ประเเด็นแรก เรื่องใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์
ขอโทษเถอะ พูดอย่างนี้เค้าเรียกตรรกะวิบัติ
ไม่จำเป็นหรอกว่าคุณหรือผมจะเคยใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์มั้ย เพราะมันต่างกรรมต่างวาระ ถ้าเอาตามตรรกะวิบัติทีุ่คุณว่า นักเขียนคนไหนถ้าโหลดเพลงจากเน็ต แล้วโดนขโมนนิยายไปเผยแพร่ นักเขียนคนนั้นก็ห้ามโวยวาย...งั้นหรือ วิบัตที่หนึ่ง
ประเด็นที่สอง เรื่องการเผยแพร่ในที่สาธารณะ
ที่คุณพูดมาตลกมาก แสดงให้เห็นว่าไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์เลย งานใดๆที่ำทำขึ้น"สิทธิ์"ในงานนั้นย่อมอยู่ที่เจ้าของโดยชอบธรรม การเผยแพร่งานนั้นในที่สาธารณะไม่ได้เป็นการบอกว่า "คุณเอาไปใช้ได้ฟรีเลยไม่คิดเงิน" คนที่มีความคิดเช่นนี้นับว่าบ้องตื้นมากๆ
ถ้าผมเอาตรรกะนี้ไปย้อนถามเรื่องลิขสิทธิ์เพลงได้มั้ยล่ะ ว่าเจ้าของเพลงเอาเพลงมาเผยแพร่ในที่สาธารณะเอง ผมไม่ได้เข้าไปขโมยเพลงในบ้านของศิลปินซะหน่อย...ได้ไหม วิบัติที่สอง
ประเด็นที่สาม เรื่องทำให้เสียหาย
การขโมยรูปไม่ได้ทำให้เจ้าของเสียหาย แต่เป็นการนำไปใช้โดย"ไม่ถูกต้อง" เป็นการละเมิดสิทธิ ที่สำคัญคือนำไปใช้ในเชิงการค้า ถ้าบริษัทขายเตาไม่เอาภาพเจ้าของไป บริษัทก็ต้องไปจ้างคนมาถ่าย ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่บริษัทกลับมักง่ายเอาของคนอื่นมาใช้โดยไม่แจ้ง ผมถามว่าค่าใช้จ่ายที่บริษัทควรจะเสีย มันควรจะมาสู่เจ้าของภาพไม่ใช่หรือ แต่นี่เจ้าของภาพก็ไม่ได้อะไร แต่บริษัทขายเตารับเงินสบายใจเฉิบ ครับๆ ไม่มีใครเสียหายเลย วิบัตที่สาม
หมายเหตุ ผมว่าคุณ"ฉลากฟ้า" ควรจะไปหาเรื่อง Creative Commons มาอ่านหน่อยนะ คนส่วนใหญ่เค้าไม่หวงของหรอก แต่ควรจะให้เครดิตกัน และไม่ใช่เอาไปหาเงิน โดยที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่รู้เรื่อง
ประเด็นที่สี่ เรื่องให้ปล่อยวาง
ผมว่านี่เป็นเรื่องที่ตลกมาก แหมๆมีคนขโมยของเรา โอ๋ๆๆๆ อย่าโกรธเลย เดี๋ยวหน้าบึ้ง เดี๋ยวเครียด ปล่อยวางๆ แหมๆ มีคนมาตบหัวเรา โอ๋ๆๆๆๆ ปล่อยวางๆ ไม่โกรธๆ ฮ่าๆๆๆ วิบัติที่สี่
ประเด็นที่ห้า เรื่องให้ลูกค้าเค้าตัดสิน
ตลกมากอีกแล้ว แล้วลูกค้าที่ซื้อเตาจะรู้มั้ยว่ารูปนั้นถูกขโมยมา มีป้ายตรงไหนแปะไว้เหรอ ว่า"รูปนี้เอามาจากเน็ต ไม่ได้ขอด้วยล่ะ แบร่" แล้วจะให้ลูกค้าตัดสินยังไง
แถมมีบอกด้วยว่าถ้าคราวนี้รอด ก็คงโดนซักวัน แหมๆ ตลกอ่ะ โจรหนีตำรวจได้ โอเคไม่เป็นไร เดี๋ยวคราวหน้าคงโดนเอง วิบัติที่ห้า
อ่านความเห็นของคุณ"ฉลากฟ้า"ไปๆมาๆผมจะบรรลุนิพพานเอาง่ายๆนะเนี่ย