ความคิดเห็นที่ 1 http://www.oknation.net/blog/assuming/2011/05/20/entry-1 ยามรักกันใหม่ๆ น้ำต้มผักก็ยังว่าหวาน  ไม่ต่างอะไรกับตันโออิชิ และเจ้าสัวเจริญแห่งเบียร์ช้าง        ตัน ภาสกรนที ไม่ใช่ผู้บุกเบิกในตลาดใด แต่ตั้งแต่เขาเข้าสู่วงการอาหารและเครื่องดื่ม ก็ได้สร้างปรากฎการณ์ที่สามารถ “เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยให้ไปตลอดกาล” ได้อย่างไม่น่าเชื่อ          เริ่มตั้งแต่การทำบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นราคา500บาทให้เป็น “ Talk of the Town” ในช่วงที่ผู้ใช้อินเทอร์เนตในเมืองไทยยังอยู่แค่ระดับแสนกว่าคนเท่านั้นเอง  เหตุการณ์นั้นสร้างให้รับประทานอาหารญี่ปุ่นกลายเป็น “แฟชั่น” และกลืนเป็นวัฒนธรรมการกินของคนไทยในที่สุด              ถ้าลองย้อนกลับไปดูเมื่อ15ปีที่แล้ว ห้างสรรพสินค้าทั่้วไปยังไม่มีร้านอาหารญี่ปุ่นไว้คอยบริการลูกค้าเท่าใดนัก เหมือนที่ตอนนี้ห้างส่วนใหญ่ก็ไม่มีอาหารอิตาเลียนแท้เลย (ถ้าไม่นับพิซซ่า)  จะทานแต่ละทีต้องไปตามโรงแรม หรือสุขุมวิทเท่านั้น            แต่พอปัจจุบันหากห้างสรรพสินค้าใดไม่มีร้านอาหารญี่ปุ่นกลับเป็นเรื่องแปลก  อย่างน้อยก็ต้องมี 3 ร้านขึ้นไปในแต่ละห้างแน่นอน  จนลามไปถึงตลาดนัดต่างๆ ที่มีซูชิคำละ 5 บาทให้เห็น ก็เป็นผลมาจากการเริ่มต้นของโออิชิบุฟเฟ่ต์ทั้งสิ้น            พอเข้าสู่ธุรกิจชาเขียว ตันก็ไม่ใช่เจ้าแรก และเจ้าใหญ่ที่สุด ณ ตอนนั้น  คนที่บุกเบิกตลาดก็คือยูนิฟ (UNIF) คนไทยฮือฮากับโฆษณาหนอนพ่อลูก และวลีติดปากที่ว่า “ชิมเมะโจได๋” โออิชิเข้ามาเป็นรายหลัง แต่ตันมีเพื่อนซี้คนหนึ่งเป็นคนไต้หวัน ผู้อยู่เบื้องหลังการปรุงรสชาเขียวและเครื่องดื่มหลากหลายชนิดของโออิชิในตอนนั้น  มาทำรสชาติให้ถูกปากคนไทย และความกล้าทำตลาดของตันที่สร้างปรากฎการณ์อีกครั้งหนึ่งด้วยการแจก “30 ฝา 30 ล้าน” แจกถึงที่สดๆทันที แม้ว่าตอนแรกๆคนที่ได้ไปจะเป็นคนเก็บขยะก็ตามที แต่พอการแจกจริง  เงินสดๆ ลงข่าวไปทั่วทุกสื่อ พี่ไทยก็ต้องหามาลองให้ได้       ทำให้ตอนนั้นชาเขียวโออิชิขาดตลาดขึ้นมาทั่วประเทศทันที ใครๆก็อยากซื้อมาลอง โชคดีที่มีโรงงานที่เป็นพาร์ทเนอร์ต่างๆของคุณตันช่วยดูแล และผลิตให้เพียงพอกับความต้องการในเวลานั้น คุณตันก็ยังซึ้งถึงน้ำใจกันมาถึงทุกวันนี้        หลังจากปรากฎการณ์ 30 ฝา 30 ล้านสักพัก ก็เกิดดีล 3000 ล้านขึ้นมา เมื่อได้เข้าสู่การทำงานที่ต้องมีเป้าหมายชัดเจน คือต้องคิดถึงกำไรของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก คือกำไรมากขึ้นในทุกๆปี  คุณตันก็เริ่มออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาหลายตัว ดีบ้าง แป๊กบ้าง ไม่ว่าจะเป็น น้ำส้มเซกิ ชาเขียวรสใหม่ๆ อามิโนโอเค  คอฟฟี่โอ หรือไลน์ร้านอาหารชาบูชิ และเปิดโออิชิสาขาใหม่ๆ       ปรากฎการณ์ความแตกร้าวเริ่มมาจากไหน  ก็คงเริ่มมาจากความระแวงจากทั้งสองฝ่ายนั้นเอง       คุณตันก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน เพราะเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยแล้ว สถานะตอนนั้นก็เป็นแค่ลูกจ้างรับบริหารให้เท่านั้น  เจ้าของตัวจริงจะเตะกระเด็นเมื่อไหร่ก็ได้ หากมีผลประกอบการไม่น่าพอใจ       เจ้าสัวเจริญเองก็เป็นเจ้าของบริษัท ถึงปากจะพูดว่าให้ตันดูแล  แต่เขาก็กลัวตันดูแลให้เขาไม่เต็มที่ หรือตันเป็นตัวเองมากเกินไปจนเขาควบคุมไม่ได้       จากฝั่งเจ้าสัวที่เริ่มปรับโครงสร้างก็คือการส่งคนเข้ามาเป็นกรรมการบริษัท ดูแลเรื่องการเงิน  เซ็นเช็คสำคัญๆ  แต่เหตุผลที่สำคัญคือน่าจะเป็นคนที่รายการเหตุการณ์ในบริษัทสายตรงมากกว่า       ส่วนตัน โออิชิ เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนมาก นามบัตรของเขาไม่ใช่CEO ของโออิชิ แต่เป็น ตัน ภาสกรนที ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของบริษัทที่เขาจดทะเบียนขึ้นมาใหม่ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทกล้วย กล้วย ทำธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่ลพบุรี) โฆษณาของโออิชิใช้ตันเป็นพรีเซนต์เตอร์แทบทุกอย่าง ทั้งน้ำส้มเซกิ อามิโนโอเค แคมเปญไปแต่ตัวทัวร์ยกแก๊งค์   ฯลฯ ที่หากในมุมมองของคนทำธุรกิจแบบรุ่นเก่าเช่น คุณเจริญ เจ้าของขนมปังเซี่ยงไฮ้ เจ้าของกระทิงแดง เจ้าของเอ็มเค ฯลฯ เขาจะไม่ออกหน้าออกตาในสื่อใดๆทั้งสิ้่น          ทีมงานเจ้าสัวมีสิทธิ์คิดได้ว่า ตัน กำลังเริ่มใช้ทรัพยากรในบริษัทโออิชิเพื่อโปรโมตตัวเอง เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงขึ้นในอนาคต หรืออาจจะมองในแง่ดีว่า ช่วยประหยัดค่าพรีเซนต์เตอร์ ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่มหาศาลในการโฆษณา ถ้าบริษัทมีสินค้าใหม่ปีละ 6 รายการ จ้างดาราเกรด A เฉลี่ยก็ไม่ต่ำกว่าคนละ 5 ล้านบาท ปีหนึ่งก็ต้องใช้เงินถึง 30 ล้านบาททีเดียว         การใช้ผู้บริหารเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าก็เป็นเรื่องที่มีมาแล้วในเมืองไทย ซึ่งขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ยกตัวอย่างเช่น DTAC ก็เคยทำมาแล้ว แม้จะรู้ว่าCEOจะบริหารงานในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น การตัดสินใจเวลานั้นเพราะคนขาดความเชื่อมั่นในแบรนด์DTAC จึงไม่มีใครจะมาทำให้ผู้บริโภคเชื่อได้นอกจากCEOมาพูดเอง แต่กับโออิชิน่าจะมีทางเลือกมากกว่าให้ตันเป็นพรีเซนเตอร์มากมายนัก        อีกเรื่องคือการทำหนังสือ “ชีวิตนี้ไม่มีทางตัน” ซึ่งมีการทั้งพิมพ์เพื่อจำหน่าย ทั้งแจก ทั้งแถม ไปหลักแสนเล่ม ถึงหนังสือจะมีก่อนขายบริษัทให้เบียร์ช้าง          การเดินสายพูดบรรยายไปตามสถาบันการศึกษาต่างๆ อาจจะเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์โออิชิให้แข็งแรงขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่           หากมองกลับกันหากจะคิดในแง่ร้ายว่าตันวางแผนสร้างตัวเองเป็นแบรนด์ก็ย่อมได้  อะไรๆที่มากไปย่อมไม่ดี ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัท แต่กรรมการผู้จัดการเดินสายไปทั่วประเทศ เน้นการตลาด ไม่ค่อยอยู่ออฟฟิศ  มันก็อาจจะก่อให้เกิดความไม่พอใจอยู่ลึกๆได้          ถ้าถามว่าตันเริ่มสร้างตัวเองเป็นแบรนด์ตั้งแต่เมื่อไหร่ “ก็ตั้งแต่ใส่หมวก” นั่นแหละครับ        เรื่องอื่นๆก็พออลุ่มอลวยกันได้ ตราบใดที่บริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โออิชิเป็นยังเป็นเจ้าตลาดชาเขียว ระดับคนที่มีเงินเป็นพันล้าน และแสนล้าน เขาคงไม่มาทะเลาะกันด้วยเรื่องหยุมหยิม แต่ฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดสะบั้นลง เพราะการมาของผู้ชายที่ชื่อ แมทธิว กิจโอธาน หรือว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทโออิชิในปัจจุบันนั้นเอง จากคุณ : ไม่ได้ดูแต่รู้ทุกเรื่อง เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 22:25:14

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.oknation.net/blog/assuming/2011/05/21/entry-1 หลังจากดีลการซื้อหุ้น3000ล้านบาทในปี 2006 ยากที่จะมีคนตอบว่าตันสร้างแบรนด์โออิชิ หรือโออิชิสร้างแบรนด์ให้ตันกันแน่   ในมุมมองของคนที่พอจะติดตามข่าวสารอยู่บ้าง “ตัน” เป็นชื่อที่จำง่าย และ “โออิชิ” ก็เป็นแบรนด์ที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี  แบรนด์ของ “ตัน” ในตอนนั้นคือ นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ เริ่มสร้างตัวจากศูนย์ สู้ชีวิต ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค และเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ ถึงอย่างไรก็ตามตันก็ยังขาดองค์ประกอบของความเป็นคนดังระดับดาราเกรดเอไปพอควร  จนกระทั่งวันที่เขาได้มาเป็นเพื่อนกับโน้ต อุดม แต้พานิช จึงทำให้ตันเข้าใจถึงประโยชน์ของความเป็น Celebrity ว่าใช้สร้างมูลค่ามหาศาลได้แค่ไหน  (ผู้ที่สนใจสามารถหาอ่านได้จากบทความ โน้ต-ตัน ความลงตัวของคนรวยอยากดัง และคนดังอยากรวย http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=assuming&month=08-03-2011&group=5&gblog=8 ) โน้ต อุดมพูดถึงคุณตันในเดี่ยวไมโครโฟนครั้งที่ 7 ว่าได้รู้จักลูกสาวคุณตันชื่อน้องกิฟท์ทำร้านส้มตำชื่อแซบอีลี่อยู่ และคุณตันได้นำช็อคโกแลตร้านของแฟน และอามิโน พลัส มาให้ในคืนก่อนแสดง คำพูดเหล่านี้ถือเป็นโฆษณาแฝงแบบเนียนๆ แต่ความเป็นCELEB ของโน้ตสร้างความมหัศจรรย์ขึ้นทันทีที่ดีวีดีบันทึกการแสดงถูกวางจำหน่าย  ยอดขายอามิโนพลัสพุ่งกระฉูด  ร้านของเมียและลูกก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า  เพราะคน “อยากจะมาลอง” ตามคำบอกกล่าวของโน้ต เหตุการณ์ครั้งนั้นอาจจะเริ่มจุดประกายให้คุณตันรู้ว่าความเป็นคนดังมีมูลค่ามหาศาล และจะมีประโยชน์กับเขาอย่างแน่นอนในวันที่ลาออกจากโออิชิ ความขัดแย้งในโออิชิเริ่มเกิดขึ้นจากการแทรกแซงของเจ้าสัวเป็นระยะๆ ไทยเบฟอาศัยความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่งตั้งบุคลากรใหม่ๆ อายุไม่เยอะมาก เข้ามาทำงานทางด้านตลาด และการเงิน เปรียบเสมือนเป็นสายตรงให้กับเจ้าสัวเจริญ   เด็กรุ่นใหม่เริ่มสั่งงานข้ามหัวตันแบบไม่เกรงใจ อาจจะเพราะด้วยรับนโยบายตรงจากเจ้าของ หรือEGOส่วนตัวก็ไม่ทราบได้  แต่การที่ทำแบบนี้กับตัน ผู้ก่อตั้งบริษัท และผ่านประสบการณ์มามากมายเกินกว่าเด็กรุ่นใหม่จะรับรู้ได้  ตันย่อมไม่พอใจแน่นอน ได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ ขณะเดียวกัน ทีมงานที่เข้ามาใหม่ๆ ก็อยากให้งานเป็นระบบแบบแผนตามวิชา หรือองค์กรใหญ่ๆเขาปฎิบัติกัน ไม่เหมือนคุณตันที่ทำงานแบบเถ้าแก่สั่งลุย  ซึ่งเป็นสิ่งที่ตันถนัดที่สุดในการทำสิ่งใหม่ๆให้คนอยากลอง หรือสร้างDemandขึ้นมาโดนใจคน อย่างเช่นWedding Studio  โออิชิบุฟเฟ่ต์  ชาบูชิ  ชาเขียว ฯลฯ สไตล์คุณตันคือ ลุยไปก่อน สร้างDEMANDไปก่อน เรื่องที่เหลือไว้ค่อยแก้ปัญหาเอาทีหลัง ซึ่งเป็นสไตล์การทำงานที่หาคนเข้าใจได้ยากพอสมควร   ตันเป็นฝ่ายลุยเรื่องการตลาด ทำยังไงก็ได้ให้คนอยากเข้ามากิน  ภรรยาคุณตันก็ทำงานที่โออิชิเช่นเดียวกัน แต่ดูเรื่องการเงิน  แต่คนที่ควบคุมภาพรวมของร้านโออิชิในตอนนั้นคือน้องเขยของเขา นั่นจึงไม่เป็นที่แปลกใจว่าวันที่คุณตันไม่อยู่โออิชิแล้ว หลายคนบ่นว่าบุฟเฟ่ต์ให้ของน้อยลง แอบซ่อนของบ้าง เพราะคนที่ควบคุมเรื่องนี้มาตลอดก็ลาออกด้วย ผู้บริหารคนใหม่ที่เข้ามาดูแลไลน์บุฟเฟ่ต์แทนนั้น อาจจะคำนึงถึงการควบคุมต้นทุนมากเกินไป มากกว่าให้น้ำหนักเรื่องการดึงดูดลูกค้าให้เข้าสม่ำเสมอ เพราะสิ่งที่ดึงดูดลูกค้าจริงๆก็คือ “คุณภาพอาหาร” ไม่ใช่โฆษณาหรือโปรโมชั่น ดังที่โออิชิบุฟเฟต์เคยสร้างปรากฎการณ์ Talk of The Town มาแล้ว ระหว่างที่ทำโออิชิอยู่ก็ไปซุ่มทำธุรกิจส่วนตัวอย่างสร้างโรงแรม  ทำห้างที่ลพบุรี พัฒนาพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ตรงทองหล่อซอย 10 หรือเอกมัยซอย 5 ซื้อขายที่ดินได้กำไรมหาศาล จากการใช้เครดิตตัวเองไปจองไว้ก่อน แล้วเอาบอกเจ้าสัวเจริญ ก็ได้ส่วนแบ่งไปสบายๆแบบไม่ต้องลงทุน เพราะเครดิตของคุณตันมีค่ามากกว่าเงินมัดจำ   เมื่อก้าวจากนักธุรกิจเป็นนักลงทุน สายตาการซื้อที่ดินของตัน โออิชินั่นถือว่าแหลมคมอย่างยิ่ง จากการที่เคยเจ๊งมาแล้วในปี 40 เพราะที่ดิน แต่อีกสิบปีให้หลัง ตันกลับโกยเงินได้มหาศาลกว่าที่เคยเจ๊งไปเป็นสิบเท่า เพราะที่ดินเช่นเดียวกัน  เรื่องร่ำลือกันในวงการว่าตันใช้เวลาเพียงไม่นานซื้อที่ดินในจังหวะที่ถูก และรู้จังหวะที่ปล่อยที่ในช่วงแพง มีที่แปลงหนึ่ง ตันฟาดกำไรไปถึงสองพันล้านบาทในเวลาไม่ถึงสามปี ที่ดินตรงทองหล่อซอย 10 หรือว่าอารีน่า 10 นั้น ตันก็มองการณ์ไกลถึงสถานการณ์คอนโดย่านสุขุมวิทตั้งแต่ปี 51 ว่าจะอิ่มตัวตามวัฎจักรของเศรษฐกิจในช่วงนั้น ถ้าสังเกตุให้ดีพื้นที่ด้านในจะเป็นลักษณะของธุรกิจชั่วคราวที่สามารถรื้อถอนได้ง่าย เช่นสนามฟุตบอล  Funky Villa ก็ทำชั้นเดียว เพราะตันรู้จักรอจังหวะเล่น  ถึงทำคอนโดไปในตอนนั้นก็ขายไม่ได้ราคา เพราะมีแต่คนทำ สู้พัฒนาที่ตรงนั้นทำอย่างอื่นไปก่อนดีกว่า  รอให้คนขายคอนโดในย่านนั้นให้หมดก่อน ด้านในที่ดินของตันผืนนี้ก็คงจะเป็นคอนโดสำหรับอยู่อาศัยที่มีไลฟ์สไตล์พิเศษตาม Story ที่ตันสร้างให้พื้นที่นี้มาตลอด จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพื้นที่ด้านหน้าของอารีน่า10 เป็นราเมนแชมเปี้ยน เป็นร้านของเมีย เจ้าสัวอาจจะเก็บความรู้สึกหลายอย่างไว้ในใจ  เพราะตอนที่รับปากว่าจะให้ตันดูแลโออิชิต่อไป  คงไม่ได้ขอให้ตันห้ามทำธุรกิจอื่นควบคู่ไปด้วยก็ได้  พอตันทำธุรกิจส่วนตัวระหว่างที่ทำโออิชิไปด้วย และยิ่งประชาสัมพันธ์ตัวเองมากเท่าไหร่ คนเป็นเจ้าของเงินย่อมมีมุมมองที่คิดได้ว่า มืออาชีพที่บริหารบริษัทก็ควรจะโฟกัสกับสิ่งนั้นสิ่งเดียว คือทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น ไม่ใช่มัวแต่ไปยุ่งกับธุรกิจของตัวเอง เพราะตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตันรวยมากขึ้นจากธุรกิจและการลงทุนส่วนตัวของเขา มากกว่ากำไรที่โออิชิทำได้ใน 5 ปีหลังหลายเท่านัก ไม่นับความดังของตันที่มากขึ้นจากการออกสื่อต่างๆและการเดินสายพูดตามสถาบันการศึกษา แล้วอย่างนี้เจ้าของที่ไหนจะอยากให้ตันบริหารโออิชิต่อไป สิ่งสุดท้ายที่ทำให้ตันกับโออิชิ เป็นแค่เส้นขนาน ก็คือคำสั่งประกาศิตว่าให้โยกสายการผลิตเครื่องดื่มโออิชิทุกชนิดไปสู่โรงงานของไทยเบฟที่สร้างขึ้นมาใหม่  ซึ่งสำหรับตันถือว่าเป็นการแทรกแซงตำแหน่งซีอีโอของเขาโดยตรง ความสัมพันธ์อันดีที่พาร์ทเนอร์ต่างๆช่วยเหลือตันมาตั้งแต่โออิชิยังไม่มีโรงงานผลิตชา จนวันที่ชาเขียวโออิชิเป็นอันดับหนึ่งนั้น ตันไม่สามารถหักดิบได้ทันที เพราะรู้ดีว่าถ้าโยกการผลิตก็เท่ากับโรงงานต่างๆของพาร์ทเนอร์ และคนงานอีกเป็นจำนวนมากต้องเดือดร้อน ที่สำคัญคือสัญญาณให้ตันได้รู้ว่า หากไม่ปฎิบัติตามก็คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตำแหน่งของเขา เป็นการยื่นข้อเสนอง่ายๆทางอ้อมว่า จะลาออกเอง หรือจะให้ไล่ออก แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 54 22:29:24 จากคุณ : ไม่ได้ดูแต่รู้ทุกเรื่อง เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 22:26:53

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.oknation.net/blog/assuming/2011/05/22/entry-1 หากการเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาโดยทั่วไปก็จะมีการรับน้องใหม่เพื่อให้รู้จักโลกใหม่ในมหาวิทยาลัย  การก้าวสู่ความเป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้านของตันโออิชิก็คงไม่ต่างกันที่ต้องโดนรุ่นพี่รับน้อง แถมยังเป็นแบบ “สหบาทา” เลยทีเดียว เมื่อมูลค่าตลาดชาเขียวมากกว่า 3000 ล้านบาทต่อปี ผู้เล่นในตลาดขนม อาหาร และเครื่องดื่มรายใหญ่ๆในประเทศไทยก็ขอเข้ามามีแข่งในตลาดนี้ด้วย เนื่องจากเห็นถึงกระแสบริโภคชาเขียวที่ยังเติบโตไปได้อีกมาก  แถมแต่ละรายก็ถือว่า “ใหม่” ด้วยกันทั้งนั้น ตัน โดนรุมสกรัมแบบไม่ธรรมดา ด้วยการต้องแข่งกับ 30 แบรนด์ ในตลาดตอนนั้น และหลายรายก็เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ หรือไม่ก็มาพร้อมทุนมหาศาล เบียร์สิงห์ก็ส่ง “โมชิ” ลงมาสู้  ยักษ์ใหญ่เจ้าตำรับอย่าง “คิริน” ที่ลงทุนจ้างซูเปอร์สตาร์อย่างเบิร์ด ธงไชยด้วยมูลค่า 30 ล้านบาทมาสู่ บริษัทใหญ่รายอื่นๆมีสายส่งเป็นของตัวเอง มีเครือข่ายทั่วประเทศ ที่จะนำสินค้าไปวางจำหน่าย แต่ใครๆเวลานั้นก็อยากดื่มแต่ชาเขียว โออิชิ เท่านั้น สุดท้ายมีการทิ้งไพ่ใบสุดท้ามาด้วยการลดราคาเหลือ 15 บาท (จาก 20 บาท) เพื่อหวังแบ่งมาร์เกตแชร์ แต่ก็ไม่อาจทำให้โออิชิสะดุ้งสะเทือนได้ ยอดขายสมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่ได้ลดราคาเหมือนเจ้าอื่น จนต้องมีการเล่นเกมส์ใต้ดินที่ปล่อยข่าวเรื่อง “กรดเกลือ” ในขวดชาเขียวโออิชิที่เรียกว่าหนักหนาสาหัสที่สุดแล้ว ถึงไม่ได้เรียนพีอาร์มา แต่การแก้เกมส์ของตันในเวลานั้นสุดยอดยิ่งกว่าคัมภีร์ใดๆในโลก ด้วยการให้ลูกชายดื่มชาเขียวโชว์ในวันแถลงข่าวชี้แจง ยอดขายชาเขียวโออิชิกลับมาปกติอีกครั้ง พร้อมกับการโบกมือลาจากสมรภูมิชาเขียวอีกไม่ต่ำกว่า 20 แบรนด์ ตันขึ้นมาเป็นสู่ความเป็นมหาเศรษฐีได้อย่างเต็มภาคภูมิอย่างแท้จริง   หนทางแห่งความร่ำรวยของตันนั้นเป็นการก้าวขึ้นมาแบบแฟร์เพลย์อย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีภาพลักษณ์ที่สะอาดสดใสอีกด้วย ต่างจากธุรกิจยักษ์ใหญ่รายอื่นที่ยิ่งใหญ่แต่ก็ต้องมีอะไรไม่ปกติธรรมดาสักอย่างเบื้องหลัง เช่นผูกขาดด้วยสัมปทาน ทุนมหาศาล ขายของมึนเมา หนีภาษี  หรือแม้กระทั่งโกง เอาเปรียบคู่แข่งรายเล็กๆ หลังจากเริ่มวางแผนลาออกจากโออิชิ ภาพที่เติมแบรนด์ตันให้เต็มก็คือ ความเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์ รักครอบครัว และความรับผิดชอบต่อสังคม ความรักเมีย รักลูกนั้นตันไม่ได้เสแสร้งใดๆ เพราเป็นสิ่งที่ตันทำด้วยความจริงใจมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว แต่สิ่งเหล่านี้กลับปรากฎสู่สื่อมากขึ้น ทั้งเรื่องความรัก ลูก เมีย เพื่อเสริมแบรนด์ของตันให้ยิ่งใหญ่ขึ้น ส่วนเรื่องการทำกิจกรรมเพื่อสังคมนั้นตอบยาก แต่หากดูนักธุรกิจรุ่นเก่าแบบเจ้าสัวเจริญแล้ว เคยเปรยไว้กับคนใกล้ชิดว่า “ธุรกิจเราเป็นธุรกิจบาป ดังนั้นเราต้องพยายามทำบุญเยอะๆ”  นี่คือความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของเจ้าสัวเจริญ ที่รู้ว่าความร่ำรวยที่ตนได้มา ก็มาจากคนจำนวนมากที่ต้องเดือดร้อนจากของมึนเมา  ถึงจะชดเชยไม่ได้ แต่ก็ต้องพยายามทำความดีให้มากๆ   เพียงแต่ไม่ได้ป่าวประกาศเท่านั้นเอง สไตล์การทำกิจกรรมเพื่อสังคม ของเจ้าสัวและตัน ต่างกันโดยสิ้นเชิง เจ้าสัวสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม และสนับสนุนองค์กรการกุศลมากมายในแต่ละปีแบบเงียบๆ โดยที่ไม่ได้มีPAGEของFacebook ปีๆหนึ่งเป็นหลักร้อยล้านบาท ให้เพราะอยากให้จริงๆ ไม่จำเป็นต้องประกาศ เพราะคนเรานานาจิตตัง ให้เลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากทำธุรกิจที่ผิดศีล ถ้าสังเกตดูเจ้าสัวก็จะนำกำไรของเบียร์ช้างไปลงทุนในสายธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่การขายของมึนเมาอยู่ตลอดเวลา ทั้งการพัฒนาที่ดิน ซื้อโรงแรม ซื้อกิจการอย่างโออิชิ ซื้อเบอร์ลี่ยุกเกอร์ ฯลฯ   ตันเริ่มเกากระแสตลอด ด้วยการไปช่วยทำความสะอาดราชประสงค์หลังจากความวุ่นวายจบลง และผนึกความคิดกับโน้ตเป็นศูนย์อำนวยการชอปปิ้งที่อารีน่า 10 ทั้งแปลก เก๋ สดใหม่ สำหรับกระแสของคนกรุงเทพฯที่อยากช่วยแม่ค้าราชประสงค์ในตอนนั้น  ทำให้ได้พื้นที่สื่อในการประชาพันธ์ไปเป็นมูลค่ามหาศาล ถ้าคิดง่ายๆว่าโฆษณาในรายการสรยุทธมีมูลค่านาทีละ 2 แสนบาท เวลาที่ตันออกอากาศ และถูกสรยุทธ์พูดถึงทุกวันในช่วงน้น คงเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน ไม่รวมถึงการลงสื่อหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ทั้งหมดนี้ตันไม่ต้องเสียค่าโฆษณาแม้แต่บาทเดียว     ถึงจะให้พื้นที่ขายของฟรี แต่ก็ทำให้คนมาที่อารีน่า10มากขึ้น รู้จักมากขึ้น และใช้จ่ายที่สถานที่แห่งนี้มากขึ้น สื่อมวลชนก็ขายข่าวได้เพราะคนชอบ แม่ค้าก็ได้ขายของ ประชาชนก็ดีใจเพราะอยากทำบุญ WIN กันทุกฝ่าย ทุกคนมีแต่ได้ แต่คนที่ได้มากที่สุดน่าจะเป็นตันเอง ตันทำการกุศลเป็นเหมือน EVENTหนึ่ง มีโครงการ ที่ต้องมีการPR วางแผนโปรโมตระดมทุน ให้ทุกคนมีส่วนร่วม ไม่ต่างจากที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทำ แต่เผอิญว่าเมื่อตันเป็น “แบรนด์” และแบรนด์เป็นคนหนึ่งคนไม่ใช่บริษัท จึงดูว่ามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก กับโปรเจค “เดี่ยว เดี่ยว กับตัน” เพื่อนำไปสร้างโรงเรียนที่ชลบุรี โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ จากบัตรเข้าชมเลย เพราะคนชื่อตันจะมีไอเดียอะไรพิเศษที่ดึงดูดคนเสมอ หากบอกว่ารายได้ส่วนหนึ่งของบัตรเข้าชม หรือรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำไปมอบให้การกุศลก็จะดูธรรมดามากในโลกสมัยปัจจุบัน แต่ตันทำแบบนี้กลายเป็น EVENTที่ดูจริงใจ ทุกคนอยากมีส่วนร่วม และสำคัญคือแบรนด์ของตันก็มีความสมบูรณ์พร้อมทุกด้าน และพร้อมที่จะหลุดออกจากความเป็นโออิชิ  ไปสู่อาณาจักรแห่งใหม่ของตัวเองที่ชื่อว่า "บริษัทไม่ตัน จำกัด" จากคุณ : ไม่ได้ดูแต่รู้ทุกเรื่อง เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 22:28:48

ความคิดเห็นที่ 4 http://www.oknation.net/blog/assuming/2011/05/25/entry-1 วันที่ 9 เดือน 9คุณตันลาออกจากโออิชิเสร็จ  ก็เตรียมเปิดโครงการแรก ก็คือราเมนแชมเปี้ยนในเดือนพฤศจิกายน 53 ซึ่งรวมเอาสุดยอดราเมน6ร้านมารวมไว้ที่เดียว สร้างจุดชายใหม่ให้พื้่นที่ ARENA 10 ได้ทันที แม้ว่าจำนวนร้านราเมนในถนนสุขุมวิทจะมีมากกว่า100ร้านแต่นั่นกลับไปไม่ใช่ปัญหาสำหรับตัน ภาสกรนทีเลย ไม่ว่าจะเป็นร้านราเมนที่ดังแค่ไหนสุขุมวิทก็จะมีคนรู้จักและฐานลูกค้าต่อร้านไม่เกิน 2 หมื่นคนต่อปีเป็นอย่างมาก เพราะโดยส่วนใหญ่เป็นร้านเล็กๆ มีสาขาเดียว และมีการประชาสัมพันธ์แบบทั่วๆไป มีลงแมกกาซีน หนังสือพิมพ์ และลงอินเทอร์เนต ไม่มีอะไรมากกว่านั้น คติของตันโออิชิคือ “ไม่ต้องกลัวคู่แข่งที่มีอยู่แล้วในสนาม ถ้าเรามั่นใจว่าเราดีกว่าเขา ก็สู้ชนะได้แน่นอน ไม่ว่าจะเข้าสู่สนามช้ากว่าก็ตามที” ด้วยการตลาดแบบคุณตัน Social Networkสมัยใหม่ และแฟนพันธ์แท้ที่เชื่อในความเป็นแบรนด์ของตัน ทำให้ “ราเมนแชมป์เปี้ยน” มีคนรู้จักระดับหลายแสนคนตั้งแต่ก่อนเเปิดร้าน ดังยิ่งกว่าร้านราเมนใดๆที่เคยเปิดมาในสุขุมวิททั้งหมด แค่คนวนเวียนมากินเพราะอยาก “ลอง” ก็ทำให้มีคนเข้าเต็มตลอด พร้อมด้วยการตลาดแหวกแนว เช่นการบริจาคเงินที่ขายราเมนได้ทั้งหมดในสัปดาห์นั้นให้ผู้ประสบภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นก็สร้างความฮือฮาให้คนไม่ใช่น้อย พร้อมยอดบริจาคที่ UPDATE ทุกวัน  ซึ่งคงไม่มีร้านอาหารใดในประเทศไทยที่กล้าทำแบบนี้ ทั้งการจัดเดี่ยวเดี่ยวกับตัน การบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ เป็นการช่วยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น ได้ใจคนไปมากมาย กลับกันในช่วงเวลานั้นก็เกิดโครงการ 9 Challengers ที่เฟ้นหาผู้สมัคร 9 คน คุณสมบัติกว้างๆ จบปริญญาตรีสาขาใดก็ได้ อายุ 20 -35 ปี  ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์  ด้วยการส่งคลิปวีดีโอสมัครงานความยาวไม่เกิน 2 นาที เพื่อเป็นพนักงานของบริษัทไม่ตันจำกัดรุ่นแรก โดยทั้ง 9 คนนี้จะได้ทำงานที่บริษัท พร้อมด้วยหุ้นบริษัทมูลค่า 3 แสนบาทเป็นรางวัล เกิดปรากฎการณ์คนส่งคลิปมาสมัครกับคุณตันเกือบ 2000 คลิป โดยที่คุณตันไม่ต้องใช้เงินลงสื่อเลยแม้แต่บาทเดียว  แค่โพสลงในFaceboookเท่านั้นเอง สร้างความหวังสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่มากมาย ที่อยากจะร่วมงานกับคุณตันที่เป็นฮีโร่ของเขา มีเงื่อนไขเล็กๆในการสมัครงานครั้งนี้ ที่น่าสังเกตุคือ ·         ผู้ชนะทั้ง 9 คน จะต้องยึดถือ กฏ ระเบียบ และมาตรฐานการประเมินผล เช่นเดียวกับพนักงานทั่วไปของบริษัทฯ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฏ และนโยบายของบริษัท หรือไม่ผ่านการประเมินผลงาน บริษัทฯ สามารถยกเลิกสัญญาจ้างได้ทุกกรณีโดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน หรือรางวัลใดๆ ·         เงินเดือน และผลตอบแทนอื่นๆ ขึ้นอยู่กับ ความสามารถและประสบการณ์ของผู้ที่ได้รับการคัดเลือก ·         The 9 Challengers ทั้ง 9 คน ที่ผ่านโปรตามระเบียบของบริษัท ในกรณีที่มีการลาออกหลังจากอยู่ครบ 1 ปี จะได้รับเงินมูลค่า 100,000 บาท ·         The 9 Challengers ทั้ง 9 คน ที่ผ่านโปรตามระเบียบของบริษัท ในกรณีที่มีอายุการทำงานครบ 3 ปี จะได้รับหุ้นของบริษัทฯ มูลค่า 300,000 บาท ในกรณีที่มีการลาออกหลังจากอยู่ครบ 3 ปี สามารถเก็บหุ้นจำนวน 300,000 บาทไว้ได้ โครงการที่ดู “เปิดกว้าง” กลับมีเงื่อนไขซ้อนกันหลายชั้น บริษัทสามารถกำหนดเงินเดือนคุณได้  ให้คุณไม่ผ่านทดลองงานได้  ยกเลิกสัญญาจ้างได้ทุกกรณี  หากลาออกในสองปีแรกจะได้ปีละ 1 แสนบาทนั้น แทบไม่น่าสนใจอะไร เพราะบริษัทกำหนดเงินเดือนเราได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การที่ปีที่ 3 ได้หุ้นบริษัทมูลค่า 3 แสนบาทนั้น เป็นสิ่งที่ดูหอมหวานที่สุดสำหรับผู้ชนะทั้ง 9 คนที่ได้ร่วมงานกับตัน แต่หากมองลึกลงไปดีๆ รางวัลที่ได้คือหุ้นของบริษัทเมื่อปีที่ 3 ไม่ใช่ปีแรก มูลค่าหุ้นของบริษัทเมื่อปีแรกที่มียอดขายหลักร้อยล้าน กับปีที่สามที่มียอดหลายพันล้าน ย่อมมีค่าต่างกันมหาศาล  หุ้น 3 แสนที่ผู้ชนะจะได้นั้น อาจจะมีค่าเพียงหมื่นกว่าบาทในวันนี้ก็เป็นได้ สรุปว่าคุณตันใช้เงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการคัดเลือกคนที่ “มีใจ” อยากจะร่วมกับคุณตันจริงๆ  แถมยังกำหนดเงื่อนไขที่ “ล็อค” คนเหล่านี้ให้ทำงานให้บริษัทให้เต็มที่ อย่างน้อยก็เป็นระยะเวลา 3 ปี แม้จะไม่มากมาย แต่คุณตันก็ให้ “ความเป็นเจ้าของ” เพื่อให้ทุกคนทุ่มเทให้บริษัทประสบความสำเร็จ แต่ถ้าจะมองในแง่ลบ หากคุณเป็นพนักงานในบริษัทจำกัดมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็จะรู้เลยว่า “ความเป็นเจ้าของ” นั้นเป็นสิ่งธรรมดามากเมื่อมีการซื้อขายในตลาดหุ้น ทั้งคนนอกคนในหากคิดว่าบริษัทจะกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็สามารถซื้อหุ้นได้โดยเสรี ใช้เงินเปิดบัญชีเริ่มต้นที่สามหมื่นบาทก็ทำได้แล้ว คุณตันก็รับคนเข้ามาทำงานตามปกติ โดยใช้เงื่อนไข และเทคนิคให้ดูน่าสนใจเท่านั้น ไม่ใช่การเปิดโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ความสำเร็จในชีวิต ความฝัน อะไรมากมาย ตามที่ผู้สมัครหลายคนเข้าใจอย่างนั้น ก็มีการประเมินงาน มีการยกเลิกสัญญาได้ตามปกติ ส่วนผลตอบแทนและหุ้นที่ได้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับคนที่จะทุ่มเทให้บริษัท 3 ปีเป็นอย่างน้อย ตันให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนลาออกจากโออิชิว่าจะทำธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแต่ยังกั๊กๆไม่บอกว่าคืออะไรจนกว่าจะลาออก หากจะมีใครที่แข่งกับโออิชิได้สูสีที่สุดในประเทศไทย  ก็คงเป็นคุณตันเอง  เพราะรู้ทั้งตื้นลึกหนาบางทั้งหมดของโออิชิ  ที่สำคัญคน คนปรุงสูตรชาเขียวโออิชิเป็นเพื่อนคุณตันนั่นเอง  เป็นคนไต้หวัน แล้วบ้านที่เมืองไทยก็อยู่ใกล้ๆคุณตันด้วย สินค้าแรกจากไม่ตันคืออัญชัญเบอรี่ และตะไคร้กีวี่ในนาม DOUBLE DRINK ที่เป็นเพียงตัวคั่นเวลาเท่านั้น หากเอาชาเขียวมาแข่งกับโออิชิทันทีก็จะดู “น่าเกลียด” ไปที่มาแข่งกับคนที่ยอมเสียเงินซื้อกิจการของตันไป 3300 ล้านบาทถ้วน   เมื่อดอกอัญชัน เบอรี่ ตะไคร้ และกีวี่ไม่ได้ปลูกในวันเดียวฉันใด  การเตรียมทำชาเขียวอิชิตันมาสู่ตลาดก็ไม่ได้พึ่งมาทำฉันนั้น ต้องเตรียมที่ดิน พันธ์ชาเขียว ใช้เวลาปลูก เก็บเกี่ยว และทดลองสูตรเป็นปีถึงจะวางจำหน่ายได้  ตันวางเป้าหมายไว้แล้วแน่นอนตั้งแต่ก่อนออกจากโออิชิว่าจะต้องทำชาเขียวมาสู่ตลาด แต่ต้องรอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม พร้อมสร้าง “จุดขาย” ใหม่ไม่ให้ซ้ำกับโออิชิของเดิมที่มีอยู่ ชาเขียวออร์แกนิคอิชิตัน โดยคนปรุงสูตรคนเดียวกับโออิชิก็ออกตลาดในที่สุด พร้อมกับรูปของตันในทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัท “ไม่ตัน จำกัด” กับแบรนด์ที่เน้นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งคำกล่าวอ้างนี้อาจจะย้อนมาทิ่มแทงตัวเขาเองในอนาคตก็ได้ จากคุณ : ไม่ได้ดูแต่รู้ทุกเรื่อง เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 22:30:56

ความคิดเห็นที่ 5 http://www.oknation.net/blog/assuming/2011/05/30/entry-1 การทำดีนั้น  ไม่ว่าจะตั้งใจทำจากใจจริง หรือมีผลประโยชน์แอบแฝงก็ล้วนดีกว่าคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย   ดีกว่าการไม่ได้ออกแรงทำอะไร แล้วไปวิพากษ์วิจารณ์เขา แต่เมื่อตันเลือกหนทางนี้แล้ว  ย่อมไม่อาจหวนกลับ ต้องยอมที่จะถูกสปอตไลท์สาดส่องไปในทุกพื้นที่ที่เดินทางไปถึง หากทำดีมีคนชื่นชม หากทำผิดพลาดก็ย่อมถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเขาคือ “ตัวอย่างที่ดีของสังคม” หรือว่า “ไอดอล” ของคนเป็นจำนวนมาก เมื่ออิชิตันปรากฎตัวพร้อมด้วยเสียงวิจารณ์ในระดับหนึ่งว่า “ผิดมารยาททางธุรกิจ” แต่น่าจะมีหลายๆคนที่เคยชื่นชมเขา “ผิดหวัง” มากกว่า จากเรื่องอื่นๆที่เคยย้ำในภารกิจเพื่อสังคมมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลายเป็นการตอบคำถามว่า เขาไม่เคยพูดว่าจะไม่กลับมาทำชาเขียวอีกแล้ว ไม่ได้มีสัญญากับเจ้าสัวเจริญว่าจะไม่ทำชาเขียวมาแข่งด้วย แค่รับปากว่าจะบริหารให้อย่างน้อย 3 ปี แต่ก็อยู่มา 5 ปี พร้อมดันตลาดชาเขียวมูลค่าถึงหมื่นล้านบาท อิชิตันไม่ได้สนใจจะเป็นเบอร์หนึ่งของชาเขียว แต่จะเป็นผู้นำของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และพยายามจะทำให้อิชิตันแตกต่างจากโออิชิ เมื่อเวลาตันพูดคำว่าชาเขียวก็จะต้องลงท้ายด้วยคำว่า “ออร์แกนิค” ทุกครั้ง แต่คำตอบทุกอย่างเป็นการยืนยัน "ระดับความแค้นต่อโออิชิ" ว่าไม่ธรรมดา ถ้าบอกว่าไม่แค้น แล้วจะทำชาเขียวแข่งกันทำไม ถ้าแข่งกับตัวเองแล้วจะสร้างโรงงานมูลค่าสองพันกว่าล้านอยู่ไปทำไม ถ้าไม่ใช่เพื่อโค่น "โออิชิ" เพราะเมื่อขายชาเขียวเหมือนกัน การที่ยอดขาย "อิชิตัน" เพิ่มขึ้น หรือการที่ยอดขาย "โออิชิ" ลดลงนั่นเอง ถ้าบอกว่าอยากทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ก็มีไปทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างอื่นได้มากมาย เขาอาจจะต้องตอบคำถามแบบนี้แบบไม่เต็มปากนักในช่วงนี้  แต่สิ่งที่คุณตันอ่านขาดคือนิสัยของคนไทยที่ “ลืมง่าย” เมื่อเปิดตัวไปสักพัก คุณตันก็จะหาEVENTใหม่ๆ มาทำให้คนทั่วไปลืมเรื่องนี้กันหมด อย่างน้อยก็เริ่มด้วยการเปิดตัวที่ราคา 16 บาท ด้วยขนาดที่ย่อมเยาลงนิดหน่อยเหลือ 420 มิลลิลิตร แทรกพื้นที่เข้าไประหว่างขวดเล็ก 10 บาท กับขวดใหญ่ 20 บาท ได้อย่างพอเหมาะพอดี เมื่อรสชาติมาจากเพื่อนไต้หวันที่ปรุงชาโออิชิ จึงไม่แปลกใจเลยว่าอิชิตันรสน้ำผึ้งมะนาวจะเหมือนกับโออิชิทุกประการ ต่างกันแค่ความหวานเท่านั้น  ซึ่งถือว่าคุณตันใช้จุดแข็งของตัวเองที่กำความลับทุกอย่างของโออิชิไว้ แม้กระทั่งสูตรชา มาโจมตีแบรนด์เก่าของตัวเอง ถ้าสินค้ารสชาติเหมือนกัน ราคาถูกกว่า ใครจะไม่ซื้อครับ เมื่อตลาดชาเขียวไม่มีผู้เล่นรายใหญ่ที่สร้างความฮือฮาได้เลยในช่วง3-4ปีหลัง ทั้งที่ตลาดมูลค่าเป็นหมื่นล้าน  ถ้าตันไม่ทำก็อาจจะมีคนอื่นทำในที่สุด  แต่สุดท้ายผู้บริโภคคนไทยโดยส่วนใหญ่ก็คงไม่สนใจที่ใครจะมาแข่งกับใคร หรือแก้แค้นใคร  เพราะคนที่ได้ประโยชน์จากการแข่งขันก็คือประชาชนที่จะได้ของถูกลง น่าแปลกที่คุณตันใช้คำว่าชาเขียวออร์แกนิคได้อย่างมั่นใจมาก โดยที่ไม่ได้ดูส่วนประกอบอื่นๆว่ามาจากธรรมชาติหรือเปล่าหากไปเสริชดูGOOGLEด้วยคำว่า ORGANIC GREENTEA ก็จะเห็นแต่ใบชาเขียวแบบกล่องเท่านั้น  หากเป็นชาเขียวออร์แกนิคพร้อมดื่มก็ต้องหมายถึงส่วนผสมทุกอย่างในนั้นต้องออร์แกนิคด้วยถึงจะสามารถใช้คำนี้ได้   ออร์แกนิค ORGANIC แปลง่ายๆว่ามาจากธรรมชาติ 100% จะอันตรายไม่อันตรายก็อีกเรื่องหนึ่ง ชาเขียวออร์แกนิค หมายถึงต้องปลูกโดยไม่ใช่สารเคมี อย่างที่คุณตันได้โพสรูปไร่ชาเขียวในอินเทอร์เนต แต่ น้ำตาล มะนาว ฟรุคโตส ที่อยู่ในชาเขียวใช้วิธีปลูกและสกัดมาแบบอินทรีย์หรือเปล่า คุณตันกลับไม่เคยพูดถึง แต่หากเปรียบเทียบง่ายๆ ก็น่าจะบอกได้ว่า เหมือนคุณเอาผักออร์แกนิค ไปต้มมาม่ากิน แล้วคุณจะเรียกมาม่าชามนั้นว่า มาม่าออร์แกนิค หรือมาม่าเพื่อสุขภาพได้หรือเปล่า?  ผักที่ดีก็ทำให้มาม่ามีคุณค่ามากขึ้นเท่านั้น ไม่ได้เปลี่ยนองค์ประกอบอื่นของมาม่าให้เป็นออร์แกนิคแต่อย่างใด ปัจจุบันกระแสรักสุขภาพมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่เครื่องดื่มน้ำอัดลมก็ยังมียอดขายสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องโฆษณาเกินจริง เพราะคนมีความรู้ความเข้าใจที่จะบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม  ให้ความสดชื่น และพลังงานในยามที่จำเป็นเท่านั้น เหมือนที่ไม่มีใครดื่มน้ำอัดลม กาแฟ แทนน้ำเปล่า อยู่แล้ว แนวคิดเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ดี อิชิตันก็เป็นชาเขียวที่รสชาติดี มีประโยชน์กับร่างกายระดับหนึ่ง  ไม่จำเป็นต้องอวดอ้างสรรพคุณพิเศษใดๆ ก็ขายดีอยู่แล้ว เพราะคุณตันมีต้นทุนทางสังคมที่สูงมากๆอยู่แล้ว เมื่อพูดอะไรแล้ว มีคนเป็นแสนเป็นล้านคนพร้อมจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดโดยไม่ลังเล  ใ สุดท้ายแล้วสื่อมวลชนก็คงจะไม่เล่นประเด็นนี้  เพราะเป็นน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า สื่อได้เม็ดเงินจากงบโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ตันก็ได้พื้นที่ออกสื่อ คงไม่มีใครทำร้ายตัวเองอยู่แล้ว  แล้วคนไทยก็คงจะไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ว่ามันออร์แกนิคจริงหรือเปล่า เพราะคนไทยลืมง่ายจริงๆ จากคุณ : ไม่ได้ดูแต่รู้ทุกเรื่อง เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 22:32:34

ความคิดเห็นที่ 6 http://www.oknation.net/blog/assuming/2011/06/08/entry-1 การแข่งขันเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาขีดความสามารถของธุรกิจ ยิ่งคุณมีคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ยิ่งกระตุ้นให้คุณต้องพยายามคิดหาวิธีการใหม่ๆทางการตลาด การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สินค้าใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ ความท้าทาย โอกาสใหม่ๆฯลฯ โค้กก็ต้องยอมรับการมีอยู่ของเป๊บซี่ และมาม่าก็ต้องคิดว่ายำยำก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะยิ่งแข่งกันก็ทำให้ธุรกิจพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อตอนที่มีชาเขียวในตลาดกว่า 30 แบรนด์ มีหลายเจ้าลดราคาเหลือเพียงขวดละ 15บาท แต่โออิชิไม่เคยลดราคาลงมา แต่อิชิตันเปิดตัวอย่างร้อนแรงด้วยราคา 16 บาทโดยใช้ช่องทางโมเดิร์นเทรดอย่าง 7-11 เป็นธงนำ โออิชิก็โต้กลับด้วยการลดราคาลงมาทันทีถึงขวดละ 4 บาท คิดเป็นสัดส่วนถึง20%ของราคาขายเลยทีเดียว แสดงให้เห็นว่าเจ้าสัวเจริญยอมรับตันเป็นคู่แข่งอย่างเป็นทางการในสมรภูมินี้ แต่สิ่งที่เราเห็นเป็นเพียงแค่การโหมโรงก่อนสงครามที่แท้จริงระหว่างสองค่ายนี้เท่านั้น ด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้ 1. โรงงานอิชิตันยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ปัจจุบันยังจ้างให้บริษัทยูโรเปี้ยนฟู้ดส์ (อดีตเป็นเจ้าของแบรนด์ชาเขียวโตเซนที่มีอั้ม พัชราภาเป็นพรีเซนต์เตอร์) พอต้นปี2555 ฐานการผลิตของเครื่องดื่มในเครืออิชิตันก็จะย้ายไปที่โรงงานแห่งใหม่มูลค่า 2400 ล้านที่อยุธยา พร้อมกำลังการผลิต 15 ล้านขวดต่อเดือน 2.     ถึงจะขายดีในเซเว่น โลตัส บิ๊กซี รวมสาขากันทั้งหมดยังมีไม่ถึงหมื่นสาขา แต่ตัวเลขของร้านโชว์ห่วยทั่วประเทศมีถึงกว่า 300,000 แห่ง ซึ่งคุณเจริญมีสายส่งช่องทางนี้ที่แข็งแกร่งที่สุดเจ้าหนึ่งในประเทศไทย ดูจากสินค้าของในเครือไทฟเบฟทั่งเหล้าแม่โขง แสงโสม เบียร์ช้าง โออิชิ ที่วางจำหน่ายอยู่แทบทุกร้านโชว์ห่วยทั่วประเทศไม่ต่างจาก มาม่า โค้ก เป๊บซี่ M150 3. การสกัดดาวรุ่งไม่ให้สินค้าอิชิตันทุกชนิดวางในร้านโชว์ห่วยได้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะตามร้านโชว์ห่วยทั่วประเทศเวลานี้มีชาเขียวอยู่ยี่ห้อเดียวคือ “โออิชิ” เท่านั้น ไทยเบฟใช้กลยุทธ์กีดกันทางการค้า โดยแจ้งว่าร้านไหนมีดับเบิ้ลดริ๊งค์ หรืออิชิตันวางจำหน่ายก็จะไม่ได้รับส่วนลดพิเศษจากสินค้าของไทยเบฟ รื้อฟื้นกลยุทธ์ขายเหล้า(แม่โขง) พ่วงเบียร์(ช้าง)ขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง เมื่อกำลังการผลิตสมบูรณ์ การแข่งขันที่แท้จริงก็จะเริ่มขึ้นในปีหน้า ไทยเบฟก็ต้องผนึกกำลังพันธมิตรเพื่อสกัดไม่ให้อิชิตันเกิดในระดับภูมิภาคให้ได้ ขณะเดียวกัน ตันก็ต้องใช้หาพรรคพวกเครือข่ายสายส่งทั้งหลายที่ไม่ได้อยู่ข้างไทยเบฟให้มาเป็นพันธมิตรมากที่สุด เพราะศัตรูของศัตรูคือมิตรนั่นเอง แต่สำหรับตัน ภาสกรนที และเจ้าสัวเจริญอาจจะเป็นการแข่งขันที่ซับซ้อนในเรื่องแบรนด์ที่สุดก็ได้ โออิชิมีตันเป็นแบรนด์ซ่อนอยู่มาตลอด มีหน้าตันโผล่ให้เห็นในโฆษณาแทบทุกชิ้นของโออิชิ แล้ววันหนึ่งหน้านั้นก็ไปปรากฎตัวในขวดเครื่องดื่มของอิชิตันทุกขวด แถมทั้งสองแบรนด์ยังมีคำว่า “อิชิ” เหมือนกัน ขายชาเขียวเป็นสินค้าหลักเหมือนกัน 1. 1. ตันยังมีหุ้นในโออิชิอยู่3.5เปอร์เซนต์หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 600 กว่าล้านบาท โดยไม่ได้คิดจะขายออกไป 2. 2..ตันได้ปันผลจากโออิชิเป็นเงินเกือบ 20 ล้านบาททุกปีตลอดไป โดยที่เขาไม่ต้องทำงานที่โออิชิอีกเลย 3. 3. ตันใช้คนปรุงชาคนเดียวกันกับโออิชิ ซึ่งเป็นเพื่อนคนไต้หวันที่ออกจากโออิชิมาเหมือนกัน .    4. เครือข่ายลูกน้องเก่าของตันโออิชิก็ยังอยู่ในบริษัทและโรงงาน ดังนั้นข้อมูลทุกอย่างของโออิชิไม่น่าจะใช้ความลับสำหรับตัน ภาสกรนทีเลยแม้แต่น้อย หลังจากลาออกจากโออิชิ ตันออกรายการข่าว ทอล์คโชว์ ทำเดี่ยวกับโน้ต และเดินสายพูดตามที่ต่างๆอีกนับไม่ถ้วน ใครถามก็แค่วนเวียนตอบว่า เปิดบริษัท สร้างโรงเรียน ทำภารกิจการกุศล รับพนักงาน ทำเดี่ยว ทำน้ำสมุนไพร น่าแปลกใจว่าในช่วงที่ผ่านมาไม่มีพิธีกรคนไหนกล้าถามคุณตันว่าจะกลับมาทำชาเขียวหรือเปล่า เพราะสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจได้ถึงการขายกิจการว่า คุณได้กำไรตามที่คุณต้องการ และจะนำเงินไปทำธุรกิจใหม่ๆต่อไป ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมาแข่งกับสิ่งที่ตัวเองสร้างมากับมือถึง 11 ปี การแข่งขันของสองแบรนด์นี้จะยังคงยืดเยื้อ ยาวนาน ซับซ้อนยากเกินกว่าจะสรุปได้ในเร็ววัน แต่หากดูจากประวัติของเจ้าสัวก็เคยตกอยู่ในสภาพเดียวกับตัน เมื่อเขาใช้ จุล กาญจนลักษณ์ มือปรุงเหล้าคนเดียวกับแม่โขงมาทำ “หงษ์ทอง” แข่งกันโดยที่มีรสชาติใกล้เคียงกับแม่โขง และขายราคาถูกกว่า ไม่ต่างอะไรกับอิชิตันและโออิชิในตอนนี้เลย ศึกหงษ์ทองและแม่โขงจบลงด้วยการพ่ายแพ้ของผู้ท้าชิง คุณเจริญไม่สามารถสู้กับเครือข่ายที่ทรงพลังของแม่โขงได้ แต่หลังจากยุติศึกกันแล้วต่างฝ่ายต่างเหนื่อยล้ากับการต่อสู้มายาวนาน และปัญหาทะเลาะกันของผู้ถือหุ้นใหญ่ๆหลายคนในแม่โขง ทำให้พวกเขาเหล่านั้นตัดสินใจขายหุ้นให้กับคุณเจริญในที่สุด ตั้งแต่นั้นมาจึงเริ่มตำนานราชันย์น้ำเมาของเจ้าสัวเป็นต้นมา คุณตันบอกไว้ว่าจะอยู่บริษัทไม่ตันไปอีก 9 ปีจนกว่าจะเกษียณ หมายความว่าเหลือเวลาอีกประมาณ 8 ปีที่คุณตันจะสู้กับเจ้าของโออิชิ โดยมีตลาดมูลค่าหมื่นล้านบาทเป็นเดิมพัน เมื่อมีเงินสดเย็นๆในมือมหาศาลด้วยกันทั้งคู่ ฝ่ายหนึ่งมีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ชูตัวเองเป็นแบรนด์ และมีการตลาดที่หวือหวาตลอด ภารกิจของคุณตันที่จะนำเงิน “กำไร” ในส่วนที่เขาและภรรยาถือหุ้นไปบริจาคเข้ามูลนิธิ 50% ในปีแรก เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง90%ในปีที่ 9 และเขาก็พร้อมจะวางมือจากอิชิตันตลอดไป ฟังดูสวยหรู แต่คุณตันไม่ได้ใช้เงินตัวเองสักบาทในการทำการกุศลแต่อย่างใดเพราะ กำไรในที่นี้หมายถึง ส่วนเกินจากการลงทุนลงแรงทุกอย่าง รวมถึงโรงงานมูลค่า 2400 ล้านบาทนี้ด้วย ถึงจะนำไปเข้าการกุศลได้ ถ้าอิชิตันโตได้ แผนต่อไปก็คืออีก 5 ปีนำเข้าตลาดหุ้นสร้างกำไรให้กับผู้ถือหุ้นทุกคน พนักงานที่บุกเบิกกันคุณตันจะให้ทุกคนสมัครใจหักเงินเดือนมาสะสมซื้อหุ้นไว้ เมื่อถึงเวลาก็จะได้รับผลลัพธ์จากกำไรในตลาดหุ้นอย่างทั่วหน้า แต่ถ้าไม่ลืมคนที่ถือหุ้นเยอะที่สุดในบริษัทไม่ตันจำกัดก็คือคุณตัน ภาสกรนทีนั่นเอง บทสรุป จากใจผู้เขียน ผมคงไม่สามารถคาดการณ์การเอาชนะกันของทั้งสองแบรนด์นี้ได้ มีเรื่องราวซับซ้อนของเหลี่ยมคมในธุรกิจที่สามารถพลิกพลันได้ทุกเวลา จิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึง ไม่มีใครรู้ว่าคุณตันและเจ้าสัวคิดอะไรอยู่ แต่ผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วการกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูดเสมอ ทุกคนสามารถทำให้สังคมไทยดีขึ้นได้ โดยที่ไม่ต้องรอให้มีเงินเยอะๆ เราทำสิ่งดีๆได้มากมายโดยที่ไม่ต้องใช้เงินสักบาทเดียว ไม่ต้องมีเงื่อนไขในการให้หรือการทำ หรือหวังผลประโยชน์แอบแฝง ขอให้ทุกคนค้นพบความสุขที่แท้จริงในชีวิตโดยทั่วกัน สวัสดีครับ จากคุณ : ไม่ได้ดูแต่รู้ทุกเรื่อง เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 22:33:25

ความคิดเห็นที่ 7 ไปซื้อหุ้น อิชิตัน ตุนไว้ดีกว่า จากคุณ : กำนันเชียร เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 23:25:19

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร  สำหรับเรา มันผิดมารยาททางการค้าเป็นอย่างมาก มันเป็นก้าวย่างที่ "ไม่สง่างาม" จากคุณ : FloraLilly เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 23:40:50

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนสุดท้ายต้องดูคลิปนี้ด้วยครับ ถึงจะสมบูรณ์ รวมถึงเรื่องราวทั้งหมด จากคุณ : assuming (assuming) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 23:50:09

ความคิดเห็นที่ 10 ขอขอบคุณ คุณไม่ได้ดูแต่รู้ทุกเรื่อง มากครับ ตอนนี้ทราบว่ามีหลายคนกำลังสงสัย พฤติกรรม ของโออิชิกับอิชิตัน แน่นอนเพียงแต่ไม่สามารถหาข้อมูลวงในมาได้ ถ้าเกี่ยวกับ ไทยเบพ คหสต.คิดว่าเจ้าสัว คงจะไม่สู้กับคุณตันถึง 9ปี หลอกเพียงแต่อาจมีอะไรนอกกติกาบ้างเพื่อขจัด หรือยับยั้ง คุณตัน ถ้าเกี่ยวกับ อิชิตัน ผมคิดว่าศึกครั้งนี้ไม่จบแน่นอน ดูจากสไตน์ ของคุณตันแร้ว ถ้าไม่จบมันต้องเกิน 9 ปี นอกเสียจากว่าคุณตันเห็นว่าหมดโอกาสแร้ว จึงจะวางมือจากสงครามชาเขียวครั้งนี้ ^ ^ ^ คหสต. ว่าไปนั่น จะรอติดตามต่อนะครับ แลดูว่าการทำสงครามครั้งนี้ของคุณตันจะต้องมีอะไรๆสนุกๆออกมาอีกอย่างแน่นอน คหสต.คิดว่าจะต้องมี เจ้าสัวรายอื่นที่อยากได้ผลประโยชน์จาก การพ่ายแพ้ของ เจ้าสัวไทยเบพ หรือ อิชิตัน มาร่วมด้วยแน่นอน บอกได้คำเดียวว่าน่าสนุกมากครับ ^ ^ จากคุณ : CocoCanDy เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 54 23:52:54

ความคิดเห็นที่ 11 คนไทยนิยมชมชอบและนับถือบูชาคนรวย คุณตันรู้ จึงเอาตัวเองเป็นแบรนด์ จากคุณ : KillingMoon เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 00:00:43

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้ามองในแง่ผู้บริโภค ก็นับว่าผลประโยชน์ก็ตกอยู่กับผู้บริโภค เพราะเค้าแข่งขันกัน คุณภาพสินค้า รสชาติความอร่อยก็ต้องแข่งให้เหนือกว่าอีกฝ่าย อีกอย่างราคาก็ถูกลงด้วย เราเองไม่ค่อยได้กินชาเขียวขวดเท่าไร่นะ แต่เห็นโออิชิขวดในเซเว่นตอนนี้ราคา 16 บาท (จาก 20 บาท) ในขณะที่อิชิตันเหลือ 15 บาทแล้ว (จากเมื่อหลายวันก่อนยังเห็น 16 บาทอยู่เลย) จากคุณ : + ฝนสุดท้ายเมื่อปลายกันยาู + เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 00:05:53

ความคิดเห็นที่ 13 อืม ดูๆไปเหมือน ความเห็นอื่นๆจะไม่ชอบนะ แต่เราคิดว่านะ มองแบบคนที่ฉลาดในการใช้โอกาส จากโฆษนามากกว่านะ ส่วนตัวจะย้อนเกร็ดหรือไม่ อยากให้พิสูจน์กันเองเหมือนที่ เจ้าของกระทู้ พูดไว้ คือ...สุดท้ายแร้วคนไทยเรามันก็พวกเบื่อง่าย แต่อะไรที่เราว่าอร่อยกว่า ดีกว่า ก็ต้องอยู่รอดต่อไปจนกว่าจะมีเจ้าที่ดีกว่ามาตีตลาดไป ไม่ว่าจะเป็นคุณ ตัน อาภรศรี <<< (เขียนถูกป่าวนะ ถ้าผิดขออภัย) หรือ เจ้าสัว อยู่เจริญ เจ้าของไทยเบพก็ดี ผมอยากมองว่าสงครามครั้งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ กลยุทธ กลเม็ดที่ไม่ธรรมดาของเจ้าสัวทั้งสองคนนี้อย่างแน่นอน ปล.ก็มันน่าสนุกอะ <<< ผิดมั้ยที่ไม่เหมือนคนอื่น แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 00:10:04 จากคุณ : CocoCanDy เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 00:08:58

ความคิดเห็นที่ 14 โลกของธุรกิจ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด (ถ้าไม่ผิดกฎหมาย) เจ้าสัวก็พลาด ในการซื้อกิจการ ถ้าจะกำหนดในสัญญา ให้คุณตัน ไม่สามารถ เข้าทำธุรกิจเกี่ยวกับชา ก็น่าจะทำได้ ส่วนเรื่องราคา ก็ต้องดูนะครับ ราคาถูกกว่า แต่ปริมาณก็น้อยกว่า แต่ผู้บริโภค ส่วนใหญ่มองแต่ที่ราคา ราคาถูกกว่า ลดชาติเหมือนกัน เลือกอันไหน คุณตันเก่งเรื่องการใช้สื่อ การใช้โน้ต อุดม การใช้ facebook การใช้ของรางวัลต่าง ๆ มีช่วงนึง แจก iphone 4 มั้ง แล้วให้พิมพ์โคด ตรงข้างขวด ผมว่ากำไรจากคนที่ซื้อเพื่อจะเอาโค้ด ก็คงได้ iphone 4 ส่วนเรื่อง บอกว่าเป็นชาออแกนนิค ก็เป็นทุกผลิตภัณฑ์นั้นแหละครับ จริง แต่จริงไม่หมด คล้าย ๆ รังนกแท้ 100% โลกของธุรกิจ ไม่ง่าย ๆ จะเป็นคนดี 100% ทำธุรกิจเผื่อแพร่ คงไม่มี ทุกคนก็หวัง กำไรเป็นที่ตั้ง เฮ้อ..คนว่างงาน อย่างผมไปนอนดีกว่า จากคุณ : พ่อมดกระป๋อง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 00:35:32

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบรสชาติของโออิชิมากกว่าครับ แต่ซื้ออิชิตัน เพราะมันถูกกว่า ตอนนี้ 7/11 ขาย 14 บาท จากคุณ : notbao เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 00:44:59

ความคิดเห็นที่ 16 น่าติดตามมากครับ มหากาพย์สงครามชาเขียว จริงๆแล้วเหตุการ์ณนี้เคยเกิดกับหลายแบรนด์ และมักจะจบที่ผู้ท้าชิงสูญหาย หรือไม่ก็ชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้ส่วนนึง เช่นสงครามซุปไก้่สกัด ใครพอรู้เรื่องที่ผู้ท้าชิงชนะได้อย่างขาดลอยบ้างมั้ยครับ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 00:45:34

ความคิดเห็นที่ 17 คห.ส่วนตัวนะคะ     ไม่จำเป็นต้อง "ชนะ" นี่นา แค่ได้ส่วนแบ่งส่วนนึง  ก็รวยเละๆๆๆ แล้วนี่นา จากคุณ : ต้มยำทะเล เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 01:15:40

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนตัวผมเคยชื่นชอบผู้ชายคนนี้ เคยศึกษาประวัติชีวืตของเค้า ซื้อหนังสือที่เค้าเขียนมาอ่าน ถึงแม้เค้าจะเขียนไม่ละเอียดทั้งหมดก็ตาม แต่ตอนนี้ในความคิดเห็นส่วนตัวผมนะครับ เน้นว่าส่วนตัวล้วนๆ เค้าควรเอากระโปรงของลูกสาวคนโตหรือเมียมาใส่ครับ สื่งที่เค้าทำล่าสุดที่ผ่านมา ผมเองก็ทำธุรกิจส่วนตัว ผมถือว่าเค้า ตระกวดและAb normalมากๆครับ ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมเองเป็นคนนึงที่ผมเคยชื่นชอบแล้ว แต่เจอสิ่งที่คุณตันทำคือการแทงข้างหลังคุณเจริญ ผมเองก็มิได้เป็นญาติฝ่ายไหนคุณเจริญครับ แต่ถ้าทุกคนลองครับ ลองเปิดใจกว้างๆๆๆๆๆๆ แล้วลองนึกถึงว่า ถ้าตัวเอง ไม่ซื้อธุรกิจใครหรืออะไรสักอย่างที่มันกำลังขายดี แล้วก็เจ้าของธุรกิจนั้นๆมีผลมากกับสินค้าและรายได้ แล้วเค้าแหกตาเราบอกว่าจะช่วยเราจะทำให้เราอยู่ได้ ซึ่งที่ผ่านมามันก็OK แล้วอยู่มาวันนึงเค้าลาออกเฉยเลย จริงๆมันก็ไม่แปลกถ้าเค้ารู็สึกว่าเค้าได้เงินมาเยอะแล้ว หรือเค้าเหนื่อยแล้ว เค้าอยากไปทำอะไรที่มันแตกต่างออกไป แต่ต้องไม่ใช่หน้าด้านมาออกทีวี ว่าออกจากที่นี้ จะมองหาธุรกิจใหม่ อย่างนั้นอย่างนี้ แล้วสุดท้ายก็มาแทงข้างหลังคนที่ให้เงินคุณมากมาย เอาไปทำอะไรใหม่ๆ โดยการ กรูออกสินค้าเหมือนเดิมแต่ใช้ชื่อกรู อะไรประมาณนี้ ผมไม่อยากพิมพ์อะไรมากมาย แต่ถ้าพี่น้องคนในห้องนี้ของคุณตันมาอ่านเจอ แล้วไม่พอใจผมก็ขออภัย และฝากคนของคุณตัน กราบขอความกรุณาครับ เอาไปบอกเจ้านายคุณที ว่าอย่างน้อย ผมคนนึงที่เคยชื่นชอบและแอบชื่นชมคุณมากกกก ตอนนี้มันหายไปแล้วครับ และผมคนนี้จะไม่อุดหนุนสินค้าทุกอย่างที่เป็นของคุณแน่นอนหลังจากนี้ครับ เพราผมไม่ชอบคนที่มันทรยศและแทงข้างหลังคนที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ถึงแม้ว่ามันจะถูกกฎหมาย แต่สำหรับผมมันผิดศีลธรรมครับ จากคุณ : เชฟกะทะเหล็ก เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 01:46:55

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่ามันเป็นเรื่องของ "ธุรกิจ" จากคุณ : close2heaven เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 01:53:42

ความคิดเห็นที่ 20 คนไทยนิยมชมชอบและนับถือบูชาคนรวย คุณตันรู้ จึงเอาตัวเองเป็นแบรนด์ จากคุณ : KillingMoon   จริงเหรอคะ ยกเว้นเราคนนึงละกันนะ เคยชื่นชอบคุณตันในฐานะนักธุรกิจที่เก่งกล้าสามารถ และเค้าก็ออกแนวชอบตอบแทนสังคมด้วย แต่พออ่านมาถึง คห 8 ก็แอบเห็นด้วยเบาๆ การฉีกตัวออกมาทำธุรกิจแบบเดียวกัน มันไม่ผิดกฏหมาย แต่มันไม่สง่างามค่ะ อีกทั้งคุณตันเคยมีภาพลักษณ์ของนักธุรกิจดีๆ อยู่แล้ว ทำไมต้องออกมาทำตัวตลกคู่อุดม ซึ่งไม่ตลก ไม่สง่างามและดูเป็นจำอวดมากๆ ในขณะที่อุดมแต่ก่อนก็ดูเป็นศิลปินเต็มตัว ทำตามแรงขับของอารมณ์และความรู้สึก เดี๋ยวนี้กลายเป็นอุดมก็ออกแนวเขวไปทางการทำธุรกิจเหมือนกัน เราไม่ได้เกลียดสองคนนี้นะคะ แต่การคบกันแบบมีนัยยะของเค้าทั้งสองทำให้เรารู้สึกแปลกๆ เหมือนของที่มีความดีอยู่ในตัวสองสิ่งไปอยู่ผิดที่ผิดทางยังไงไม่รู้ จากคุณ : peachcandy เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 02:24:59

ความคิดเห็นที่ 21 สำหรับเราการจะทำอะไรก็ตาม ต้องมีคุณธรรมเป็นหลักด้วย แต่เราไม่กล้าไปตัดสินใคร เพราะโลกธุรกิจ แต่ละคนก็คงมีเหตุผลของตัวเอง "It's nothing personal, its just business" จากคุณ : บุ้งเฉยๆก็ได้ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 02:45:39

ความคิดเห็นที่ 22 ผมไม่เคยบูชาคนที่ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ  และขอเก็บความรู้สึกดีๆไว้ให้กับคนที่เสียสละเพื่อสังคมและคนอื่นๆเท่านั้นคับ ยิ่งสำหรับคนที่ไม่ได้ประสบสำเร็จด้วยสินค้าที่มีคุณภาพในราคายุติธรรมด้วยแล้ว..... จากคุณ : องค์ประกอบศิลป์ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 03:03:53

ความคิดเห็นที่ 23 ตั้งแต่รู้ว่าราคาต้นทุนที่แท้จริงราคาเท่าไหร่ก็เลิกซื้อไปเลย ไม่กินซักกะยี่ห้อ ชงเองอร่อยกว่า จากคุณ : Blaannagnwaeilig เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 05:42:35

ความคิดเห็นที่ 24 แหม่ คุณธรรม มันอิ่มท้องกันซะจริง จริงๆหลาย คห. เหลือแต่ห่มผ้าเหลือง กับโกนหัวนี่จะ ดูเลิศเลยนะ พ่อพระ หึหึ จากคุณ : ขันทีหัวขาว เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 07:15:31

ความคิดเห็นที่ 25 ความเห็นแนวเสื่อมมาอีกหละ ข้างบนเค้าคุยกันแบบคนมีวัฒนธรรม เห็นต่างได้ แต่ใช้วิธีพูด ไม่ใช่สำรอก จากคุณ : ริมยมนา เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 08:24:43

ความคิดเห็นที่ 26 มันคือธุรกิจ คนเก่งเขาก็อยากพัฒนาตัวเองอยู่แล้ว ใครจะอยากให้คนรวย รวยอยู่ได้ฝ่ายเดียว อย่างน้อยต้องแย่งชิงความรวยมาบ้าง ไม่มากก็น้อยแหล่ะน่า ใครว่าลูกผู้ชายหรือว่าใส่กระโปรงไม่สน เพราะชอบมากคนที่กล้าได้กล้าเสียแบบนี้ 555 จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 08:26:41

ความคิดเห็นที่ 27 มันคือธุรกิจ เขาพยายามทำอย่างอื่นแล้ว แต่ไม่รุ่งสักอย่าง ก็เลยกลับมาทำอย่างเดิมที่ตัวเองถนัด จากคุณ : Two ways เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 08:31:08

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่ชอบตันแต่เดิมอยู่แล้ว ผมเคยกินอาหารในเครืองของโออิชิ ทั้งโออิชิบัฟเฟท์ โออิชิราเมน ฯลฯ บอกตรงๆ คุณภาพต่ำกว่าราคามากนัก แต่ก็คงเป็นกลยุทธ์ของทางโออิชิ เน้นราคาต่ำ แต่คุณภาพยิ่งต่ำกว่าราคา การวาง positioning เน้นลูกค้าระดับกลางและล่าง ไม่เน้นลูกค้าระดับสูง ถือว่าฉลาดมาก   คุณตันถึงได้รวยมหาศาลจนทุกวันนี้ ยิ่งชาเขียวโออิชิ (รวมถึงแบรนด์อื่น) ผมยิ่งไม่ชอบกิน เพราะมันแค่มีรสชา ที่เหลือคือน้ำตาลแทบทั้งสิ้นล ล่าสุด วันก่อน มีโอกาสไปทำธุระที่เซ็นพระราม2 ไม่รู้จะกินอะไร แฟนบอกกินง่ายๆละกัน จะกินโออิชิ (ส่วนตัวไม่ชอบอยู่แล้ว แต่กินๆไปเถอะ จะได้รีบไปธุระต่อ) ผมสั่ง "ข้าวหน้าไก่เทอริยากิ" กว่าจะได้ เกือบครึ่งชั่วโมง แถมสิ่งที่ได้ มันทำให้ผมนึกถึง "ข้าวไก่เทอริยากิ" ของ CP ที่อยู่ตามตู้แช่ 7-11 ยิ่งรสชาติ ยิ่งคล้ายคลึงกันยิ่งนัก จะถ่ายรูปไว้ แต่ก็คิดว่าขี้เกียจ สั่งเองแล้วจะไปโทษเค้าได้ยังไง ก็เลยกินๆไปให้เสร็จ และก็เก็บเป็นบทเรียน จะไม่กลับมากินอีก ปล. ความเห็นส่วนตัวนะครับ จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 08:50:35

ความคิดเห็นที่ 29 การเคลื่อนไหวของตัน มีมุมมองให้พูดถึงมากมายในเชิงการตลาด จนบางครั้งกลบเรื่องของจรรยาบรรณที่คนส่วนหนึ่งแคลงใจไปเสียหมด ว่าการทำธุรกิจแบบนี้เหมาะสมแล้วหรือ แม้ว่าลักษณะการแยกตัวจากการเป็นหุ้นส่วนหรือแยกจากพันธมิตร ไปเป็นคู่แข่งทางการค้า จะเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในทุกธุรกิจที่มีในเมืองไทย เพียงแต่กรณีเหล่านั้นไม่ได้รับการขยายความ แต่กรณีของตัน การขายธุรกิจของตัวเองให้คนอื่น แล้วมาเริ่มต้นทำเองใหม่ในธุรกิจที่เหมือนกัน กลับดูเป็นประเด็นที่ไม่ร้ายแรงในสายตาของสังคม ในประเด็นนี้ ดร.ธเนศบอกว่า ตันยกเครดิตให้กับตัวของตันเอง ซึ่งมีคุณลักษณะบางอย่างที่สามารถสร้างความน่าสนใจให้กับสังคมและผู้บริโภค จนมองข้ามบางสิ่งบางอย่างไป รวมกับการมี Halo Asset หรือเป็นบุคคลที่สังคมกำลังมองดังที่กล่าวมาแล้ว ที่มา : บทวิเคราะห์ สูตรการตลาดของ...(อิชิ) ตัน http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=92378 จากคุณ : 26JUNEVIP เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 09:33:07

ความคิดเห็นที่ 30 เราก็ไม่รู้ความจริงกันนะ จริงๆแล้วมันเป็นอย่างที่เห็น ที่เขียนกันหรือ? เฉยๆล่ะ เพราะไม่รู้เลยไม่อยากพูดดีกว่า แต่ที่แน่ๆ ชาเขียวลดราคากระหน่ำ กำไรรรรร อิชิตัน 14 บาท จากคุณ : Suisen เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 09:39:09

ความคิดเห็นที่ 31 โดยส่วนตัวชื่นชอบคุณตันนะคะ แต่เรื่องของคำว่าธุรกิจมันก็คือธุรกิจอยู่วันยังค่ำ การแบ่งผลประโยชน์และแชร์มาร์เก็ตก็เป็นเรื่องปกติในสังคม ไม่ต้องไปดูไหนไกลหรอกแค่ชาที่เราดื่มๆกันอยู่ทุกวันนี้ก็สารพัดแบรนด์แล้วมันจะผิดอะไรถ้าเราจะดึงตลาดและเม็ดเงินกลับมาหาเราบ้าง?? อย่าลืมนะคะว่าโลกปัจจุบันคนส่วนมากนับถือเงินยิ่งกว่าพระเจ้าอีกใครยิ่งมีมากก็ยิ่งน่าเคารพมากขึ้น ใครมีน้อยหรือไม่มีก็ไม่มีใครอยากเสียเวลาไปเสวนาด้วย อันนี้ได้กับตัวเองนะคะไม่ได้ไปท่องจำมาจากไหน ดังนั้นในความคิดดิฉันคุณตันทำไปจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะถ้าเขาไม่ทำก็ต้องมีใครซักคนมาทำอยู่ดีแหล่ะค่ะ จากคุณ : ran.takarai เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 10:25:16

ความคิดเห็นที่ 32 คิดเหมือน #20 ตอนดูเดี่ยว 8 นี่นอกจากไม่ขำ ยังสงสัยเลยว่าดูอะไรกันแน่ แสดงโชว์หรือว่ามาเป็นหน้าม้าโฆษณาให้ตันกันแน่ ออกนอกหน้าเกิน ส่วนตัวก็ไม่ชอบตันอยู่แล้ว เพราะเห็นพฤติกรรมการทำธุรกิจแล้ว ไม่รู้สึกดีด้วย จากคุณ : มนุษย์การ์ตูน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 10:33:11

ความคิดเห็นที่ 33 มันเป็นเรื่องของธุรกิจ ไม่แปลกหรอก จากคุณ : niickyrock เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 10:45:53

ความคิดเห็นที่ 34 งานนี้ผู้ชนะคือผู้บริโภคอย่างเราๆเป็นแน่แท้  ของทุกอย่างย่อมมีการแข่งขัน และผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับผู้บริโภค จากคุณ : notbao เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 10:55:25

ความคิดเห็นที่ 35 ขายโออิชิ ไปแล้ว แต่ยังมีอิชิตันได้อีก แสดงว่าชาเขียวยังได้กำไรอยู่เยอะ  ดังนั้นเราอย่าซื้อเลย กินชาเขียวชงเองดีกว่า ประหยัดเงินกว่าเยอะเลย จากคุณ : เก็บไว้ในใจ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 11:09:22

ความคิดเห็นที่ 36 ตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นมาก็ไม่เคยกินชาเขียวเมืองไทยอีกเลยครับ....เพราะมันหวานมากกกก หารสชาติของชาไม่ได้เลยซักนิด  จากคุณ : เฉาก๊วยกะบ๊วยเค็ม - -" เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 11:26:12

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ถนัดเรื่องของธุรกิจ... แต่อยากฝากเตือนคนที่ชอบดื่มชาเขียวผสมน้ำตาลว่ามันหวานค่อนข้างมาก ใน 1 ขวดมีน้ำตาลผสมอยู่ประมาณ 8-10 ช้อนชา แล้วแต่ยี่ห้อ ระวังเบาหวานถามหาเน้อ... จากคุณ : greenpapayasalad เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 11:45:45

ความคิดเห็นที่ 38 อาจจะมีอีกหลายๆเหตุผลจากทั้งฝั่งของเจ้าสัวเองหรือทางฝั่งของคุณตัน...เราคนนอกก็ได้แต่นั่งดู แล้ว(ขอมีส่วนร่วมวิเคาระห์)กะเค้าด้วย อาจจะมีอีกหลายอย่างที่เราก็ไม่รู้...มันเป็นเรื่องของธุรกิจ ส่วนตัวของเรา ....  รู้ว่ามีแต่น้ำตาล...แต่ดันซื้อทุกวันเลยซิน่า....(ช่วงนี้มันเป็นช่วงกอบโกยของผู้บริโภคนี่นา).... จากคุณ : Monkey@CNX เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 11:46:52

ความคิดเห็นที่ 39 55555 ตามมาอ่านต่อจากเมื่อคืน รูป คห.34 ฮามากครับ จากคุณ : CocoCanDy เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 11:58:53

ความคิดเห็นที่ 40 ...........                      รู้แต่ว่า  ชาอิชิตัน   รสน้ำผึ้งผสมมะนาว โอเค                        แต่ เก็กฮวย กับต้นตำหรับ  ส่วนตัว  ไม่โดนค่ะ                       รสเก็กฮวย ของเพียวริคุ อร่อยกว่า... .. จากคุณ : เจ๊ เชพบ๊ะ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 12:02:23

ความคิดเห็นที่ 41 ช่วงก่อนโออิชิลดราคา ก็ซื้อโออิชิ 16 บาท ตอนนี้โออิชิกลับไปขายราคาเดิม 20 บาท แต่อิชิตันกลับลดราคาลงมาจาก 16 บาท เหลือ 14 บาท ผมก็หันไปซื้ออิชิตัน ดีมากนะครับท่านเจ้าสัวเจริญและคุณตัน แข่งกันลดราคาได้ แต่อย่าลดพร้อมกัน เหลื่อมล้ำช่วงเวลาหน่อย ผู้บริโภคอย่างผมจะได้ซื้อของถูกตลอด 555 จากคุณ : activeway เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 12:25:24

ความคิดเห็นที่ 42 นักธุรกิจ สนใจแต่จะทำอย่างไรให้ได้มากๆโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม ขอให้กรูและลูกเมียสุขสบายเปนพอ จากคุณ : จิตแก้ว เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 14:51:47

ความคิดเห็นที่ 43 พอดีเลยค่ะ วันนี้เพิ่งอ่านคอลัมน์ Market-think ของ หนุ่มเมืองจันท์ (สรกล อดุลยานนท์) จากประชาชาติธุรกิจ ได้เขียนถึง คุณตัน และเจ้าสัวเจริญ ในกรณีที่มีการกล่าวถึงอยู่ในขณะนี้ เลยนำมาฝากให้อ่านกันค่ะ ตัน-เจริญ หลังจาก “ตัน ภาสกรนที” เปิดตัวชาเขียว “อิชิตัน” มีหลายตังคำถามว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ที่ “ตัน” ขาย “โออิชิ” ให้ “เจริญ สิริวัฒนภักดี” แล้วมาทำ “ชาเขียว” แข่ง เรื่องนี้อยู่ที่”มุมมอง” ของแต่ละคน แต่จำได้ว่าตอน “อากร ฮุนตะกูล” ขายโรงแรมอิมพีเรียลให้กับ “เจริญ” เขาก็ยังทำโรงแรมท้องทรายที่สมุยต่อไป ทำธุรกิจเดียวกันกับธุรกิจที่ขายไป และกรณีของ “ตัน” นั้นก็ไม่มี “สัญญา” ว่าห้ามทำ “ชาเขียว” แข่งกับ “โออิชิ” ตอนที่จะเจรจาซื้อขายหุ้น ฝ่ายทนายของ “เจริญ” โทรมายืนยันว่า ต้องมีสัญญาว่า “ตัน” ห้ามทำธุรกิจแข่งกับ “เจริญ” ตอนที่โทรมา “ตัน” อยู่ในรถ “อิง” สุนิสา ภรรยาของ“ตัน”  บอกให้เลี้ยวรถกลับเลย ...ไม่ขาย ด้วยเหตุผลขำว่า “คุณเจริญไม่ทำธุรกิจ อะไรบ้าง” ขืนลงนามในสัญญา ก็ไม่ต้องทำธุรกิจตลอดชีวิต ตอนหลังจึงมีการเจรจาแบบ “ตัวต่อตัว” กับ “เจริญ” ก่อนจะจบลงด้วยว่าไม่ต้องมีสัญญาข้อนี้ คนที่รู้เรื่องนี้ดี คือ  “สุวรรณ วลัยเสถียร” สรุปว่า ถ้ามีสัญญา “ห้าม” “ตัน” ก็ไม่ขาย แต่มี “สัญญาใจ” ระหว่างกันว่า จะบริหาร ”โออิชิ” ต่ออีก 3 ปี สุดท้าย “ตัน” ก็ตันอายุสัญญาใจมาถึง 5 ปี ซึ่งตามปกติของการขายกิจการ ส่วนใหญ่จะมีสัญญาว่าห้ามทำธุรกิจแบบเดียวกันภายในเวลาหนึ่ง 3 ปีบ้าง 5 ปีบ้าง แต่ตลอดชีวิตยังไม่เคยเห็น “ตัน” นั้นนอกจากไม่ได้ “ทำแข่ง” แล้ว เขายัง “ทำให้” คนซื้อ คือ “เจริญ” อีก 5 ปี แต่เพราะ “ทำให้” มาตลอด วันที่ “ตัน” ลาออก คนส่วนใหญ่จึงคิดว่า “ตัน” เพิ่งขายหุ้นให้เจริญ พอขายปั๊บ ทำแข่งเลย จริงๆก็คือ “ตัน” ขายหุ้น “โออิชิ” ให้”เจริญ” มา 5 ปีแล้ว ตามกฎกติกาและมารยาททางธุรกิจ “ตัน” ไม่น่าจะผิดอะไร นอกจากนั้น 5 ปีที่ผ่านมา ที่ “ตัน” เป็นแค่บริหาร ไม่ใช่ “เจ้าของ” ผลงานการบริหารของเขาทำให้ราคาหุ้น โออิชิเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว กำไรเพิ่มขึ้นเท่าตัว ส่วน “เงินปันผล” ที่ได้ไปในช่วง 5 ปี ก็เท่ากับเงินที่จ่ายค่าหุ้นให้”ตัน” สรุปง่ายๆ ว่า เหมือนกับ “เจริญ” ได้โออิชิ ฟรี ในเชิงของการลงทุน “คุ้ม” ยิ่งกว่า “คุ้ม” ส่วนเรื่องการที่ “ตัน” มาทำ”ชาเขียว” แข่ง “เจริญ” คงไม่ได้รู้สึกอะไรมาก อย่าลืมว่า “เจริญ” เคยผ่าน “สงครามเหล้า” ที่”สุราทิพย์” ของ “เจริญ” เปิดศึกกับ “สุรามหาราษฎร์” ของตระกูลเตชะไพบูลย์ มาแล้ว สงครามชาเขียวครั้งนี้ เด็ก...เด็ก ครับ ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันจันทร์ที่8 – วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2554 ปล. เราพิมพ์เองแบบคัดลอกทุกอย่างตามต้นฉบับค่ะ^^ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 15:38:41 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 15:37:48 จากคุณ : pomaily เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 15:36:59

ความคิดเห็นที่ 44 นึกถึงคำพูดของเพื่อนคนหนึ่ง "ความจริงในโลกนี้มีสองอย่าง - จริงของข้า กับจริงของเอ็ง" จากคุณ : แพนด้ามหาภัย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 15:44:29

ความคิดเห็นที่ 45 เ้รียกว่าทุเรศ มากกว่า ทำมาอ้างธุรกิจ จากคุณ : varitpum2 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 15:49:27

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่รู้เรื่องอะไร รู้แต่ว่า..... ชาเขียวจางมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!! จากคุณ : Pimya_P เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 15:50:52

ความคิดเห็นที่ 47 ครั้งนึงได้ยินคุณตันประกาศออกทีวีว่าจะไม่ย้อนกลับหนทางเดิม ไม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับชาเขียวพวกนี้อีกแล้ว วันนี้ล่ะ............. วันนั้นคุณตันในสายตาเด็กอย่างเราช่างน่านับถือ เก่งจริง แน่จริง เก๋าจริง วันนี้อย่าได้ถาม....... มันก็แค่คำพูดอ่ะน่ะ แต่ทำลายได้ทุกอย่าง ความจริงของบทความเป็นไงไม่รู้ รู้แต่ว่าวันนี้ได้เห็นอีกด้านของมนุษย์ชื่อตัน จากคุณ : โครโมโซม X เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 16:11:02

ความคิดเห็นที่ 48 ปกติไม่กินชาเขียวนะคะ แต่ต่อจากนี้ คงจะซื้อโออิชิกินมั่งแล้ว ชอบเลือกฝ่ายอะ :) จากคุณ : monkey_bone เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 16:19:48

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่กินอยู่แล้ว ไม่ได้สนใจอะไร แต่ไม่ชอบการพรีเซนตัวเองของตันเท่านั้นเอง ยิ่งตอนเดี่ยว 8 ยิ่งแล้วใหญ่ ถือเป็นสิ่งที่ไม่ชอบเลย จากคุณ : ป๊าม้าออนเซน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 16:33:54

ความคิดเห็นที่ 50 อ่านในแง่ ธุรกิจ มากกว่า ศีลธรรม ผมว่าคุณตัน ทำตลาดได้ดี และกระตุ้นวงการชาเขียวให้ขึ้นได้อีกขึ้น ซึ่งในใจ คุณเจริญ อาจจะชอบด้วยซ้ำ เพราะคุณตันช่วยขับดันตลาดชาเขียวมากกว่าเดิม ถึงจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ก็แข่งกันสมส่วน ในเชิงธุรกิจ คุณตันไม่ได้ออกมาตั้งเลย ต้องใช้เวลาและการเตรียมงาน โปรโมทอ้อมๆ มาเป็นปี ทั้งการช่วยน้ำท่วมก็อีกเรื่อง ถามจริงๆ โออิชิ ตอนนี้มีหลายๆ ท่านด่ากันปาวๆ ในเรื่องคุณภาพ เคยทำกิจกรรมน้ำท่วมแบบโจ่งแจ้งอย่างที่เห็นในข่าวบ้างรึเปล่า หรือแม้กระทั่งตอนที่เสื้อแดงเผาห้างใหญ่ คุณตันก็ทำ ศอช. มากระตุ้นคนซื้อ ถึงเค้าจะได้ประโยชน์ แต่คนอื่นก็ได้ร่วมกัน จะมากจะน้อยก็ยังได้ ไม่ใช่ขาดทุนเปล่าๆ ลองทบทวนก่อนครับ ไม่งั้นคุณเปิดร้านข้าวแถวนั้นแล้วมีลูกจ้างนึบสิบ วันนึงลูกจ้างออกไปก็ห้ามเปิดร้านข้าวในซอยบ้านคุณด้วยรึเปล่า คุณเจริญไม่ใช่เด็กอมมือ จะมางอแงกับเรื่องแบบนี้หรอก เค้าก็มีตลาดเค้า ของ บ.ไม่ตัน ก็ต้องทำตลาดของเค้าให้เหมือนกัน จะไม่เทียบเท่ามันยาก ตราบใดที่ Chang ยังไปสกรีนบนเสื้อทีม เอฟเวอร์ตัน จากคุณ : อาจจะแก่ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 16:38:44

ความคิดเห็นที่ 51 เอ่อ ... ตกลงนี้ห้องก้นครัวใช่มั๊ยฮะ ผมไม่ได้เข้าผิดห้องใช่มั๊ยครับ แฮ่ๆ >_<" ยอมรับแต่โดยดีเลยครับว่า คุณตัน ภาสกรนที เป็นไอดอลอันดับหนึ่งในใจของผมเลยครับ มากกว่า ดาราหรือคนดังคนไหนๆซะอีก   "อิชิตัน" คุณตัน เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ปล. "อิชิ" ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า "หนึ่ง" แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 17:08:15 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 17:00:39 จากคุณ : ปิ่นโตน้อยตัวกลม เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 16:55:58

ความคิดเห็นที่ 53 คห43 เป็นมุมมองที่น่าสนใจครับ จากคุณ : landon เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 17:14:24

ความคิดเห็นที่ 54 เคยเห็นกรรมวิธีผลิตของ โออิชิแล้วผมไม่เคยแตะต้องชาเขียวเจ้านี้อีกเลย เจ้าอื่นอาจทำคล้ายๆกันแต่ัมันไม่เห็นกับตาผมเลยกิน ทุกวันนี้กินแต่  ฟูจิกับพอคก้า และลิปตั้น จากคุณ : NiOS เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 17:15:45

ความคิดเห็นที่ 55 คนรวย ทำอะไรไม่ผิด คนชนะ เขียนประวัติศาสตร์ ซักพักมันก็ผ่านไป จากคุณ : apiwatt เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 17:29:37

ความคิดเห็นที่ 56 จะว่าไป ก็ไม่ค่อยได้ซื้อเครื่องดื่มบรรจุขวดแบบนี้ มานานมากแล้ว   นอกจากน้ำเปล่า  กับน้ำผลไม้ของดอยคำ(โครงการหลวง)   หรือเครื่องดื่มชงเองคั้นเองตามตลาด   อยากกินอะไรดื่มอะไรก็ต้มเอา ชงเอา คั้นเอาเอง  ถูกใจกว่าเป็นไหนๆ   อรอ่ยแบบหาซื้อที่ไหนก็ไม่มี เรื่องการแข่งของแบรนด์ ขอนั่งศึกษาเงียบๆละกันครับ จากคุณ : คุ้มข้าวกล้อง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 17:53:32

ความคิดเห็นที่ 57 เรื่องแกมาทำ ขายของแกเอง ผมว่าไม่เห็นจะผิด นะครับ เพราะตามสัญญาใจ ก็ทำให้เค้าไปจนเกินคุ้มแล้ว ส่วน สินค้า ของ แก ถ้ามันดี ก็อยู่ได้เอง แต่ผมสังเกตุจากตัวเองดู  ถ้าไม่เอาราคามากระตุ้น มันไม่เปรี้ยงเหมือนตะก่อนแล้วครับ ถึงมีราคามากระตุ้น ก็ไม่ได้จะหยิบทุกครั้งที่หิวน้ำแล้วเข้า 7 ตัวแกอาจจะขายได้ ไม่ได้หมายความว่า สินค้าแกจะขายได้ไปด้วย ถึงจะเคยเป็น 1 มาก็เหอะ จากคุณ : benz47 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 17:59:38

ความคิดเห็นที่ 58 โชคดีชอบกินน้ำเปล่า ถ้าชาเขียวก็กินแบบที่ชงสด จากคุณ : Me_squcezy เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 18:05:46

ความคิดเห็นที่ 59 คนรวยก็พยายามรวยขึ้น คนจนก็ยิ่งจนลง เศรษฐกิจแบบปิรามิด จากคุณ : roxxy เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 18:11:00

ความคิดเห็นที่ 60 ชาวบ้านชาวช่องทั่วๆไปไม่ค่อยจะมาดูรายละเอียดเหตุผลมากมายหรอก ส่วนใหญ่ก็แค่รับรู้ว่า ขายให้เค้าแล้วไปทำแข่งกับเค้ามันจะถูกหรอ ..แค่นี้ก็จบละ ภาพพจน์คุณตัน คุ้นๆเหมือนเรื่องเสื้อแดงเสื้อเหลืองไงไม่รู้ จากคุณ : aMuay เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 18:25:57

ความคิดเห็นที่ 61 ถ้าคิดจะสร้างแบรนด์มาขาย (ใหม่) ก็น่าจะทำอย่างอื่นมากกว่า ...ตกลงทำเป็นแค่ชาเขียวใช่ป่ะ... ขายไปแล้วมาทำแข่ง สุดยอดของความเฮ้ยเลย รับไม่ได้  จะบอกว่ามันเป็นธุรกิจก็เถอะ สมัยก่อนโออิชิก็กินบ้าง...แต่ยี่ห้อใหม่ไม่เคยกิน...และไม่คิดจะกิน  ไม่ชอบเจ้าของ... จากคุณ : แม่นาล่าจัง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 18:29:28

ความคิดเห็นที่ 62 ผมว่ามันก็ไม่ได้ผิดอะไรมากนะ แค่ผิดมารยาท ไม่ได้ผิดศีลธรรม บางคนก็พูดเกินไป จากคุณ : คุณปลาทอง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 18:42:50

ความคิดเห็นที่ 63 โดยราคานี้  ถ้ากินเพราะกระหายน้ำ แต่ไม่อยากกินน้ำเปล่า กินพวกนมเปรี้ยวไม่ก็น้ำส้มก็ราคาพอกัน ส่วนถ้าอยากดื่มชาขวดจริงๆ เราเลือกเพียวริคุ  ขวดไม่ใหญ่เกินไป ราคาน่าคบ พรีเซนเตอร์น่ารัก จากคุณ : รินบุญญา เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 18:52:04

ความคิดเห็นที่ 64 ไม่ได้ชอบกินอะไรเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ไม่ว่าใครจะทำ ยังไงก็รวยเละ พูดง่ายก็เอาน้ำชา ต้มน้ำตาลเปลี่ยนรส ทำแพคเกจให้สวย เจาะตลาดให้ถูก มีหัวบริหาร จังหวะดีก็ทำได้ มองตลาดให้เป็น ว่าแต่ทำไมคนไทยถึงบ้าของนอก เราชอบน้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะตูม น้ำไทยๆมากกว่า สดชื่นดี ไอวี่ที่ทำมา เราก็กิน แต่ต้องผสมน้ำให้เจือจางนิดนึง เพราะมันหวานไป จากคุณ : ฮิปโป-โป๊ เตมัส O.,o เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 19:20:36

ความคิดเห็นที่ 65 ก็เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจนะ เพราะในตลาดชาเขียว แบรนส์โออิชิ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 และถ้าพูดกันตรงๆ ชาเขียว มีไม่กี่แบรนส์ที่เราสามารถซื้อทานได้ การเข้ามาของธุรกิจเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ใช่ตลาดผูกขาดที่คนจะเข้ามาไม่ได้เลย แล้วอีกอย่าง สินค้าประเภทที่ดื่มแล้วสดชื่น(มีคาเฟอีน) มันครองตลาดมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าเราแล้ว ถ้าแบรนส์คนไทยจะเกิดมาอีกซักแบรนส์ 2 แบรนส์ แย่งกับพวกน้ำอัดลมซึ่งเป็นของต่างชาติ เราว่าเป็นเรื่องที่ดีในแง่ของผู้บริโภค ในอนาคตก็อยากเห็นshelf ส่วนของเครื่องดื่มมีแบรนส์ไทยเยอะๆเหมือนกัน ^0^ จากคุณ : ยัยใบเตย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 19:33:55

ความคิดเห็นที่ 66 เป็นคนนึงล่ะที่รู้สึกว่าไม่ชอบ และไม่เคยซื้อดับเบิ้ลดริ๊งหรืออิชิตันกินเลย กินเข้าไปได้ไงดูปริมาณน้ำตาลที่ใส่มาแล้วตกใจสรุปคือน้ำเชื่อมใส่สีใส่กลิ่น จากคุณ : Chonsoki เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 19:35:02

ความคิดเห็นที่ 67 ตั้งแต่คุณตันออกมาทำชาเขียว แบบบริษัทเดิม เรามองเค้าติดลบ........ อ่อ แล้วอยากจะบอกดังๆว่าไอที่ทำมาน่ะ มันไม่อร่อยเลย เคยเปิดกินแล้วอุทานออกมาว่า "เฮ้ย นี่รสชาติมันคล้ายยาน้ำเชื่อมแก้ไอเลย" แล้วยิงมาทำการตลาดในเฟชบุค แล้วเอาไอโน้นนี่นั้นมาล่อนี่ ยิ่งไม่ชอบใหญ่ อยากจะถามจิงๆเลยว่า ที่เค้ากดไลท์ๆกัน คุณตันเคยคิดหรือเปล่าว่า มันจะมีกี่คนที่ชอบผลิตภัณฑ์ของคุณจริงๆ หรือที่เค้ากดกันไม่ใช่เพราะว่าอยากได้โน๊ตบุคอัสซุส หรือบัตรเดี่ยว....... ยิ่งถอยหลังเข้าทุกวัน ในความคิดเรา จากคุณ : Miracles in my life เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 19:42:00

ความคิดเห็นที่ 68 ก็ถึงบอกไงครับว่าคนไทย"บ้า"คนรวย จะชื่นชมในแง่ไหนล่ะ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นักการตลาดผู้มองการณ์ไกล พ่อมดนักขาย ฯลฯ จะยังไงก็เขาก็แค่ "พ่อค้า" นั่นแหละครับ และนั่นแหละ พ่อค้าประสบความสำเร็จก็คือคนรวย ถึงขั้นชื่นชม ยกย่อง เชิดชู เรียกขานกันเป็น "Idol" แบบคุณตันเนี่ย นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ จนถึงเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ คนทำงานอาชีพ งานที่ตรงกับปากกับท้องพวกคุณโดยตรง สำคัญกว่าการขายของ ขายน้ำกากชาใส่น้ำตาลนี่เยอะแยะ คุณพอจะนึกชื่อใครสักคนออกไหมครับ?? คงนึกไม่ออกหรอก ถ้าเขาคนนั้นไม่ "รวย" จากคุณ : KillingMoon เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 20:00:09

ความคิดเห็นที่ 69 เคยชื่นชมคุณตัน เหมือนกัน แต่จากกรณีนี้ ก็ทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไป เรื่องเงินๆทองๆ นี่มันแสดงความเป็นตัวตนของคนได้ดีจริงๆครับ แม้คนที่ซื้อไปผมก็ไม่ชอบวิธีการทำธุรกิจของเค้า เช่นเรื่องการขายน้ำเมาพ่วงน้ำเมา สงสัยอยู่อย่างครับว่า ชาที่ทำขายทำไมต้องแต่งกลิ่นสังเคราะห์ครับ ชาธรรมดาก็มีกลิ่นชาหอมตามธรรมชาติอยู่แล้ว ทั้งๆที่พยายามสร้างความแตกต่างบอกว่าเป็นชาออแกนิคแล้วเชียว... จากคุณ : ปลาริวกิ้น เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 20:10:21

ความคิดเห็นที่ 70 ตอนนี้ คุณตันเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นอีกร้านแล้วครับ  ชื่อ Tokiya เป็นแนวแบบ คอร์ส ๆ ละ 8 อย่าง  ตอนนี้มีโปรฯ เหลือ 499 มั้ง facebook/tokiyadining  ก็ไปดูรูปกัน ส่วนเรื่องที่เค้าลาออก   ... ถ้าอ่านเรื่องที่ จขกท นำมาโพสต์ จะเห็นได้ว่า   ถ้ามันไม่มีเรื่อง ไม่มีราวอะไร  แล้วเค้าจะลาออก สิ่งที่เค้าสร้างมาทำไม ? ผมอ่านแล้ว เชื่ออยู่ลึก ๆ ว่า  มันต้องมีการลำเส้นในการทำงาน   มันเลยทำให้รู้สึกอึดอัด  เมื่อบรรยากาศการทำงานแบบที่เคยมันเปลี่ยนไป เราก็ย่อมที่จะถอยออกมา  เพื่อที่จะทำในสิ่งที่ชอบ จะดีกว่า เรื่องธุรกิจ มันเกี่ยวกับศีลธรรม อะไรเลย ต้องอย่าลืมว่า เม็ดเงินในตลาดชาเขียวมูลค่าตั้งเท่าไหร่ คนที่จะเข้ามาแบ่งส่วนการตลาดของโออิชินั้น  มันไม่ง่ายนะครับ ถ้าทำไม่ดี  อาจดับได้ง่าย ๆ นะครับ     แต่คุณตัน ก็ยังกล้าทำ  ถ้าไม่ใช่เพราะเค้าจับทางธุรกิจได้   คุณตัน คงดับไปตั้งนานแล้วล่ะครับ จากคุณ : ... กระซิบรัก จากความทรงจำ ... เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 20:17:05

ความคิดเห็นที่ 71 เราไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไรนะ เพราะคุณตันก็ทำกำไรให้โออิชิสุดๆๆ แต่บอกตามตรงว่าหลังจากอ่านความเห็นของคนบางคนที่อยู่ห้องครัวมานาน ทำให้วันนี้ เราเคยชื่นชอบคนเก่าแก่ห้องครัวท่านนั้นมานานก็หมดลง อย่างสุดๆๆเช่นกัน จากคุณ : gorgyvippy เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 20:20:05

ความคิดเห็นที่ 72 ถ้าเรื่องธุรกิจผมว่าอย่ามาว่าถึงมารยาทเลย อะไรที่ถึงผิดกฏหมายผมว่าหาทางเลี่ยงได้ก็เลี่ยงกันทั้งนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ถูก แต่ต้องยอมรับว่าสังคมทุนนิยมมันทำให้คนต้องทำกันแบบนี้ เพราะมันว่าด้วยกำไรสูงสุดเป็นสำคัญมากกว่าสิ่งอื่น ช่วยไม่ได้ในเมื่อคนในโลกนี้ยังอยู่ด้วยระบบนี้ แต่สำหรับตัน ผมว่าผิดมารยาทและดูไม่มีเจ๋งอย่าที่อวยกัน แต่ไม่ใช่ว่าไม่เก่งกรณีนี้เห็นเลยว่าฉลาดมาก เพราะผลทางธุรกิจการทำแบบนี้ถือว่าดีมาก ใช้ทรัพยากรที่ตันมีได้อย่างได้ผล ผมเลยรู้สึกแย่เพราะตอนบอกว่าจะลาออกไปทำธุรกิจอื่น ด้วยความที่คนอวยกันเหลือเกินคิดว่าจะทำอะไรที่เจ๋งๆได้ สุดท้ายก็ใช้วิธีแบบนี้มันดูแย่ครับ ถึงจะเป็นทางเลือกที่ต้องยอมรับว่าฉลาดก็เถอะ ผมว่าอย่าไปอวยกันมากกับที่แกสร้างแบรนด์ตัวเองขึ้นมากเลย มันก็คือการตลาดอย่างนึง คุณว่าสิ่งที่ตันทำไม่ได้วางแผน เป็นสิ่งที่บังเอิญมากจากใจงั้นหรือ แล้วทำไมต้องใส่เสื้อผ้าเดิมๆ ใส่หมวกนักบิน หรือแม้แต่การเข้าไปคลุกคลีกับโน้สอุดม คุณว่าเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่า ผมว่าไม่เลย แต่เรื่องความสัมพันธ์สองคนนั้นเราไม่รู้ เขาอาจจะคบกันด้วยใจจริงๆ แต่ผมว่าเป็นสิ่งที่ตันต้องการแบบนั้นแน่นอน ผมมองตันไม่ต่างจากนักธุรกิจคนอื่นๆเลย ไอการมาสร้างแบรนด์ นักธุรกิจใจดี เขาถึงง่าย อดทน ใจบุญ มันก็แผนการตลาดอย่างนึง มันเป็นอาจจะตัวตนของแก แต่อีกด้านนึงแกตั้งใจทำเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งก็ไม่ใช่คนที่จะให้คนอื่นไปอวยอะไรให้เกินจริง ซึ่งมันก็เป็นประโยชน์ให้ธุรกิจแกน่ะแหละ จากคุณ : Lick-My-L-Ball เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 20:23:11

ความคิดเห็นที่ 73 ผมว่าคุณเจริญพลาดเองที่พยายามบีบให้คุณตันต้องออกจากโออิชิ แบบไม่ใส่ใจความรู้สึก และยังพลาดที่ไม่มีการเซ็นสัญญากันเรืองการทำธุรกิจนี้อีก ที่สำคัญเสี่ยเจริญซื้อโออิชิด้วยเหตุผลอะไร หลาย ๆ คน ก็รู้กันอยู่ ไม่่ใช่เพราะจะทำกำไรมากกมายจากโออิชิหรอกครับ แต่คุณเจริญต้องการเข้าตลาดหุ้นแบบทางอ้อมต่างหาก สุดท้ายผมก็มองว่าสิ่งที่คุณตันทำ ก็แฟร์ ๆ กับสิ่งที่คุณเจริญทำครับ เพราะธุรกิจคือธุรกิจครับ ตอนนี้คุณตันไม่ได้เป็นต่อโออิชิด้วยซ้ำเพราะขนาดทุนที่แตกต่างกัน และลายของสินค้าที่แท้จริงของโออิชิรั่รเลยคำว่าชาเขียวไปแล้ว ที่สำคัญเค้ายิ่งทะเลาะกันเราผู้บริโภคยิ่งได้เปรียบครับ จากคุณ : et009 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 20:37:23

ความคิดเห็นที่ 74 ไม่อยากจะเล่า แต่รู้จากวงในมา ว่าเหตุผลอะไร ทำไมคุณตันถึงต้องทำแบบนี้ ถ้าไม่โดนกระทำก่อน เค้าก็ไม่ทำแบบนี้มั้ง คนบางคนอ่านแค่กระแสจากเวปบอร์ด เรื่องจริงเป็นไงก็ไม่รู้ ก็ดันตัวเองเป็นผู้รู้มันซะทุกเรื่อง เราก็ไม่ได้กินโออิชิ หรือว่า อิชิตัน เพราะไม่ชอบชาเขียว เหอๆ เลยไม่ได้ประโยชน์จากฝ่ายไหนเลยทั้งนั้น...... จากคุณ : PHaTthiTA เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 20:59:26

ความคิดเห็นที่ 75 เราเคยกดlike เฟสของคุณตันด้วยความชื่นชม ตลอดเวลาสมัยที่เขาทำโออิชิ เห็นว่าเขาทำแคมเปญสนุกๆ ไปปล่อยเต่าทะเล ไปช่วยเหลือตรงนั้นตรงนี้ พาเที่ยวเมืองไทย ... เรานับถือความคิดเขามากๆ แต่แล้ววันหนึ่ง ที่ได้คุยกับผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เขาทำงานในบริษัทคุณเจริญ ด้วยความซื่อตอนนั้นซื้อผลตภัณฑ์อิชิตันไปฝากด้วย ผู้ใหญ่คนนั้นเลยเล่าเรื่องของคุณตันให้เราฟัง มันไม่ผิดไปจากสิ่งที่จขกท.เอามาให้อ่านเท่าไหร่นัก เราเลย...หมดศรัทธาในตัวคุณตันไปเลย ตอนนี้ลบคุณตันออกจากเฟส ปิดรับข่าวสารและไม่อุดหนุนสินค้าเขาอีกต่อไป จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:00:26

ความคิดเห็นที่ 76 เราว่าคนที่มองว่า ผิดแบบนั้น ยังงี้ ลองอ่านรายละเอียดดูยังคะ เขาก็ทำงานให้ต่อมาถึง 5 ปี หลังจากขายหุ้นแล้วนี่ และระหว่างนั้นมูลค่าหุ้นก็ถีบตัวขึ้นยิ่งกว่าตอนซื้อซะอีก ก็คือ ได้กำไรกันไปแล้ว หลังจากนั้นเขาออกมาผลิตขายตัวใหม่ของเขาไปเรื่อยๆ ส่วนสาเหตุที่ออกก็คงมีเรื่องภายในด้วยแหล่ะ ลองคิดว่า หากเป็นคุณซิ เรียนสายนี้มา ทำงานสายนี้มา อยู่ๆมีปัญหาไม่สามารถทำที่เดิมต่อได้ แล้วพอจะออก เจ้าของเดิมบอก ห้ามไปทำงานที่อื่นในสายเดียวกัน คุณรู้สึกว่ามันยุติธรรมกับคุณไหม ก็ในเมื่อเรียนมาทางด้านนี้น่ะ แล้วปัญหาแบบนี้ก็มีจริงๆด้วย เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า บางรายก็ไปร้องศาลแรงงานน่ะ เพราะสัญญามันไม่เป็นธรรม กับคุณตันเองก็เหมือนกัน ถ้าเขาถนัดทางด้านนี้ เขาก็มีสิทธิที่จะเปิดขาย ไม่ได้ทำผิดกฏหมายนี่ ส่วนธุรกิจจะบอกว่า มารยาททางธุรกิจ ก็เป็นเรื่องที่กำหนดขึ้นมาเองไม่ใช่หรอ อันที่จริงก็เหมือนข้ออ้างในการป้องกันตัวเอง โดยยกธรรมเนียมขึ้นมาบัง ทั้งที่จริงๆแล้ว มันไม่ได้มีถูกมีผิดซักหน่อย  ก่อนหน้านี้เรื่องแบบนี้ก็มี ที่ 2 ห้างใหญ่ ชิงลดกระหน่ำ แจกคูปองสะพัด ดูก็รู้เป็นศึกชิงตลาด แต่ผลดีก็อยู่กับผู้บริโภคทั้งนั้นน่ะ เราว่ามีแบรนด์เพิ่มขึ้น มีตัวเลือก มีรสชาติที่หลากหลายขึ้น ตลาดใหม่ๆก็เกิดขึ้นด้วย การแข่งขันทางธุรกิจยิ่งมีหลายตัวเลือกเราว่ายิ่งดี เพราะเมื่อไม่ถูกใจอะไรก็ย้ายไปเลือกตัวอื่นได้น่ะ เหมือนเมื่อก่อนเราชอบโออิชินะ เพราะรู้สึกของคุณภาพโอเค กินได้ แต่ทุกวันนี้ไม่ชอบแล้วอะ ของคุณภาพแย่ลง ตัวเลือกก็น้อยลงด้วย   คุณตันเขาก็สร้างราคาให้กับแบรนด์เดิมอยู่แล้ว ถ้าดีจริง แน่จริง เก่งจริง ก็สู้กันไปเลย จะมากลัวอะไรกับแบรนด์ใหม่ล่ะ คุณตันเองก็กล้าเปิดแบรนด์ใหม่โดยที่ยังไม่กลัวกับตลาดเก่าเลย เว้นแต่ว่า แบรนด์เดิมคุณภาพจะลดลงจริงๆน่ะแหล่ะ ถึงได้หวั่นกับตลาดใหม่ที่เกิดขึ้น แล้วก็ยกคำว่า มารยาททางธุรกิจ ขึ้นมาอ้าง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนเอง และทำให้ทางเลือกของผู้บริโภคมีลดน้อยลง จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:04:47

ความคิดเห็นที่ 77 อ่านแล้วมันส์ดี ได้มุมมองในธุรกิจไปอีกแบบ แต่โดยส่วนตัวไม่นิยมเครื่องดื่มประเภทนี้ เพราะน้ำตาลเยอะมาก ไม่ได้ดีกับสุขภาพตรงไหนเลย ขอทานน้ำผลไม้ปั่นดีกว่า ปล่อยเค้าแข่งกันไป กำไรอยู่ที่ผู้บริโภค (ได้ของถูก) จากคุณ : amkoka เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:06:43

ความคิดเห็นที่ 78 ชิดขวา เข้ามามุงเฉยๆ ปกติเป็นคนไม่ชอบกินชาเขียวอยู่แล้ว จากคุณ : โชริแมน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:10:12

ความคิดเห็นที่ 79 เสี่ยตัน คือเทพเจ้า ของเหล่าสาวก ครับ   ท่านทำห่าอะไร ก็ไม่ผิดครับ ถูกทุกข้อ ออกtalkshow ฟังแบบไม่รู้เรื่องต้องแปลไทยเป็นไทย  ก็ยังดังถล่มทลาย จากคุณ : tvong เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:14:10

ความคิดเห็นที่ 80 ไม่ดื่มชาเขียวอยู่แล้ว แต่เราเชียร์คุณตันนะ ยิ่งถ้าได้อ่านบทความใน คห. 43 แล้ว เราว่าไม่เห็นมันจะผิดอะไรหนิ อีกอย่างบ้านเมืองไม่ได้ผูกขาดสินค้า ผู้บริโภคได้กำไรเต็มๆ จากคุณ : CuteBaby เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:21:58

ความคิดเห็นที่ 81 ด้วยความเป็นที่บุคลากรทางการแพทย์จึงละความสงสัยไม่ได้ว่ามันออร์แกนิคตรงไหน? แล้วการชูประเด็นว่าเครื่องดื่มดับเบิ้ลดริงค์มีผลดีต่อสุขภาพก็ต้องแย้งว่าไม่จริงและเป็นกลลวงตื้น ๆ ซึ่งแม้จะไม่มีใครตามเอาผิด  แต่มันน่าขันเพราะคนอย่าง "ตัน" ไม่น่าตายน้ำตื้นให้คนจับผิดด้วยโฆษณาทุนต่ำ เหลี่ยมการทำธุรกิจของ ตัน อาจเป็นเรื่องธรรมดาในวงการธุรกิจ การช่วงชิงความได้เปรียบด้วยเล่ห์กลต่าง ๆ เกิดขึ้นทุกระดับตั้งแต่รากหญ้าไปถึงมหาเศรษฐี แต่ในชีวิตจริง...คนเรามีบางอย่างที่เรียกว่าศักดิ์ศรี การเฉือนคมย้อนเกล็ดกันย่อมสะท้อนภาพในใจของ ตัน ได้เป็นอย่างดี ถ้าเรามอง ตัน ในฐานะคนทำงาน  เส้นทางชีวิตของ ตัน มีอะไรให้ศึกษาเยอะ ทว่าหากมอง ตัน ในฐานะนักโฆษณาตัวยงผู้ขายภาพลักษณ์จนร่ำรวย  สิ่งที่ ตัน แสดงก็แค่ละครฉากใหญ่  ไม่ได้ลึกซึ้ง น่าชื่นชมบูชา ก็แล้วแต่จะคิดนะครับ  ผมถือว่าคนที่รัก ตัน ก็มีเหตุผลของเขา  ผมเองก็มีเหตุผลของผม จากคุณ : rafaelo เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:29:09

ความคิดเห็นที่ 82 555 ถามหาศีลธรรมผิดฝั่งกันแล้วมั้งครับ ทำบุญไม่เอาหน้าปีนึงเป็นร้อยล้าน ทำกับใครทางไหนบ้าง ลงล่าง หรือขึ้นบน บางส่วน มันก้ำกึ่งระหว่างเอาหน้ากับทำบุญนะครับ แล้วอีกอย่าง โฆษณาผ้าห่มเขียวก็เพิ่งหยุดฉายมา 3-4 ปีนี้เอง หลังจากฉายมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงขายเหล้าพ่วงเบียร์ที่ชาวบ้านได้ดื่มเบยร์ดีกรีแรงกันจนเมาปลิ้น ห้ามโฆษณาเหล้าเบียรื ไม่เปนนนรายยยย เราไปโฆษณาน้่ำดื่ม โลโก้เหมือนเดิมเปลี่ยนแค่สี แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 21:43:39 จากคุณ : Capo เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:33:13

ความคิดเห็นที่ 83 เรื่องขายกิจการ เราทราบตั้งแต่เมื่อมีการขายโออิชิ ให้ไทยเบฟ แล้ว จึงไม่ได้มองว่าวันนี้ การทำ อิชิตัน เป็นเรื่องของการอกตัญญูอะไรแต่อย่างใด ให้บริหารกิจการเดิม ก็เป็นไปตามเงื่อนไข ดังนั้น เมื่อจากกันก็จบ งงกับหลาย ๆ ความคิดเห็น ไม่รู้ว่าเคยเปลี่ยนงานกันบ้างหรือเปล่า แต่เรื่องตันกับโน้ต อุดมนี่สิ น่าสนใจกว่า ว่าอะไรทำให้สองคนมาผนึกกำลังกัน ที่เห็น ๆ คือ win-win แน่ อย่างน้อยก็ได้เห็นโน้ต อุดมมาโฆษณาพิซซ่าในค่าตัวหลักล้านเท่านั้นเอง ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน จากคุณ : เป๋าตุง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:45:25

ความคิดเห็นที่ 84 ไม่เคยซื้อกินเลย  กินแต่ที่เค้าแจกๆ แพงเกินคุณค่า จากคุณ : Pigfarm เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 21:54:37

ความคิดเห็นที่ 85 อยากรู้คาใจว่า ใช่ผับของเขาหรือเปล่า แค่นั่น จากคุณ : ดอกไม้เล่าเรื่อง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 22:04:53

ความคิดเห็นที่ 86 ตัน ผมนับถือที่่ว่าเป้นคนเก่งนะครับ จับทางถูกมาใหม่ๆรู้ว่าชาเขียวเป็นของใหม่ และคนไทยชอบกินหวาน ก็เลยเอาเอาชาเขียวใส่น้ำตาลเยอะๆ มาขายแล้วบอกว่าเพื่อสุขภาพมาขาย ขายดีเวอร์ ขวดละ20 ผมมองว่าแพงมาก ก็ยังขายได้เทน้ำก๊อกลิตรลั 1 สตางค์ผสมลงไปให้เจือจางอีกหน่อยก็ยังขายได้ฟะ   แต่ที่ไม่ชอบคือการทำธุริกิจ ตั้งแต่โออิชิ เอาเปรียบคนมาตลอด  ทุกอย่างใน โออิชิกรุ๊ฟ คุณภาพห่วยแตกทั้งนั้น ของที่ให้มาไม่คุ้มกับราคาที่จ่ายไปเอาเสียเลย ยอรับตัวเองก็กิน แต่หลังๆ ถ้าเลือกได้ เลือกร้านอื่นดีกว่า จ่ายเท่ากัน คุณภาพดีกว่าเยอะ ยิ่งมาเจอทำ อิชิตัน  แอบคิดไปหน่อยสงสัยทำน้ำ 2 อย่างผสมกันแล้วรุ่งไม่เท่าน้ำชาผสม น้ำตาลเอามาขาย หรือว่ากำไรน้อยกว่าหว่า จากคุณ : ปลาโลมา_:P เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 23:15:12

ความคิดเห็นที่ 87 โอ้ ข้อสงสัยต่างๆพึ่งกระจ่างวันนี้ คนเขียนๆละเอียดมากเห็นภาพตามเลย คำว่าธุรกิจไม่มีคำว่าเมตตาสงสารจริงๆ จากคุณ : น้ำขิงกับเต้าฮวย เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 23:29:49

ความคิดเห็นที่ 88 ไม่รู้นะ แต่คิดว่าเจ้าสัวปวดตับมากก​ว่า ตันขายเค้า3000ล้าน เสร็จแล้วออกไปตั้งบริษัทแข​่ง เหมือนมีคนบอกขายร้านอาหารพร้อมสูตร เสร็จแล้วไปตั้งร้านใหม่ขายข้าง​ๆ จากคุณ : RobertSpeharsJarni เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 23:35:38

ความคิดเห็นที่ 89 ลองตามไปอ่านดูนะครับ...พึ่งupdateวันนี้ เหมือนรู้ใจ หนอนชาเขียว... *โคลนนิ่ง บิสซิเนสชาเขียว & บุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่น ดีเอ็นเอของตัน เกิดใหม่กี่ครั้งก็ยังเป็นตัน http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=92380 ///////////////////////////////////////////////////////////////// *บทวิเคราะห์ สูตรการตลาดของ...(อิชิ) ตัน http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=92378 *โออิชิตัน ศึกแค้นสั่งฟ้าชาเขียว http://www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=92371 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 00:05:12 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 23:57:12 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 23:50:31 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 54 23:49:58 จากคุณ : 26JUNEVIP เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 54 23:46:26

ความคิดเห็นที่ 90 น้ำประปา ดื่มได้ ไปหล่ะ จากคุณ : anchan_k เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 00:00:51

ความคิดเห็นที่ 91 ธรรมดานะ สำหรับธุรกิจ เขาก็ไม่ได้ทำไรผิดสัญญากันนี่ ถ้ารู้จักแวดวงที่มันสกปรกจริงๆ แล้วพวกคุณจะหนาววววววววววว จากคุณ : balahala เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 00:03:15

ความคิดเห็นที่ 92 ตันกับโน้ตเข้ากันดีนะ ศีลเสมอกันดี จากคุณ : ผมไม่ได้ชมนะ (Messoforte) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 00:11:10

ความคิดเห็นที่ 93 ไม่รุ้อ่ะ ดูรุปการณ์ ก็เห็นคุณพี่ตัน ก็เอาจาก คนซื้อไปเยอะ แล้วมันจะอะไรกันหนักหนา ถึงขนาดมาลุย ขาลุยสู้พื้นที่ คนที่เจ้าตัวก็ขายของให้เค้า มองได้สองแง่ เจอคนซื้อมันโกง หรือ เราคนขาย จะโกงคนซื้อ ใครได้เปรียบ เสียเปรียบ ก็เห็นๆกันอยู่ งานนี้ มองดูแล้ว เราพี่ตัน ไม่งามค่ะ ปล. ไม่งามเป็นสองเท่า เมื่อกลับมาจากเชียงใหม่ ไปเดินถนนนิมมาน ซอย 1 ซอยที่เราโปรดที่สุด เพราะมีร้าน อาร์ต เยอะแยะมากมาย ที่กำลังจะปิดลง เพราะ เจอ คนนี้ กว้านซื้อที่ดินตรงนั้น จะทำเป็น คอมเพล็ท คล้ายๆ วิลล่า .... คุยกับคนขายของตรงนั้น เค้าบอกว่า ต่อไปคนที่ไปตรงนั้นคงได้กิน mk kfc mc ตรงนั้นได้แล้ว จากคุณ : จี๋จ๋า เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 00:23:52

ความคิดเห็นที่ 94 ผมคนเขียนบทความนี้นะครับ ปกติก็เล่นพันธ์ทิพย์อยู่แล้ว แต่การเขียนBlogเป็นงานอดิเรก เลยเขียนเรื่องอิชิตัน และโออิชิเก็บไว้ มีคนเอาไปแชร์เอาไปเผยแพร่บ้าง ผมก็ยินดี  แถมยังช่วยแปะyoutubeให้ด้วย แต่สิ่งที่ผมไม่คิดจะเอามาลงในกระทู้พันธ์ทิพย์ตั้งแต่แรก เพราะผมพอทราบดีว่ามันจะเป็นแบบนี้แหละ  ต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในประเด็นใหญ่ๆ และอาจจะหาข้อแก้ต่างในประเด็นย่อย   แต่อยากให้มองสาระสำคัญที่แม้แต่ผมเองก็ไม่ได้ "สรุป" เพราะก๊วยเตี๋ยวร้านเดียวกัน คนกินร้อยคนยังมีทั้งชอบและไม่ชอบ  นับประสาอะไรกับ "คน"ครับ ยิ่งเป็นบุคคลสาธารณะด้วยต้องมีคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ มีสรรเสริญก็มีนินทา เป็นธรรมดาของโลก เพราะคนย่อมข้อบกพร่องในตัว การนำคนมาเป็นแบรนด์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครเขาทำกัน ถ้าทำเสียแล้ว มันrebrandใหม่ไม่ได้แล้ว   อยากฝากถึงหนุ่มเมืองจันท์ (ขอบคุณความคิดเห็นที่43ที่เอามาลง) 1. ผมอ่านคอลัมน์ของพี่มา15ปีติดต่อกัน แม้ไม่อยู่เมืองไทย ก็ต้องลำบากลำบนไปขอหนังสือพิมพ์เก่าๆจากสถานกงสุลมาอ่าน 2. พี่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมในการเป็นนักเขียนที่ดี   แต่ผมก็อยากบอกคนอื่นๆในนี้หลายๆคนว่า 1. หนุ่มเมืองจันท์ เป็นคนเขียนหนังสือให้กับคุณตันที่ชื่อว่า "ชีวิตนี้ไม่มีทางตัน" 2. ตอนนี้ก็เป็นก๊วนกินข้าวเดียวกับคุณตัน โน้ตอุดม และคนอื่นๆ (ขอสงวนชื่อ)ที่สมบูรณ์โภชนา 3. คุณก็เป็นกรรมการโครงการNine Challenge ที่รับพนักงานเข้าบริษัทไม่ตันจำกัด บทความที่คุณเขียน จึงถือเป็นการเขียนเพื่อ "ช่วยเพื่อน" มากกว่าที่จะนำข้อเท็จจริงมาพูดกัน   1. คุณเอาการขายธุรกิจโรงแรมที่อยู๋กันคนละจังหวัดมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร  กับเครื่องดื่มชาเขียวที่วางขายใน7-11 ทุกสาขา และชั้นวางเดียวกัน 2. คุณเป็นพนักงานบริษัทมติชนตลอดชีวิต จนได้เป็นผู้บริหารใหญ่โตแล้ว  คุณอาจจะมีโอกาสได้สัมภาาษณ์มหาเศรษฐีมากมายอย่างที่ผมอยากจะทำ แต่ก็ไม่เคยได้ทำ  อย่างน้อยคุณก็น่าจะรู้ว่าในธุรกิจมีเล่ห์เหลียม การหักหลังกันมากมาย แต่ต่อหน้าก็พูดอีกอย่าง ไม่ต่างจากการเมือง 3. เวลานี้คนเขาไม่ได้สนใจแล้วว่า สิ่งที่คุณตันทำกับโออิชิมันผิดหรือถูก คุณเขียนบทความอะไรไปก็คงไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิดของคนอื่นได้ เพราะบทความคุณเองไม่ใช่หรือที่บอกว่า "เรื่องนี้อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน" 4. หาก "คำถามสำคัญกว่าคำตอบ" เหมือนชื่อหนังสือคุณ ก็กรุณาช่วยตอบคำถามเรื่องว่า ทำไมชาเขียวผสมน้ำตาลในไทยเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ  ทำไมต้องตั้งชื่อให้พ้องกับของเก่าขนาดนี้ คนถึงเกิดความสับสนและตั้งคำถามขึ้นมาใช่หรือไม่   การที่คุณตันเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาชิ้นสุดท้ายของโออิชิ ยังไม่ถึงปีก็ลาออก ทำให้คนยังติดภาพอยู่ ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว ดาราคนไหนเป็นพรีเซนต์เตอร์สินค้า เขาจะไม่โฆษณาสินค้าประเภทเดียวกันอีก 3-5ปี เพื่อล้างภาพออกไป  ยกตัวอย่างเช่น อั้ม เคยโฆษณาชาเขียวโตเซน  แต่ยี่ห้อนั้นเจ๊งไป ก็มาโฆษณาให้เพียวริคุ แต่ก็เว้นระยะหลายปี   พี่มอสโฆษณาอีซูซุ ดีแม๊กซ์ แล้วก็ต้องเว้นมาหลายปี ถึงมาโฆษณาเชฟโลเลตแคปติว่า   มีแต่คุณตันคนเดียวเท่านั้นในประเทศไทย ที่สามารถเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าประเภทเดียวกันได้ ทำไมครับ 5. ชาเขียวออร์แกนิค คืออะไรครับ เหมือนรังนกแท้100%หรือเปล่า 6. พี่เขียนคอลัมน์ เขียนหนังสือชีวิตนี้ไม่มีทางตัน พี่มีเงินเดือน ดีจังเลยครับ แต่ผมเขียนบทความด้วยใจครับ เงินสักบาทก็ไม่ได้ เขียนblogก็ไม่ลบความคิดเห็นใด เพราะเชื่อว่าคนอ่านมีวิจารณญาณเป็นของตัวเอง  ไม่ได้มีfacebookให้คนกดlikeได้อย่างเดียว เป็นพันๆครั้ง หวังว่าพี่คงจะไม่บอกว่าพี่เป็นกลางนะครับ  เพราะพี่ก็เคยอ้างในคอลัมน์ว่า บทความใส่ความคิดเห็นได้ เพราะไม่ใช่ "ข่าว" 7. ใครเป็นคนที่ทำให้ผู้บริโภคสับสนครับ โออิชิหรือครับ ที่บังเอิญชื่อไปเหมือนอิชิตัน แถมรสชาตก็เหมือนกันอีก 8. คุณตันบอกเองในรายการทีวีใช่หรือไม่ ที่จะไม่ทำธุรกิจแบบเดิมแล้ว      ถ้าเขาพูดแบบที่คุณเขียนในคอลัมน์ในรายการ แล้วออกมาทำชาเขียวก็คงไม่มีใครตั้งคำถามกับเขาหรอกครับ 9. พี่ว่าไหมครับว่า เงินทำให้คนเปลี่ยนไปได้   10.  ไม่มีใครพูดปัญหาเรื่องจริงของคุณตัน กับคุณเจริญได้ทั้งหมดหรอกครับ  มันมีบุคคลอีกมากมายที่เกี่ยวข้องด้วย  ไม่มีใครผิดและถูก100% แต่ทางที่ดีผมว่า ถ้าพี่ยิ่งช่วยเขียนเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ผลมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิดก็ได้นะครับ   11.  สุดท้ายสินค้าลูกค้าชอบ มีคุณภาพ และราคาที่สมเหตุสมผลจะอยู่ได้เอง เบียร์ลีโอก็ใช้เวลา 7 ปีในการเอาชนะเบียร์ช้างได้ในที่สุด  พี่ปล่อยเขาแข่งกันไปเถอะ อะไรที่เกินจริงก็อย่าไปเสียเครดิตตัวเองในการสนับสนุนเลยครับ   assuming จากคุณ : assuming (assuming) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 00:37:43

ความคิดเห็นที่ 95 แล้วเสื้อผ้าแบบนี้ หมวกแบบนี้ ก็ไปปรากฎบนหลังขวดอิชิตัน ถ้าไม่ได้พูดถึงเรื่องผิดถูก จริยธรรม มารยาทนะครับ แต่เสียดายสิ่งที่คุณสร้างมาเหมือนกัน มันอาจจะถูกใช้ไปในทางที่ผิดโดยที่ปรึกษา เพราะทุกครั้งในธุรกิจคุณตันชนะแบบขาวสะอาด และสง่างามตลอด จากคุณ : assuming (assuming) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 00:41:50

ความคิดเห็นที่ 96 โดนไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองตั้งขึ้นมาเอง เหตุการณ์แบบนี้คุ้นๆนะครับ เหมือนเคยเกิดในระดับโลก บริษัทรูปผลไม้ ที่โดนกินไปหนึ่งคำ จากคุณ : somngo เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 01:32:01

ความคิดเห็นที่ 97 ที่มีคนถามว่า เป็นผู้ท้าชิงแล้วสามารถล้มแชมป์เก่าได้อย่างอยู่หมัด คำตอบก็คือ  เสี่ยเจริญ  จากไทยเบฟ  นั่นแหละครับ กับศึกชิงสัมปทาน ทำเหล้าในอดีต  ที่สามารถประมูลเอาชนะ ตระกูลเตชะไพบูลย์ในตอนนั้นไปได้ จากคุณ : ElMinZeed เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 02:26:18

ความคิดเห็นที่ 98 คนที่บอกว่าคนอื่นให้คุณตันเป็นไอดอล ไอค่อนของวงการ เป็นเพราะรวย หรือคนรวยทำอะไรไม่ผิด เราว่าคุณมองอะไรผิด ๆ ไปหรือเปล่า คิดแต่เรื่องเงินมากไปเปล่า เอาจริง ๆ มีสักกี่คนที่ชื่นชมคุณตันเพราะรวย ส่วนใหญ่เขาชื่นชมเพราะหัวธุรกิจของเขา และความเป็นเจ้าไอเดียของเขาต่างหาก -"- สำหรับเรื่องนี้ มันก็ผิดมารยาทจริง ๆ แต่เราก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง มันอาจมีอะไรมากกว่าที่เราเห็นอีกก็ได้ ไม่ค่อยอยากวิจารณ์เท่าไร รู้แต่ว่าคุณตันยังหัวคิดสุดยอดเหมือนเดิม ถึงจะแกมโกงไปหน่อยก็เถอะ - -; ปล. ใครจะเลือกดื่มชาเขียวเพราะมันออแกนิกส์บ้าง คือ...มันก็คงมีบ้างแหละ แต่ส่วนใหญ่ซื้อเพราะแค่อยากกินมากกว่า -"-; เพราะงั้นมันจะไม่ออแกนิกส์ก็เอาเถอะ ถ้ามันไม่ได้ใช้ความออแกนิกส์มาขายแพงเกินจริง หรือกินแล้วเป็นพิษ ผู้บริโภคก็ไม่คิดอะไรหรอก (รังนกยังเป็นกรณีที่แย่กว่านี้เยอะ) จากคุณ : Wadoiji เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 02:49:47

ความคิดเห็นที่ 99 คุณ Wadoji ครับ โปรดอย่าเข้าใจผมผิดครับ ผมแค่เสนอมุมมองของผมแบบรวมๆ ผมไม่ได้ว่าใครเป็นพิเศษ ผมเข้าใจที่คุณต้องการจะสื่อว่า ที่คุณชอบคุณตันเขาเพราะมีหัวการค้า แต่ประเด็นผมคือ คนที่มีหัวธุรกิจ เก่งกาจด้านการขาย (เขาเก่งจริงๆยอมรับ) -----แล้วยังไงต่อเหรอครับ?? เหมือนที่เราชอบดาราเพราะความสวย ความหล่อ ชอบนักร้องเพราะเสียงดี ใช่ไหม คนเหล่านั้นเขาแค่ทำงานของเขา เรื่องที่เขาถนัด เขาเก่งเงินก็เข้ากระเป๋าเขา ยังมีคนที่เก่งๆ ทำงานเป็นเฟืองตัวเล็กตัวน้อยให้สังคมเราอยู่ทุกวินาที เราขาดคนขับรถเก่งๆไม่ได้ เราขาดยามเก่งๆไม่ได้ เราขาดชาวนาที่ขยันขันแข็ง ขาดครูที่อุทิศตัวให้เด็กๆ ข้าราชที่ทำงานตรงไปตรงมาไม่ได้ มากกว่าขาดพ่อค้านะครับ ผมอาจจะยกตัวอย่างสุดโต่ง แต่ก็เพียงอยากให้เห็นภาพชัดๆแค่นั้นเอง (คงเข้าใจผมเนาะ) ไม่อยากให้เรามองกันจนเป็นนิสัย ติดไปถึงลูกถึงหลาน คงจะสอนพวกเขาลำบากละครับ ถ้าเด็กๆโตขึ้นแล้วมุ่งแต่จะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ ทำอย่างไรก็ได้ให้หาเงินได้เยอะที่สุด แบบไอดอลคนนี้ อยากให้คนไทยนิยมชมชอบความดีมากกว่าเงินอ่ะ (เอียนจังประโยคนี้ แต่ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ) เราส่วนใหญ่มักจะให้เครดิตคนที่หาเงินได้เยอะๆ ว่าเขาเก่ง (เตลิดกลายเป็นคนดี) จนมองข้ามข้อเสียของเขาไป  ยกตัวอย่างชัดๆก็เรื่องมารยาทการทำธุรกิจเรื่องนี้แหละ ผมเป็นผู้ชายไทยรุ่นเก่าครับ พูดคำไหนคำนั้น เลยรังเกียจคนตลบแตลง ถ้าจะทำก็บอกทำสิ ไม่เห็นต้องโกหกอ้อมๆแอ้มๆ อย่างคลิปข้างบน เหตุผลก็มีรองรับอยู่ว่าทำงานให้จนหุ้นพุ่งไปสองสามเท่าแล้ว ถ้าฉลาดแล้วต้องทำเรื่องน่าอาย เสียมารยาทอย่างนั้น ผมขอโง่และจนอย่างนี้ไปตลอดละกัน อยากจะชื่นชมจริง ผมจะรอจนคุณตันขยายตลาด ส่งชาเขียวไปขายเอากำไรสองสามเท่าที่ต่างประเทศ เอาเงินต่างนอกเข้ามาให้บ้านเรา ถึงตอนนั้นค่อยกรี๊ดก็ยังไม่สายหรอกครับ จากคุณ : KillingMoon เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 03:44:16

ความคิดเห็นที่ 100 ส่วนตัวไม่ชอบโออิชิระยะหลังที่เอาแต่กำไรไม่สนใจลูกค้ามากกว่า โออิชิบุฟเพ่ต์เมื่อก่อนชอบมาก ทั้งที่มีเจ้าดีๆ เจ้าอื่นให้ไปกิน เพราะว่ามันใกล้บ้าน คุณภาพกับราคาพอรับได้ แต่ตอนนี้ไปกิน เราหาความคุ้มแทบไม่เจอเลย แคมเปญพิเศษแต่ละเดือนก็กั๊กของมั่ง เอาของที่เหมือนจะดีแต่ไม่ดีมาทำมั่ง เคยไปกินล่าสุดตอนกุ้งหวานกับปลาหิมะอ่ะ ปลาหิมะพอรับได้เพราะทำอร่อย (ฮา) ถึงหลายคนไปกินแล้วจะบอกไม่ใช่ปลาหิมะก็เถอะ แต่กุ้งนี่...รับไม่ได้จริงจัง เราไปนั่งกิน กินจนจะอิ่มแล้วถึงเพิ่งยกกุ้งออกมา ลูกค้านั่งเต็มร้าน แต่ถือออกมาไม่ถึง 10 ถ้วย  = = ปัจจุบันบ้านเราไม่ไปกินละ โออิชิบุฟแพงเอาๆ ราคาสวนกับคุณภาพอาหารมากขึ้นทุกวัน โออิชิราเมน กินครั้งเดียวเลิก ไปกินฮาจิบังเหมือนเดิม ส่วนตัวว่าลิ้นจระเข้แล้วนะ ยังคิดว่าโครตจะไม่อร่อย มีแต่ชาเขียวนี่แหละที่ยังกินของโออิชิอยู่ ส่วนตัวว่าของคุณตันจืดอะ แต่ดับเบิ้ลดริ้งกีวีตะไคร้อร่อยดี  แต่ผิดหวังกับอัญชันสุดๆ เราเป็นคนชอบกินน้ำอัญชัญมว๊าก ต้มกินเองก็บ่อย แต่ของคุณตันรสมันหวานแหลมๆ แปลกๆ อะ = = ปล. เราเคยบอกในหลายกระทู้แหละ ว่าเคยทำงานอยู่ที่โออิชิ (พาร์ทไทม์ขำๆ ตอนนั้นจะหาเงินไปซื้อของ) บังเอิญได้ถูกจับไปทำสาขาเปิดใหม่ คุณตันแกก็มาดูด้วยตัวเองเลยนะตอนเปิดร้าน มีมาสุ่มตรวจไม่บอกด้วย จำได้เลย ตอนนั้นโดนเพื่อนไล่ไปหลังร้านให้ทาลิป เพราะแต่งหน้าจางมาก 5555  แบบทำงานเก็บจานเค้าก็ให้แต่งหน้าน่ะ   อันนี้เคยเจอกับตัว เลยคิดว่าเค้าค่อนข้างเข้าถึงผู้บริโภคพอสมควร ทำให้ได้ใจไปในช่วงนั้น ส่วนที่ออกมาทำน้ำชาเขียวแข่งด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราไม่รู้นะอันนี้ ในฐานะผู้บริโภคอร่อยก็กิน ไม่อร่อยก็ไม่กิน   แค่นั้นค่ะ ไม่ได้อยู่ที่ใครเป็นไอดอลหรอก จากคุณ : Razit_GenZo เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 04:44:01

ความคิดเห็นที่ 101 อยากชมคนเขียนบทความมากว่า เขียนได้อร่อยดีครับอ่านแล้วรู้สึก อยากรับประทานต่อเลย แต่อยากถามคนเขียนจัง เขียนเชียร์ใคร เอาหลังไมค์ก็ได้ ไม่รู้จะตรงกับที่ผมทายหรือเปล่า อย่าบอกนะเขียนเป็นกลาง อิอิ จากคุณ : Snowkung เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 07:46:16

ความคิดเห็นที่ 102 ผมเชื่อว่าสัญญาพรีเซนเตอร์ เค้าคงมีระบุไว้ล่ะครับ ว่าต้องเว้นระยะกี่ปีๆ จะไม่ไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเจ้าอื่น แต่ของตันคงไม่มีระบุตรงนี้ เพราะถ้ามีจริง ก็คงโดนฟ้องไปแล้ว เสี่ยเค้าก็โดนกรรมเก่าของเค้า ส่วนคุณตัน ก็จะต้องโดนกรรมที่คุณตันก่อขึ้นเองล่ะครับ การตลาดคือการสร้างภาพ ภาพไหนไม่ดี มันก็จะตามหลอกหลอนเจ้าตัวเองล่ะครับ จากคุณ : คุณปลาทอง เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 07:53:22

ความคิดเห็นที่ 103 ไม่มีมิตรแท้และศรัตรูที่ถาวร... ทุกคนย่อมมีวิธีการทำธุรกิจที่แตกต่างกันไป หากมัวแต่มาเกรงใจกัน.. ก็จะไม่เกิดสิ่งใหม่ๆ เราต้องรู้จักยอมรับความเป็นจริง เดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะแล้ว จากคุณ : Aromdee Jang เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 08:16:10

ความคิดเห็นที่ 104 คนมีแสนล้าน เค้าคงไม่ เครียดกับ 3000 ล้าน มั้ง จากคุณ : พนมพร เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 10:19:46

ความคิดเห็นที่ 105 การทำธุรกิจ ถ้าไม่ใช้เลห์ ก็ต้องใช้กล เอาเป็นว่าไม่ไปแทงข้างหลังใคร ไม่ทำผิดศีลธรรม ไม่ผิดกฎหมาย  อยู่บนความเปิดเผย ก็เชิญตามสบายครับ เรื่องที่คุณตัน กลับมาทำชา ตอนแรกผมก็มองว่า จะกลับมาทำ ทำไม แต่คิดอีกทีเพราะผู้ชายคนนี้ แน่ ครับ กว่าจะมาถึงจุดนี้ ก็ทำมาสารพัด ผิดมารยาททางธุรกิจ เหอะ ไม่มีในสัญญา ทำไมจะทำไมได้ นักธุรกิจนะไม่ใช่นักบุญ ทำความเข้าใจใหม่สำหรับคำว่าธุรกิจกับนักธุรกิจ จากคุณ : 007 (panaratb) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 10:30:40

ความคิดเห็นที่ 106 ก็แค่ .. ไปทางอื่นไม่รอดแล้ว ก็เลย .. ต้องกลับมาทำ "ชาเขียวใหม่" ก็แค่นั้น . . "ชื่อ BRAND .. ก็ลอก "โออิชิ" มา" "ตรา BRAND .. ก็ทำให้คล้ายๆ "โออิชิ" เดิม" "รส ก็ลอก โออิชิ + เพียวริคุมา" . . แสดงว่า แม้ "ตัน" จะเปิดบริษัท "ไม่ตัน" แต่ .. iidea ของ "ตัน" มัน "ถึงทางตัน" แล้วจริงๆ .. . . ปล.ผมรู้ว่าัมัน "มาจากคนคนเดียวกัน" แต่ .. ถ้าคุณตันเจ๋งจริงๆก็ต้องคิด "ไอเดียใหม่" ออกมาได้ จะบอกว่า Double Drink เป็นของใหม่ ก็ต้องถามว่าก่อนที่จะมีการ "ขายพ่วงโปร Double Drink กับ อิชิตัน" นั้น ยอด Double Drink มันดีแล้วจริงๆหรือ? ถ้าไม่มีอิชิตันมาพ่วงมันจะขายดีด้วยตัวเองงั้นหรือเปล่า? (แล้วโลโกที่คล้ายกับโออิชิ เวลา .. Double Drink ไปวางไกล้ๆกัน บางคนยังนึกเลยด้วยซ้ำว่าเป็น "เครื่องดื่มของโออิชิ") ทำอย่างนี้มันเหมือนไม่มีไอเดียอะครับ มันไม่ใช่การ "ย้อนเกล็ด" อะไรเลย มันเป็นการ "เอาของเก่า (ที่ขายไปแล้ว) มาหากิน" .. มัน หมดมุข ครับ .. เหมือนกับคุณเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวแล้วคุณขายให้คนอื่นไป แล้วคุณไปเปิดใหม่ติดๆกับเจ้าเดิม .. จริงอยู่ .. แม้ไม่มีกฏหมายห้ามไว้ .. แต่ ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านที่เพิ่งซื้อร้านไป แล้วมีเจ้าเก่ามาเปิดอยู่ข้างๆแข่งกับคุณ ถามหน่อย .. คุณจะรู้สึกยังไง??? แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 13:34:31 จากคุณ : Top27 เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 10:57:32

ความคิดเห็นที่ 107 ในฐานะคนซื้อกิน จ่ายเพื่อความอร่อย ไม่ใช่เพื่อเจ้าสัวหรือใคร เห็นว่า อิชิตัน หวานไป ไม่ถูกปาก จากคุณ : tipsubha เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 11:48:59

ความคิดเห็นที่ 108 คุณ assuming เขียนบทความได้ดีมากค่ะ อ่านแล้วเหมือนดูหนังจีนกำลังภายในเลย ส่วนตัว ชอบชาเขียวฟูจิ แต่ไม่ค่อยซื้อ เพราะแพง จะซื้อโออิชิ เฉพาะเวลาลดราคา แต่ตอนนี้ ถ้าเข้า 7-11 ก็กินแต่อิชิตันค่ะ เพราะว่า 14 บาท อิอิอิ จากคุณ : lekumi เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:07:21

ความคิดเห็นที่ 109 ตัน กับ โน๊ต คู่นี่จะคบกันได้นานไหม จากคุณ : นอกวงการ เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 12:08:53