ความคิดเห็นที่ 1 บัตเตอร์เค้ก จริงๆ ใช้ตะกร้อตีก็ได้นี่ครับ แน่นเหมือนกัน เพราะตัวเค้กชนิดนี้ เนื้อค่อนข้างหนักอยู่แล้วครับ ลองสูตรนี้ดูก็ได้นะครับ แป้งเค้ก ตราพัด ถุงส้ม 2 ถ้วย (ร่อนก่อนตวงนะจ๊ะ) เกลือ 1/2 ช้อนชา ผงฟู 1/2 ช้อนชา ไข่ไก่ 4 ฟอง เนยจืด 3/4 ก้อน (ใช้ของออร์คิด) น้ำตาลทราย (บดละเอียดๆ ให้เป็นผง) 1 ถ้วย นมสดจืด (ที่ใช้เป็นเมจิฝาน้ำเงิน) 1/2 ถ้วย วานิลลา 1 ฝัก (ที่ใช้แบบฝัก เพราะมันหอมดี) จริงๆ ในสูตรที่ได้มาใช้ วานิลลา 1 ช้อนชา - ตีเนยสดที่แช่เย็นในอ่างผสมโดยใช้หัวตีตะกร้อ ด้วยความเร็วสูง จนนุ่มเป็นสีครีม ค่อยๆ ใส่น้ำตาลที่ละน้อย จนหมด ตีจนขึ้นฟูเป็นครีมเบา แล้วลดเป็นความเร็วต่ำสุด จึงใส่ไข่ทีละฟอง จนหมด (ค่อยๆ ใส่ทีละฟอง ใส่ 1 ฟอง ตีให้เ้ข้ากันดีก่อน ค่อยใส่ฟองต่อไป) แล้วใส่แป้งที่ร่อน สลับกับนม (แบ่งแป้ง เป็น3 ส่วน นมเป็น 2 ส่วน) เริ่มด้วยแป้งสลับกันไป แล้วจบด้วยแป้ง เติมวานิลลา คนพอทั่ว - ตักส่วนผสมเค้กใส่พิมพ์ 5 นิ้ว ที่เตรียมไ้ว้ (ทาเนย และรองด้วยกระดาษไข ถ้าไม่มี อนุโลมให้ใช้ A4 ได้ 555+) ใส่แค่ 3/4 ของพิมพ์ แล้วไล่อากาศโดยยกพิมพ์ขึ้นจากโต๊ะเล็กน้อย (ระยะก็กะๆ เอานะ) แล้วปล่อยลงกับพื้นโต๊ะเบาๆ ประมาณ 2-3 ครั้ง เอาเข้าเตา อบประมาณ 35-40 นาที หรือจนสุก โดยให้ใช้ไม้แหลมจิ้มตรงกลาง แล้วไม่มีเนื้อเค้กติดออกมา แสดงว่าใช้ได้แล้ว ยกจากเตา พัก 5 นาที คว่ำออกจากพิมพ์ พักบนตะแกรงให้เย็น แล้วค่อยหั่น ปล. สูตรนี้เนื้อแน่นมาก ตัดมากินชิ้นนึง ถึงกับอิ่มเลยที่เดียว จากคุณ : styx เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 15:15:06

ความคิดเห็นที่ 2 ขออนุญาตเดา...(เพราะไม่เห็นเวลาผสม) ตอนผสม ช่วงที่ใส่ไข่ลงไป มีอาการแตกเม็ดหรือเปล่าคะ ถ้ามี...อบยังไงๆก็ออกมาแฉะค่ะ เนื้อมันจะดูแฉะๆแน่นๆ ไม่ฟูสวยงาม วิธีแก้ไข คือ ตอกไข่ใส่ถ้วยปากเหยือก เข้าฟรีสเซอร์ล่วงหน้าก่อนทำอย่างอื่น แล้วค่อยๆตวง ชั่ง ส่วนผสม ตีเนย+น้ำตาลให้ฟูสุดๆ  จึงนำไข่ออกมาจากฟรีสเซอร์ แล้วค่อยๆรินน้ำไข่ลงไปเป็นสายเล็กๆ ตีด้วยความเร็วกลางไปด้วย พอเห็นช่วงไหนเริ่มแตกเม็ด หยุดเทไข่ทันที แล้วตีต่อไปก่อน ถ้าครัวร้อน ให้นำส่วนผสมกลับไปเข้าฟรีสเซอร์สัก 5-10 นาที ค่อยนำกลับมาตีใหม่ หรือหากโถตีเป็นโลหะ ให้เอาน้ำแข็งใส่ถุงพลาสติก รีดอากาศ มัดปากถุง แล้วนำมาคลึงวนๆรอบนอกโถไปเรื่อยๆ ช่วงหยอดไข่นี้ต้องใจเย็นมากๆๆๆๆๆ ถ้าหยอดไข่ได้พอดี ส่วนผสมจะเนียน สวยไม่มีอาการแตกเม็ด คราวนี้ พอนำไปอบ ถ้าอบได้ที่ เนื้อเค้กจะฟู เนียน สวยงาม ไม่แฉะ ไม่แน่นค่ะ จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 15:45:34

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนเนื้อเค้ก ถ้าต้องการให้เนื้อแน่นหนัก ลองเปลี่ยนแป้งโดยผสมแป้งตราว่าวลงไป (อาจแทนที่แป้งเค้กสักประมาณ 1/3 ส่วน) และใช้น้ำตาลทรายบดละเอียด ยิ่งน้ำตาลทรายเม็ดใหญ่ ยิ่งได้เค้กเนื้อหยาบค่ะ จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 15:47:14

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ แต่ยังสงสัยเรื่องตอนผสมไข่  เวลาตีเนยกับน้ำตาลเข้ากันแล้ว ผมใส่ไข่ลงไปทั้งฟองเลย มันก็จะมีอาการแตกเป็นเม็ดๆ ในช่วงแรก แต่ตีไปเรื่อยๆ มันก็เนียนเข้ากัน แบบนี้ถือผิดหรือเปล่าคับ จากคุณ : birth2000 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 17:03:09

ความคิดเห็นที่ 5 ที่ว่าเนื้อข้างในแฉะ ไม่รู้ว่าเช็คสุกก่อนรึเปล่า ปกติเวลาเช็คว่าเค้ก(เนย)สุกพอดีรึยัง เค้าจะเอาไม้จิ้มลงไปตรงกลาง ถ้าไม่มีเนื้อเค้กแฉะๆ(เหลวๆ)ติดขึ้นมา แสดงว่าใช้ได้ คือถ้าเนื้อเค้กตรงกลางสุก มันจะแห้งๆไม่มีอะไรติดขึ้นมา ...อาจจะมีเนื้อที่สุกแต่ยังไม่แห้งดีนักติดขึ้นมา แบบนี้ก็พอใช้ได้เหมือนกัน เพราะกว่าเค้กจะเย็นสนิท เนื้อเค้กจะแห้งพอดี ลองดูนะครับ ประสบการณ์จะบอกว่าอย่างไหนใช้ได้ แต่หลักการเช็คสุกก็ประมาณนี้ ที่จขกท.บอก ว่าเพิ่มเวลาอบ เนื้อข้างในแฉะเล็กน้อย แต่หน้าเกรียม อันนี้คิดว่าไฟอาจจะแรงไป เพราะข้างนอกสุกเกรียมแต่ข้างในยังไม่สุกดี วิธีแก้ อาจจะใช้ไฟที่ระดับเดิมอบ แต่พออบจนเค้กขึ้นฟูได้ที่ให้ลดไฟลง เช่นปกติอบเค้กที่ 180ซ พอเค้กขึ้นฟูแล้วอาจลดไปลงเหลือ 160ซ (หรืออาจจะต่ำกว่า) แล้วอบต่อไปเรื่อยจนเค้กสุก (เปิดเตาเช็คสุกดู กะเอานะว่าเค้กน่าจะได้ที่รึยัง อย่าเปิดเตาบ่อย) เนื้อเค้กแน่น ใช่แป้งอเนกประสงค์(ว่าว) แบบคห.3เลยครับ (ตำราฝรั่งใช้ all purpose flourซะส่วนใหญ่ เวลาทำเค้กเนย) ส่วนตัว เราทำจะใช้ผสมแป้งเค้ก+แป้งอเนกฯ นอกจากต้องการเค้กเนื้อเบา ถึงจะใช้แต่แป้งเค้กล้วนๆ ปล. ถ้าใช้แป้งอเนกประสงค์ เวลาผสมแป้งต้องระวังอย่าคนผสมนานเกินไป ไม่งั้นเนื้อจะแน่นเกิน จากคุณ : สองเกลอ เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 01:42:49

ความคิดเห็นที่ 6 ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาก ขอบคุณครับ จากคุณ : birth2000 เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 11:12:05

ความคิดเห็นที่ 7 อบที่ไฟกี่องศาคะ จำได้ตอนเราอบบัตเตอร์เค้ักใช้ไฟแค่ 160 องศาเซลเซียส อบนานเลยค่ะ กว่าจะสุก จากคุณ : sokheang14 เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 13:50:50