ความคิดเห็นที่ 1 จั่วหัวกระทู้ด้วยรูปโรงแรมก็คงเดาได้นะครับว่าที่ไหน นั่นก็คือ นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ หนนี้ไม่มีโอกาสได้เลือกมาก  เพราะผู้จัดบังคับบินกับรักคุณเท่าฟ้าไฟลท์เช้าสุดที่มี มาถึงโรงแรมซึ่งอยู่ในช่วงถดถอยทางแบรนด์อย่างน่าใจหาย เริ่มจากเวสทินสุดหรู ก่อนจะลดระดับเป็นเชอราตัน ไปๆมาๆ ย้ายข้ามค่านสวมเสื้อใหม่สีเขียวสดใส สไตล์ฮอลิเดย์อินน์อย่างหน้าตาเฉย แต่ก็ยังดีที่ห้องกว้างขวางจากสมัยเวสทิน เตียงใหญ่ และวิวแม่น้ำปิงที่แสนงดงามยังถูกคงคุณภาพเอาไว้ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:15:57

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนที่จะพาไปชิมอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ขออนุญาตพาเที่ยวพอเป็นน้ำจิ้ม เสียเล็กน้อยนะครับ ผมชอบเชียงใหม่มาก แม้จะไม่ได้มาบ่อย ครั้งสุดท้ายที่มาก็ปาเข้าไปสี่ปีแล้ว หนนั้นมาสมัยยังเป็นลูกพระเกี้ยวมาเสนองานวิชาการที่มหาวิทยาลัยแถวนี้ ความจริงเมื่อต้นปีก็มา แต่ใช้เชียงใหม่เป็นทางผ่านไปดูงานที่อำเภอปาย จะนับว่ามาเที่ยวก็ดูกระไรอยู่ครับ สำหรับผมแล้วเชียงใหม่ ไม่ใช่ดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ หลินปิง ไนท์ซาฟารี ปางช้าง ร่มบ่อสร้างหรืออะไรก็ตามที เชียงใหม่ของผมต้องเป็นเมืองเก่า และวัดในสถาปัตยกรรมล้านนาในเขตคูเมืองชั้นในเท่านั้นครับ ซึ่งผมขอเริ่มต้นด้วยวัดพระสิงห์ก่อน บรรยากาศดีมาก และภายในก็สงบเย็น ขัดกับปรอทเทอร์มมิเตอร์ภายนอกที่บอกอุณหภูมิ 35 ดีกรีเซลเซียสเชียวครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:16:31

ความคิดเห็นที่ 3 เดินมาอีกหน่อยก็จะเป็นหอศิลปวัฒนธรรม บนถนนราชดำเนินตัดกับถนนราชวิถี ที่มีอนนุสาวรีย์สามกษัตริย์ประดิษฐานอยู่ด้านหน้า ที่นี่เป็นลานกว้างซึ่งผมสามารถมานั่งทอดหุ่ยได้เป็นนานสองนาน ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงเรียนังที่ผมคุ้นเคยอย่างยุพราชวิทยาลัย ที่ซึ่งผมมีเพื่อนสนิทสนมสมัยมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่หลายคนตามประสาผู้เคยรับทุนจากแหล่งทุนเดียวกันครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:17:04

ความคิดเห็นที่ 4 จากหอศิลปวัฒนธรรม ผมเดินย้อนลงมาอีกหน่อยก็จะพบกับวัดพันเตาบนถนนพระปกเกล้า ส่วนตัวแล้วผมชอบวัดนี้ที่สุดครับ วัดซึ่งเป็นอาคารไม้ ซุ้มประตูแกะสลักเป็นรูปนกยูงสวยงามทีเดียว ผมใช้เวลาสงบจิตสงบใจอยู่ที่นี่สักพัก หย่อนเงินทำบุญในตู้บริจาคที่เรียงรายอยู่หลายใบ ก่อนออกมาเดินต่อเพื่อชมงานวัด งานวัดจริงๆครับ ของขายก็มีหลากหลาย โดยเฉพาะของกินงานวัดที่ไม่ต่างอะไรจากงานภูเขาทองที่ผมคุ้นเคยสมัยเด็กๆ ผมได้แต่มองและชิมผ่านสายตากับสูดกลิ่นลึกผ่านจมูก ทั้งนี้เพราะว่ามื้อใหญ่กลางวันนี้กำลังรอผมอยู่ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:17:44

ความคิดเห็นที่ 5 ถึงวัดสุดท้ายที่ผมตัดสินใจแวะ นั่นก็คือวัดเจดีย์หลวงครับ วัดนี้มีขนาดใหญ่โดตกว่าสองวัดที่ผ่านมา แล้วก็มีงานวัดเป็นที่เอิกเริกไม่แพ้กัน เข้าใจว่าคงจะมีการสมโภชอะไรบางอย่าง สำหรับวัดเจดีย์หลวงนอกจากอุโบสถถที่ใหญ่โตและมลังเมลืองแล้ว หลายๆ คนคงไม่พลาดไปชมพระธาตุเจดีย์หลวงซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าแสนเมืองมา ก่อนที่ภายหลังจะถูกแผ่นดินไหว พังลงมาเสียครึ่งองค์ แต่ก็ยังคงเค้าลางความยิ่งใหญ่เอาไว้ให้เห็นครับ เช่นเดียวกันที่วัดนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของเมืองเชียงใหม่ ที่ห้ามผู้หญิงเข้าไปสัการะด้านใน จนเป็เรื่องราวใหญ่โตลือลั่นเมื่อหลายปีก่อนครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:18:18

ความคิดเห็นที่ 6 หลังจากเดินคนเดียวจนขาลาก นับตั้งแต่คนขับรถมาส่งผมไว้ที่ประตูสวนดอกตอนก่อน 10 โมงเช้า พร้อมนัมารับอีกทีตอนบ่ายสองโมงครึ่ง ณ ตลาดวโรรสซึ่งอยู่อีกฟากของเมือง ผมก็ได้เวลามาเติมพลังมื้อเที่ยงกับร้านที่ผมอยากมาลองมากที่สุด เป็นเพราะไม่มีเวลามากที่จะออกไปนอกเมืองเลยไม่มีโอกาสไปลองอาหารกลางวันที่แมนดารินโอเรียนเต็ล หรือโฟร์ซีซั่นส์ แต่เมื่อลองสืบค้นไปมาเลยรูว่าในเขตเมืองเก่าก็มีร้านดีๆ ซ่อนอยู่อย่าง ราชมรรคา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือ relais and chateux เสียด้วยครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:18:49

ความคิดเห็นที่ 7 พอเดินเข้ามาถึงโรงแรมซึ่งอยู่ซอกหลืบในสุดของถนนราชมรรคาแถมต้องเข้าซอยเล็กๆมาอีกหน่อย ผมก็ได้สัมผัสถึงความงดงามของหมู่สถาปัตยกรรมล้านนาที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองเชียงใหม่ พนักงานทักทายผมกันเสียงขรม แถมยังจำชื่อผมได้ด้วย ซึ่งความจริงก็ไม่น่าจะแปลกใจอะไร เพราะผมเป็นแขกคนเดียวของที่ร้านในวันนี้ ที่สำคัญเมื่อคืนวานยังอุตส่าห์โทรมาจองกันพลาดเอาไว้ด้วย ตัวร้านอาหารเองตั้งอยู่ด้านหน้าสุดของโรงแรมใกล้ลานจอดรถแต่ก็เงียบสงบไม่พลุกพล่าน เช่นเดียวกับในร้านที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ อินดอร์และเอาท์ดอร์ แน่นอนในเวลาหนึ่งชั้นฉายแบบนี้ ไม่มีที่ใดจะดีไปกว่าการนั่งสงบเย็นในห้องปรับอากาศส่วนในร่มครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:19:19

ความคิดเห็นที่ 8 ความน่ารักของบริกรที่นี่ยังไม่หมดเท่านี้นะครับ ต้องบอกว่าบริการกันอย่างมืออาชีพมากๆ ทำเอาโรงแรมห้าดาวหลายๆ แห่งในกรุงเทพอายม้วนต้วนกันเลยทีเดียว เริ่มจากจังหวะจะโคนในการนำเสนอเมนูอาหาร บริกรอีกรายเดินไปปิดประตูหน้าต่างทุกบานของห้อง ก่อนจะเปิดเครื่องปรับอากาศให้ทำงานอย่างเต็มที่ ขณะที่อีกคนก็เข้ามาอธิบายรายละเอียดอาหาร ทุกคนสุภาพแต่ก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความเป็นกันเอง ทำเอาผมซึ่งวันนั้นใส่เสื้อแขนสั้น แล้วยังลากรองเท้าแตะไปทานเนื่องจากสะดวกในการเข้าวัดนั้นออกวัดนี้ รู้สึกเคอะเขินชอบกลครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:19:52

ความคิดเห็นที่ 9 ระหว่างที่กำลังเลือกเมนูสำหรับมื้อกลางวันอยู่นั้น พนักงานก็จะนำเอาเครื่องดื่มมาบริการ เป็นน้ำดื่มยี่ห้อดังในขวดแก้ว ถ้าเป็นในกรุงเทพคงขวดละหลายสิบ แต่สำหรับที่นี่ฟรีครับ ย้ำอีกทีว่าฟรี ผมยังอดตื่นเต้นปนชื่นชมไม่ได้ ขนาดเมืองนอกน้ำฟรียังหมายถึงน้ำก๊อก แต่ที่นี่ราชมรรคา ถนนสายนี้มีอะไรที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นเสมอครับ นอกจากน้ำเปล่าแล้วผมก็สั่งน้ำอัดลมประจำตัวมาอีกหนึ่งอย่าง บริกรขอโทษขอโพยผมยกใหญ่ที่ไม่มีโค้กซีโร่ในเมนู แต่ได้โค้กไลท์มาแก้ขัดก็ไม่แย่จนเกินไปครับ นอกจากเครื่องดื่มทั้งสองอย่างแล้ว ผมก็ขอน้ำแข็งมาเพิ่มเติม ซึ่งก็ยกมาบริการให้อีกหนึ่งถังใหญ่ จากนี้ไปเครื่องดื่มของผมทั้งสองแก้วก็มีลักษณะที่เรียกว่า topless เอ้อ ไม่ใช่สิ bottomless เสียมากกว่า เพราะบริกรคอยดูแลไม่เคยให้มันพร่องเกินไปกว่าครึ่งแก้วเลยครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:20:21

ความคิดเห็นที่ 10 กลับมาที่เมนูกันบ้าง เมนูที่นี่เป็นลักษณะผสมผสาน คือมีทั้งเมนูล้านนา ไทยใหญ่ อาหารไทย และอาหารตะวันตก ทั้งกลางวันและค่ำก็จะมีเซ็ทเมนูให้เลือกด้วย ทั้งแบบล้านนาและแบบตะวันตกครับ ที่น่าสนใจคือเมนูล้านนาไทยใหญ่ ในราคา 2 คนเพียง 900 บาทสุทธิ แต่บริกรเห็นผมมาคนเดียวเลยไม่แนะนำเพราะกลัวจะทานไม่มหมด เนื่องจากจะเป็นสำรับ 5 อย่าง อย่ากระนั้นเลย ผมก็เลยเลือกสั่งอาหารตามสั่ง โดยสลับระหว่างอาหารแบบไทยใหญ่และอาหารตะวันตกสิริรวม 3 คอร์สสำหรับเที่ยงนี้ ราคาอาหารส่วนใหญ่ก็ใกล้เคียงกับร้านในตามห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพ ยิ่งพวกอาหารจานเดียวจำพวกผัดไทยหรือข้าวซอยที่เจ้านายของผมปลื้มนักปลื้มหนานี่ยิ่งราคาไม่แพงมากเท่าไรเลยครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:20:57

ความคิดเห็นที่ 11 พอสั่งอาหารเรียบร้อย บริการก็จะลำเลียงขวดเกลือและพริกไทยมาวาง ซึ่งจะเข้าชุดกับจานชามที่ใช้ของที่นี่ เป็นสีขาวตัดกับสีน้ำเงินเข้มให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายแบบจีนๆ ได้ดีพอสมควร เช่นเดียวกันกับถาดเนยซึ่งมาในถาดหลุมขนาดเล็ก ตัวเนยนั้นมาในแบบที่ผมชอบ คือไม่ได้แข็งหรือเหลวจนเกินไปครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:21:18

ความคิดเห็นที่ 12 แน่นอนครับว่าเมื่อมีเนยก็ต้องมีขนมปัง ที่นี่จะด้อยกว่าที่อื่นเสียหน่อย ตรงที่ขนมปังจะมีเพียงแบบเดียวแต่หั่นมาจำนวนหลายชิ้น สำหรับรสชาติ ไม่มีความเห็น รู้แต่ว่าทานได้เรื่อยๆ เข้าทำนองไม่ดีแต่ก็ไม่ได้แย่อะไรครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:21:40

ความคิดเห็นที่ 13 จุดเด่นอีกประการหนึ่งของร้านที่นี่ก็คือ จังหวะการเสิร์ฟอาหารแต่ละจานจะมีระยะเวลาที่เหมาะสม มีการเว้นช่วงแต่ละจานอย่างพอเหมาะพอเจาะ ไม่รู้สึกว่าเร็วหรือช้าเกินไป ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่บริกรของทางร้านจะปล่อยให้ผมทานขนมปังเล่นรองท้อง เสียหนึ่งชิ้น อาหารจานแรกก็ถูกยกมาบริการครับ จานแรกของผมในวันนี้ก็เป็นอย่างที่เห็นดังรูป นั่นก็คือโรตีไส้แกะสไตล์ไทยใหญ่ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:22:01

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับผมแล้วอาหารไทยใหญ่ดูจะหนักเครื่องเทศ และได้อิทธิพลความเป็นอินเดียมามากพอสมควร จานนี้ก็เช่นกัน ตัวแป้งโรตีข้านอกทอดมาพอกรอบ ส่วนข้างในก็ยังคงความนุ่มอยู่ ขณะที่ไส้นั้นเป็นแกะผัดเครื่องเทศโดยมีผงกะหรี่เป็นตัวชูโรง รสชาติเข้มข้นจัดจ้านตัดกับโรตีเป็นอย่างดี แนมกับผักสลัดอีกสียหน่อยก็แสนจะเข้ากันครับ ถ้าจะมีเรื่องต้องตำหนิในจานนี้อยู่บ้างก็คงเป็นความแห้งแล้งของจานนี้ ผมแอบอยากเห็นน้ำจิ้มหรือน้ำราดอะไรเสียเล็กน้อย พอให้ไม่รู้สึกฝืดคอครับ ส่วนสนนราคาจานนี้ 2 ชิ้น 220 บาท ++ ไม่ถูกเท่าไร แต่ถ้าเทียบกับรสชาตติก็ถือว่าคุ้มครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:22:29

ความคิดเห็นที่ 15 ในส่วนของจานหลัก จะมีระยะเวลาเว้นช่วงพอให้โรตีของผมเรียงแผ่นเสียเล็กน้อย วันนี้ตัดสินใจเลือกเมนเป็นอาหารฝรั่ง สลับกับอาหารพื้นเมืองดูบ้าง เนื้อวัวก็ดูน่าทาน ปลาก็ดูดี แต่สุดท้ายก็มาปันใจให้เป็ดจนได้ ที่นี่เสิร์ฟมาจานใหญ่โต มันฝรั่งบดที่เคียงมาทำได้ดีตามมาตรฐาน แต่ที่ผมชอบเห็นจะเป็นผักผัดเนย ที่อร่อยและสัมผัสได้ถึงความหวานและสดใหม่ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:22:52

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนพระเอกของงานคือเป็ด ผมบอกได้คำเดียวว่า อร่อยมากๆ  รสชาติดีและทำมาในแบบที่ผมชอบคือเกือบสุก โดยยังคงเนื้อด้านในเป็นสีชมพูไว้เล็กน้อยทำให้ยังคงความนุ่มและได้สัมผัสของน้ำในตัวเป็ดอยู่ ยิ่งทานกับซอสส้มสดที่ราดมาก็จะได้รสชิเข้ากันอย่างลงตัวครับ ขนาดค่อยๆ ละเลียดไปเรื่อยๆ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะจัดการจนหมด แม้จะอิ่มมากๆ ก็ตาม จานนี้ราคา 420 ++ นะครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:23:17

ความคิดเห็นที่ 17 เจอเข้าไปสองคอร์สความจริงก็แทบจะจอดคาถนนราชมรรคาแล้ว แต่เนื่องจากสั่งของขวานไว้ตั้งแต่ต้นมื้อ ก็เลยเป็นความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงที่จะต้องจัดการให้หมด ผมจำไม่ได้ว่าเคยอ่านรีวิวของที่ไหนแล้วบอกว่าข้าวเหนียวมะม่วงทอดของที่นี่ไม่อร่อย ก็เลยต้องสั่งอย่างอื่นซึ่งก็เหลืออยู่อีกไม่กี่อย่างมาลองรับประทานแทน นั่นก็คือกล้วยหอมย่างราดน้ำเชื่อมเมเปิ้ลกับไอศกรีม ไม่มีอะไรนอกจากจะบอกว่า ถ้าคิดว่าของคาวเลิศแล้ว ของขวานนี่ยิ่งยอดเยี่ยมยิ่งกว่า ตัวกล้วยหอมย่างมากำลังดี ไอศกรีมที่ใช้ก็เป็นแบบพรีเมียม ยิ่งได้น้ำเชื่อที่กลิ่นหอมมากมาราดทับ ก็ต้องบอกว่าอร่อยจนผมต้องเอียงถ้วยทานจนหมดเลยครับ สำหรับจานนี้จะว่าไปก็แพงพอดูคือ 160++ ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:23:53

ความคิดเห็นที่ 18 อิ่มเสร็จเรียกคิดเงิน พนักงานก็มาถามไถ่เรื่องอาหารและบริการ พร้อมกับอาสาถ่ายรูปให้ผมซึ่งเป็นแขกเพียงคนเดียวของร้านในวันนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นแขกพิเศษของอาณาจักรทางเหนือที่เต็มไปด้วยบริวารแวดล้อม แม้ว่าแขกคนนี้จะดูแต่งกายไม่เรียบร้อย กระเซอะกระเซิง และเหงื่อกาฬไหลท่วมตัวอันเนื่องมาจากผลพวงการเดินมินิฮาล์ฟมาราธอนรอบเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่ ราคารวมมื้อนี้หย่อน 1,000 ไปไม่กี่บาท ต้องยอมรับว่าแพงพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมได้รับแล้ว ผมรู้สึกว่าคุ้มค่ามากๆ ทั้งรสชาติ บรรยากาศและการบริการ พนักงานบอกว่าให้มาตอนค่ำ พร้อมกับหาคู่มานั่งด้วย รับรองว่าบรรยากาศโรแมนติกถึงใจ จนอยากจะควักแหวนมาขอคนรู้ใจแต่งงานเลยทีเดียวครับ ยิ่งถ้าได้บรรยากาศใต้แสงเทียนกลางลานด้านนอกด้วยแล้ว สาวไหนปฏิเสธคำของก็น่าเสียดายเต็มทนครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:24:24

ความคิดเห็นที่ 19 ถัดจากร้านอาหารแล้ว ผมก็นัดรถไปรับที่กาดหลวงหรือตลาดวโรรส ซึ่งนั่นหมายถึง ผมต้องเดินอ้อมเมืองอีก 1 รอบ จากทิศตะวันตกไปสู่ทิศตะวันออกริมแม่น้ำปิง แม้คนรถจะมาตรงเวลา แต่ผมก็สาวเท้าได้เร็วกว่า ก็เลยได้ไส้อั่วของร้านดำรงค์มา 1 กิโลกรัมพร้อมน้ำพริกหนุ่ม พูดถึงร้านดำรงค์นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาซื้อเอง ปกติฝากคนอื่นซื้อหรือไม่ก็มีคนจัดการให้ มาซื้อเองก็สนุกดีไปอีกแบบ กลับมาถึงโรงแรมตอนบ่ายก็มีของอภินันทนาการพิเศษเป็นผลไม้พร้อมชอกโกแลตต้อนรับให้อ้วนกันไปได้อีก 1 มื้อเล็กครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:24:49

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนค่ำ ผมไปรับแขกผู้ใหญ่ พร้อมกับพาไปทานอาหารจีนในร้านเดิมที่ผมคุ้นเคย นั่นก็คือเจี่ยท้งเฮง ใกล้ ไนท์บาซาร์ เจี่ยท้งเฮงเป็นร้านจีนขนาดใหญ่ อาหารกลางๆ ไม่ดีไม่แย่ แต่รองอธิบดีกรมผมท่านให้คะแนนคาบเส้นค่อนไปทางสอบตก ด้วยความที่ท่านไม่ชอบอาหารจีน แต่ผู้ร่วมโต๊ะท่านอื่นๆ ก็ดูจะปลาบปลื้มกับสิ่งที่ผมสั่งให้ ทั้งห้อยจ๊อ และเห็ดหูหนูผัดไข่ นอกจากนี้ก็ยังมีของขึ้นชื่อทั้งเป็ดพะโล้ หมูอบ ปลาลวก และอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งราคาถูกมากๆ คือ 1,000 เศษๆ สำหรับการทานสิบคนครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:25:20

ความคิดเห็นที่ 21 สำหรับของหวาน เจ้านายผมท่านแนะนำร้านขนมหน้าร้านเจี่ยท้งเฮงซึ่งขายทับทิมกรอบ แต่ขณะนั้นสองทุ่มครึ่ง ทับทิมกรอบก็เลยอันตรธานไปสิ้น เหลือแต่ขนมอื่นๆ จำพวกรวมมิตร มะพร้าวอ่อน และซ่าหริ่มไว้ให้ดูต่างหน้าแทนครับ ผมเป็นคนเดียวในโต๊ะที่ไม่ทานเพราะยังอิ่มกับมื้อเย็นอยู่ แต่เท่าที่แอบชิมดูก็ต้องบอกว่า ร้านนี้อร่อยสมกับที่การันตีโดยป้ายชวนชิมด้านหน้าร้าน สำหรับเจี่ยท้งเฮงและร้านของหวานนี้ ท่านรองอธิบดีผมรับอาสาเป็นเจ้ามือตลอดรายการ ก็เลยอิ่ม(มาก) จัง แถมตังค์ยังอยู่ครบครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:25:46

ความคิดเห็นที่ 22 เช้าวันรุ่งขึ้น ผมเริ่มต้นวันโดยเดินไปตลาดหนองหอยข้างโรงแรมตอน 6 โมงเช้า เพื่อไปใส่บาตรพระซึ่งมีอยู่หนึ่งรูปเท่านั้นโดยซื้อของพวกน้ำพริกหนุ่ม หมูทอดและข้าวเหนียวก่อนพ่วงด้วยปัจจัยอีกหนึ่งซองเล็กๆ ก็เป็นอันเรียบร้อย เมื่อทำบุญใส่บาตรเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลามาหาอาหารเช้าใส่ท้องกันที่ห้องอาหารเทอเรซริมน้ำครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:26:14

ความคิดเห็นที่ 23 เช้าวันนี้ผมทำตัวเหมือนชาวตะวันตกผู้ซึ่งหนึ่งปีจะได้สัมผัสแสงแดดไม่กี่เดือน ด้วยการไปนั่งระเบียงริมน้ำผิดวิสัยคนไทยที่ดี ห้องพักของผมรวมอาหารเช้าแล้ว แต่ผมกลับพบว่าอาหารที่ฮอลิเดย์อินน์ไม่ค่อยจะถูกปากผมเสียเท่าไร เพราะหนักแป้งเป็นส่วนมาก ขณะที่เนื้อสัตว์หรือผักก็ดูจะไม่ค่อยมีให้เลือกมากนักครับ ไปๆมาๆ ผมก็เลยต้องไปตักโจ๊กไก่มาทานแก้ขัดเพิ่มเติมอีกหนึ่งถ้วย รสชาตินั้นเล่า เฉยๆ มากถึงมากที่สุด ทานได้ 3 คำก็ต้องวางช้อน และส่งต่อให้บริกร โจ๊กไก่ชามนั้นคงทำหน้าที่ของมันได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:26:40

ความคิดเห็นที่ 24 เนื่องจากยังไม่จุใจผมก็เลยไปตักพวกไส้กรอก กับ โคลคัทมาทานเพิ่มอีกเล็กน้อย ก็เหมือนอาหารสั่งสำเร็จรูปจากผู้ผลิตสักราย รสชาติให้ผ่าน ยกเว้นผัดซีอิ๊วตรงมุมขวาล่าง ร้านอาหารตามสั่งแถวบ้านผมยังทำอร่อยกว่าเป็นไหนๆ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:27:05

ความคิดเห็นที่ 25 มาถึงจานที่ผมภูมิใจนำเสนอ เพราะว่าทั้งร้านคงมีผมสั่งอยู่คนเดียว สืบเนื่องมากจากป้ายที่เขียนว่า egg station made to order อะไรสักอย่างเทือกๆ นี้ ผมเองซึ่งเป็นพวกชอบลองของอยู่แล้ว เลยขอทดสอบความสามารถขอพ่อครัวเสียหน่อย จะสั่งไข่เจียวไข่คนหรือไข่ดาวก็ดูจะง่ายไปไม่เกิดความแปลกใหม่ในชีวิต ดังนั้นก็เลยขอไข่ดาวน้ำหรือ poached eggs พนักงานทำหน้านิ่งอึ้งไปราว 10 วินาที ก่อนหันไปซุบซิบสอบถามกับพนักงานอีกคน ก่อนกลับมาด้วยรอยยิ้มกว้างๆ แฝงความมั่นใจว่าทำได้ แต่บอกว่าให้รอนานหน่อยสัก 15 นาที แล้วก็อันตรธานจากไลน์บุฟเฟต์ไป 15 นาทีผ่านไป พนักงานท่านเดิมก็กลับมายืนยิ้มเผล่ พร้อมกับไข่ดาวน้ำตามสั่ง แถมกลัวผมจะไม่อิ่มเลยทำมาสองฟองเสียด้วย ตัวไข่ดาวน้ำทำออกมาได้ดีในแบบที่ผมชอบ ราดเจ้าถั่วอบลงไปอีกเล็กน้อยเป็นอันว่าจานนี้อร่อยที่สุดในมื้อเช้าของวันนี้ครับ ทานเสร็จยังแอบนึกสงสัยไม่ได้ว่า ที่หายไปเพราะขี่มอเตอร์ไซค์ไปสั่งเอาตามโรงแรมหรูในเมือง หรืออาจจะเดินไปขอจากโรงแรมหรูในเครือ preferred group ที่อยู่เลยไปหน่อยหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้นะครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:27:51

ความคิดเห็นที่ 26 จบจากอาหารเช้าแล้ว ผมมีเวลาว่างเพื่อเตรียมตัวบรรยายในช่วงบ่ายอีกเล็กน้อย แต่เผอิญนึกขึ้นได้ว่าจ่ายเงินแม่ค้าในตลาดหนองหอยขาดไป 10 บาท ก็เลยใช้เวลาดังกล่าวกลับไปคืนเงิน แม่ค้าน่ารักมากบอกว่าจำผมได้ แต่จำไม่ได้แล้วว่าจ่ายเงินไม่ครบ ผมก็เลยช่วยอุดหนุนหมูยอ และหมูทอดตลอดจนน้ำพริกร้านดังกล่าวเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยครับ แม่ค้าร้านนี้พอผมบอกว่ามาบรรยายก็เรียกผมว่าอาจารย์ทุกคำ แม้ว่ารสชาติร้านนี้จะสู้ร้านดำรงค์ร้านโปรดที่ผมสู้อุตส่าห์ไปเหมาซี่โครงหมูทอดขึ้นเครื่องเพิ่มติมอีกครั้งก่อนขึ้นเครื่องกลับในช่วงค่ำ แต่รสชาติของน้ำใจและอัธยาศัยนี่กินขาดและเอาชนะใจผมไปได้ครับ ก่อนจะขึ้นเครื่องกลับผมก็ยังแวะไปทานอาหารค่ำร่วมกับคณะที่ร้านสวนผัก  ร้านประจำอีกหนึ่งร้านที่ทานได้ไม่ต้องกลัวตกเครื่องเพราะอยู่ระหว่างสนามบินและเซ็นทรัล แอร์พอ์ท พลาซ่า ก่อนจะซื้อของสั่งลาเป็นผักสดโครงการหลวงอีกหนึ่งกระเป๋าใหญ่ ไปๆมาๆ เงินค่าบรรยายหนนี้เลยถูกแปรสภาพเป็นของฝากจากเมืองเชียงใหม่เสียทั้งหมดเลยครับ สำหรับผมแล้ว ผมชอบเชียงใหม่มากๆ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะสถาปัตยกรรม ตลอดจนอัธยาศัยไมตรีของคนที่นี่ เคยคิดเล่นๆ เหมือนกันว่า ถ้ามีโอกาสเกษียณ (ก่อนกำหนด) ก็อยากมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่นานเกินรอ ต้นเดือนสิงหาคมนี้ผมจะได้กลับไปบรรยายที่เชียงใหม่อีกรอบ นับเป็นครั้งที่สามในรอบปีนี้ แต่จะให้ไปอีกสักสิบหรือร้อยรอบก็ยังไม่เบื่อครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:28:36

ความคิดเห็นที่ 27 จากเชียงใหม่ผมจะพาไปชิมอาหารอร่อยในอีกหนึ่งจังหวัดซึ่งอยู่ในทิศตรงข้ามกับจังหวัดเชียงใหม่ นั่นก็คือภูเก็ต ภูเก็ตสำหรับผมก็คล้ายคลึงกับเชียงใหม่ นั่นก็คือ ผมมาที่นี่ครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามหนนี้เป็นการมาทำวิจัย พ่วงกับโปรแกรมท่องเที่ยวมากมายที่หน่วยงานผู้เชิญรังสรรค์ขึ้น และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตผมที่รู้สึกว่าการเลือกไฟลท์บินเป็นการเลือกตามเวลาที่ผมสะดวกมากกว่าสายการบินที่ผมชื่นชอบ ทำไปทำมาผมก็เด้มาลงเอยกับ Asia Boutique Airlines ในไฟลท์เที่ยวห้าโมงเย็น บริการของสายการบินนี้ก็ยังคงความเป็นบูทิคอย่างสุด ๆตั้งแต่เช็คอิน ห้องรับรอง ไปจนถึงขึ้นเครื่อง สงสัยพนักงานเช็คอิน เห็นว่าผู้ชายคนนี้กำลังจะหมดแรง เนื่องจากทำงานหนักจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องแถมยังโดนหวัดเล่นงาน ก็เลยจัดให้นั่งในที่ที่ผมชอบนั่งประจำทุกครั้งที่เดินทางคือ bulkhead seat แต่หนนี้พิเศษกว่าหนอื่นเสียหน่อย เพราะท่านเล่นกันที่ทั้งแถวหน้าสุดไว้ให้ผมครอบครองคนเดียว แถมข้างลั่งก็ว่างเพื่อให้ผมได้ปรับพนักเอนได้จนสุดอีก สำหรับอาหารบนเครื่อง แซนด์วิช 3 ชิ้นนั้นผมมีมติไม่ต่างไปจากน้องผักอ้วนคนดังแห่งห้อง Blueplanet ว่ารสชาติไม่ผ่านอย่างแรง ทานไปคำเดียวก็วางไว้อย่างนั้น พัฟผักโขมในเลาจน์ยังอร่อยกว่าเป็นไหนๆ ส่วนกล้วยหอมครัมเบิ้ลที่มาข้างๆ กันนั้นเล่า อันนี้ขอให้คะแนนเต็มครับอร่อยมากๆ น่าเสียดายที่บางกอกแอร์เวยส์มีเครื่องดื่มให้เลือกเพียง 4 อย่าง คือน้ำเปล่า น้ำส้ม ชาและกาแฟ ถ้าเป็นรักคุณเท่าฟ้าที่ผมนั่งประจำบนเที่ยวบินในประเทศ จะสามารถขอโค้กใส่น้ำแข็งซึ่งผมขอเป็นประจำหลังของว่างในทุกไฟลต์ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:29:31

ความคิดเห็นที่ 28 วันนั้นผมคงทำบุญมาน้อย เพราะนอกจากหวัดรับประทานแล้ว ยังต้องมาสู้รบปรบมือกับรถที่ทางโรงแรมส่งมารับ สาเหตุเพราะท่านมารับสายกว่าเวลานัดไปมาก ปล่อยให้ผมยืนเคว้งคว้างกลางสนามบินภูเก็ตอยู่ครึ่งชั่วโมง ที่สำคัญที่สุดคำว่าขอโทษไม่มีหลุดออกมาเลยสักคำ ผมก็เลยนั่งทำใจไปตลอดทาง พร้อมกับยกเลิกการรับประทานอาหารที่แหลมหินพร้อมกับคณะ แต่เปลี่ยนเป็นตรงไปยังห้องพักที่โรงแรมในเมืองแทนครับ ยังดีที่โรงแรมอุตส่าห์มอบห้องหัวมุมบนชั้นบนๆ ของโรงแรมเป็นการปลอบใจ มองไปเห็นทิวทัศน์พาโนรามาของเมืองเก่าภูเก็ตและเขารังอย่างเต็มตาครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:30:05

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าร้านอาหารดังๆ ในภูเก็ตของคุณหมายถึงร้านหรูๆ แถบป่าตอง บาร์เครื่องดื่มดีๆ ในลากูน่า หรือร้านอาหารไทยทิวทัศน์ดีอย่างบ้านริมผาตรงหาดกะหลิมแล้วล่ะก็ รีวิวนี้อาจจะต้องทำให้คุณผิดหวัง เพราะก่อนมาภูเก็ตในครั้งนี้ เพื่อนร่วมรุ่นและร่วมงานของผมผู้ซึ่งเป็นคนภูเก็ตขนานแท้ และเติบโตมาในบ้านย่านเมืองเก่าบนถนนกระบี่ สู้อุตส่าห์จัดเตรียมลายแทงอาหารอร่อยแบบที่คนภูเก็ตชอบทานกันมาให้ผมได้ลือกลิ้มลอง ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณเพื่อนยังอุตส่าห์แนะนำร้านเคยอร่อยในสมัยเด็กที่ต้องบอกว่าตอนนี้คนภูเก็ตแท้ๆ ไม่ค่อยทานกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านที่อยู่บนเขากลางเมือง ร้านแถวอ่าวแห่งหนึ่งที่โฆษณาว่าถ้าไม่ทานแล้วจะไม่ถึงภูเก็ต หรือร้านบะหมี่ชื่อดังใจกลางเมืองแถวหอนาฬิกา ทั้งหมดทั้งปวงนี้บอกให้ผมข้ามไปแล้วไปลองร้านที่คุณเพื่อนคิดว่ามีความเป็นต้นตำรับมากกว่าครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:30:47

ความคิดเห็นที่ 30 เริ่มจากร้านแรกคือ โอวต๊าว ผมชอบใส่ไม้ตรีมากกว่าไม้โท แต่เรียกอย่างไรก็ไม่ผิด เพราะเสียงมันจะก้ำกึ่งกัน ร้านอร่อยที่เพื่อนผมแนะนำคือร้านแถวบางเหนียว ตอนปลายของถนนภูเก็ต กลางวันตอนบ่ายขายอีกที่ใกล้ๆ กัน ก่อนที่ตอนเย็นจะย้ายมาขายหน้าโรงเรียนครับ แถวนี้ยังมีทอดมันหรือที่คนภูเก็ตเรียกว่าลูกชิ้นรสชาติอร่อยเลิศขายในช่วงบ่ายด้วยครับ เสียดายที่ผมมาค่ำแล้วก็เลยไม่ได้ทาน จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:31:12

ความคิดเห็นที่ 31 ผมซื้อโอวต๊าวพิเศษ 1 ห่อกลับมาทานที่ห้องพักแป็นอาหารค่ำ โอวต๊าวก็คือหอยนางรมทอดใส่เผือก หอยนางรมที่ภูเก็ตนี้จะตัวจิ๋วกว่าที่อื่นแต่ก็อร่อยไม่แพ้กัน ยิ่งโรยหน้าด้วยกากหมูและทานคู่กับถั่วงอกดิบนี่เห็นสวรรค์รำไรเลยทีเดียวครับ 1 ห่อพิเศษนี้ราคาเพียง 40 บาทเท่านั้น แต่ก็ทำเอาผมอิ่มจนจุกไปทั้งคืน จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 13:32:02

ความคิดเห็นที่ 32 ตื่นเช้ามาวันที่สอง ซึ่งเป็นวันทำงาน อาการไข้ของผมก็ยังไม่ดีขึ้น แต่ก็ยังอุตส่าห์กดลิฟต์ไปทานอาหารเช้าบนชั้น 19 ของโรงแรม อาหารก็เป็นไปตามมาตรฐานครับ มีไลน์ขนมปัง ผลไม้ อาหารเช้าแบบยุโรปและพื้นเมืองคละกันไป จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:07:21

ความคิดเห็นที่ 33 จานแรกที่ผมตักมากก็เป็นแบบรวมๆ คือมีเบคอน กับหมี่ผัดแบบภูเก็ตซึ่งรสชาติไม่ได้เรื่อง แล้วก็ยังมีไส้กรอกอังกฤษ เขาติดป้ายไว้อย่างนี้จริง ทำเอานักเรียนเก่าสหราชอาณาจักรอย่างผมงง เพราะระหว่างเรียนอยู่ที่นั่น และเข้าออกห้างสรรพสินค้ามากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นไส้กรอกที่รูปร่างหน้าตาและรสชาติแบบนี้เลย สำหรับอาหารพื้นเมืองก็มีขนมจีนพื้นๆ แต่ที่อร่อยเห็นจะเป็นหมูผัดเต้าหู้ยี้ ให้ความรู้สึกเหมือนทานสุกี้ที่ไม่ใส่วุ้นเส้นครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:08:04

ความคิดเห็นที่ 34 จากจานหลักที่ไม่ได้เรื่องผมก็เลยแวะไปสั่งไข่กวนใส่ชีส หนนี้ขอสั่งธรรมดาๆ ไม่สำแดงอิทธิปาฏิหาริย์ใดๆ เหมือนที่ฮอลิเดย์อินน์ เชียงใหม่ เพราะขี้เกียจรอและจะต้องรีบไปทำงานครับ รสชาติก็ให้แค่คาบเส้นก็แล้วกัน เพราะไม่มีอะไรอร่อยเลยครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:08:59

ความคิดเห็นที่ 35  ปาด           ปาด           ปาด         จากคุณ : ปาดศรี (ปาดศรี) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:09:22

ความคิดเห็นที่ 36 มาถึงชามสุดท้ายของมื้อนี้ เป็นข้าวต้มวิญญาณหมูสับ หมูสับนี่หายากมากๆ สงสัยคงเรียนวิชาแปลงกายขั้นสูงจนซึมแทรกไปในเนื้อข้าวต้ม รสชาตินั้นเล่าสูสีเคียงบ่าเคียงไหล่และตีคู่มากับฮอลิเดย์อินน์ เพราะที่นี่ผมตักทานได้ 2 คำ ก็ต้องวางช้อนยอมศิโรราบกับรสชาติที่ไม่ได้เรื่องของมัน และเป็นเหตุสำคัญที่อาหารเช้าในอีกวัน ผมจะไปทานอะไรอร่อยๆ ตามลายแทงของเพื่อนชาวภูเก็ตแท้ๆ ข้างโรงแรมแทนครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:09:26

ความคิดเห็นที่ 37 อย่างไรก็ตาม โรงแรมนี้ก็มีข้อดีอยู่บ้าง ตรงที่ห้องอาหารเช้ามีวิวที่สวยงามจากชั้น 19 มองไปเห็นทะเลอยู่ลิบๆ เข้าทำนอง ไม่อิ่มท้องแต่เรายังอิ่มวิวครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:10:08

ความคิดเห็นที่ 38 ช่วงบ่ายผมใช้เวลาหลังจากวิจัยเสร็จแวบไปเดินเล่นในเมืองเพื่อตามลายแทงหาอาหารอร่อยทานเพิ่มเติม โดยการเดินลัดเลาะไปในย่านเมืองเก่า ผมสารภาพจริงๆ ว่าชื่อถนนในภูเก็ตทำให้ผมสับสน และจำไม่ได้ว่าถนนใดเป็นถนนใด ทั้ง ถนนภูเก็ต กระบี่ พังงา ดีบุก สตูล ตะกั่วป่า รัษฎา แม้จะจำไม่ได้ แต่รู้ว่าจะเดินอย่างไรและไม่มีวันหลง เพราะผังเมืองที่วางไว้อย่างดีเป็นรูปสี่เหลี่ยมเดินเชื่อมถึงกันหมด จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:10:32

ความคิดเห็นที่ 39 ลายแทงร้านแรก สำหรับอาหารว่างช่วงบ่าย หลังจากอาหารโต๊ะจีนมื้อเที่ยงในโรงแรมที่รสชาติไม่ผ่านของผม เริ่มจากศาลเจ้าซึ่งอยู่เกือบจะสุดถนนกระบี่ครับ ซึ่งผมต้องใช้ความอุตสาหะพอควรโดยอาศัยพลังจาก 2 ขาน้อยๆ เดินมาจากโรงแรม รอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:11:21

ความคิดเห็นที่ 40 อาหารว่างนี้คือโลบะ หรือหมูทั้งหัว หู และเครื่องในพะโล้ นำมาทอดทานแนมกับแตงกว่าและน้ำจิ้มหวาน ร้านอร่อยของเพื่อนผมพิกัดอยู่ตรงข้ามศาลเจ้าบนถนนกระบี่ ถามว่าศาสเจ้าชื่ออะไรคุณเพื่อนผมก็จำไม่ได้ บอกแต่เพียงว่ามีศาลเจ้าเดียว เดินอย่างไรก็ไม่หลงและหาเจอแน่นอน ค่าที่ผมติดภาพมาตลอดทั่งชีวิตว่าโลบะควรเป็นของว่างทานตอนบ่าย จึงไปถึงร้านตอนบ่ายสอง ในเวลาที่ของเกือบจะหมดตู้เหลือแต่หัวหมูกับไส้หมูพะโล้ เลยสั่งมาทานหนึ่งห่อ สนนราคา 30 บาท ส่วนรสชาติบอกได้คำเดียวว่าอร่อยมาก ทานแล้วไม่อาจวางช้อน ส้อมหรือตะเกียบได้เลยครับ กลับมาเพื่อนของผมบอกว่า โลบะร้านนี้หากจะทานต้องไปตอนสายๆ ไปตอนบ่ายๆ อย่างผมแล้วยังได้ทานก็นับว่าบุญอักโขแล้วครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:11:58

ความคิดเห็นที่ 41 จากถนนกระบี่ผมเดินย้อนกลับทางเดิมผ่านบ้านชินประชาซึ่งเฉือนที่ขายกันวุ่นวายกันในหมู่ญาติ บ้านเก่าส่วนหนึ่งกลายมาเป็นเครือร้านอาหารไทยสุดหรูอย่างช้างสีน้ำเงิน ผมเคยทานสาขาที่กรุงเทพแล้ว ดังนั้น สาขาที่ภูเก็ตหนนี้ ก็เลยขอยกยอดเอาไว้ก่อนก็แล้วกันครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:16:12

ความคิดเห็นที่ 42 จากร้านอาหารก็จะผ่านพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทหัว ที่บอกเล่าเรื่อราวในอดีตของผู้คนเชื้อสายจีนในภูเก็ต ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวและร่างกายที่ยังเป็นไข้ ผมก็เลยบอกข้ามไปก่อน แล้วไปหาร้านอร่อยร้านต่อไปครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:16:32

ความคิดเห็นที่ 43 ร้านถัดมาก็คือของหวานขึ้นชื่อของภูเก็ต ที่เรียกว่า โอ๊ะเอ๋ว ซึ่งเป็นวุ้นของเมล็ดโอ๊ะเอ๋ว จะทานแบบออริจินัล หรือจะทานแบบทรงเครื่อง ใส่กล้วย ถั่วแดง น้ำแดง และเฉาก๊วยก็ได้ตามอัธยาศัย รสชาติอร่อย ชื่นใจในยามอุณหภูมิ 35 องศา แถมยังช่วยแก้ร้อนในได้อีกด้วยครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:16:57

ความคิดเห็นที่ 44 โอ๊ะเอ๋วเจ้าอร่อยต้องเป็นร้านในซอยข้างศูนย์อาหารลกเที้ยน ในลกเที้ยน็ก้รสชาติสู้ร้านนี้ไม่ได้ จากคำให้การผ่านเพื่อนของผมแจ้งไว้ชัดว่า ในลกเที้ยนมีของขึ้นชื่ออร่อยเด็ดอยู่เพียงอย่างเดียวคือ ปอเปี๊ยะสด ส่วนอาหารอย่างอื่นต้องไปหาทานตามลายแทงครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:17:19

ความคิดเห็นที่ 45 โอ๊ะเอ๋วที่ผมสั่งใส่ถุงมาทานเป็นแบบต้นตำรับ คือมีแค่โอ๊ะเอ๋ว ถั่วแดง น้ำแข็ง และน้ำเชื่อม อาแปะคนเดิมที่วันนี้ผันตัวมาเป็นผู้จัดการร้านคอยบังคับบัญชาคุณลูกชายซี่งพูดจาสุภาพมากผิดวิสัยพ่อค้าในการตักโอ๊ะเอ๋วแต่ละถ้วยให้ลูกค้าอยู่อย่างสบายใจเฉิบ ขนมนี้ราคาไม่แพงเลย เพียงถ้วยหรือถุงละ 12 บาท ผมเลยฉลองศรัทธา ซื้อมาเสียสองถุง เอาไว้ทานวันนี้และพรุ่งนี้ให้หายอยาก หากใครอยากทานต้องรีบไป เพราะร้านขายถึงประมาณ 5 โมง ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:17:48

ความคิดเห็นที่ 46 ซื้อของสองอย่างเสร็จก็เป็นอันว่า mission possible ก็เลยค่อยๆ เดินกลับโรงแรม ระหว่างทางก็ผ่านชมซึมซับบรรยากาศของตึกรามบ้านช่องที่รุ่มรวยด้วยสถาปัตยกรรมแบบชิโน โปรตุกิส ซึ่งในอนาคตอันใกล้ สายไฟที่ระโยงระยางจนดูเป็นมลภาวะทางทัศนาการจะถูกเก็บฝังลงไปอยู่ใต้ดิน ถึงเวลานั้นประดาตึกเหล่านี้ คงจะมีโอกาสได้อวดโฉมความงดงามกันได้อย่างไม่ต้องมีอะไรมาบดบังครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:18:12

ความคิดเห็นที่ 47 ดูรูปตึกเก่าๆ ไปอีกสักรูปก็แล้วกันนะครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:18:31

ความคิดเห็นที่ 48 มาถึงมื้อเย็นกันบ้าง วันนี้ผมคร้านเกินกว่าจะร่วมคณะไปซื้อของที่เอาท์เล็ตบนถนนบายพาส ไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรหมเทพ รวมทั้งไปทานมื้อค่ำที่ร้านเคยอร่อยแถวอ่าวฉลอง ผมก็เลยปลีกตัวไปเดินเล่นอีกรอบ เริ่มจากวงเวียนม้าน้ำที่อยู่ใกล้กับโรงแรมที่ผมพัก ก่อนจะเดินไปตากแอร์เย็นฉ่ำในห้างสรรพสินค้ากลางเมือง ปิดท้ายที่ไปดูร้านอาหารในตลาดเกษตรแต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรน่าทาน ผมก็เลยตัดสินใจไปทานอาหารร้านเดิมที่ผมเคยทานเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:18:55

ความคิดเห็นที่ 49 ผมเลยเดินต่อแบบงงๆ ลัดเลาะมายังหอนาฬิกา หน้าโรงแรมใหญ่อีกแห่งกลางเมืองภูเก็ตครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:19:50

ความคิดเห็นที่ 50 ในที่สุดก็มาถึงร้านที่ผมจะฝากท้องในมื้อค่ำ ร้านนี้ไม่ได้อยู่ในลายแทง แต่เนื่องจากว่าร้านอาหารแบบภูเก็ตส่วนใหญ่จะปิดสัก 5 โมงเย็น ผมก็เลยนึกถึงร้านนี้ ร้านที่ออกตัวว่าเป็นราดหน้าเจ้าแรกในเมืองภูเก็ต มาถึงร้านนี้ก็ต้องสั่งราดหน้ารวมมิตร 1 ห่อ ราคา 40 บาทกลับไปทานที่โรงแรม รสชาติเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน จะต่างก็ที่ตัวพนักงาน ที่หนหนี้อุปทานแรงงานต่างด้าวในจังหวัดภูเก็ตพุ่งพรวดขึ้นสูงมาก ตอนผมไปนั้นเป็นช่วงก่อนเลือกตั้ง ก็เลยไม่รู้ว่าหากปรับค่าแรงขั้นต่ำจะมีผลในการเปลี่ยนแปลงบนเส้นอุปทานมากน้อยเพียงไร แต่คิดว่างานแบบนี้คงจะดึงดูดให้คนท้องถิ่นมาทำยากครับ เพราะไม่สอดคล้องกับรสนิยมหรือความต้องการที่แท้จริง ไปๆมาๆ ก็เลยต้องอาศัยแรงงานที่เต็มใจทำงานในแขนงที่คนไทยไม่สนใจจะทำกันแล้วจากประเทศเพื่อนบ้านกันต่อไปแทนครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:20:24

ความคิดเห็นที่ 51 ซื้อราดหน้าเสร็จก็เดินกลับโรงแรม เมืองเก่าในตอนกลางคืนนี้ก็จะมีการเปิดไฟให้เข้ากับบรรยากาศ ถ้าอยู่ค่ำกว่านี้อีกสักเล็กน้อย ก้จะพบความสวยงามของเมืองเก่าภูเก็ตในอีกแง่มุมหนึ่งที่ต่างไปจากช่วงกลางวันครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:20:44

ความคิดเห็นที่ 52 ตัดมาที่เช้าวันใหม่ วันที่ผมบอกลาห้องอาหารโรงแรม เพื่อไปทานร้านติ่มซำข้างโรงแรมแทน ร้านนี้ชื่อบุญรัตน์ดังมากทั้งในหมู่คนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวจนต้องมีการขยายออกไปหลายสาขา สิทธิการิยะท่านว่า หากไม่อยากเล่นเก้าอี้ดนตรีให้วุ่นวายใจ ก็จงมาทานที่ร้านเสียตั้งแต่หกโมงครึ่งแบบผม เพราะถ้าหลังเจ็ดโมงไปแล้ว บุญรัตน์จะอุ่นหนาฝาคั่งอย่างไม่น่าเชื่อ จนถึงเวลาปิดร้านในช่วงใกล้สิบโมงครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:21:10

ความคิดเห็นที่ 53 ติ่มซำที่นี่ส่วนใหญ่เข่งละ 12 -15 บาท เครื่องดื่มร้อนก็ถ้วยละ12 บาท ผมสั่งติ่มซำมา 5 อย่าง คือขนมจีบหมู ขนมจีบกุ้ง ฮะเก๋า ปลาทอด และเกี้ยนซึ่งเป็นคล้ายๆ ฟองเต้าหู้ห่อไส้หมูกับกุ้งทอด รวมกับโอวัลตินร้อนอีก 1 แก้ว เบ็ดเสร็จ 72 บาทถ้วน อร่อยกว่าห้องอาหารเช้าของโรงแรมเป็นไหนๆ ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:21:46

ความคิดเห็นที่ 54 การทานติ่มซำที่นี่ไม่ยาก ผมซึ่งเดินเงอะๆ งะๆ เข้าไป ก็จะมีคุณลุงมาถามพร้อมเชิญไปนั่ง แล้วติ่มซำก็จะยกมาถาดใหญ่ จะให้เขาวางทั้งหมดตรงหน้าก็ได้ แล้วก็เลือกทานเอา จานไหนไม่ทานก็ไม่ต้องจ่ายเงิน กับอีกวิธีก็คือเลือกเฉพาะที่อยากทานเอามาตั้งไว้บนโต๊ะ ไม่พอก็สั่งเพิ่ม ไม่ทานก็คืนกลับไปได้ ดังนั้น ถ้ามาเช้าหน่อยก็จะเป็นการดี เพราะของยังไม่ถูกเวียนซ้ำรอบมากนักครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:22:13

ความคิดเห็นที่ 55 ติ่มซำที่นี่ที่อร่อยติดใจผมที่สุดเห็นจะเป็นเกี้ยน อร่อยจนผมต้องซื้อกลับมาทานที่กรุงเทพอีก 5 ลูก ทานกับน้ำจิ้มติ่มซำข้นๆ รสชาติเปรี้ยวหวาน ต่างจากซอสเปรี้ยว พริกน้ำส้ม และพริกเซี่ยงไฮ้ ที่หลายๆ คนคุ้นเคย ซึ่งผมว่าออกจะลงตัวมากกว่าด้วยซ้ำไปครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:22:34

ความคิดเห็นที่ 56 อิ่มแล้วก็ไปเดินตลาดเกษตร ห่างจากโรงแรมไป 2 block ได้เครื่องแกงรสจัดจ้านแบบใต้แท้ๆ ไปฝากคุณแม่ 4 ขีด ก่อนจะมาซื้อของฝากอีกนิดหน่อยที่ร้านเมธี ร้านที่เพื่อเนผมเล่าทีไรก็อดขำไม่ได้เสียทุกที เพราะร้านนี้มีสามราคา คนภูเก็ตราคานึง คนไทยอีกราคานึง คนต่างชาติอีกราคานึงโดยเป็นราคาที่ติดป้ายเอาไว้ที่สินค้า ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เวลาผมซื้อของ พนักงานจะต้องคอยเดินตามเพื่อบอกราคาของที่แท้จริงซึ่งถูกกว่าราคาป้ายเกินครึ่ง เช่นเต้าส้อป้ายราคากล่องละ 100 ของจริง 3 กล่อง 110 บาท หรือมะม่วงหิมพานต์ของขึ้นชื่อที่ร้าน ป้ายราคา 270 แต่ขายจริงแค่ 135 บาท ซื้อไปก็ขำไป และออกจะทึ่งในความสามารถของพนักงานที่สามารถจดจำราคาของได้ทั้งหมดตามหลักการ market segmentation และ price discrimination จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:23:13

ความคิดเห็นที่ 57 ฃกลับมาโรงแรมครับ ลืมเล่าไปว่าที่โรงแรมมีร้านเบเกอรี่อร่อยที่ชื่อ 154 ซึ่งผมว่าเป็นเบเกอรี่ที่อร่อยมาก แต่ต้องไปซื้อตอนหลังสองทุ่มครึ่งซึ่งจะลดครึ่งราคา ครัวซองต์เบคอนชิ้นใหญ่ราคาลดเหลือเพียง 15 บาท เช่นเดียวกับแดนิชทั้งหลาย และมูสไวท์ชอกโกแลตราคาแค่ 30 บาท ผมทุ่มทุนลงไปซื้อทั้งชุดนอนเนื่องจากทางร้านไม่ได้ระบุ dress code ไว้ให้แน่ชัด แล้วเอามาแช่ตู้เย็นไว้ เพื่อเอากลับไปฝากที่บ้านในวันรุ่งขึ้นครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:26:05

ความคิดเห็นที่ 58 มื้อสุดท้ายในภูเก็ตแล้วครับ เที่ยงวันนี้ยังเหลืออีกหนึ่งลายแทง นั่นก็คือหมี่ผัด ร้านดังต้องร้านที่อยู่ด้านใต้ของเมืองในย่านที่เรียกว่าพูนผล เลยถนนกระไปหน่อย ร้านนี้เพื่อนผมภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือหมี่อ่าเกครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:26:30

ความคิดเห็นที่ 59 ผมไปซื้อช่วง 10 โมงครึ่งจะได้หลบคนเสียหน่อย วันนี้สั่งหมี่เหลืองผัดทั้งสองห่อ และจะให้ดีต้องโปะหน้าด้วยไข่ลวก เห็นอย่างนี้แล้วไม่รู้ใครเป็นต้นตำรับ ระหว่างร้านสปาเก็ตตี้แบบญี่ปุ่นที่ขายไข่ลวกเสริมกับร้านหมี่อ่าวเกแห่งนี้ หมี่ผัดรสชาติดีมาก มีเส้นให้เลือกหลบายแบบ เครื่องเคราหลักๆ คือคะน้า เนื้อหมู ลูกชิ้นปลา และปลาหมึกครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:27:01

ความคิดเห็นที่ 60 มาดูหน้าตาความอร่อยของมื้อเที่ยววันนี้ที่กลับมาทานที่โรงแรมครับ ส่วนอีกห่อผมจับแช่แข็งแล้วเอากลับมาทานที่กรุงเทพด้วย ก่อนที่จะออกเดินทางไปสนามบิน โดยไม่ลืมแวะร้านแม่จู้ก่อนถึงสนามบินเพื่อซื้อน้ำพริกกุ้งเสียบกลับไปฝากคุณแม่ด้วยครับ ขากลับนี้ผมกลับด้วยรักคุณเท่าฟ้า แต่เหนื่อยเกินกว่าจะถ่ายรูปอะไรมาให้ชมกันอีกครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:27:36

ความคิดเห็นที่ 61 เป็นอันว่าจบและเสร็จสิ้นสำหรับการพาไปเที่ยวและพาไปชิมร้านอร่อยใน 2 จังหวัด ซึ่งผมเองก็ตกหลุมรักภูเก็ตไม่แพ้เชียงใหม่เช่นกันครับ หนหน้า ถ้ามีเวลา ซึ่งขณะนี้ยุ่งมาก เพราะมีคิวเดินทางบรรยายและทำงานอีกท่วมท้น ผมจะนำหลายร้านอร่อยของ 2 เมืองในเอเชียซึ่งมีโอกาสได้ไปเยือนมา มาฝากและเล่าสู่กันฟังในโอกาสถัดไปครับ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความคิดเห็นต่างๆ ที่จะมีขึ้นและสวัสดีครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:28:14

ความคิดเห็นที่ 62 อาหารน่าทานทั้งนั้น จากคุณ : Us-Sama Iland เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:37:17

ความคิดเห็นที่ 63 รีวิว สนุกมากๆครับ อ่านทุกคำพูดเลย แอบฮาดีครับ จากคุณ : แต้วแว้ว เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 17:00:39

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณมากนะคะ  เป็นกระทู้เยี่ยมมากๆ รอชมกระทู้2เมืองในเอเชียต่อไปค่ะ จากคุณ : หมูแดดเดียวกับข้าวเหนียวนุ่ม เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 18:10:41

ความคิดเห็นที่ 65 อยากเที่ยว อยากทานมากมายครับ... ปล. ไม่ได้เจอในพันทิปนานมากจริงๆ ด้วย จากคุณ : L-Nets เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 00:27:42

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณสำหรับรีวิวมากครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 07:54:58

ความคิดเห็นที่ 67 อ่านเพลินเลยครับ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 17:33:34

ความคิดเห็นที่ 68 อ่านแล้วสนุกมากค่ะ เพริศเพลิน น่าติดตาม ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ จากคุณ : Abb Porjai เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 54 21:34:31

ความคิดเห็นที่ 69 อ่านๆไปทีแรกไม่ได้มองชื่อเจ้าของกระทู้ ชวนให้นึกฉงนว่าใครกันหนอสำบัดสำนวนคร่ำครึราวกับคนผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน กลับไปดูชื่อใหม่ อ้อ เจ้าเก่านี่เอง ยินดีที่ได้อ่านตัวหนังสือกันอีกนะคะ จากคุณ : medicolilith เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:50:42