ความคิดเห็นที่ 1 ค่าจ้าง จ้างในตำแหน่งหน้าที่อะไรบ้าง? บ้างตำแหน่งอาจจะไม่จำเป็นหรือมีเยอะเกินไป ค่าจิปาถะ ลองจดๆดู แล้วจะรู้ว่าอะไรควรจ่ายไม่ควรจ่าย จากคุณ : znowwhite เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 01:54:41

ความคิดเห็นที่ 2 พูดยากนะคะ ถ้าตอบกำปั้นทุบดินก็ต้องบอกว่ารายจ่ายมากกว่ารายรับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรจะมาพิจารณารายจ่ายอย่างรอบคอบว่ามีอะไรบ้าง เพราะดูจากยอดขายแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับทำเล ลูกค้าแต่อย่างใด ทีนี้ไอ้เจ้า "ค่าใช้จ่ายเพิ่มมาตลอด" อยู่ที่ส่วนไหนมีอะไรบ้าง จะควบคุมมันได้อย่างไร ตัดลดได้มั้ย มีทางประหยัดหรือจ่ายน้อยลงหรือไม่ แหะๆ ที่พูดๆมาเราลองคิดๆดูตามแบบคนไม่มีประสบการณ์นะคะ ไม่รู้จะเป็นการสอนจระเข้ว่ายน้ำหรือเปล่า :] จากคุณ : pattarapat เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 01:57:23

ความคิดเห็นที่ 3 ต้นทุนของอาหารต้องไม่เกิน 35% ของยอดขายครับ ดูจากต้นทุนค่าอาหารคุณแล้วจะเป็นลมครับ มันเยอะเกินไปมาก ๆ แสดงว่ามันรั่วไหลกับมีของเสียทิ้งขว้างเยอะ ต้องอุดจุดนี้ก่อนเลยครับ พ่อครัวเก่ง ๆ จะทำได้อยู่ที่ 30-32% เองด้วยซ้ำครับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารควรคุมให้อยู่ในอัตรา 30-35% แต่ของคุณเกินไปนิด ๆ พอได้ แต่ไอ้ค่าใช้จ่ายจิปาถะนี่ มันค่าอะไรกัน ต้องพยายามลดค่าใช้จ่ายลงครับ ยอดขายเฉลี่ย 13,000 / วัน ใช้แม่ครัวและผู้ช่ายกี่คนครับ ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวพระราม 3 ขายได้วันละ 16,000 / วัน มีเจ้าของทำเอง มีลูกจ้างอีก 3 คน อย่างเก่งเดือนละ 8,000 เจ้าของเอาไป 30,000 รวม 54,000 บาท / เดือน การบริหารร้านอาหาร มันมีทริคอยู่นิดหน่อย ที่เค้าเล่าให้ผมฟังกันนี่ เค้าว่าต้องมีเปอร์เซ็นให้พ่อครัวด้วยนะครับ เค้าให้กัน 2 จุด เรื่องยอดขาย กับต้นทุนต่อยอดขาย คุณต้องไปคิดวิธีการเอง ร้านที่มีคนเชียร์แขก เค้าจะให้เปอร์เซ็นต์คนเชียร์อาหารด้วย เชียร์กันแหลกเลยครับ ทำให้ยอดขายพุ่ง ส่วนพวกทิปนี่ เจ้าของร้านจะหักขึ้นบางส่วน เพื่อเอาให้เป็นค่าข้าวของเสียหาย ซึ่งจะนับกันทุกสิ้นเดือน เป็นต้น ไม่งั้นข้าวของพังหมดครับ จากคุณ : sakchai splash เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 02:20:19

ความคิดเห็นที่ 4 ทำบัญชีครับ ไอ้ที่ซ่อนๆอยู่ก็จะออกมาเอง จากคุณ : กระบี่หัก หิมะเหิน (กระบี่หัก หิมะเหิน) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 03:03:38

ความคิดเห็นที่ 5 ต้องดูกันเป็นส่วนๆไปนะคะ เราเคยเรียนคอร์สทำอาหารอาหารฝรั่ง สมมติว่าพาสต้าจานนึงคุณลองคำนวณว่าใช้เส้นกี่กรัม น้ำมันมะกอก เนื้อสัตว์ เครื่องปรุง ฯลฯ ชั่งนน.เป็นกรัมแล้วคำนวณต้นทุนต่อจานออกมา บวกด้วย 65% จึงจะเป็นราคาขาย คราวนี้มาดูทีละส่วนถ้าที่ร้านมีของเหลือทิ้งมากคุณต้องนั่งคุยกับเชฟค่ะ เช่นเนื้อปูสดที่เหลือวันนี้พรุ่งนี้เช้าควรแปลงสภาพ เป็นของทานเล่นเช่นขลุ่ยปู (ปอเปี๊ยะปู) ห่อแล้วเข้าช่องแข็งไว้ จากนัั้นขึ้นกระดานเป็นเมนูพิเศษ เนื้อเกรดที่ทำสเต๊ก (ราคาสูง) ถ้าละลายน้ำแข็งแล้วต้องใช้ให้หมด เชฟต้องพลิกแพลงเป็นพายเนื้อ สตูว์ เนื้อตุ๋น ฯลฯ หมั่นเปลี่ยนเมนูหรือทำเมนูพิเศษที่ใช้วัตถุดิบในฤดูกาล ข้อดีคือราคาวัตถุดิบต่ำ ได้ของสดคุณภาพดี=อาหารรสชาติดี เทรนด์พนักงานเสิร์ฟในการแนะนำอาหารให้ลูกค้า รายการที่ต้องเชียร์ไม่ใช่จานที่แพงที่สุดในเมนูแต่ควรเป็นจานที่ได้กำไร ต่อจานสูงและต้องมีศิลปะในการแนะนำ อย่ายัดเยียดหรือกดดันลูกค้า จำนวนพนักงานเสิร์ฟก้อเช่นกันไม่จำเป็นต้องมีเท่ากัน ทุกวัน วันที่ peak เช่นศุกร์เสาร์อาทิตย์ก้อให้มีมากหน่อยนะคะ วันที่เงียบก้อลดหลั่นไป เข้ากันเป็นกะก้อได้ ขึ้นอยู่กับว่าช่วง เวลาไหนยุ่ง ในครัวก้อเช่นกันถ้ากลางวันไม่ค่อยยุ่งก้อให้เป็นงานเตรียมวัตถุดิบ เตรียมของกินเล่นเช่น ห่อถุงทอง ปั้น ขนมจีบ หั่นของสด ฯลฯ เผื่อสำหรับกลางคืนก้อสามารถลดพนักงานครัวกะกลางคืนลงได้ ค่อยๆคิดหาช่องโหว่ในระบบเรา ค่อยๆแก้ไขกันไป เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : Mocha Latte เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 03:41:45

ความคิดเห็นที่ 6 อีกอย่างนึงที่สำคัญมาก เวลาที่คิดต้นทุนอย่าลืมบวกค่าแรงคุณไว้ในนั้นด้วยนะคะ จากคุณ : Mocha Latte เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 03:43:23

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่คิดว่าถ้าออกแบบระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จะลดต้นทุนได้เยอะคับ อย่างเช่นเรื่องพนักงาน อย่าให้เยอะเกินไป แต่ก็ต้องบริการทัน อาจใช้ตัวทิปในการจูงใจได้คับ แล้วก็อย่าลืมบวกเงินเดือนตัวเองไว้ด้วย อย่างที่ คห6 บอกคับ เคยเห็นบางคนทำร้าน แต่ใช้จ่ายเยอะคับ กับเรื่องส่วนตัว แล้วเนื่องจากไม่ได้ทำบัญชีร้าน สุดท้ายพอมานั่งทำบัญชี แทบไม่ได้อะไรกลับมาเลยคับ ลงทุนไปเยอะเหมือนกัน เกือบๆ 2 จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 10:16:00

ความคิดเห็นที่ 8 ร้านอาหาร ค่าใช้จ่ายที่รั่วไหลมากที่สุด คือ ค่าใช้จ่ายในครัว ตรวจสอบให้ดีนะครับ จากคุณ : phahurat เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 10:25:44

ความคิดเห็นที่ 9 ค่าซื้อกับข้าวเยอะจังค่ะ ตั้ง 50% คุณลองดูมาคุณซื้อมาเผื่อมากไปไหม มีวัตถุดิบเน่าเสียที่ต้องทิ้งมากไหม ลองใช้วิธีซื้อจากร้านประจำประมาณหนึ่ง  แล้วถ้าวันไหนขายดี วัตถุดืบใกล้หมดแต่ละวันแล้วลองหาร้านใกล้เคียงร้านค้าแทนน่ะค่ะ  จะช่วยได้ จากคุณ : เจ๊วรรณา เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 12:07:49

ความคิดเห็นที่ 10 ให้ใครจ่ายตลาดครับ จ่ายเองหรือพ่อครัว ถ้าเป็นพ่อครัวเค้าจะบวกค่าวัตถุดิบครับ ไปจ่ายเองหรือหาร้านจัดส่งวัตถุดิบให้ดิกว่าครับ สบายใจกว่าครับ จากคุณ : โกโก้ซัง (coco_sopon) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 13:26:39

ความคิดเห็นที่ 11 ค่ากับข้าวสูงเกินไปค่ะ ต้องขอดูรายละเอียดเมนู อาจมีหลายรายการอาหารมากเกินไป เคยรวบรวมสถิติมั๊ยค่ะ ว่า รายการอาหารที่ขายดี และเรียงลำดับรองลงมา อาจมีบางรายการ คนสั่งน้อยมาก ก็ให้ตัดออกจากเมนู จะคุมค่าใช้จ่ายได้ระดับหนึ่ง ดูวิธีการเก็บวัตถุดิบที่เสียง่าย ควรเริ่มทำรายการของเข้าและของออก และมาทำบัญชีเฉพาะส่วนนี้ อาทิตย์ละครั้ง คนงานหลายคนก็มอบหมายให้ คนนึงจดบัญชี เวลากับข้าวมาลง อีกคนก็สำรวจของในครัวก่อนปิดร้านทุกวัน ของแพงๆเช่น กุ้ง หรือ ปลา ให้ห่อเป็นออเดอร์ไว้ จะได้จดได้ จะได้รู้ว่าได้ขาย หรือ หายเข้าท้องใคร หรือขโมยกลับบ้าน อาจดูจุกจิก แต่กำไรก็มาจากตรงนี้เป็นส่วนใหญ่นะคะ ตัดคนงานอาจทำให้บริการไม่ทั่วถึง ทำไม่ทัน จะเสียลูกค้า นอกจากเป็นงานซ้ำซ้อน ก็ควรพิจารณาเป็นรายๆไป โชคดีค่ะ จากคุณ : McMullence เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 13:33:07

ความคิดเห็นที่ 12 รูรั่วใหญ่มันอยู่ที่ต้นทุนอาหารจัดการตรงนี้ก่อนเลย  หาสาเหตุให้ได้ เป็นไปได้ทั้งหมดที่ทุกคคห.ข้างบนว่าไว้   และอยากเผื่อให้อีกจุด คือ การซุกซ่อนวัตถุดิบในร้านกลับบ้าน ของทิ้งมาก ถ้าพ่อครัวซื้อของให้ราคาของจะถูกบวก แม่เคยเปิดร้านอาหารปวดหัว ปัญหาเรื่องคนเนี่ยพ่อครัวใหญ่ทะเลาะกันเองเป็นตุ๊ดเป็นกระเทยตีกันเอง เอามีดถือกันคนละด้ามเลย  น่ากลัวมาก เมื่อทุกอย่างลงตัวปัญหาที่อมตะตลอดกาลคือเรื่องบริหารคน จากคุณ : คุณจ๊ะจ๋า เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 14:19:20

ความคิดเห็นที่ 13 เท่าที่เคยมีประสบการณ์มาเล็กน้อย พอจะสรุปได้ว่า 1.ค่าซื้อกับข้าว สูงเกินไป (ใช้ของคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสมกับราคาขายหรือเปล่า) เช่น กุ้ง มีตั้งแต่กิโลละร้อยกว่าบาทไปจนห้าหกร้อยบาท ใส่ให้ไปกี่ตัว) 2.ค่้าจ้าง มากเกินไป 3.ค่าจิปาถะ มากเกินไป จากคุณ : เปรมอุรา เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 15:24:35

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากนะคะ ตอนนี้เรื่องวัตถุดิบพอได้ไอเดียว่าพ่อครัวอาจจะเช็คสต็อคของไม่ครบ ทำให้เราต้องสั่งบ่อยขึ้น แล้วก็เรื่องของสั่งมาแล้วเหลือทิ้งเยอะเกิน ส่วนเรื่องพ่อครัวแอบกินอาหาร เดี๋ยวจะลองไปแอบดูวงจรปิดย้อนหลังนะคะ ที่จริงอาหารที่ร้านเราก็สั่งจากร้านขายส่ง เค้าจะมาส่งให้ถึงที่เลย ราคาก็บวกเกินมาไม่เท่าไหร่ เฮ้อ...เพิ่งรู้ว่าทำร้านมันจุกจิกขนาดนี้ ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : kindergirl เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 22:37:53

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าเฉลี่ยต้นทุนทั้งปี ของต้นทุนค่ากับข้าว+เฉพาะค่าแรงทีมกุ๊ก (ไม่รวมเด็กเสริฟและคนเชียร์อาหาร)อยู่ที่ 250,000บาท  (โดยแยกออกค่าแรง 25,000 บาทของเด็กเสริฟ/เชียร์อาหาร) ที่ยอดขาย 400,000บาท ให้คุยกับหัวหน้าทีมกุ๊ก ว่าเราจะจ้างเหมาทั้งค่ากับข้าวและค่าแรงทั้งทีมกุ๊กเดือนละ 200,000บาท+%ยอดขาย อย่างต่ำ 400,000บาท ได้เพิ่มอีก 5% หรือ 20,000บาท ถ้ายอดขาย 500,000บาท ได้เพิ่ม 25,000บาทไปเลย ถ้ายอดขายเดือนไหนต่ำกว่า 400,000บาท จะไม่ได้ค่า%ของยอดขายโดยมีเงื่อนไข หัวหน้ากุ๊กจะต้องเตรียมวัตถุดิบให้เพียงพอทุกวัน ให้สั่งของเอง (ดีมีคุณภาพราคาไม่แพง) คุมของเอง (คุมไม่ให้เด็กมาทำกินกันเอง หรือทำทิ้งทำขว้างไม่ประหยัด) ทำของเอง (คุมรสชาดคุณภาพเองให้ยอดขายเกินเป้า) ถ้ารสชาติคุณภาพต้ดีสมำ่เสมอแขกติดยอดขายก็เกินเป้าทึมกุ๊กก็ได้ค่า%เพิ่ม คุณจะมีเงินเพิ่มทันที จากการประหยัดค่าแรง 50,000บาท ซึ่งสามารถนำเงินตรงนี้ไปให้ทีมกุ๊กเป็นค่า%ยอดขายได้อีก กระตุ้นให้ควบต้นทุนและยอดขายเองครับ หรือจะให้%เด็กเสริฟหรือเด็กเชียร์อาหารเพิ่มก็ได้ตามความเหมาะสมครับ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 07:19:49 จากคุณ : Coach The Lead เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 07:13:39

ความคิดเห็นที่ 16 ขอเข้ามาเพิ่มเติม...ครั้งหนึ่งที่ร้านเราเอง  มีปํญหาค่าอาหารสูงขึ้นมาก กำลังควานหาสาเหตุว่ามาจากไหน พอดีก็มีลูกค้ามาทัก ว่าเปิดร้านใหม่เหรอ เราก็คุยเนียนๆไป พอจับความได้ว่าอยู่ไหน ก็แอบไปดู ถึงรู้ว่าพ่อครัวของเรา แอบไปเปิดร้านกับครอบครัวเค้า แล้วก็แอบขนเสบียงอาหารออกจากร้าน ตอนก่อนปิดร้าน โดยเอาใส่ถุงขยะ ( ที่สะอาด ) เอาไปวางไว้หน้าร้าน ( รถเก็บขยะมาเก็บ ตอนหลังเที่ยงคืน ) เค้าเอารถมาขนถุงเสบียงนี้ ก่อนรถขยะจะมาเก็บ และจะผูกเชือกสีไว้ จะได้หยิบถูก เรื่องกลโกงร้านอาหารมีเยอะค่ะ บางครั้งก็คิดไม่ถึง เหนื่อยแต่ก็สนุกค่ะ จากคุณ : McMullence เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 11:07:03

ความคิดเห็นที่ 17 ร้านอาหารมีหลายประเภท และระดับครับ แต่ละแห่งก็จะมีปัญหา และผลกำไรที่แตกต่างกันไป ร้านอาหารของ จขกท. เป็นร้านอาหารประเภทไหนครับ... ...หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปแล้ว รวมทั้งเงินเดือนตัวเองด้วย หากมี ร้านอาหารที่แพงๆ ที่มีลูกค้ามากพอสมควร ผลกำไร น่าจะอยู่ประมาณ 20-25% + ครับ ร้านอาหารทั่วๆไป ก็น่าจะอยู่ประมาณ 10-15% + แต่ทั้งนี้มันยังขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารที่ขาย...ราคาตั้งขาย...ปริมาณของลูกค้า หรือว่ามี เครื่องดื่มประเภท เหล้า เบียร์ และไวน์ ด้วยหรือไม่ ค.ห. ที่ 15... อันตรายครับ หากเหมาทั้งทีม เวลาเขาจะหยุด หรือออก เขาก็ไปกันทั้งทีมนะครับ แล้วจะทำอย่างไร จากคุณ : tnu เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 11:13:45

ความคิดเห็นที่ 18 ให้เช่าพื้นที่ขายของเพิ่มเติมดีไหมคะ เห็นร้านอาหารบางร้านตรงราชพฤกษ์ที่มีโลโก้ริมถนนเป็นปลาช่อนตัวใหญ่ๆ เลี้ยวไปตรงสายใต้ใหม่ร้านเค้ามีให้เช่าพื้นที่ด้วยแบบขายหมูสะเต๊ะ หรืออื่นๆที่เห็นสมควรที่ในร้านไม่มีค่ะจะได้ค่าเช่าพื้นที่เพิ่มอีกค่ะ ปล.ถ้าเปิดเมื่อไหร่หลังบ้านบอกกันบ้างนะคะ^^ จากคุณ : nongmix เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 08:31:10

ความคิดเห็นที่ 19 ต้นทุนดูแล้วมากไปนะคะ ส่วนใหญ่เมื่อหักต้นทุนทุกอย่างแล้วควรเหลือ อย่างน้อยต้องมี สิบห้าเปอร์เซ็นต์นะคะ -มีรายจ่ายค่าจ้างประมาณ 70,000 ต่อเดือน  ไม่ทราบว่าอันนี้รวมค่าจ้างของตัวเราเองด้วยไหมคะ แล้วพนักงานกี่คน -ค่าซื้อกับข้าว ประมาณ 205,000 ต่อเดือน  ที่ดู ค่าอาหารเยอะมากค่ะ  ไม่ทราบว่าจ่ายตลาดเองไหม บางทีถ้าเกิดมีการโกงกันเกิดขึ้น เค้าไม่ได้เอาเป็นเงินนะคะ เค้าเอาเป็นของสด หรือกับข้าวนี่แหละค่ะ ต้องดูตรงนี้ดีดีด้วย -ค่าจิปาถะ ประมาณ 30,000 ต่อเดือน  จิปาถะคือยังไงคะ ถ้าไม่มีตรงนี้หรือลดรายจ่ายลงก็จะได้เงินเพิ่มขึ้นเยอะนะคะ ไม่มีเลย เราได้เพิ่มสามหมื่น ถ้ามีแค่หมื่นเดียวได้เพิ่มสองหมื่น ลองไปดูค่ะ ว่าตรงไหนไม่จำเป็นบ้าง -ค่าเช่า 34,000 ต่อเดือน   อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียลดไม่ได้แน่แน่ -ค่าน้ำค่าไฟ 15,000 ต่อเดือน    ค่าไฟเนี่ยหมายถึงต้องรวมกับที่พักของลูกน้องด้วยไหมคะ ไม่ทราบว่าขายช่วงไหนมากกว่ากันเอ่ย เช้าหรือเย็น  อาจลองเปลี่ยนแบบการคิดค่าไฟดูอาจช่วยประหยัดได้บ้างค่ะ      แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ร้านเพิ่งเปิดใหม่อาจยังไม่ลงตัวค่ะ ใจเย็นเย็นดูก่อน แต่อย่าลดปริมาณหรือคุณภาพอาหารนะคะ เดี๋ยวเสียลูกค้าค่ะ ป.ล. อยากรู้จัวร้านอยู่ที่ไหนจะได้ไปอุดหนุนค่ะ จากคุณ : noonoon เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 08:43:01

ความคิดเห็นที่ 20 ทำร้านอาหารเหมือนกัน แล้วก็ประสบปัญหาเหมือนกันเด๊ะ !!! ตอนนี้ก็เลยต้องมานั่งไล่ดูค่าใช้จ่ายแต่ละตัวว่าพอจะตัดอะไรได้บ้าง สำหรับที่ร้านพอจะสรุปได้ว่า รายการอาหารเราเยอะเกินไป ดีที่เคยเก็บข้อมูลความนิยมของอาหารแต่ละจานไว้ ก็เลยว่าจะเริ่มที่การตัดรายการอาหารที่ไม่ค่อยมีคนสั่งออกไป เพื่อลดการซื้อวัตถุดิบ ค่ะ ถ้ายังไม่ได้ผล ก็คงต้องขอขึ้นราคาอาหารบ้าง เพราะตั้งแต่เปิดร้านมา ยังไม่เคยขึ้นราคาเลย เห็นใจลูกค้าค่ะ แต่เรื่องการลดปริมาณและคุณภาพคงไม่คิดทำแน่นอนค่ะ เพราะยังมีความสุขทุกครั้งที่เห็นเด็กเก็บจานมาแล้วอาหารเกลี้ยงๆ จานน่ะค่ะ ลองเก็บๆ ข้อมูลพวกนี้ไปพิจารณาดูนะคะ ถ้ามีอะไรก็หลังไมค์ได้นะคะ เผื่อจะได้แบ่งปันข้อมูลกันค่ะ จากคุณ : เจ้าหลาน เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 11:29:12

ความคิดเห็นที่ 21 จากประสบณ์การเชฟนะครับ วิธีคุมเชฟ  หัวหน้าเชฟอนุญาต (แต่้เจ้าของร้านไม่อนุญาิติ)ให้เชฟกิน ดื่มได้ทุกอย่าง เวลาอยู่ในร้านแต่ขอร้องว่า ห้ามนำทุกอย่างกลับบ้าน) หัวหน้าเชฟ มีเปอเซ็นต์จากยอดกำไร ทำให้เขาคุมลูกน้อง ในด้านของทุนวัตถุดิบได้ดี หัวหน้าเชฟ หรือ รอง เป็นคนเช๊คสต๊อคเองทุกอย่าง มีบัญชีที่สามารถเช๊คได้ว่าหนึ่งอาทิตย์ใช้วัตถุดิบต่าง ๆ อะไรไปบ้าง และจำนวนพาร์ ของวัตถุดิยเหมาะสมหรือไม่ เงินทุนจมไปกับวัตถุดิบหรือไม่  หัวหน้าเชฟ ประชุมกับฝ่ายบริหารเพื่อสามารถจัดการปรับเมนูที่ขายไม่ค่อยออก เป็นการสั่งวัตถุดิบที่ไม่จำเป็น เปลี่ยนเป็นเมนูที่สามารถใช่วัตถุดิบคล้ายหรือแทนกันได้ วิธีคุมส่วนหน้า จ้างผู้จัดการร้านที่มีฝีมือ สามารถบริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชสูดสุด  แก้ว กระดาศทิชชู่ กระดาษ ปากกา เครื่องปรุง น้ำตาล ซอสมะเขือเทศ ให้ใช้ในออฟฟิต ที่ให้ลูกค้า แม้แต่ พนักงานที่ชอบทำแก้วแตก กระดาษเช๊ดปากที่อาจะโดนพนักงานเอากลับบ้าน ซอสที่เทให้ลูกค้ามากไปเมื่อลูกค้า ขอ ผู้จัดการจะต้องคุม หรือ ผู้จัดการต้องคอยคุยกับ หัวหน้าเชฟ ว่ามีอะไรที่ต้องเร่งขายให้ออก เพิ่งจัดการกับวัตุดิบที่อยู่มานาน ่ ตั้งยอดขายเครื่องดื่ม ให้พนักงาน โดนมีเปอเซ็นให้ เมื่อถึงยอด พูดง่าย ๆ ว่า คุณต้องมี หูตา คือ หัวหน้าเชฟ และ ผู้จัดการร้าน ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคุณ และพร้อมที่จะพัฒนาร้านไป พร้อม ๆ กับพัฒนารายได้ของพวกเขาด้วย กล้องไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่ แต่ก็จำเป็นครับ จากคุณ : dsnaz เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 23:52:44

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณทุกความเห็นมากนะคะ ตอนนี้เราได้ลองนำความเห็นของหลายๆคนไปปรึกษากับหุ้นส่วน คิดไปคิดมาได้ข้อสรุปว่าปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเพราะที่ร้านเราสั่งของสดทุกๆวัน ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองไปกับพวกของจุกจิกที่พ่อครัวกลัวหมดเลยสั่งสำรองไว้ทุกวัน โดยเฉพาะพวกผักค่ะ เหมือนกับว่าสต็อคของเยอะเกิน แล้วอาจจะมีเหลือเน่าเสียบางส่วน แต่พวกเนื้อสัตว์นี่ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะนานๆทีสั่งทีค่ะ คราวนี้ก็เลยเปลี่ยนวิธีสั่งของ ให้สั่งลดลงเหลือเป็นวันเว้นวัน หากของอะไรขาดเหลือให้ซื้อจากรถกับข้าวที่ขับผ่านหน้าร้านเอา ปรากฎว่าค่าของสดถูกลงเห็นๆเลยค่ะ อาทิตย์ที่ผ่านมาสั่งของทุกวันจั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุธ หลังจากนั้นเราก็เริ่มลองสั่งแบบวันเว้นวัน ค่าของสดคราวนี้คาดว่าน่าจะถูกลงประมาณ 5,000 ค่ะ ถ้าอาทิตย์หน้าเริ่มทำตั้งแต่วันแรกก็อาจจะลดลงได้อีก แล้วต่อไปอาจจะลดเหลืออาทิตย์ละ2ครั้ง จะได้ควบคุมได้ง่ายกว่าเดิมค่ะ กะไว้ว่าเดือนหน้าจะพยายามให้ไม่เกิน 150,000 ค่ะ   ส่วนค่าใช้จ่ายจิปาถะ มีค่าแก๊ส ค่าข้าว(ร้านของสดไม่ขายพวกข้าวค่ะ ต้องไปซื้อเองต่างหาก) ค่าน้ำpepsi ฯลฯ พอมีหลายอย่างก็เลยเยอะ สรุปเฉลี่ยแล้วมากกว่า 30,000 ต่อเดือนเพราะเราคิดไม่ครบด้วยค่ะ ตอนแรกเราไม่ได้ดูละเอียด เพิ่งเห็นว่าเด็กไม่ค่อยเข้มงวดกับเรื่องค่าใช้จ่ายจิปาถะ ช่วงหลังๆมีเยอะเลยค่ะ อาทิตย์ก่อนแค่ไม่กี่วันตั้งหมื่นกว่าบาท ตอนนี้เราก็เลยคำนวณเอาแล้วบอกเด็กว่าห้ามเกินจากยอดนี้นะ ก็เลยประหยัดได้เพิ่มอีกทางด้วยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะสำหรับคำปรึกษาของเพื่อนๆ ที่ทำให้ร้านของเราเริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ จากคุณ : จขกท (kindergirl) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 00:51:01