Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทุเรียนและมะเร็ง....! ( ยาวหน่อยนะแต่มีประโยชน์มาก ) ติดต่อทีมงาน

ข่าวดีของคนที่ชอบกินทุเรียน
ในขณะที่คนไทยยกย่องให้ "ทุเรียน" เป็นราชาและ "มังคุด" เป็นราชินีแห่งผลไม้ เป็นที่ยอมรับกันว่าทุเรียนไทยมีรสชาติอร่อยและคุณภาพดีที่สุดในโลก ปัจจุบันมีการส่งออกไปขายยังสาธารณรัฐประชาชนจีนมากที่สุด ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคมของทุกปี ทุเรียนจากเขตพื้นที่
ภาคตะวันออกจะออกสู่ตลาด คนไทยนิยมบริโภคทุเรียนกันมากมีผลทำให้ผลไม้ชนิดอื่น ๆ ที่ออกสู่ตลาดในช่วงเวลาเดียวกันมีราคาตกต่ำ ในขณะเดียวกันมักจะมีคำเตือนจากหมอว่าไม่ควรกินทุเรียนในปริมาณมากเกินไป บ้างก็ว่าในเนื้อทุเรียนมีปริมาณแป้งและไขมันสูง เป็นของแสลงของ
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, โรค ความดันโลหิตสูงและคนที่กลัวอ้วนทั้งหลาย
ขณะนี้มีเรื่องที่น่ายินดีที่จะทำให้คนที่บริโภคทุเรียนได้สบายใจขึ้น เพราะทุเรียนไม่ได้มีแต่เพียงความอร่อยอย่างเดียว รศ.ดร.ระติพร หาเรือนกิจ, รศ.ดร.สุมิตรา ภู่วโรดม จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับ Professor Dr.Shela Gorinstein จาก
มหาวิทยาลัยฮิบบรูและคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยการเกษตรวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ได้ทำการศึกษาเชิงลึกของประโยชน์จากทุเรียนมีส่วนในการลดไขมัน ในเส้นเลือดในห้องปฏิบัติการและเมื่อทดลองกับหนูพบว่า ทุเรียนมีสารโพลีฟีนอลและสารฟลาโวนอยด์ ในปริมาณสูงเมื่อ
เปรียบเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น โดยสารทั้ง 2 ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระจากงานทดลองพบว่าทุเรียนที่มีความสุกพอดีจะมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าทุเรียนดิบหรือทุเรียนที่สุกเกินไป (ที่เรียกกันทั่วไปว่าทุเรียนปลาร้า) และยังพบว่าทุเรียนพันธุ์หมอนทอง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระดีกว่า พันธุ์ชะนี และ พันธุ์ก้านยาว
นอกจากนั้นเมื่อมีการตรวจวิเคราะห์ แร่ธาตุอาหารที่มีอยู่ในเนื้อทุเรียน อ.สุมิตรา บอกว่า ทุเรียนมีปริมาณเส้นใยอาหารและธาตุเหล็กสูงมากซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อมีการเปรียบเทียบทุเรียนพันธุ์หมอนทองกับผลไม้เมืองร้อนชนิดอื่น พบว่ามีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่า
สละ, มังคุด, ลิ้นจี่, ฝรั่ง และมะม่วงสุก ตามลำดับคณะผู้วิจัยยังได้นำทุเรียนไปเลี้ยงหนูทดลอง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่พิสูจน์ว่าทุเรียนมีดี
จริงไม่ใช่ เพียงข้อมูลในห้องปฏิบัติการเท่านั้น จากการเลี้ยงหนูทดลองด้วยอาหารที่ผสมทุเรียนกับคอเลสเตอรอล พบว่า หนูทดลองที่ได้รับทุเรียนหมอนทองในอาหาร สามารถลดสารคอเลสเตอรอลทั้งหมดได้ 16% และลด LDL คอเรสเตอรอลได้ถึง 31.3% เมื่อเปรียบเทียบกับหนูที่ได้รับอาหารที่มีคอเลสเตอรอล ผสมอย่างเดียว จากการทดลองในครั้งนี้ทำให้พบว่าถึงแม้ว่าในเนื้อทุเรียนจะมีปริมาณไขมันมากแต่ส่วนใหญ่เป็นไขมันดีที่มีประโยชน์ ต่อร่างกายจากงานทดลองในครั้งนี้ทำให้เห็นว่าทุเรียนจัดเป็นผลไม้ไทยอีกชนิดหนึ่งที่สามารถบริโภคเป็นอาหารและยาจัดเป็นผลไม้สุขภาพอีกชนิดหนึ่งของไทยแต่ควรจะบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ

_______________________________________________________

Subject: JOHN HOPKINS HOSPITAL REPORT
(มีภาษาไทยด้วย สำหรับคนไม่อยากเป็นมะเร็ง หรือดูแลคนที่เป็น)
From: Juthamass.S@ Kasikornsecuriti es.com
Date: Tue, 13 Jan 2009 08:42:26 +0700
To:AFTER YEARS OF TELLING PEOPLE CHEMOTHERAPY IS THE ONLY WAY TO TRYAND ELIMINATE CANCER, JOHNS HOPKINS IS FINALLY STARTING TO TELL YOUTHERE IS AN ALTERNATIVE WAY.
หลังจากหลายปีที่เชื่อกันว่าการทำเคมีบำบัด (คีโมฯ) เป็นทางเลือกเดียวที่หวังผลได้สูงสุดในการกำจัดเซลมะเร็ง ในที่สุด โรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคมะเร็งก็ได้ก็เริ่มเสนอแนะให้พิจารณานำทางเลือกอื่น ๆ มาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
Cancer Update from Johns Hopkinsข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์
1. Every person has cancer cells in the body. These cancer cells do not show up inthe standard tests until they have multiplied to a few billion. When doctors tellcancer patients that there are no more cancer cells in their bodies aftertreatment, it just means the tests are unable to detect the cancer cells becausethey have not reached the detectable size.
ทุก ๆ คนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฏด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐานจนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาแล้วมันมิได้หมายความว่าเซลมะเร็งหมดไปจากร่างกายแต่หมายความว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้ เนื่องจากจำนวนของมันยังไม่มากพอจนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น
2. Cancer cells occur between 6 to more than 10 times in a person's lifetime.
โดยเฉลี่ยตลอดช่วงชีวิตของมนุษย์ เซลปกติจะกลายสภาพเป็นเซลมะเร็งขึ้นในระหว่าง 6ไปจนถึงเกินกว่า 10 ครั้ง
3. When the person's immune system is strong the cancer cells will be destroyedand prevented from multiplying and forming tumors.แต่หากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายยังแข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร็งที่เกิดขึ้นก็จะถูกทำลายก่อนที่เซลร้ายนั้นจะขยายตัวจนกลายเป็นเนื้อร้าย
4. When a person has cancer it indicates the person has multiple nutritionaleficiencies. These could be due to genetic, environmental, food and lifestylefactors.
สาเหตุหลัก ๆ ของโรคมะเร็งคือความบกพร่องหลาย ๆ อย่างร่วมกัน เช่น โภชนาการพันธุกรรม สภาพแวดล้อมต่าง ๆ อาหาร หรือ ปัจจัยต่าง ๆ ในการใช้ชีวิตเป็นต้น
5. To overcome the multiple nutritional deficiencies, changing diet and includingsupplements will strengthen the immune system.
เพื่อลดหรือกำจัดภาวะบกพร่องทางด้านโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารหรืออาหารเสริมที่รับประทานอยู่เป็นประจำจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น
6. Chemotherapy involves poisoning the rapidly-growing cancer cells and alsodestroys rapidly-growing healthy cells in the bone marrow, gastro-intestinal
tract etc, and can cause organ damage, like liver, kidneys, heart, lungs etc.
การรักษาโรคมะเร็งโดยใช้สารเคมีหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า เคมีบำบัด นั้น คือการให้สารเคมีซึ่งเป็นพิษเพื่อกำจัดเซลมะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอยู่ภายในร่างกาย แต่ใน
ขณะเดียวกันสารพิษนี้ ก็จะทำลายเซลที่ดีรวมถึงเซลใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร และยังเป็นพิษอย่างร้ายแรงกับอวัยวะสำคัญ เช่นตับ ไต หัวใจ ปอด เป็นต้น
7. Radiation while destroying cancer cells also burns, scars and damages healthycells, tissues and organs.
ส่วนการฉายรังสีนั้น แม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้ตามผิวหนัง เป็นแผลเป็น และทำลายเซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะข้างเคียงอีกด้วย
8. Initial treatment with chemotherapy and radiation will often reduce tumor size.However prolonged use of chemotherapy and radiation do not result in moretumor destruction.
การทำเคมีบำบัดและการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของก้อนเนื้อร้ายได้ในช่วงแรกเพียงระยะหนึ่งเท่านั้นและจะไม่ส่งผลให้เนื้อร้ายลดขนาดลงอย่างต่อเนื่องแต่อย่างใด
9. When the body has too much toxic burden from chemotherapy and radiation theimmune system is either compromised or destroyed, hence the person cansuccumb to various kinds of infections and complications.
ในทางกลับกัน เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากการทำเคมีบำบัดหรือจากการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายก็อาจหยุดทำงานหรือไม่ก็อาจถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้คนไข้ตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อโรคหลายชนิด
10. Chemotherapy and radiation can cause cancer cells to mutate and becomeresistant and difficult to destroy. Surgery can also cause cancer cells to spreadto other sites.
นอกจากนั้น การทำเคมีบำบัดและการฉายรังสียังเป็นสาเหตุให้เซลมะเร็งเกิดการกลายพันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลายมากยิ่งขึ้น อนึ่ง การผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกจากร่างกายก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ทั่วร่างกายได้อีกด้วย
11. An effective way to battle cancer is to starve the cancer cells by not feeding itwith the foods it needs to multiply.
วิธีที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง คือการป้องกันมิให้เซลมะเร็งได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการนำไปใช้ในการขยายตัว
WHAT CANCER CELLS FEED ON
อะไรคือสารอาหารที่ป้อนให้กับเซลมะเร็ง
a. Sugar is a cancer-feeder. By cutting off sugar it cuts off one important foodsupply to the cancer cells . Sugar substitutes like NutraSweet, Equal,Spoonful,etc are made with Aspartame and it is harmful. A better natural substitutewould be Manuka honey or molasses but only in very small amounts. Table salt
has a chemical added to make it white in colour. Better alternative is Bragg'saminos or sea salt.
น้ำตาลคือสารอาหารที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเซลมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง แม้แต่สารสังเคราะห์ที่ใช้แทนน้ำตาลอย่างเช่น”นิวตร้าสวีต” หรือ “อีควล” ฯลฯ ก็ล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน (Aspartame) ซึ่งเป็นอันตราย สารทดแทนน้ำตาลซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จากนิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อย ๆ เท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไป
เลือกใช้เกลือทะเลแทน
b. Milk causes the body to produce mucus, especially in the gastro-intestinal tract.Cancer feeds on mucus. By cutting off milk and substituting with unsweetenedsoy milk, cancer cells are being starved.
นมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะได้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก การใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนม จะทำให้เซลมะเร็งไม่ได้รับอาหาร
c. Cancer cells thrive in an acid environment. A meat-based diet is acidic and it isbest to eat fish, and a little chicken rather than beef or pork. Meat alsocontains livestock antibiotics, growth hormones and parasites, which are allharmful, especially to people with cancer.
เซลมะเร็งเติบโตได้ดี ในภาวะแวดล้อมที่เป็นกรด อาหารจำพวกเนื้อจะสร้างสภาวะกรดขึ้นดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานเนื้อปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อวัวและเนื้อหมู นอกจากนั้น ในเนื้อสัตว์ยังอาจมียาฆ่าเชื้อ ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์ และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง
d. A diet made of 80% fresh vegetables and juice, whole grains, seeds, nuts and alittle fruits help put the body into an alkaline environment. About 20% can befrom cooked food including beans. Fresh vegetable juices provide live enzymesthat are easily absorbed and reach down to cellular levels within 15 minutes to
nourish and enhance growth of healthy cells. To obtain live enzymes for buildinghealthy cells try and drink fresh vegetable juice (most vegetables including beansprouts) and eat some raw vegetables 2 or 3 times a day. Enzymes are
destroyed at temperatures of 104 degrees F (40 degrees C).
อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80% และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้อีกเล็กน้อย จะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก 20% อาจได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่ว น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมทราบสู่ระดับเซลภายใน 15 นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด ( ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ 140 องศา F ( ประมาณ 40 องศา C)
e. Avoid coffee, tea, and chocolate, which have high caffeine. Green tea is abetter alternative and has cancer-fighting properties. Water-best to drinkpurified water, or filtered, to avoid known toxins and heavy metals in tap water.Distilled water is acidic, avoid it.
ให้หลีกเลี่ยงน้ำชา กาแฟ และช๊อกโกแลต ซึ่งล้วนมีสารคาเฟอีนสูง ชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าและยังมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง น้ำดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือน้ำที่ผ่านกระบวนการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษและสารโลหะหนักต่าง ๆ ที่มักจะพบในน้ำประปา น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง
12. Meat protein is difficult to digest and requires a lot of digestive enzymes.Undigested meat remaining in the intestines become putrified and leads to moretoxic buildup.
โปรตีนจากเนื้อจะย่อยยากเพราะต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้และตกค้างอยู่ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าส่งผลให้สารพิษต่าง ๆ สะสมเพิ่มมากขึ้น
12. Cancer cell walls have a tough protein covering. By refraining from or eatingless meat it frees more enzymes to attack the protein walls of cancer cells andallows the body's killer cells to destroy the cancer cells.
ผนังของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้ การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้ร่างกายมีปริมาณเอ็นไซม์เหลือมากพอที่จะนำมาใช้ย่อยกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วยให้เซลเม็ดโลหิตขาวของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
14. Some supplements build up the immune system (IP6, Flor-essence, Essiac, antioxidants,vitamins, minerals, EFAs etc.) to enable the body's own killer cells todestroy cancer cells. Other supplements like vitamin E are known to causeapoptosis, or programmed cell death, the body's normal method of disposing of
damaged, unwanted, or unneeded cells.
สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเพื่อช่วยให้เซลเม็ดเลือดขาวสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่น ๆ เช่น วิตามินอี เป็นที่ทราบกันดีว่าช่วยเสริมกลไกการกำจัดเซลที่บกพร่อง เซลที่ไม่เป็นที่ต้องการหรือจำเป็นต่อร่างกาย
15. Cancer is a disease of the mind, body, and spirit. A proactive and positive spiritwill help the cancer warrior be a survivor. Anger, unforgiveness and bitternessput the body into a stressful and acidic environment. Learn to have a loving andforgiving spirit. Learn to relax and enjoy life.
มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำสงครามกับมะเร็ง ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต
16. Cancer cells cannot thrive in an oxygenated environment. Exercising daily, anddeep breathing help to get more oxygen down to the cellular level. Oxygentherapy is another means employed to destroy cancer cells.
เซลมะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆจะช่วยให้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซลการบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง
(PLEASE FORWARD IT TO PEOPLE YOU CARE ABOUT)
( กรุณา Forward ไปยังบุคคลที่คุณรักและห่วงใย)
This is an article that should be sent to anyone important in your life.
นี่คือเรื่องที่คุณควรส่งออกไปให้คนที่มีความสำคัญกับชีวิตคุณได้รับรู้รับทราบ

จากคุณ : ส.พินิตย์
เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 11:48:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com