล้วนำไปหมักกับข้าวสวยจนได้ที่ แล้วกรองเอาน้ำแป้งที่ได้ไปเคี่ยวต่อจนเหนียวข้น สีใส ส่วนแบะแซที่ ขาย มากในเมืองไทยได้มาจากการย่อยแป้งมันสำปะหลังกับแป้งข้าวโพด แบะแซจึง เป็นสารที่ให้ความหวานซึ่งเกิดจากแป้งล้วนๆ ให้รสหอมหวาน นิยมใช้ในครัวจีน อย่างขนมเปี๊ยะจีนจะขาดแบะแซเสียมิได้ อีกทั้งยังใช้เป็นส่วนหนึ่งในการปรุงยาจีนเพื่อทดแทนความหวานจากน้ำตาล จาก...http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=499fb3e19e2437fd และ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/X3897146/X3897146.html จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 15:18:39