**โรคอีโคไล ภัยร้ายสายพันธุ์ใหม่ที่ควรระวัง!**
|
|
เนื่องจากว่าตอนนี้ทางยุโรป และถิ่นที่อยู่ก็ตื่นตัวกันมากกับภัยร้ายนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ไปที่ไทยแต่ระวังและป้องกันกันเอาไว้ก่อน ตอนนี้ตามซุปเปอร์ทั้งที่ออสเตรีย เยอรมัน อิตาลี จะมีผักผลไม้ที่วางขายไว้แต่ไม่มีคนซื้อเยอะมากแบบผิดปกติ รวมทั้งครอบครัวเราเองก็พยายามไม่บริโภคผักและผลไม้ อาหารที่ไม่สุก และล้างมือรักษาความสะอาดกันมากขึ้น ซึ่งหลายๆครอบครัวก็ทำคล้ายๆกัน แต่บางอย่างมันเลี่ยงไม่ได้เช่นผักผลไม้ก็ต้องล้างให้สะอาดมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า(ซึ่งปกติก็ป็นป้าสะอาดอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งหนัก)
ตอนแรกเชื้อโรคนี้เริ่มต้นระบาดจากเมืองฮัมบูร์ก ทางตอนเหนือของเยอรมนี ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อกระจายไปในอีก 11 ประเทศใกล้เคียง ได้แก่ ออสเตรีย, อังกฤษ, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา
อันนี้เป็นบทความที่ก็อปปี้มาแปะนะคะ เพราะมีรายละเอียดและสาระค่ะ
แบคทีเรียชนิดที่มีในร่างกายมนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่ทำอันตรายต่อร่างกาย แต่สำหรับแบคทีเรียที่มีชื่อว่า อีโคไล หรือ Escherichia ซึ่งพบได้ในลำไล้ของมนุษย์และสัตว์ สามารถทำให้เกิดโรคหรืออาการต่างๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เยื้อหุ้มสมองอักเสบ และอาการท้องร่วง เป็นต้น แบคทีเรียชนิด อีโคไลจะมีชีวิตอยู่ได้ในสิ่งแวดล้อมทั่วไป โดยเฉพาะในมูลสัตว์
หลังจากพบการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ระบาดในประเทศอังกฤษ วันนี้นำข้อมูลเกี่ยวกับแบคทีเรียชนิดนี้มาให้ได้รู้จักกันเพื่อเป็นการป้องกันและรับมือหากได้รับเชื้อชนิดนี้
เชื้ออีโคไล แพร่สู่คนได้อย่างไร - เชื้อแบคทีเรียอีโคไลจะแพร่สู่คนได้จากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มี เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ปนเปื้อนอยู่ ซึ่งเชื้อชนิดนี้มักจะปนเปื้อนอยู่ในอาหารที่ได้รับการปรุงไม่ถูกสุขลักษณะ
การระบาดของเชื้ออีโคไล - การแพร่ระบาดของเชื้อ อีโคไลเริ่มขึ้นในประเทศอังกฤษและคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 20 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่รับประทานอาหารขณะร่วมพิธีในโบสถ์แห่งหนึ่งในปี 2539-2540
อาการของผู้ได้รับเชื้ออีโคไล - จะพบอาการแต่เริ่ม ท้องร่วงเล็กน้อย จนกระทั่งเกิดภาวะลำไส้อักเสบและมีอาการเลือดออกไม่หยุด เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและพบเลือดปนกับอุจจาระ
ระยะฟักตัวของเชื้ออีโคไล - ระยะฟักตัวของเชื้อ อยู่ที่ประมาณ 3-8 วัน และจะปรากฏอาการในช่วง 3-4 วันหลังการได้รับเชื้อ แม้ว่าผู้ได้รับเชื้อจะสามารถนำเชื้อชนิดนี้ออกจากร่างกายได้ภายใน 1 สัปดาห์ แต่เชื้อส่วนที่หลงเหลือเพียงเล็กน้อยยังสามารถทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ เช่นเกิดภาวะไตเสื่อม ซึ่งเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย
ผู้เสี่ยงได้รับเชื้ออีโคไล - เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ จะเป็นผู้มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้ออีโคไลมากที่สุด เนื่องจากร่างกายของคนกลุ่มนี้จะมีความสามารถในการต้านทานเชื้อได้น้อยกว่า คนทั่วไป
การป้องกันและรักษาเมื่อได้รับเชื้ออีโคไล - ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการรักษาอาการที่เกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้โดยตรง ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาแก้ปวดท้องได้ในเบื้องต้น แต่ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดกลุ่มสเตอรอยด์ เช่นยาแอสไพริน เพราะยากลุ่มนี้จะมีผลทำลายไตของผู้รับประทาน นอกจากนี้เพื่อเป็นการป้องกันการได้รับเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มบรรจุกระป๋องและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ขอบคุณข้อมูล : http://healthy.in.th , www.sanook.com , http://www.gotoknow.org/blog/health2you/236823
และนี่เป็นวิธีการล้างผักผลไม้ให้สะอาดนะคะ ลป.อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ เพราะคิดว่าที่เมืองไทยคงตื่นตัวพอสมควร แต่ที่เรารวบรวมมานี่เพื่อย้ำและปรารถนาดีกับเพื่อนๆค่ะ
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 54 21:39:50
จากคุณ |
:
Mona...Da Vinci
|
เขียนเมื่อ |
:
8 มิ.ย. 54 21:36:24
|
|
|
|