ความคิดเห็นที่ 1 มาลงชื่อไว้ก่อนนะครับ จากคุณ : L-Nets เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:08:42

ความคิดเห็นที่ 2 รีวิวนี้ เริ่มจากวันที่ผมเดินทางคือวันพุธ ผมมีกำหนดเดินทางจากเมืองAucklandประเทศ นิวซีแลนด์ ไปยังประเทศสิงคโปร์ โดยสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์(SQ) โดยเดินทางช่วงดึก ออกจากAucklandห้าทุ่มห้าสิบ ถึงสิงคโปร์หกโมงเช้า ช่วงระหว่างวันนอกจากจัดกระเป๋าแล้ว ผมจึงตั้งใจจะหาของอร่อยๆในเมืองทานเป็นการเตรียมตัวเติมพลัง จะพอขึ้นเครื่องปุ๊บจะได้หลับยาว ตื่นมาอีกทีถึงสิงคโปร์จะได้ลุยเที่ยวให้เต็มที่ หลังจัดของเสร็จ จึงออกจากคอนโดไปหาอะไรทาน เทียบกับกรุงเทพฯ สิงคโปร์ หรือแม้แต่เชียงใหม่แล้ว Aucklandเป็นเมืองที่เงียบเอามากๆ แม้คนนิวซีแลนด์จะเคลมว่า Aucklandเป็นเมืองที่ประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศก็ตามที ผมคิดว่าเมืองนี้เหมาะกับการพักผ่อนrelax เขียนหนังสือ หรือไม่ก็ออกบวช แต่คงไม่เหมาะกับการมาเที่ยวช็อปปิ้งหรือสนุกสนานเป็นแน่ แต่ท่านที่ชอบความสงบคงรักเมืองนี้ครับ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:10:03

ความคิดเห็นที่ 3 lunchวันนี้ ผมไปทานร้านอาหารที่ได้รับรางวัลbest restaurant in New Zealandมาหลายสมัยซ้อน ชื่อThe Grove พิกัดตามแผนที่ครับ จากภาพในความเห็นสอง ผมยืนอยู่บน Victoria street มองตรงไปข้างหน้า จะเห็นSky tower สูงเด่นเป็นตระหง่าน จากSkytowerเดินไปทางขวา ประมาณห้านาทีจะพบร้านThe Grove อยู่บน Wyndham street ในบริเวณที่เรียกกันว่า St.Patrick square จะอยู่ใกล้ๆกับโบสถ์ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:13:59

ความคิดเห็นที่ 4 ไปด้วยคนค่ะ จากคุณ : Hathi เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:16:24

ความคิดเห็นที่ 5 The Grove เป็นร้านเล็กๆ ประมาณ15โต๊ะ เชฟชื่อBenjamin ซึ่งเคยทำงานอยู่ในร้านอาหารระดับMichellin starในฝรั่งเศสมาหลายร้าน เมื่อมาเป็นเชฟให้Grove จึงนำวิธีทำอาหารแบบใหม่ๆมาใช้กับอาหารนิวซีแลนด์ บรรยากาศในร้านครับ ในความคิดเห็นผม ร้านอาหารในนิวซีแลนด์จะมาตราฐานและราคาไม่หนีกันมาก อย่างถ้าเป็นร้านเล็กทั่วไป อาหารจานmainจะประมาณ$15-20 คิดเป็นเงินไทยประมาณ400-500บาท ถ้าเป็นร้านระดับthe best อย่างGrove main course จะประมาณ$40 ประมาณ1000บาท ผมมองว่าไม่ห่างกันมาก อย่างถ้าบ้านเรา อาหารThe best อย่าง Le Normandie ตามสั่ง จานละประมาณ800-2000บาท เทียบกันอาหารอร่อยเจ้าทั่วๆจะประมาณ40-100บาท ต่างกันร่วมสามสิบเท่าทีเดียว จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:19:18

ความคิดเห็นที่ 6 อาหารจานแรก เป็นTerrine Lobster and seafood เป็นวุ้นของกุ้งมังกร แซลมอน ปู สาหร่าย และผัก มานิวซีแลนด์ต้องเน้นทานอาหารทะเลครับ สดและอร่อยมากๆ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:20:58

ความคิดเห็นที่ 7 รอชมค่ะ..... จากคุณ : หัวไชเท้าผู้กล้าหาญ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:23:12

ความคิดเห็นที่ 8 Main course Market fish w cider smoked clams, fennel fricassee, seaweed butter สังเกตนะครับ เดี๋ยวนี้เทรนอาหารใหม่ๆจะเริ่มใช้Foam sauceมากขึ้น คือเป็นซอสที่เป็นฟองๆ  วิธีทำไม่ยากเลยครับ ท่านใช้ซอสอะไรก็ได้ที่ท่านทำขึ้นมา ใส่Lecithin (หาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสุขภาพเช่น GNC) จากนั้นตีด้วยเครื่องตีมือ มันจะฟูเป็นฟองๆขึ้นมา จากนั้นตักราดอาหารที่ท่านทำ แล้วออกเสิร์ฟครับ ผมว่าจะว่าอร่อยก็ไม่ได้ต่างจากซอสธรรมดาเท่าใดนัก แต่ว่ามันทำให้อาหารจานนั้นดูmodern มีเชฟท่านหนึ่งที่ผมรู้จัก นอกจากผสมเลซิทินลงในซอสแล้ว แทนที่แกจะใช้เครื่องตีมือตีให้เป็นฟอง แกเล่นใช้ fish pump ไอที่ให้ฟองในตู้ปลาอะครับ ต่อสายมาใส่ซอสแล้วเปิดเครื่อง ทำให้เกิดฟองขึ้นมา!!! ผมเคยเอาวิธีนี้มาทำต้มยำกุ้งโฟม แล้วก็เอาไปสอนเชฟญี่ปุ่นให้ทำโชยุโฟม วาซาบิโฟมบนซูชิ ออกมาดูเก๋ดีเหมือนกันครับ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:29:14

ความคิดเห็นที่ 9 ของหวานวันนี้เป็น มะเดื่อกับเชฟเบตโยเกิร์ตและDoughtnut จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:30:39

ความคิดเห็นที่ 10 ปิดท้ายมื้อกลางวันด้วย Temperatures of Chocolate มีช็อคโกแลตร้อน อุ่น มูสเย็น แล้วไอศครีมช็อคโกแลต ทานกับเชอเบตส้ม เป็นจานสวรรค์ของคนรักช็อคโกแลตทีเดียว จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:32:28

ความคิดเห็นที่ 11 พอค่ำๆ ตอนแรกผมตั้งใจจะไปสนามบินเลย แต่ว่าซักทุ่มกว่าๆ ผมเริ่มหิวอีกแล้ว และไม่อยากจะไปฝากท้องไว้กับอาหารบนเครื่องบิน จึงไปหามื้อเย็นทานส่งท้าย จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:35:14

ความคิดเห็นที่ 12 จากภาพที่11 ผมมุ่งหน้าไปตามVictoria street ตรงไปเรื่อยๆก่อนถึงSkytower ผมตั้งใจจะไปทานร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าประจำ ที่ผมไปทานบ่อยเอามาก คือร้านFuga จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:38:48

ความคิดเห็นที่ 13 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 54 14:54:08 จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:42:17

ความคิดเห็นที่ 14 ตกแต่งได้น่าทานมาก สีตัดกันมีสีสันทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนด้วยความอยาก ^^ จากคุณ : angelababy เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:47:15

ความคิดเห็นที่ 15 ร้านFuga สำหรับผมแล้ว เป็นร้านอาหารที่ผมรักที่สุดนอกประเทศไทยทีเดียว เป็นร้านHomemadeเล็กๆ มีเชฟชาวญี่ปุ่นหนึ่งท่านคือเชฟโคจิ มีคนคอยดูแลอีกหนึ่งท่าน ผมไปทานบ่อยจนเชฟจำผมได้ และตามใจผมทุกอย่าง แกมีความพยายามสูงมากที่จะไปขุดเมนูอาหารไทยมาผสมผสานกับวิธีการทำอาหารแบบญี่ปุ่นและหาเมนูใหม่ๆมาให้ผมทาน แรกๆที่ผมไปทานผมก็ทานตามเมนู หลังจากนั้นเชฟจะเดินออกมาถามผมว่าอยากทานอะไร คือset menuที่ปกติมี4คอร์ส แกให้ผมสั่งอะไรก็ได้ไม่อั้น ในราคา$28 หลังๆผมชักจะหมดมุข ไม่รู้จะไปขุดเมนูไหนมาให้เชฟโคจิทำให้ทาน เวลาแกเดินออกมาถามว่า what would you like to eat today? ผมจึงตอบแกว่า anythings, up to you อะไรก็ได้ จัดหนักมาให้ผมเถอะ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:47:55

ความคิดเห็นที่ 16 วันนี้เชฟโคจิจึงจัดหนัก เริ่มด้วยของทานเล่น เป็นปลาไหลย่างกับหอยเชลล์ อร่อยมากๆๆๆ ไม่รู้กันคิดได้ยังไง เอาไอนู่นไอนี่มาวางๆต่อๆกัน ราดซอสมั่วๆ แต่ออกมาไม่เคยไม่อร่อยเลย จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:49:52

ความคิดเห็นที่ 17 First course เป็นทูนากับกุ้ง ไส้หอยเชลล์ ผมว่าคนญี่ปุ่นมีพรสวรรค์ด้านการจัดอาหาร อาหารแต่ละจานเค้าจะไม่วางๆมา แต่จะมีวิธีpresentที่เป็นศิลปะเสมอ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:52:57

ความคิดเห็นที่ 18 Second course เป็นซูชิกับชาชิมิ ผมประทับใจซูชิที่แกทำให้ผม โดยเฉพาะอันซ้ายสุดเป็นซูชิปลาหมึกกับกุ้ง ราดน้ำยำแบบไทย ตรงกลางซูชิIkura ไข่แซลมอน แล้วก็ขวาสุด ซูชิหอยเชลล์ราดspicy sauce จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 14:56:57

ความคิดเห็นที่ 19 Main course : แซลมอนนึ่งกับRadish and sweet miso sauce วันนี้เชฟแกจัดหนักจริงๆ คงคิดว่าอีตาบาสซังนี่จะหายไปหนีเที่ยวประเทศอื่นนาน แซลมอนนิวซีแลนด์สดมากๆเพราะเป็นแซลมอนใหม่ที่เข้ามาทุกวันจากเกาะใต้ ซึ่งเป็นฟาร์มแซลมอน ดังนั้นที่Nzแซลมอนราคาไม่แพง สด อร่อยมากๆ จานนี้แกเล่นวางโครมมาทั้งซีกแบบไม่ต้องแร่บางกันเลยทีเดียว อิ่มมากครับ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:00:51

ความคิดเห็นที่ 20 ของหวานมื้อสุดท้ายในAucklandเป็น Green tea cheese cake จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:03:44

ความคิดเห็นที่ 21 ปิดท้ายด้วย ผลไม้กับพานาคอตตาจ้า จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:04:43

ความคิดเห็นที่ 22 สำหรับผมเชฟโคจิแห่งร้านFugaเป็นเชฟที่ผมโปรดปรานที่สุดนอกประเทศไทยเลยทีเดียว ด้วยความที่แกทำอาหารถูกปากผม เลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด แล้วก็ช่างเอาใจตามแบบฉบับคนญี่ปุ่นใจดี ผมไม่แปลกใจเลยที่คนไทยหลายๆคนจะรักคนญี่ปุ่น อาจเพราะคนญี่ปุ่นอ่อนโยน ดูแลคนอื่นเก่งนิสัยคล้ายๆคนไทย สุภาพ จะไม่เสียงดังเหมือนคนจีน และไม่แข็งกระด้างเหมือนฝรั่งตะวันตก ผมจำได้มีวันนึงผมถามเชฟว่า อาหารจานนี้ซอสทำจากอะไร แกพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่องเลยบอกผมว่า ตามไปในครัวจิ เด๋วแกโชว์ให้ดูว่าซอสนี้ทำยังไง จากนั้นแกก็สอนผมทำอาหารหลายๆจาน คือทุกเมนูที่ฟูกะเวลาผมถามแกว่า ทำยังไง แกจะตอบว่า follow me แล้วก็ใช้ภาษามืออธิบาย ประมาณ ดิสวัน แอนด์เด็นดิสวัน จนผมใช้ชีวิตอยู่รอดในต่างประเทศได้ด้วยการทำอาหารทานเองในหลายๆมื้อ ขอบคุณเชฟมา ณ โอกาสนี้จ้า จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:10:20

ความคิดเห็นที่ 23 ปาดกระทู้ครูบาส รูปสวย อาหารน่าอร่อยเสมอ แฟนผมชอบขนมหวาน ไว้จะตามรอยครูบาสนะครับ ^^ จากคุณ : เพียวคุง เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:10:37

ความคิดเห็นที่ 24 ผมมัวแต่โดนเชฟญี่ปุ่นจัดหนักมื้ออำลา จนลืมดูเวลา ผมควรต้องเช็คอินสองทุ่มห้าสิบ ปรากฏว่าสองทุ่มห้าสิบผมยังทานกรีนทีชีสเค้กอยู่เลยย ถ้าจะชิลด์ซะขนาดนั้น พอทานเสร็จจึงรีบเผ่นไปสนามบิน โดยรถAirbus เป็นรถส่งระหว่างเมืองกับสนามบิน ไปกลับราคา $23 โดยใช้เวลาประมาณ40นาที วันนี้Auckland international airport ค่อนข้างเงียบ จากเหตุทั้งแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดแล้วควันลอยมาปกคลุมทวีปออสเตรเลีย จนเที่ยวบินยกเลิกกันตัวแดงเต็มหน้าจอ แต่Singapore airlineมั่นมาก ไม่ยกเลิก กัปตันชั้นเก่ง จะบินฝ่าควันให้ดู อะไรประมาณนี้ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:14:07

ความคิดเห็นที่ 25 สภาพอากาศวันนั้นเป็นที่น่าสยดสยองต่อการบินยิ่งนัก ไหนจะหมอกควันจากภูเขาไฟระเบิด ไหนจะข่าวความเสียหายจากแผ่นดินไหว ไครเชิร์ตที่เปิดให้ติดตามในสนามบิน ไหนจะฝนตกหนักรุนแรง ผมจำได้ว่า ตอนนั้นผมเริ่มปลงๆ ตอนแฟนโทรมา ผมก็บอกเธอว่า ถ้าผมกลับไม่ถึงไทยเกิดเครื่องตกซะก่อน แล้วผมเป็นอะไรไป ช่วยไปซื้อมาการูนที่โอเรียนเต็ลแล้วเผาไปให้ผมด้วย ผมโดนเธอบ่นซะหูชา หาว่าปากเสีย แม้การเดินทางในอากาศจะได้รับการยอมรับว่า ปลอดภัยที่สุด แต่ใครจะไปรู้ เครื่องบินมันไม่เหมือนรถยนตร์ตรงที่ รถยนตร์ถ้าขับๆไปแล้วเครื่องดับ ก็จอดซ่อม แต่เครื่องบิน ถ้าบินๆไปแล้วเครื่องดับ....ก็ตกไงคับ ฮ่าๆ เธอเถียงผมว่า SQนี่ไม่ตกง่ายๆหรอก นานๆตกที แต่ก็เอ๊ะ มันไม่ตกมานานมากแล้วนะ อาจจะมาตกลำนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ อย่างไรก็ตาม ฝูงบินของสิงคโปร์แอร์ถือเป็นฝูงบินที่ใหม่และทันสมัยที่สุดในโลกแล้วครับ เครื่องบินส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย2ปีเท่านั้น ในขณะที่TGของเราบางลำอายุมากกว่าผมซะอีกครับ แหะๆ   กว่าจะboardingปาไปเกือยเที่ยงคืน ซึ่งผู้โดยสารเริ่มตาปรือๆกันแล้ว ผมเองเริ่มง่วงหลังจากจัดหนักอาหารญี่ปุ่น กะขึ้นเครื่องแล้วนอนให้เต็มอิ่ม จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:22:25

ความคิดเห็นที่ 26 ถึงสิงคโปร์แอรไลน์จะเป็นสายการบินอันดับ1ของโลกก็จริง แต่ไฟลต์Auckland-Singapore ที่ออกจากAucklandตอนเที่ยงคืน ตอนนั้น สำหรับผม เป็นไฟลต์ที่Horribleที่สุดไฟลต์นึงที่เดียวครับ เพราะเป็นไปอย่างที่คาด ตั้งแต่เครื่องขึ้น สัญญาณรัดเข็มขัดก็ติดไฟตลอด หมายความว่า ห้ามลุกไปไหน ต้องนั่งอยู่กับที่ กัปตันที่เคารพก็ส่งเสียงตามสายมาบำรุงขวัญเป็นระยะ แปลเป็นไทยได้ว่า.. "ท่านผู้โดยสารทุกท่าน ขณะนี้เรากำลังอยู่ในเขตเมฆฝนฟ้าคะนอง ซึ่งทางสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ อาจต้องนำท่านlandingสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ขอให้ทุกท่านนั่งรัดเข็มขัด ปวดฉี่ก็กรุณาหาอะไรรัดไว้ หิวข้าวก็ทนไปก่อน อาเมน" พอพ้นเขตเมฆฝนฟ้าคะนองกัปตันก็ประกาศต่อว่า... "ท่านผู้โดยสารทุกท่าน ขอแสดงความยินดีที่เครื่องเราไม่ตกจากเมฆฝนฟ้าคะนอง แต่เรากำลังเข้าสู่เขตหมอกภูเขาไฟ ทัศนวิสัยแย่มาก จนอาจต้องนำท่านlandingกลางทะเลทรายออสเตรเลย ขอให้ท่านนั่งรัดเข็มขัด!!! อาเมน" เป็นไฟลต์ที่ทรมานมากๆครับ นอนก็ไม่ได้ เพราะไฟเปิดสว่างตลอด บางคนกะมาทานข้าวเย็นบนเครื่องก็ไม่ได้ทาน เสิร์ฟน้ำก็เสิร์ฟไม่ได้ตลอด3ชั่วโมงแรก จำได้ว่า แอร์เริ่มเสิร์ฟน้ำและอาหารตอนตีสาม!!! เก็บอาหารมื้อดึกตีสี่ ปิดไฟให้นอน ปลุกขึ้นมาตีห้าทานมื้อเช้า สิ่งดีๆในไฟลต์น่าจะมีอยู่สองอย่างครับ 1.เที่ยวบินนี้นำท่านผู้โดยสารเดินทางโดยสวัสดิภาพ มิใช่เดินทางสู่สุคติ ผมรอดชีวิตกลับมาทำรีวิว 2.Cabin crew สิงคโปร์แอร์น่ารักม๊ากกกกกกกกก จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:32:23

ความคิดเห็นที่ 27 มาเกาะกระทู้  ดูของอร่อยที่เชียงใหม่  บ้านผมเองครับ  อิอิ จากคุณ : partompong007 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:34:42

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีครับ คุณ บาส  มาทันถ่ายทอดสดเป็นครั้งแรก จากคุณ : somsaktee เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:38:20

ความคิดเห็นที่ 29 ในที่สุดก็นำทุกท่านสู่ ประเทศสิงคโปร์โดยสวัสดิภาพครับ จริงๆแล้วจุดหมายปลายทางหลักผมคือเชียงใหม่ ตั้งใจจะมาต่อเครื่องที่สิงคโปร์เฉยๆ แต่คิดอีกทีไหนๆมาแล้ว เลยพักสิงคโปร์ซักคืนหนึ่ง เพราะสิงคโปร์เองก็เป็นหนึ่งในเมืองที่ มีวัฒนธรรมด้านการกินขั้นเทพ ในระดับเดียวกับ กรุงเทพฯ ฮ่องกง ปารีส โตเกียว จัดเป็นหนึ่งในเมืองหลวงอาหารของโลก กระนั้นแล้วรอช้าอยู่ใย ไปลุยเกาะเล็กๆเมืองสวรรค์ของอาหารด้วยกันเลยครับ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 15:40:15

ความคิดเห็นที่ 30 ชอบดูคุณบาสรีวิว  น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ ตื่นเต้นๆ อยากชมต่อแล้ว จากคุณ : พระจันทร์อันเป็นที่รัก เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 16:04:08

ความคิดเห็นที่ 31 สวัสดีค่ะ ครูบาส ตามไปเที่ยวและไปหม่ำด้วยคนค่ะ ^^ จากคุณ : นู๋ยู้ฮู้ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 16:41:23

ความคิดเห็นที่ 32 แต่ละเมนูดูน่าทานมาก ๆ ค่ะ จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 17:01:33

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเดินทางเข้าเมืองโดยรถไฟฟ้าMRT สิงคโปร์เป็นเมืองที่เดินทางสะดวกเที่ยวง่านเอามากๆเพราะรถไฟฟ้าถึงแทบจะทุกมุมเมือง คงคล้ายๆairport linkของบ้านเรา ผมเลือกพักโรงแรมที่ผมคุ้นเคย Mandarin Oriental Singapore โรงแรมแห่งนี้เคยได้รางวัลโรงแรมที่ดีที่สุดในโลกมาหลายปี ในหมวดของcity hotel แข่งขันกับMandarin Oriental Bangkok กับPeninsula Bangkok จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 17:15:01

ความคิดเห็นที่ 34 ทางโรมแรมจัดห้องพักห้องเดิมที่ผมเคยพักเมื่อช่วงปีใหม่ให้พัก ผมคิดว่าเป็นเทคนิกที่ทำให้แขกรู้สึกคุ้นเคยเหมือนบ้าน และดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์สำหรับแบรนด์โรงแรมนี้ไปแล้วสำหรับการจำชื่อแขก ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้ผมพอสมควร เวลาที่พนักงานตั้งแต่หน้าประตูที่ผมไม่เคยพบมาก่อน ผู้จัดการ รวมถึงเจ้าหน้าที่แต่ละชั้น สามารถทักเราด้วยชื่อได้ถูก โดยขึ้นต้นด้วยคำว่า "Khun" ผมไปถึงโรงแรมประมาณ8โมงกว่าๆ พอไปถึงreception ไม่ถึงนาที พนักงานก็พาผมขึ้นห้องพัก และพาไปเช็คอินในห้องพัก โดยการเช็คอินง่ายๆมากๆ เพียงแค่เซ็นเอกสารแกร๊กเดียวกับกรอกเลขบัตรเครดิต จากนั้นพนักงานที่พาขึ้นไปเช็คอินบนห้องก็ถามถึงแผนท่องเที่ยว เพื่อที่ทางโรงแรมจะช่วยmanage ผมตั้งใจจะไปทานบุฟเฟต์มื้อกลางวันที่โรงแรมแชงกลีรา และทานมื้อเย็นที่โรงแรมRitz and Carlton ไม่ถึงสิบนาที ก็มีโทรศัพท์โทรขึ้นมาบนห้องว่า ทางโรงแรมได้จัดการจองห้องอาหารเหล่านั้นให้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็แจ้งวิธีการเดินทางไปร้านเหล่านั้นอย่างชัดเจน ประทับใจมากๆครับ แต่การมาพักคนเดียว แต่มีเตียงคู่ก็พลอยชวนให้คิดถึงคนที่น่าจะมาด้วย จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 17:22:17

ความคิดเห็นที่ 35 ในห้องพักจะมีwireless internetและสายlandให้เสียบกับlabtop ตรงนี้เป็นส่วนของโต๊ะทำงาน มองออกไปเห็นวิวอ่าวสิงคโปร์ รวมทั้งเจ้าตัวMerionพ่นน้ำ สัญลักษณ์ของสิงคโปร์ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 17:24:35

ความคิดเห็นที่ 36 อ่าวสิงคโปร์จากห้องพักผมครับ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 17:26:58

ความคิดเห็นที่ 37 หลังจากที่ผมผ่านไฟลต์โลกันต์ ไม่ได้นอนมาทั้งคืน เคราะห์ดีที่โรงแรมน่ารัก ให้เช็คอินตั้งแต่เช้าที่เข้ามาถึง ผมจึงมีโอกาสนอนพักผ่อน2ชั่วโมง รายละเอียดเล็กๆที่น่าประทับใจของOriental Singaporeคือ ตอนผมมาพักรอบที่แล้ว ผมโทรศัพท์ลงไปขอน้ำแข็ง ผมติดดื่มน้ำใส่น้ำแข็ง มารอบนี้ไม่ต้องโทรขอเลยครับ พอเช็คอินได้ไม่นานก็มีพนักงานมาเคาะประตู เพื่อนำน้ำแข็งมาให้ ผมว่าอันนี้เป็นtouchเล็กๆที่น่ารัก น้ำแข็งเหยือกละไม่กี่บาท แต่การจำรายละเอียดแล้วดูแลเหมือนคนรู้ใจมันเป็นอะไรที่น่าประทับใจ สำหรับการพักนอกประเทศเรา จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 17:32:38

ความคิดเห็นที่ 38 ก่อนที่ผมจะเดินทางไปโรงแรมShangri la Singapore เืพื่อทานอาหารกลางวัน ก่อนมาผมหาข้อมูลตามเวบบอร์ดที่คนสิงคโปร์คุยกันเรื่องบุฟเฟต์ หนึ่งในบุฟเฟต์ที่คนที่นี่ให้ความนิยมมากที่สุด คือ The line ของโรงแรมShangrilaนี่เอง ผมจึงไม่รอช้าที่มาลองชิม พาท่านผู้อ่านก้นครัวทุกท่านไปพร้อมกับผมเลยครับ ว่าจะชมราคาคุยของคนสิงคโปร์หรือไม่ ผมเดินทางโดยรถใต้ดินมาลงที่สถานีOrchard ทางออกสถานีจะออกมาพบกับห้างion Orchard พอดี ผมต่อรถเมล์เอา แต่ความจริงถ้าไปคนเดียวผมว่าเดินไปไม่น่าเกินสิบนาทีครับ หรือนั่งtaxiก็ใกล้ๆก็ถึง โรงแรมแชงกลีลาอยู่ใกล้ย่านธุรกิจถนนorchardก็จริง แต่ไม่ได้ตั้งอยู่ริมถนนช็อปปิ้งของสิงคโปร์ซะทีเดียว ต้องเข้าไปในซอยอีกนิดหน่อย เหมือนเค้าตั้งใจจะทำเป็น Resort in city hotel จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 17:41:27

ความคิดเห็นที่ 39 The line เป็นบุฟเฟต์ที่คนสิงคโปร์กล่าวกันว่า ใหญ่ที่สุด หลากหลายที่สุด ผมจึงอยากไปพิสูจน์เอามาๆ เดินเข้าไปในโรงแรมแชงกลีรา พอเดินเข้าไปในล็อบบี จะมีบันไดเลื่อนลงไป ให้เดินลงบันได้เลื่อนลงไปชั้นG จะพบร้านThe line  ระหว่างที่ผมกำลังลงบันไดเลื่อน มองไปด้านซ้าย เห็นบรรยากาศสระน้ำของโรงแรม ร่มรื่นเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมในเครือแชงกลีราจริงๆครับ Bangkok Chianmai Singapore ออกมาเป็นพิมพ์เดียวกันเลย จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 17:57:23

ความคิดเห็นที่ 40 ลงบันไดเลื่อนลงไปกำลังจะถึงชั้นG เห็นร้านhe lineแล้วครับ Woww เป็นบุฟเฟต์ที่ใหญ่เอามากๆ แล้วก็ตกแต่งดูmodern สนุกล่ะครับคราวนี้ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 17:59:48

ความคิดเห็นที่ 41 ละลานตระการตาอีกแล้วค่าพี่บาสส :))))) จากคุณ : nann*kyu เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:09:23

ความคิดเห็นที่ 42 รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งจริงๆครับที่ได้มีโอกาสพบครูบาส วันนี้ขอเดินทางตั้งแต่โอ้คแลนด์ สิงคโปร์ กรุงเทพ จนมาถึงบ้านเกิดผมด้วยคนนะครับ ^ ^ จากคุณ : เด็กน้อยจี๊ดจิ๋ว เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:10:35

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นบุฟเฟต์ที่อลังการมากๆ บรรยากาศจะแนวcontempolary modern มากกว่าจะclassic ข้อดีคือ หลากหลายเอามาก คุณจะทานอะไร? Seafood on ice ปู กุ้ง หอยนางรม เคาเตอร์ปลาดิบทำสดๆ เคาเตอร์อิตาเลียน ไลน์อาหารฝรั่งเศส อาหารจีน ติ่มซำ อาหารอินเดียทั้งแผง อาหารไทย ข้าวมันไก่ ข้าวหน้าเป็ด บะหมี่ Laksa เพียงแต่มื้อกลางวันจะไม่มีChilli crabที่เราอยากทานกัน จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:11:10

ความคิดเห็นที่ 44 Zoneนี่เป็นขาแกะย่าง เนื้อย่าง แฮม สิ่งที่เจ๋งมากๆอย่างที่ผมเรียนไป คือความหลากหลายครับ มีให้ท่านทานทุกอย่าง คุณภาพวัตถุดิบสูง และอาหารทุกชนิดปรุงให้ท่านทานใหม่ๆทุกอย่าง ส่วนที่เป็นไลน์ก็แทบไม่มีอันไหนหายถึงครึ่งเชฟก็ทำมาเิติมตลอด ทุกเคาเตอร์อาหารเป็นครัวแบบinteractive คือทำแล้วออกวางในไลน์เลย ตรงซุ้มอิตาเลียน ท่านจะเห็นตั้งแต่การนวดแป้ง เครื่องทำเส้นด้วยซ้ำ แต่ข้อเสียคือ The line อาจไม่เหมาะสำหรับRomantic dinning แหม่จะโรแมนติกยังไงครับ คนเยอะมากกกก คือที่นั่งร่วม300ที่ แล้วก็เต็มทุกที่ ถ้าวิจารณ์แบบปากเสียหน่อยก็บอกได้ว่า บรรยากาศอย่างกับfood court >< จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:17:05

ความคิดเห็นที่ 45 น่าทานจังเลย จากคุณ : Us-Sama Iland เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:19:07

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าให้รีวิวThe line แบบละเอียด สงสัยว่า กระทู้นี้จะเกิน500Rep เป็นแน่ครับ รอบนี้ขอพาดูโดยรวมก่อนนะครับ อันนี้เป็นเคาเตอร์บะหมี่ รวมถึงเส้นหมี่ราดแกงกะทิอาหารขึ้นชื่อของSingapore จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:20:48

ความคิดเห็นที่ 47 ผมว่าLaksaของสิงคโปร์รสชาติคล้ายๆขนมจีนของไทยเราเลย อร่อยดีครับ เข้มข้นจัดจ้าน รสเผ็ดๆของน้ำพริกเผา มีรสอ่อนๆของกะทิมาดึงให้กลมกล่อมพอดี จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:22:35

ความคิดเห็นที่ 48 สำหรับผม ที่ืถือว่า เป็นline to die for คือ lineของหวานครับ สุดๆ หลากหลายมากๆและอร่อยทุกอย่างเลย เท่าที่นับดูวันหนึ่งๆจะมีของหวานให้เลือกทานกว่ารายการได้ทีเดียวครับ มีสามชั้นใหญ่ๆ รวมทั้งเครป วัฟเฟิ้ล เด็ดมากๆ ผมจำได้ว่า ผมเลือกจะแวะพักที่สิงคโปร์แล้วดั้นด้นมาThe line ได้เพราะเห็นรูปนี้ในรีวิวของชาวสิงคโปร์ พอมาได้สัมผัสเองก็ไม่ผิดหวังครับ เป็นไลน์หวานที่อลังการละลานตาไปหมด จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:34:06

ความคิดเห็นที่ 49 Crem' bulee จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:36:26

ความคิดเห็นที่ 50 พุดดิ้งมะม่วง ผมคิดว่า ของหวานที่สิงคโปร์ เป็นcombinationระหว่างรสชาติแบบเอเชีย กับวิธีการทำขนมแบบตะวันตกได้ลงตัว ผมจึงรู้สึกว่าของหวานของสิงคโปร์ถูกปากผมหลายชนิดเอามากๆ โดยเฉพาะพวกมะม่วง จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:38:15

ความคิดเห็นที่ 51 ในความเห็นผม มาทานThe line เน้นทานให้หลากหลายเข้าไว้ อย่างละนิดอย่างละหน่อย ในทางปฏิบัติแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทานอาหารร่วม300รายการให้ครบ อย่างไรก็ตาม สำหรับผม วันที่มาทานThe line ผมทานปลาดิบ ทานปู ทานหอยนางรมย์ ทานพาสตา เนื้อผัดพริกไทยดำ ไก่สะเต๊ะเนื้อสะเต๊ะ ติ่มซำ แกงแกะแบบอินเดีย ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว ปลาหิมะราทาทูอี laksa ข้าวมันไก่ แล้วก็ทานของหวานไปอีกประมาณสิบรายการ สำหรับราคา$48 ตกประมาณพันต้นๆเงินไทย กับความหลากหลาย คุณภาพ รสชาติ ผมถือว่า คุ้มมากๆครับ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:43:33

ความคิดเห็นที่ 52 ทริบชวนทานจริงๆค่า จากคุณ : Midtown Girl เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:47:30

ความคิดเห็นที่ 53 ถ้ามีโอกาสไปสิงคโปร์ แล้วผ่านไปเดินช็อปปิงแถวถนนOrchard ลองแวะไปทานThe line ที่โรงแรมShangri la ดูครับ คุ้มค่าทีเดียว สำหรับรีวิวละเอียด ขออนุญาตติดไว้โอกาสหน้า รีวิวนี้ จริงๆพระเอกของรายการอยู่ที่เชียงใหม่ครับ ไม่อยากให้สิงคโปร์มาแย่งซีน อยากให้สิงคโปร์กับกทม.มีบทบาทเป็น "ความสุขระหว่างทาง" ก่อนจะถึงเชียงใหม่ครับ ^^ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:47:33

ความคิดเห็นที่ 54 ผมเชื่อว่าด้วยความที่โรงแรมShangri la อยู่ย่านๆต้นถนนOrchard หลายๆท่านคงมีไอเดียเหมือนผม คือทานบุฟเฟต์กลางวันที่The line จากนั้นช่วงเวลาระหว่างมื้อกลางวันกับมื้อเย็น ก็กะจะเดินช็อปปิงถนนOrchardย่อยอาหาร แต่ในทางปฏิบัติแล้ว แทบจะเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะถ้าท่านทานอาหารมากว่า20courese..หุ่นทานจะเหมือนกับคนท้องใกล้คลอด ผมเองก็อยู่ในข่ายนั้น จึงกลับโรงแรมไปอาบน้ำนอนพักผ่อน >< ห้องน้ำของMandarin Oriental Singaporeครับ อ่างส่วนหนึ่ง ตรงด้านหน้าขวาในภาพเป็นห้องอาบน้ำแบบshower จุดเด่นคือ เปิดม่านเป็นกระจกใส จากห้องน้ำจะเห็นอ่าวสิงคโปร์ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:53:51

ความคิดเห็นที่ 55 amentitiesในห้องน้ำนำมาจากspaของโรงแรมเป็นน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้กับขิง หอมมากๆ ทางโรงแรมจัดไว้ให้3ชุด ตอนกลับบ้านแถมไปเป็นทีระลึกเพิ่มอีกสองชุด ^^ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 18:57:31

ความคิดเห็นที่ 56 โหะๆๆ แอบตาม ครูบาส ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ^^ คือแบบครูบาสบางทีพิมพ์ภาษาอังกฤษมา เหมือนสอนไปในตัวด้วยเลย เพราะหนูก็ไม่เก่งอังกฤษเท่าไหร่ ทำให้อ่านแล้วยิ่งสนุกมากๆค่ะ กับการอ่านบล็อค ครูบาส เพราะพาไปอร่อยแถมยังได้ความรู้ทางภาษาด้วยค่ะ  ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับรีวิวดีๆนี้ แอบตามอ่านบล็อคครูบาสเยอะเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : NokJbz เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:01:59

ความคิดเห็นที่ 57 มื้อเย็น ผมชั่งใจอยู่นาน ระหว่างไปลองบุฟเฟต์โรงแรมอื่นๆเช่นpan pasific, Hilton,Mariotหรือแม้แต่Raffle แต่สุดท้ายหวยก็มาออกที่ร้านเดิมที่ผมกลับมาทานทุกครั้งเวลามาสิงคโปร์ คือGreenhouse ของโรงแรมRitz and carlton ติดโรงแรมโอเรียนทอลเลยครับ สำหรับผม greenhouseเป็นบุฟเฟต์ที่ของหวานอร่อยที่สุดในโลก อาจไม่หลากหลายเท่าthe Line แต่ทุกอย่างคุณภาพสูงมากๆ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:06:20

ความคิดเห็นที่ 58 ไลน์บุฟเฟต์Greenhouseมีทุกอย่างที่บุฟเฟต์โรงแรม5ดาวควรจะมี ปลาดิบ ซูชิ seafood on ice Lobster คาเวียร์ อาหารอินเดีย แต่ที่จัดว่าเป็นจุดเด่นในมุมมองผมมีสองอย่างใหญ่ๆ คือ 1.Chilli crab 2.Black pepper chilli 3.Line ของหวาน โดยวันที่ผมไปเป็นปูผัดพริกไทยดำ เชฟทำใหม่มาเติมอยู่ตลอด ไม่เคยต้องไปแย่งทานเพราะเด๋วซักพักก้มีมาเติม ปูทั้งตัว รวมทั้งก้ามอันเบิ้มกับซอสพริกไทยดำหอม จัดจ้าน สำหรับผมจานนี้เป็นhighlight จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:14:37

ความคิดเห็นที่ 59 ด้านหลังไลน์ซูชิ จะมีไลน์โซบะเย็น ผมชอบบรรยากาศการจัดบุฟเฟต์ของGreenhouseมากๆ ดูให้ความรู้สึกหรูหรา จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:15:49

ความคิดเห็นที่ 60 ไลน์seafood มีกุ้ง ปูทะเล หอยแมลงภู่ แช่น้ำแข็งมาให้ทานกับทาบาสโกซอส เสียดายที่คนต่างชาติไม่รู้จักน้ำจิ้มซีฟู๊ดของบ้านเรา ไม่งั้นพวกนายจะได้ทานของพวกนี้ในรสชาติที่อร่อยกว่านี้นะ หุหุ ของทุกอย่างสด อร่อย และหวานเข้าไปในเนื้อมากๆครับ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:16:56

ความคิดเห็นที่ 61 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 54 19:22:13 จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:19:06

ความคิดเห็นที่ 62 ที่ประทับจิตผมมากๆคือ Greenhouseเป็นบุฟเฟต์ที่จริงๆกับแขกมากๆ วัตถุดิบแต่ละอย่าง ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถหาทานได้ในบุฟเฟต์แล้วเท่าที่ผมเคยทานมานะครับ เช่น สลัด ทะเล ใช้คาเวียร์!!! มีเชฟชาวฝรั่งเศสกำลังเดินดูแลอาหารอยู่ ผมก็เดินเข้าไปถามว่า สลัดนี้ดำๆนี่คืออะไร เชฟตอบว่า Caviar ผมไม่ค่อยพบบุฟเฟต์ที่ไหนใช้คาเวียร์ทำสลัดออกมาวางในไลน์ แถมรสชาติดีมากๆซะด้วย จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:22:47

ความคิดเห็นที่ 63 กุ้งซอสกะเพราะ อร่อยจัดจ้าน ไม่ได้ทานอาหารรสถึงๆลิ้นแบบนี้มานานมาก ถ้าท่านไปอยู่ประเทศตะวันตกซักสองเดือนขึ้น แล้วได้กลับมาทานอาหารเอเชียท่านจะรู้สึกได้เลยครับ ว่าอาหารเอเชียมีรสชาติกว่าอาหารตะวันตกเยอะ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:25:22

ความคิดเห็นที่ 64 น่าทานมากมายครับครูบาส จากคุณ : เด็กเป็ด (dekped) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:26:02

ความคิดเห็นที่ 65 ชอบเมนูเมืองกีวีทั้งสองมื้อเลยค่ะ น่าทานและน่าเที่ยวมาก ^^ จากคุณ : Gracie Lou Freebush เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:27:32

ความคิดเห็นที่ 66 ในความเห็นผม อาหารหลักคือปูผัดพริกไทยดำ หรือChilli crab กับกุ้ง แล้วก็ของหวาน วันนั้นผมทานก้ามปูไปร่วม5ตัวได้ครับ ทานเสร็จตักใหม่อยู่หลายรอบมาก ปูสดเนื้อแน่นๆสุดๆ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:28:06

ความคิดเห็นที่ 67 ช่วงเวลาที่ผมรอคอย ของหวานครับ เมื่อกลางวันทานเค้กมาที่The line มาหลายสิบชิ้น แต่มาที่Greenhouseก็ยังอยากทานอยู่ดี สำหรับผม ผมยังคงยืนยันคำเดิมว่า Greenhouseเป็นบุฟเฟต์ที่ของหวานอร่อยที่สุดสำหรับผม จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:30:41

ความคิดเห็นที่ 68 ของหวานที่นี่อร่อยทุกอย่างและปริมาณพอเหมาะ พอที่จะชิมได้ทุกอย่าง ท่านที่เป็นdesser loverเหมือนผมต้องชอบแน่ๆครับ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:32:31

ความคิดเห็นที่ 69 จะมีขนมประหลาดๆที่ผมไม่เคยทานมาก่อนอยู่หลายอย่างทีเีดียว จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:34:30

ความคิดเห็นที่ 70 สำหรับผม การทานบุฟเฟต์มื้อกลางวันที่The lineโรงแรมShangri la พักสามชม.แล้วต่อด้วยบุฟเฟต์มื้อเย็นที่Green housr Ritz and carlton ถือเป็นสุขนาฏกกรรมของต่อมรับรส แต่เป็นโศกนาฏกรรมของทางเดินอาหารผมอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม สำหรับในวันแีรกของรีวิวที่ได้พาท่านผู้อ่านทุกท่านแวะทานของอร่อยๆที่สิงคโปร์ ผมคิดว่า ทั้งสองแห่งเป็นบุฟเฟต์ที่คุ้มค่าและไม่ควรพลาดสำหรับท่านที่ชอบทานบุฟเฟต์ The line ราคา$48 ประมาณ 1200 ถ้ามาสิงคโปร์แอร์ไลน์ ใช้Boarding passของSQลดได้อีก15%เหลือประมาณพันถ้วนๆครับ Green house ราคา$78 ตกประมาณ2000บาท ค่อนข้างแพงกว่าThe line แต่ก็ตามคุณภาพของที่นำมาเสิร์ฟครับ ปูทะเลทานไม่อั้น คาเวียร์ lobster หอยนางรม ของหวานขั้นเทพ คิดว่าก็คุ้มราคาครับ ตอนนี้อิ่มมากกกก จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:42:36

ความคิดเห็นที่ 71 น่ากิน จังเลย ... จากคุณ : จินนี่ล๊าลั่นล๊ะ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:43:05

ความคิดเห็นที่ 72 กลับโรงแรมมานอนอืด หลับสนิทครับ เป็นทริปที่ผมคิดว่า สมยี้ห้อสมาชิกห้องก้นครัวจริงๆ ^^ ผมว่าถ้าเป็นท่านเพื่อนมาชิกที่เล่นBlue planetก็คงเป็นอีกลักษณะนึง ส่วนก้นครัวเรานี่เน้นทาน : ) จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:46:00

ความคิดเห็นที่ 73 ตื่นเช้ามา ทานอาหารเช้าที่Melt, the world cafe ของโรงแรมที่ผมพัก เป็นอาหารเช้าที่หลากหลายมากๆ มีขมปังนานาชนิด น้ำผลไม้ปั่นสดๆ  โยเกิร์ต ซีเรียล แฮม ปลาหิมะนึ่ง ปลาหิมะรมควัน แซลมนรมควัน ซูชิ ไก่เทอริยากิ ติ่มซำ บะหมี่ โจ๊ก อาหารเช้าแบบอินเดีย ไปจนถึงอาหารมาเลอย่าง Nasi lamek ผมยังอิ่มจากเมื่อคืน จึงทานเบาๆ ทานเกี๊ยวกับน้ำผลไม้ แล้วก็พวกขนม จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:49:03

ความคิดเห็นที่ 74 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 54 19:56:08 จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:55:11

ความคิดเห็นที่ 75 หลังจากนั้น วันนี้ผมมีโปรแกรมไปไหว้พระเขี้ยวแก้ว (ฟันของพระพุทธเจ้า) ที่วัดพระเขี้ยวแก้ว แถวChina town ซึ่งดูเหมือนจะเป็นรายการเที่ยวรายการเดียวที่ไม่ใช่การรับประทาน : P ผมใช้เวลาอยู่ในวัดพระเขี้ยวแก้วนานเหลือเกิน ร่วมๆสิบนาที ก่อนจะข้ามฝั่งไป ตรงข้ามวัดพระเขี้ยวแก้ว จะมีศูนย์อาหารนามว่าMaxwell food center จุดมุ่งหมายผมคือไปตามหาร้านข้าวมันไก่อันโด่งดังของชาวสิงคโปร์ ที่คนสิงคโปร์ภาคภูมิใจว่า ร้านนี้popสุดๆไม่มีที่ใดในโลกาสู้ได้แล้ว ร้านข้าวมันไก่เล็กๆในfood courtที่ชื่อดังถึงขนาดมาเข้าหูชายคิ้วหนาชาวสยามได้นี้ ชื่อร้าน Tian tian ซึ่งนิตยสารหลายเล่มลือกันว่า ถ้าเอ้งอยากทาน ต้องรีบตื่นแต่เช้าไปต่อแถวรับบัตรคิวประหนึ่งจะทานโดนัทย่านสยามพารากอน จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 19:56:29

ความคิดเห็นที่ 76 แล้วก็เป้นไปตามคำร่ำลือ คือร้านอื่นมีคนซื้อบ้างไม่มีคนซื้อบ้าง แม่ค้ายืนเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้านบ้าง แต่ร้านที่10 นามว่า Tian tian กลับมีคนต่อแถวกันยาวเหยียดประหนึ่งแจกฟรี แล้วแต่ละคนที่ซื้อไปก็ใช่ว่าจะซื้อกันคนละกล่อง แต่ซื้อกันทีเป็นสิบห่อแบกกันขึ้นรถ เหมือนจะเอาข้าวมันไก่ไปแจกในงานเลี้ยงยังไงอย่างนั้น ผมตั้งใจว่าลองของแหละ ว่าข้าวมันไก่ร้านทีสิงคโปร์คุยนักหนาว่าเจ่งสุดจะเป็นอย่างไร ว่าแต่ ผมได้ความรู้ใหม่ว่า ข้าวมันไก่ ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า Hainanese chicken rice ผมเคยเข้าใจมาตลอดว่า ข้าวมันไก่คือ Oily rice chicken จริงๆแล้วภาษาอังกฤษเค้ามีชื่อเฉพาะของเค้า ตามที่มา ไม่ใช่เอาคำไทยมาต่อกัน ทำนอง  น้ำดี เค้าไม่เรียกว่า good water แต่เรียกว่า bile เช่นเดียวกัน ต่อมน้ำนม เรียกว่าnipple ไม่ใช่head milk ^^ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:01:24

ความคิดเห็นที่ 77 มื้อนี้อาจจะไม่ได้สวยงาม บรรยากาศดีเหมือนมื้ออื่นๆ แต่ผมก้สรุปได้ว่า ข้าวมันไก่สิงคโปร์ร้านนี้เค้าเจ๋งจริงๆ คือไก่หวานเข้าไปในเนื้อเลย แทบไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้ม เค้าจะมีราดน้ำสต็อกหวานๆเค็มๆ ทานกับข้าวหอมๆแล้วอร่อยมากๆครับ เป็นอีกร้านที่ผมอยากให้ท่านมาพิสูจน์เมื่อมาสิงคโปร์ นอกจากChilli crab และของหวานที่greenhouse จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:04:46

ความคิดเห็นที่ 78 ตอนนั้นเที่ยงๆแล้ว ผมจัดข้าวมันไก่Tian Tian เป็นมื้อเที่ยง สิงคโปร์ไม่เหมือนนิวซีแลนดืเอามากๆตรงที่แดดร้อนสุดๆ แค่เดินจากฝั่งหนึ่งข้ามไปอีกฝั่งอีก สามารถทำให้ผิวท่านระเหยได้ ผมจึงรีบนั่งTaxiกลับโรงแรม เพราะต่อมรับรสผมรู้สึกว่ามื้อกลางวันนี้ยังไม่สมบูรณ์ คือยังขาดของหวาน จึงตั้งใจจะไปหาขนมทานในโรงแรมโอเรียนทอล ที่ชั้นสาม มีcoffee shop นามว่า Axis bar ในทำนองเดียวกับที่Oriental bangkokมี The Author lounge หรือOriental ดาราเทวีมี Oriental shopที่กาดดารา ผมเดินโฉบไปโฉบมาอยู่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้เพิ่งมีโอกาสได้เห็นตู้ขนมชัดๆ wowww จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:10:05

ความคิดเห็นที่ 79 ผมเลือกราสเบอรีมูส กับช็อคโกแลตมูสมาทานเป็นของหวานหลังข้าวมันไก่ ผมชอบการพรีเซนต์ของร้านขนมที่นี่ รสชาติดีนะครับ แต่ผมว่าค่อนข้างหนักไปทางยุโรป ความเห็นส่วนตัวผมชอบขนมที่Ritz and Carltonมากกว่า เพราะค่อนข้างถูกปากมากกว่า ที่แห่งใดที่มีเชฟแข่งกันนำเสนอสิ่งใหม่ๆมาให้ผู้บริโภค จนมีอาหารรูปแบบใหม่ๆขนมๆใหม่ๆออกมาอยู่เรื่อยๆ ที่แห่งนั้นย่อมมีCivilization และศิลปะในด้านอาหารเจริญขึ้นเท่านั้น พิมพ์ถึงตรงนี้ก็นึกเศร้าที่ตู้ขนมที่โอเรียนทอลช็อปกทม.ที่รักของผม หลังจากเชฟท่านใหม่มาคุมเกือบหนึ่งปีเต็ม...รู้สึกจะยังไม่มีขนมใหม่ๆออกมาให้ผมทานเลย T T ใช้ของเดิมมาร่วมสองปีแล้ว เด่วกลับไปจะไปเขียนรีเควซ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:18:04

ความคิดเห็นที่ 80 อิ่มแล้วครับ ออกจากโรงแรมไปเดินเล่น ตรงข้ามโรงแรมผม จะมีสะพานเรียกHelix bridge พยายามจะทำเป็นสะพานดีเอ็นเอ เพื่อข้ามไปยังของเล่นใหม่ของสิงคโปร์ นั่นคือMarina bay sand ผมเองมีโอกาสไปเดินเที่ยว แต่ยังไม่มีโอกาสขึ้นไปด้านบนเสียที ตอนแรกผมมองๆอยู่จะพักที่นู่นเหมือนกัน เพราะห้องพักถูกกว่าโอเรียนทอลเกือบครึ่ง แต่ว่าเจอเงื่อนไขนู่นนี่ เช่น check in ก่อนเที่ยง คิดราคาห้องเพิ่มอีกหนึ่งวัน!!! เลยตัดสินใจพักโอเรียนทอล อาจแพงหน่อย แต่สบายใจ ดูแลครบวงจร ไม่มานั่งชาร์ตเล็กชาร์ตน้อย แต่ถ้ามีโอกาสหน้าที่ผมมาถึงเร็วกว่านี้ก็อยากลองพักmarina bay sandดูเหมือนกันครับ เห็นเพื่อนสมาชิกหลายท่านรีวิวไว้แล้วสวยแล้วก็ใหม่มากก จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:24:42

ความคิดเห็นที่ 81 เดินเล่นซักพัก หิวอีกแล้วว เดินกลับมาโรงแรม ตอนนั้นบ่ายโมงกว่าๆได้ ห้องอาหารของโรงแรมยังเปิดlunchอยู่ เดินวนไปวนมา เลยตัดสินใจเดินเข้าร้านอาหารจีนของโรงแรม ชื่อ`Cherry garden Pix Credit: from mandarinoriental.com จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:32:31

ความคิดเห็นที่ 82 เท่าที่ผมสังเกต ดูเหมือนคนที่นี่จะไม่ค่อยซีเรียสเรื่องการแต่งตัวไปร้านอาหารเลย เห็นคนไปทานบุฟเฟต์ในแชงกรีลา เสื้อยืดกางเกงขาสั้นกันเต็มเลยครับ จะไม่เหมือนกันนิวซีแลนด์ ที่ฝรั่งเค้าค่อนข้างแต่งตัวformalกันเวลาไปทานร้านอาหาร พิธีการนิดนึง ผมเองก็ไม่ค่อยชอบแต่งตัว นี่มันเวลาพักผ่อนผมนี่หว่า ไม่ได้จะไปเจรจาธุรกิจกับใครซะหน่อยถึงต้องใส่สูทผูกไทด์ไป แต่เว้นบางร้านที่เค้าต้องการให้บรรยากาศเป็นแบบนั้นจริงๆเช่นนอมังดี ผมก็ไม่ขัด เชิร์ทก็เชิร์ดฟะ แต่ร้านนี้เดินเข้าไป เห็นแขกในโรงแรมเพิ่งตื่น หัวฟู ลากรองเท้าแตะลงมาทานกันตรึมเลยฮะ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:36:27

ความคิดเห็นที่ 83 บรรยากาศภายในร้านครับ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:37:49

ความคิดเห็นที่ 84 ความตั้งใจอย่างหนึ่งในการมาสิงคโปร์ นอกจากมาทานข้าวมันไก่ มาทานขนมอร่อยๆแล้ว ผมตั้งใจจะมาทา`Chilli crab เสียดายที่วันที่ผมไปที่greenhouseมื้อเย็น กลายเป็นวันที่มีปูผัดพริกไทยดำออกมาแทนซะนี่ เลยถือโอกาสมาสั่งChilli crabเอาที่นี่ซะเลย ซึ่งค่อนข้างจะไม่เหมือนChilli crabสไตล์สิงคโปร์ เนื่องจาถ้าเป็นแบบสิงคโปร์แท้ๆ จะใช้ปูทั้งตัว แต่ที่นี่จะใช้แต่ก้าม แล้วทานกับหมั่นโถที่ทำเป็นถ้วย เวลาทาน ให้กัดก้ามปูทีละคำ แล้วตักซอสพร้อมไข่ในซอสใส่ถ้วยแล้วทานพร้อมกัน อร่อยมากๆ อย่าแปลกใจที่ท่านจะพบเมนูนี้ที่The China houseของโอเรียนเต็ลกรุงเทพฯด้วย รวมถึงหลายๆเมนูที่นี่กับที่The China houseของจะเหมือนกันเด๊ะ ด้วยเหตุผลง่ายๆสามข้อ 1.เชฟใหญ่ที่นี่ กับอดีตเชฟใหญ่The China houseคือเชฟ คงไคเมง มีอาจารย์คนเดียวกันเป็นมาสเตอร์เชฟอยู่ที่ปักกิ่ง 2.เชฟปัจจุบันของThe China houseคือเชฟ แอนดี เหลียง เคยอยู่สิงคโปร์มาหลายปี 3.ผู้จัดการThe China houseท่านปัจจุบันเป็นคนสิงคโปร์ คือ Ian Lee ซึ่งแน่นอน แกต้องจิ๊กสูตรของที่นี่มาไม่มากก็น้อย จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:45:01

ความคิดเห็นที่ 85 ของหวานเป็น คอกเทลเจลลีเหล้าจีน เชอรี กับเชอเบตลิ้นจี่ ง่ายๆแต่อร่อยมากๆ ผมจะเชียร์คุณเอียน ผู้จัดการThe China houseให้มาจิ๊กสูตรของหวานอันนี้ให้จงได้ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:46:27

ความคิดเห็นที่ 86 พรีเซนต์มาในกล่องแบบจี๊นจีนฮะ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:46:59

ความคิดเห็นที่ 87 มาสิงคโปร์รอบนี้ ได้ทานไปทั้งหมด6มื้อ ไม่รวมบนเครื่องบิน เป็นบุฟเฟต์ซะ3มื้อ โดยส่วนตัวประทับใจทุกมื้อ และถ้ามีโอกาสคงกลับมาอีกครับ ได้เวลาบ๊ายบาย การแวะพักต่อเครื่องที่ทรมานทางเดินอาหารที่สุด จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:49:43

ความคิดเห็นที่ 88 บ๊าย บาย สิงคโปร์ เกาะเล็กๆ ที่ขนมอร๊อยอร่อย จะได้กลับบ้านแล้วว กรุงเทพบ้านเรา กับเชียงใหม่เมืองในฝันของผม รอผมอยู่ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:50:53

ความคิดเห็นที่ 89 กลับถึงกรุงเทพฯปุ๊บ นั่งairport linkกลับบ้าน โทรศัพท์ไปทักทายครอบครัว รวมถึงรายงานตัวกับผบ.ว่าอยู่รอดปลอดภัยเครื่องบินไม่ตกแล้ว ปรับเวลาให้ตรงกับเวลาไทยซักพัก เริ่มรู้สึกนึกถึงบรรยากาศเก่าๆที่ผมไม่ได้ทำมานานมากๆ คือการออกไปหาอะไรทานตอนดึกๆ ถ้าผมอยู่Auckland แล้วผมเกิดหิวตอนเที่ยวคืน มีทางเดียวคือต้มมาม่า แต่ที่กรุงเทพฯ คุณมีของอร่อยทานได้24ชั่วโมง สมแล้วที่ได้รับการvoteเป็นเมืองที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก ผมจึงออกไปหาอะไรทานแถวประตูผี จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:54:27

ความคิดเห็นที่ 90 ตอนแรกตั้งใจจะไปทานผัดไทยทิพย์สมัย แต่ผมไม่ทานผักกับถั่วงอก แล้วเห้นเค้าผัดทีกะทะใหญ่ๆ แล้วคนเยอะมาก เลยเดินเลยไปอีกร้าน ไปพบร้านผัดแห้ง ชื่อร้านเจ๊ใฝ เลยเข้าไปลองทานดู สั่งบะหมี่ผัดขี้เมาทะเล อุ แม่เจ้า กุ้งตัวเบ้อเร้อ แถมมีปูมาเป็นปล้องๆ รสชาติแบบที่ใฝ่หามานานแล้ว อร่อยมากๆ เลยสั่งอีกจาน พร้อมน้ำส้มกับน้ำมะพร้าว ตอนจ่ายตังค์ ก็ยื่นแบงค์พันให้ ปรากฏทอนมาสองร้อย โอวววว ตอนผมสั่งผมก็ไม่ได้ดูเมนู ไม่ได้ดูราคา หิวๆเห็นข้างๆเค้าสั่งอะไรก็สั่งตาม ผมเพิ่งทราบว่า เด๋วนี้อาหารข้างทางบ้านเราจานละ300แล้วอ่อครับเนี่ย ราคาพอๆกับไปทานบุฟเฟต์แชงกรีลาเลยนะเนี่ย แต่จะว่าไปก็ตามวัตถุดิบที่เจ๊แกใส่มาแหละ พอกลับมา ถึงทราบว่าร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องแพงมานานระ ฮ่ะๆ จากคุณ : bas121 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 20:59:08