ความคิดเห็นที่ 1 สอง  น้องเหลืองขาว  สัญชาติกล้วยไข่  ไม่มีกระดูก "กล้วยไข่-มะพร้าวอ่อน บวดชี" จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:20:23

ความคิดเห็นที่ 2 แบบรวดเร็ว  ง่ายต่อการพริ้นสูตร  แม่หลิ่มขอ copy มาจากเวปเลยนะคะ เตรียมของ  สำหรับ 4-5 ถ้วย ตัวครองแครง แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วยตวง แป้งข้าวจ้าว 1/3 ถ้วยตวง น้ำร้อนจัด 3/4 ถ้วยตวง น้ำกะทิครองแครง มะพร้าวขูด 300 กรัม (คั้นให้ได้หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง  และหางกะทิ 2 ถ้วยตวง) น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง และอีก 3 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา ใบเตย 3 ใบ งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:22:00

ความคิดเห็นที่ 3 ขั้นตอนการทำ 1.  นำแป้ง 2 ชนิด ใส่รวมกันในชามผสม  ใช้ช้อนคนพอเข้ากัน  ถ้าเป็นแป้งเก่าที่เปิดถุงนานแล้วร่อนสักหนึ่งครั้งเพื่อป้องกันตัวแมลงค่ะ 2.  นำน้ำสะอาดใส่หม้อให้เกิน 3/4 ถ้วยมาเล็กน้อย  เปิดไฟให้แรง  รอให้น้ำเดือดจัด ๆ 3.  เมื่อน้ำเดือดแล้วเทใส่ถ้วย  ตวงให้ได้ 3/4 ถ้วยตวง  รีบเทน้ำร้อนลงในชามแป้งที่เตรียมไว้ 4.  ใช้ช้อนหรืออุปกรณ์คนให้แป้งเข้ากันอย่างรวดเร็ว  แป้งจะรวมตัวกันแต่ยังไม่เข้ากันดี 5.  ทิ้งเวลาไว้สักพักพอให้แป้งอุ่น ๆ  บางคนมือบางถ้านวดแป้งเลยมืออาจจะพองได้ค่ะ  เมื่อแป้งพออุ่น ๆ เอามือแตะแป้งมันสำปะหลังเล็กน้อยพอเป็นนวลไม่ให้มือติดแป้งที่จะนวด  ใช้มือนวดให้แป้งรวมตัวกันดี 6.  อย่าลืมเตรียมพิมพ์สำหรับกดตัวครองแครงไว้  ถ้าไม่มีใช้หวีที่สะอาดตาห่าง ๆ  หรือส้อมก็ได้ค่ะ  ทานวลที่พิมพ์และมือบาง ๆ 7.  หยิบก้อนแป้งมาครั้งละน้อย  กะว่าให้พอปั้นได้เท่ากับปลายนิ้วก้อย 8.  คลึงแป้งพอเป็นก้อนกลม  อาจจะไม่ดิกเสียทีเดียว  แล้วนำแป้งวางลงบนพิมพ์ครองแครง  ใช้นิ้วมือกดแป้งให้เกิดลายครองแครงแล้วดันตัวครองแครงไปข้างหน้าให้หลุดจากพิมพ์ 9.  ทำต่อจนหมดแป้ง  ระหว่างการทำให้เอามือแตะแป้งนวลและทานวลที่พิมพ์ครองแครงเป็นระยะ 10.  พักตัวครองแครงที่กดไว้ก่อน  ถ้าทำปริมาณมากและใช้เวลาในการกดครองแครงนานหาผ้าขาวบางคลุมแป้งไว้  หรือใส่กล่องมีฝาปิดเพื่อกันแป้งถูกลมและแห้ง 11.  สำหรับงาขาว  นำใส่กระชอนที่มีรูขนาดเล็กเพื่อกันงาขาวไหลออกจากกระชอน  ล้างน้ำผ่าน ๆ หนึ่งครั้ง 12.  เทงาขาวลงในภาชนะที่จะใช้คั่ว  ไม่จำเป็นต้องเป็นกระทะ  ใช้หม้อใบเล็ก ๆ แทนได้ค่ะ  ไม่ต้องใส่น้ำมันอะไรลงไปทั้งสิ้น  งาขาวมีน้ำมันอยู่ในตัว  ไม่ติดภาชนะค่ะ 13.  นำหม้อที่ใส่งาขาวขึ้นตั้งเงา  เปิดไฟอ่อน ๆ  คั่วงาขาวให้เหลืองและหอม  ห้ามไหม้  ใช้วิธีเขย่าหม้อหรือคนเป็นระยะตามสะดวก 14.  เมื่อคั่วงาได้เหลืองสวยแล้วให้รีบเทใส่ภาชนะ  ไม่คาไว้ในภาชนะเพราะอาจไหม้ได้ 15.  นำมะพร้าวขูดใส่ชามผสม  อย่าลืมเตรียมน้ำอุ่นขนาดมือทนได้ไว้สำหรับคั้นกะทิ  ใช้น้ำประมาณ 3 ถ้วย  ควรแบ่งน้ำ 3 ถ้วยออกเป็น 2 ส่วน  เพื่อคั้นกะทิเป็น 2 ครั้ง  การคั้น 2 ครั้ง  จะทำให้ได้มันของมะพร้าวดีกว่าการคั้นเพียงครั้งเดียว  เมื่อคั้นได้น้ำกะทิแล้วให้ตั้งทิ้งไว้สักพักเพื่อให้ส่วนมันของกะทิลอยอยู่ด้านบน 16.  ช้อนส่วนบน ๆ ของกะทิให้ได้ 1/2 ถ้วย  เรียกส่วนนี้ว่า “หัวกะทิ” 17.  และช้อนหรือเทส่วนที่เหลือที่มันน้อยกว่าให้ได้ 2 ถ้วย  เรียกส่วนนี้ว่า “กะทิ” หรือ “หางกะทิ”  ส่วนท้าย ๆ ของกะทิอาจมีฝุ่นผงของการสีมะพร้าวปะปนมาเป็นกาก ๆ สีน้ำตาล  ไม่ควรเทลงมาด้วย  ให้ทิ้งไป  เพราะอาจทำให้น้ำของขนมสีไม่สวยค่ะ 18.  นำกะทิ 2 ถ้วยใส่หม้อ  ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป  คนด้วยทัพพีพอเข้ากัน 19.  ใส่ใบเตยทำความสะอาดแล้วที่ตัดท่อนสั้นหรือขมวดปมลงไปในหม้อกะทิ 20.  นำหม้อขึ้นตั้งไฟกลางมาทางอ่อน  อย่าแรงมากเกินไป  กะทิจะแตกมันมากเกินไป 21.  คนด้วยทัพพีเป็นระยะเพื่อให้น้ำตาลทรายและเกลือละลายให้หมด  ลองชิมรสชาติ  ตอนนี้อาจจะรู้สึกว่าหวานไปนิด  แต่ เรายังมีกันและกัน  เอ๊ยย ผิดค่ะ  แต่เรายังมีส่วนหัวกะทิที่ต้องใส่อีก  อย่าเพิ่งกังวล 22.  ให้กะทิเดือดมีฟองรอบขอบหม้อ  ปิดเตา  แล้วกรองด้วยกระชอนตาถี่หนึ่งครั้งเพื่อเอาเศษสกปรกของน้ำตาลออกไป  แล้วเทน้ำกะทิกลับลงหม้อใบเดิม  พักไว้ 23.  เตรียมหม้อน้ำสำหรับต้มตัวครองแครง  เปิดเตา  รอให้น้ำเดือดจัด 24.  เมื่อน้ำเดือดจัดแล้วลดไฟลงเหลือไฟกลางมาทางอ่อน  นำครองแครงที่ปั้นไว้ลงไปลวก  แบ่งลวก 2 ครั้งได้ค่ะ  หรือถ้าทำปริมาณมาก ๆ ก็ทะยอยลวก 25.  อย่าลืมเตรียมน้ำสะอาดไม่จำเป็นต้องใส่น้ำแข็งไว้หนึ่งกะละมังเพื่อช้อนตัวครองแครงที่ลวกแล้วมาใส่ 26.  เมื่อครองแครงสุกจะลอยตัวขึ้นมาบนผิวน้ำ  ทิ้งเวลาไว้สักพักจึงใช้กระชอนช้อนขึ้นไปใส่ในกะละมังน้ำที่เตรียมไว้ 27.  พักครองแครงไว้ในน้ำเย็นสักครู่จึงกรองเอาแต่ตัวครองแครงใส่กระชอนไว้ให้สะเด็ดน้ำ 28.  นำหม้อกะทิที่เตรียมไว้ขึ้นตั้งไฟอีกครั้งให้เดือดมีฟองรอบขอบหม้อ 29.  เทตัวครองแครงที่สะเด็ดน้ำแล้วลงไป  อาจจะเขย่าก่อนใส่ลงหม้อช่วยด้วย  เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำผสมลงไปในหม้อกะทิ  ถ้าครองแครงไม่สะเด็ดน้ำดีอาจทำให้ความหวานมันของน้ำกะทิลดลง  เดี๋ยวไม่อร่อยค่ะ 30.  ใช้ทัพพีคนพอทั่ว  เร่งไฟขึ้นเล็กน้อย  และรอให้น้ำกะทิเดือดอีกครั้ง  ชิมรสชาติอีกครั้ง  ถ้าหวานไม่พอรีบใส่น้ำตาลทรายเพิ่มลงไปในตอนนี้  เทหัวกะทิที่แบ่งไว้ลงไป  ให้เดือดแค่เล็กน้อย  อย่าให้กะทิแตกมันมากจึงปิดเตา 31.  ทิ้งเวลาไว้สักพักให้กะทิเข้ากันดีจึงตักใส่ถ้วย  ก่อนเสิร์ฟอย่าลืมโรยงาขาวคั่วหอม ๆ นะคะ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 54 03:35:22 จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:24:09

ความคิดเห็นที่ 4 เลือก 1 หรือ 2 ดี  กินแล้วอาจบอกว่า "รักพี่เสียดายน้อง"  "รักหอยแครงเสียดายกล้วย"  เอ๊ยยย  บ้าไปแล้ว  "รักครองแครงเสียดายกล้วยบวดชี"  ฮิฮิ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:27:02

ความคิดเห็นที่ 5 ทำน้องขาวนวลก่อนนะคะ แป้ง 2 ชนิดใส่ชามผสมใบย่อม ๆ เปิดถุงใหม่ไม่ต้องร่อนก็ได้ค่ะ  แต่ถ้าถุงเก่าเปิดนานแล้ว  ไม่แน่ใจว่ามีตัวแมลงเข้าไปวิ่งวุ่นวายกันในถุงก็ร่อนสักครั้งหรือสองครั้ง  แต่ถ้ากลิ่นไม่ดีเหม็นเก่าเก็บมาก ๆ ตัวแมลงชุกชุม  ทิ้งไปเถอะจ้า จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:32:14

ความคิดเห็นที่ 6 ตั้งน้ำให้ร้อน  ใส่มากกว่า 3/4 ถ้วยที่จะต้องใช้หน่อยนะคะ  ใส่ประมาณ 1 ถ้วย  ก่อนน้ำเดือดแรงจัดเค้าจะระเหยไปบ้าง  เดี๋ยวไม่พอแล้วจะวุ่นวายเสียเวลาเปล่า ๆ ค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:33:12

ความคิดเห็นที่ 7 ระหว่างรอเตรียมพิมพ์กดครองแครงไว้  เป็นไม้  เป็นพลาสติก  ไม่มีก็ใช้หวีหรือส้อมแทนค่ะ  แต่ว่าอย่าตาห่างไป  กดแล้วจะไม่สวยงามเอาเสียเลย เตรียมแป้งนวลสำหรับทามือและทาพิมพ์ไว้ด้วยค่ะ  แป้งนวลคือแป้งอะไรก็แล้วแต่ที่ใช้เป็นหลักในการทำขนมชนิดนั้น ๆ  ไม่ใช่ยี่ห้อว่าแป้งนวล  ไปหาอ่านข้างถุงไม่มีแน่นอนค่ะยี่ห้อแป้งนวล  เดิน 10 ตลาดรับรองหาไม่เจอจ้า ในที่นี้คือแป้งมันสำปะหลังนะคะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:34:47

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อน้ำเดือดจัดพลุ่งพล่านรีบปิดเตา  แล้วเทใส่ถ้วยตวงให้ได้ 3/4 ถ้วยตวง  รีบเทลงในชามแป้ง  ใช้ช้อนคนอย่างรวดเร็ว  แป้งจะพอรวมตัวกันแต่ไม่เข้ากันดี  อย่าเผลอไผลเอามือคนนะคะ  จะพองเอา  มือเสียสวยหมดกันพอดี จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:36:19

ความคิดเห็นที่ 9 ทิ้งไว้สัก 3-4 นาที  พอแป้งคลายร้อนลงนิดหน่อย  กะว่าพออุ่นแล้ว  มือทนความร้อนของแป้งได้  เอามือลงไปนวด  ไม่ถึงต้องกับสองมือ  มือเดียวก็นวดได้แล้วค่ะ  ว่องไวนิดนึงแต่ต้องเรียบร้อย  นวดให้เข้ากัน แป้งอาจจะแฉะนิดนึง  อย่าลืมเอามือแตะแป้งนวลก่อนนวดด้วยนะคะ  ถ้าระหว่างการนวดแป้งมีติดมือก็เอามือแตะแป้งนวลทีละนิด  อย่าผลีผลามใส่แป้งนวลลงไปมาก  จะทำให้แป้งไปสะสมที่แป้งครองแครง  เดี๋ยวตอนทำครองแครงแล้วจะแข็ง  กินแล้วไม่นิ่มนวลค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:38:57

ความคิดเห็นที่ 10 จัดการเด็ดแป้งทีละน้อย  กะว่าให้ได้ประมาณปลายนิ้วก้อย  คลึงพอกลม  ไม่ต้องดิ๊กเป็นลูกฟุตบอลเล็ก ๆ เสียทีเดียว จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:40:36

ความคิดเห็นที่ 11 วางก้อนแป้งลงบนพิมพ์ครองแครง  ใช้นิ้วหัวแม่มือกดให้แป้งแนบไปกับพิมพ์แล้วดันแป้งไปข้างหน้า  แป้งจะม้วนตัวและหลุดจากพิมพ์ อย่าลืมเอาแป้งนวลทาที่พิมพ์อย่างสม่ำเสมอกันตัวครองแครงติดพิมพ์ค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:42:09

ความคิดเห็นที่ 12 มาสวัสดีแม่หลิ่มตอนดึก มือสวยเรียวเหมือนเดิมเลยนะครับพี่จุ๋ม จากคุณ : หมวยสลัม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:42:42

ความคิดเห็นที่ 13 มาดึกเลยนะคะ^^อยากกินกล้วยบวดชีจัง จากคุณ : หัวไชเท้าผู้กล้าหาญ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:45:03

ความคิดเห็นที่ 14 ทำจนหมดแป้ง  ถ้าทำเยอะมากอย่าลืมโรยนวลเมื่อกดครองแครงได้พอสมควรแล้วนะคะ  ไม่เช่นนั้นตัวครองแครงอาจติดกันเป็นหางว่าว  และควรจะหาผ้าหรือพลาสติกคลุมกันแป้งแห้งด้วยค่ะ ส่วนของแป้งที่ยังไม่ได้ปั้นและกดนั้นถ้าทำจำนวนมากอย่าลืมหาผ้าหรือพลาสติกคลุมกันแป้งแห้งด้วยค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:45:55

ความคิดเห็นที่ 15  หวัดดีจ้าหมวยสลัม  ชื่อคุ้นแท้  อิอิ  นึกได้แล้ว  พอดีอบเค้กอยู่  เพื่อไม่ให้เสียเวลา  จัดไป 2 เมนู  จะทันกันไหมนี่  หวัดดีค่ะหัวไชเท้าผู้กล้าหาญ  กล้วยไข่หาไม่ยาก  ลองทำไหมคะ  ของแม่หลิ่มกินหมดไปแล้ว  จนวันนี้ทำเชื่อมอีกแล้วค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:47:45

ความคิดเห็นที่ 16 คิดถึงเค้กแม่หลิ่ม แผล่บๆ จากคุณ : หมวยสลัม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:48:46

ความคิดเห็นที่ 17 พักตัวครองแครงไว้ก่อน คั่วงาก่อนค่ะ  ใช้หม้อ  ไม่ได้ใช้กระทะ  ใครสะดวกใช้กระทะก็ไม่ว่ากัน  ไฟอ่อน ๆ อย่าแรง  เดี๋ยวไหม้ก่อนค่ะ ใจปล้ำ  ใช้หม้อใบใหม่ด้วยนะ  เพิ่งซื้อเลย  เอิ๊ก ๆๆ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:53:38

ความคิดเห็นที่ 18 ตามจาก facebook มา อยู่ไหนก็ตาม ค่ะ 98 ก็ตามค่ะ อิอิ จากคุณ : saladgirl เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:53:58

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่องาเหลืองและหอมได้ที่แล้วรีบเทใส่ภาชนะ  อย่าคาหม้อหรือกระทะที่คั่วไว้นะคะ  เค้ายังมีความร้อน  อาจเสี่ยงต่อการไหม้ได้เช่นกัน  อย่าตกม้าตาย  เจ็บจ้า จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:55:25

ความคิดเห็นที่ 20  หมวยสลัม บายดีป่าวจ๊ะ  คิดฮออออด  จะว่างวันไหน  จะได้เอาเค้กไปวางไว้ถูกแถว ๆ ประชาอุทิศ  อิอิ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:56:16

ความคิดเห็นที่ 21 ครองแครงน่าทานมากเลยค่ะ.. เด๋วนี้หาร้านอร่อยทานยากด้วย จากคุณ : ชาปั่น เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:58:21

ความคิดเห็นที่ 22 มะพร้าวขูด 3 ขีด  คั้นให้ได้หัวกะทิ 1/2 ถ้วย  หางกะทิ 2 ถ้วย  ใช้วิธีคั้นแล้วเทรวมกัน  ตั้งทิ้งไว้สักครู่แล้วช้อนด้านบนเป็นหัวกะทิมา 1/2 ถ้วย ก็ได้ค่ะ  แม่หลิ่มทำแบบนั้น ส่วนหางก็เทให้ได้ 2 ถ้วย  อย่าคั้นเกินมากมาย  ความเข้มข้นความมันจะจางลงโดยใช่เหตุค่ะ  ส่วนท้าย ๆ มีเศษกากมะพร้าวอย่าเทใส่หม้อที่จะทำขนมนะคะ  สีจะตุ่น ๆ โดยไม่ตั้งใจ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:58:40

ความคิดเห็นที่ 23 เทส่วนหางกะทิ 2 ถ้วยใส่หม้อค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:59:16

ความคิดเห็นที่ 24 ที่บ้านปลูกเตยไว้  เวลาทำขนมนิดหน่อยไม่ต้องซื้อ  ใส่กระถางก็ได้นะคะ  ที่บ้านใส่กระถางมี 3 กระถาง จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:00:24

ความคิดเห็นที่ 25 ตัดใบเตยล้างทำความสะอาด  ตัดท่อนสั้นแล้วโยนใส่หม้อหางกะทิเมื่อกี้  นำหม้อขึ้นตั้งไฟกลางมาทางอ่อน จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:01:05

ความคิดเห็นที่ 26 ครองแครงน้ำกะทิ คือหนึ่งในดวงใจเลยค่ะ จากคุณ : goingsuper เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:02:39

ความคิดเห็นที่ 27 อย่าลืมใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไปด้วย  คนด้วยทัพพีให้น้ำตาลทรายและเกลือละลาย  กะทิเดือดขอบหม้อ  ปิดเตา  กรองเอาใบเตยและสิ่งสกปรกที่อาจติดมากับน้ำตาลออก  พักส่วนนี้ไว้ก่อนให้เค้านอนเล่นเย็นใจ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:03:37

ความคิดเห็นที่ 28 เพื่อเค้กแม่หลิ่ม น้องว่างตลอดครับ ^ ^ จากคุณ : หมวยสลัม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:03:47

ความคิดเห็นที่ 29 หาหม้ออีกใบ  ใหญ่นิดนึงค่ะ  ใส่น้ำประมาณ 3-4 ถ้วย  ตั้งเตาไฟแรงให้น้ำเดือดจัด  เราจะทำการลวกครองแครองกัน จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:06:13

ความคิดเห็นที่ 30 ระหว่างรอน้ำเดือด  เตรียมกะละมังใส่น้ำธรรมดาไว้หนึ่งกะละมังไว้ช้อนครองแครงที่สุกแล้วใส่ค่ะ น้ำเดือดจัดการเอาครองแครงที่ปั้นไว้ลงไปลวก  แบ่งลวก 2-3 ครั้งได้ค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:07:16

ความคิดเห็นที่ 31 ตอนแรกใส่ไปเค้าจะจมก้นหม้อ  สักพักเมื่อเค้าสุกจะลอยขึ้น  ให้เค้าลอยที่ผิวน้ำสักครู่จึงใช้กระชอนโปร่งช้อนขึ้นใส่กะละมังน้ำที่เตรียมไว้ค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:08:07

ความคิดเห็นที่ 32  saladgirl  ทุกที่ที่มีเรา  55555  ง่วงแล้วอ่ะ  หวัดดีจ้าชาปั่น  ลองทำดูไหมคะ  ไม่ยากจนเกินไป  อร่อย  รับประกัน  เพราะทีมงานรายการชิมแล้วหมดหม้อหมดไหค่ะ  goingsuper  อันดับหนึ่งของขนมไทยที่ชอบเหรอคะ  ที่บ้านเรียกขนมแบบนี้ว่า "ขนมน้ำ ๆ" จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:10:30

ความคิดเห็นที่ 33 หม้อกะทิที่พักไว้เมื่อกี้  เอามาตั้งเตาเปิดไฟต่อ  ไฟกลาง ๆ มาทางอ่อนค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:12:04

ความคิดเห็นที่ 34 รอกะทิเดือด  รีบช้อนครองแครงขึ้นจากน้ำ  เขย่า ๆ ให้สะเด็ดน้ำ  แล้วเทใส่หม้อกะทิ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:12:48

ความคิดเห็นที่ 35 อยากใส่มะพร้าวอ่อนก็ได้นะคะ  ใส่ในขั้นตอนนี้เลย  แล้วรอกะทิเดือดอีกครั้ง  อย่าลืมเอาทัพพีคนเป็นระยะ ๆ ค่ะ กะทิเดือดอีกครั้งใส่หัวกะทิที่แบ่งไว้ในตอนแรก  และให้เดือดแค่ขอบหม้อ  รีบปิดเตาค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:14:05

ความคิดเห็นที่ 36  หมวยสลัม  เบอร์เดิมปล่าวจ๊ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:14:40

ความคิดเห็นที่ 37 ได้มาหน้าตาแบบนี้แล  เนื้อและน้ำสมดุลย์กันค่ะ  มีน้ำให้ซดพอชื่นฉ่ำใจ  ไม่แห้งผาก ไม่ยากจ้า  อยากให้ลองทำ  ไม่หวานเกิน  แต่ขอร้องนิดนึง  ถ้าอยู่เมืองไทยใช้กะทิสดอร่อยกว่ากล่องหลายเท่าตัวค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:16:10

ความคิดเห็นที่ 38 ก่อนเสิร์ฟอย่าลืมใส่งาขาวคั่วนะคะ  หอม ๆๆ ถ้าชอบมากจะคั่วงามากกว่านี้ก็ได้ค่ะ  แต่ขนมได้แค่ 4-5 ถ้วยค่ะ  อยากทำเยอะก็เพิ่มสัดส่วนเข้าไปตามต้องการ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:17:47

ความคิดเห็นที่ 39 อยากกินจัง ไม่ได้กินนานแล้ว ^^ จากคุณ : น้ำแข็งเย็นใจ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:23:41

ความคิดเห็นที่ 40 ง่วง  นอนตื่นนึงก่อนนะ  จะมาต่อให้  ตาจะปิดแล้ว จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:29:49

ความคิดเห็นที่ 41 เบอร์ฺเดิมครับคุณพี่ 081-488-22xx จุ๊บๆ พี่จุ๋มไปนอนซะละ เดี๋ยวพรุ่งนี้มารอหม่ำกล้วยนะครับ โปรดที่สุด แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 54 00:38:05 จากคุณ : หมวยสลัม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 00:36:59

ความคิดเห็นที่ 42 ปาดรอบดึกแบบเมาๆ ครับพี่ ^^ จากคุณ : Are Yoi เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 02:12:58

ความคิดเห็นที่ 43 ต่อเมนู สอง นะคะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:08:33

ความคิดเห็นที่ 44 เตรียมของ กล้วยไข่สุกกำลังดี 10-12 ลูก มะพร้าวขูด 400 กรัม (4 ขีด) คั้นให้ได้หัวกะทิ 1/2 ถ้วย  หางกะทิ 3+1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา ใบเตย 3-4 ใบ มะพร้าวอ่อนขูดเป็นชิ้นสวยงาม 1 ลูก (ถ้าไม่มีไม่ต้องใส่ได้ค่ะ) เกลือสำหรับแช่กล้วยที่ปอกแล้ว 1/2 ช้อนชา จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:09:18

ความคิดเห็นที่ 45 ขั้นตอนการทำ 1.  หาซื้อมะพร้าวขูดมาสัก 4 ขีด  ถ้าขยันก็เอามาคั้นเอง  แต่ถ้าขี้เกียจให้เขาคั้นให้บอกว่าใส่น้ำน้อย ๆ ค่ะ  ไม่เช่นนั้นเขาจะคั้นแบบน้ำเยอะมากเหมือนเราเอามาทำแกง  ความมันของกะทิจะเจือจางลงโดยใช่เหตุ  ถ้าคั้นเองต้มน้ำให้พออุ่น ๆ ชนิดที่ว่าเราเอามือบีบคั้นแล้วมือเราไม่พองไม่ร้อนนั่นล่ะคะ  ใส่น้ำอุ่นทีละน้อยคั้นประมาณ 3-4 ครั้ง  แม่หลิ่มใช้วิธีเทกะทิที่คั้นรวมกันหมดแล้วช้อนหัวกะทิเก็บไว้ 1/2 ถ้วย  รินหางกะทิให้ได้ 3+1/2 ถ้วยนะคะ  ก้น ๆ ชามที่มีเศษมะพร้าวสีน้ำตาลเททิ้งไป 2.  อย่าถามแม่หลิ่มเลยว่ากะทิกล่องใช้เท่าใด  บอกตรง ๆ ว่าไม่ใช้กะทิกล่องทำขนมค่ะ  ถ้าอาหารคาวบางชนิดพอไหว  เพราะว่าทั้งกลิ่นและความหวานความมันเทียบกับกะทิคั้นเองไม่ได้เลย  อยากทำโดยใช้กะทิกล่องลองคำนวณเอาเองค่ะ  แม่หลิ่มไม่สามารถตอบให้ได้  เพราะเคยทำแล้วไม่ได้ดังใจเลยไม่ได้ใส่ใจบันทึกสูตรไว้ค่ะ 3.  เรื่องของน้ำตาลทรายและเกลือไม่ต้องพิถิพิถันมากถึงขนาดกับเลือกยี่ห้อ  แต่แม่หลิ่มใช้น้ำตาลทรายขาวฟอกสีนะคะ  ถ้าใครมีแบบไม่ฟอกสีแล้วเอามาทำสีของขนมจะเข้มหน่อย  ดูไม่ขาว  ออกตุ่น ๆ ค่ะ 4.  มาว่าเรื่องของกล้วยไข่กันดีกว่า  เห็นทีว่าหลายคนอาจจะเป็นปัญหาทั้ง ๆ ที่เขาเป็นเรื่องกล้วย ๆ และไม่มีกระดูกดังเพลงของเฉลียง  แต่มันก็มีความสำคัญที่เราไม่อาจมองข้าม  ใช่ว่าจะเดินแล้วหยิบมาเลยจากร้าน  ไม่เลือก  ไม่มองสีผิวเปลือกเอาเสียเลย  ไม่ไหวกระมังคะ 5.  เมื่อเช้าไปตลาดบางใหญ่  คนเยอะแยะมากมายเพราะว่าจะเทศกาลไหว้  ของกิน  ผลไม้  เป็ดไก่  เยอะมาก  เทศกาลไหว้ผลไม้จะแพงกว่าไม่มีเทศกาล  ต้องทำใจนิดหน่อย 6.  เอาเป็นว่าแม่หลิ่มเลือกกล้วยไข่ที่ผิวเหลืองอมเขียวนะคะ  อย่าเลือกเขียวจัดเพราะเวลาเราปอกเปลือก  เปลือกมันจะติดอยู่ที่เนื้อกล้วย  ต้องเกลาออก  ทำให้ชิ้นกล้วยไม่สวยงาม  แถมดำ ๆ ด่าง ๆ อีกต่างหาก  แต่ถ้าเลือกเหลืองหมดไม่เขียวเลย  ปอกเปลือกออกง่าย  แต่บวดชีแล้วจะเละไปค่ะ  กล้วยไข่เนื้อเค้าสุกง่าย  เนื้อโปร่ง  ไม่แน่นเท่ากับเนื้อของกล้วยน้ำว้าค่ะ 7.  บางหวีเค้าจะสุกไม่เสมอกัน  บางลูกก็ออกเขียวมาก  บางลูกก็ออกเหลืองมาหน่อย  หลายหวีก็เป็นเช่นนั้น  ไม่เป็นไรค่ะ  แต่อย่าให้ออกเขียวอย่างเดียวก็แล้วกัน  ถ้าเวลาปอกเปลือกแล้วปอกง่าย  เปลือกไม่ติดเนื้อ  แต่เวลาหั่นมีดลงเนื้อกล้วยแล้วยังพอแข็งนิด ๆ แบบนั้นบวดชีออกมาอร่อย  ไม่เละเกินไปค่ะ 8.  เตรียมน้ำเกลือหนึ่งกะละมังเล็ก  คือ  เอาเกลือ 1/2 ช้อนชาผสมกับน้ำสะอาดประมาณ 2+1/2 ถ้วย  เมื่อปอกกล้วยแล้วให้ผ่ากล้วยครึ่งลูกตามขวาง  ใส่กะละมังน้ำเกลือไว้ก่อน  เวลาปอกเปลือกแล้วบางทีมีเส้นใยของเปลือกติด  ดึงออกไปด้วยนะคะ  เวลาเราทำขนมแล้วขนมจะได้สวยงามน่ากิน 9.  ถ้ามีมะพร้าวอ่อนจัดการเฉาะที่ด้านบนของลูก  เทน้ำมะพร้าวเก็บไว้กิน  ลูกที่แม่หลิ่มเฉาะมาน้ำหวานมาก  แบ่งกับหนุ่มหล่อที่บ้านคนละ 1 แก้ว  ชื่นใจจริง ๆ  ใช้มือแมวขูดให้ได้มะพร้าวอ่อนเป็นชิ้นยาว ๆ สวย ๆ  ถ้าไม่มีมือแมวใช้ช้อนขูดเอาก็ได้ค่ะ  ไม่ต้องวิ่งหาซื้อมา  แต่ถ้ามีมือแมวชิ้นเค้าจะเป็นลายสวยงามดีเท่านั้นเอง  เวลาขูดมะพร้าวพยายามเบามืออย่าให้ติดเปลือกมะพร้าวด้านในนะคะ  ถ้าขูดติดเปลือกกินแล้วจะระคายปากได้แถมมีสีน้ำตาลติดมาไม่ค่อยสวย  พิถิพิถันหน่อยค่ะ  ทำตัวเป็นนางในวังนิด ๆ  ถ้าไม่มีมะพร้าวอ่อนข้ามขั้นตอนนี้ไปนะคะ 10.  เทกะทิส่วนหางใส่หม้อ  แม่หลิ่มใส่นำร่องไปก่อน 3 ถ้วยนะคะ  เทน้ำตาลทรายและเกลือใส่  เอาใบเตยที่ล้างทำความสะอาดแล้วและตัดท่อนสั้นตามลงไป 11.  นำหม้อขึ้นตั้งไฟกลางมาทางอ่อน  คนด้วยทัพพีเป็นระยะเพื่อให้น้ำตาลทรายและเกลือละลายให้หมด  ลองชิมดู  ตอนนี้รสชาติออกหวานเกินที่เราจะกินไปหน่อย  แต่อย่าลืมว่าเรายังมีหัวกะทิค่ะ  อย่าเพิ่งตกใจร้อง  รักษามารยาทพองาม 12.  อย่าลืมเอาทัพพีคนเป็นระยะเพื่อกันกะทิเดือดและเป็นลูกใหญ่ ๆ  เมื่อกะทิเดือดและน้ำตาลทรายและเกลือละลายหมด  นำกล้วยที่เราปอกและแช่น้ำเกลือไว้เทน้ำเกลือออก  ล้างน้ำสะอาด 1 ครั้ง  สงเอาแต่เนื้อกล้วยใส่ลงในหม้อกะทิ 13.  ให้เค้าเดือดต่อไป  ไฟอ่อนไปก็เร่งไฟนิดหนึ่ง  ไฟแรงก็ลดไฟลง  กล้วยจะสุกขึ้นเรื่อย ๆ  ลองเอาทัพพีตักชิ้นกล้วยขึ้นมาดู  สีจะเหลืองขึ้นเรื่อย ๆ  น่าแปลกใจไหม 14.  ลองตักกล้วยมาสักชิ้นหรือสองชิ้น  ใช้ช้อนตัดเนื้อกล้วยดูว่าให้ได้เกือบสุกในแบบที่ชอบ  คือ  เนื้อกล้วยจะนิ่มลงเรื่อย ๆ  เวลาตักควรเลือกชิ้นที่แข็ง ๆ มานะคะ  เพราะถ้าลูกไหนเปลือกเหลืองกว่าจะสุกก่อน  ลูกไหนเปลือกเขียวกว่าจะสุกทีหลัง  ให้ชิ้นกล้วยตัดง่ายแต่ยังไม่เละก็พอแล้วค่ะ  เดี๋ยวเค้าต้องคาอยู่ในกะทิร้อน ๆ ต่ออีกก็จะสุกต่ออีกเล็กน้อย 15.  รอบแรกอาจยังสุกไม่ได้ในแบบที่ชอบก็ทิ้งเวลาไว้อีกพักจึงตักมาตัดดูใหม่  เมื่อได้ที่แล้วใส่มะพร้าวอ่อนที่เตรียมไว้  ทิ้งเวลาให้เดือดอีกครั้ง  กล้วยจะสุกต่ออีกนิดและเป็นการฆ่าเชื้อมะพร้าวอ่อนด้วย  ขนมจะได้อยู่ได้ทั้งวันค่ะ 16.  ลองชิมรสชาติดู  แม่หลิ่มเห็นว่าน้ำเหือดไปไม่สมดุลย์กับเนื้อกล้วยและมะพร้าว  และหวานเกินไปนิดเลยใส่หางกะทิไปอีก 1/4 ถ้วยนะคะ  แล้วรอให้เดือดอีกครั้ง  ลองชิมรสชาติอีกครั้งในตอนนี้  อ่อนหวานเติมน้ำตาล  หวานไปเติมหางกะทิที่ยังเหลือได้ค่ะ 17.  เมื่อกะทิเดือดอีกครั้งใส่หัวกะทิที่แบ่งไว้ลงไป  อย่าลืมเอาช้อนคนที่ถ้วยกะทิสักนิดหน่อยก่อน  และให้กะทิเดือดแค่ขอบหม้อรีบปิดเตาทันที  อย่าให้กะทิเดือดนานจะแตกมันและดูไม่น่ากินค่ะ  เคล็ดลับในขั้นตอนนี้เก็บไว้ใช้กับการทำขนมไทยได้หลายชนิด 18.  ตักเสิร์ฟได้เลย  อย่าลืมตักมะพร้าวอ่อนแซม ๆ ให้ทั่วถึงกันทุกถ้วย  อร่อย ๆ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 54 03:11:01 จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:10:28

ความคิดเห็นที่ 46 มะพร้าวขูด 4 ขีด  คั้นให้ได้หัวกะทิ 1/2 ถ้วย  หางกะทิ 3+1/2 ถ้วยค่ะ  ขั้นตอนการทำคั้นกะทิเหมือนเมนูแรกจ้า จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:13:33

ความคิดเห็นที่ 47 อย่าลืมช้อนส่วนหัวกะทิเก็บไว้ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:14:00

ความคิดเห็นที่ 48 กล้วยและพลพรรคอื่น ๆ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:14:26

ความคิดเห็นที่ 49 ความสุกของกล้วย  บางลูกแกมเหลือง  บางลูกติดเขียวมากกว่า จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:15:10

ความคิดเห็นที่ 50 ปอกเปลือกแล้วแช่น้ำเกลือไว้ถ้ายังไม่ลงหม้อเลย จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:15:43

ความคิดเห็นที่ 51 มะพร้าวอ่อนช่วยเพิ่มมูลค่าได้  อร่อยด้วยค่ะ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:16:09

ความคิดเห็นที่ 52 หางกะทิ  น้ำตาลทราย  เกลือ  ใบเตย  ใส่หม้อ  นำตั้งไฟกลางไปทางอ่อน จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:16:48

ความคิดเห็นที่ 53 เดือดแล้ว  น้ำตาลทรายและเกลือละลายดี  ลองชิมรสชาติดูพอให้รู้ว่าอ่อนหวานหรือหวานไป  ถ้าขยันก็กรองเอาเศษสกปรกออก  แต่คนทำวันนี้ไม่กรอง จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:17:47

ความคิดเห็นที่ 54 อย่าลืมหมั่นคนกันกะทิเดือดแล้วจับตัวเป็นก้อนใหญ่ ๆ  ใส่กล้วย  อย่าลืมล้างน้ำเกลือออกด้วย จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:18:38

ความคิดเห็นที่ 55 ทิ้งเวลาไว้ให้กล้วยสุก  ตักมาชิมดูเป็นระยะ  กล้วยจะสีเข้มขึ้นและนิ่มขึ้น จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:19:15

ความคิดเห็นที่ 56 กล้วยไข่สุกง่ายกว่ากล้วยน้ำว้า  เวลาเลือกมาทำบวดชีหรือเชื่อม  อย่าเลือกที่ผิวสีออกเหลืองมาก  สุดท้ายจะเละไป  พอให้ปอกเปลือกได้เกลี้ยงหรือติดเปลือกบ้างนิดหน่อย  ชนิดที่ว่าไม่ต้องเกลาลำบาก  จะได้กินแบบพอดิบพอดี ตักมาชิมเป็นระยะ  ให้ได้ในแบบที่ชอบ จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:20:30

ความคิดเห็นที่ 57 ใส่มะพร้าวอ่อน (ถ้ามี)  ถ้าไม่มีข้ามไป จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:21:01

ความคิดเห็นที่ 58 ชิมรสชาติอีกครั้ง  แม่หลิ่มเติมหางกะทิ 1/4 ถ้วยตวง  ให้เดือดอีกครั้ง  ถ้าอ่อนหวานเติมน้ำตาลทราย จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:21:42

ความคิดเห็นที่ 59 ขั้นตอนสุดท้ายก่อนตักใส่ถ้วย  ใส่หัวกะทิที่แบ่งไว้ 1/2 ถ้วยตวง  แล้วให้เดือดขอบหม้อ  ปิดเตาทันที จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:22:37

ความคิดเห็นที่ 60 แล้วจะได้ขนมอร่อย ๆ แบบหม้อนี้  เข้มข้น  แต่ไม่หวานเกิน จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:23:10

ความคิดเห็นที่ 61 ตักใส่ถ้วย  แจกจ่าย  หรือแบ่งกันกิน ความอร่อย  สุดยอด จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:23:41

ความคิดเห็นที่ 62 แบบเชื่อมก็มี  ตอนนี้อยู่โหมดกล้วย กล้วย จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:26:12

ความคิดเห็นที่ 63 ลาไปทำงานแล้วค่ะ  สุขสันต์วันอังคาร จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:27:04

ความคิดเห็นที่ 64 น่าทานจังค่ะ 2 เมนูนี้ยอมอ้วนเลย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ม่านบาหลี เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 03:34:19

ความคิดเห็นที่ 65 เห็นแล้วเลือกไม่ถูก น่ากินไปซะทุกอย่าง ขอจัดเต็มทั้ง 2 เมนูเลยคะพี่จุ๋ม จากคุณ : puipop เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 07:07:26

ความคิดเห็นที่ 66 แงๆ....อยากกินกล้วยเชื่อม...จร้า... จากคุณ : photo@ku เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 08:07:28

ความคิดเห็นที่ 67 ชอบกล้วยมากกว่าหอยอ่ะคุณจุ๋ม 55555 จากคุณ : ชลันธร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 08:41:11

ความคิดเห็นที่ 68 กล้วยไข่บวดชีน่าหม่ำมากค่ะ ปล.พี่จุ๋มตื่นเช้ามากกกกกกกกกก จากคุณ : Hathi เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 08:47:41

ความคิดเห็นที่ 69 หอยแครงขาวๆ  ของโปรดของป้าเลยค่ะ จากคุณ : ป้าอ้วนเหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 08:57:47

ความคิดเห็นที่ 70 ครองแครงน้ำกะทิ น่ากินสุดๆเลยค่ะ ไม่ได้กินนานมากกก จากคุณ : Because u luv me เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 09:18:36

ความคิดเห็นที่ 71 ชอบกล้วย... กล้วยไข่บวชชี จากคุณ : สาวปากช่อง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 09:35:57

ความคิดเห็นที่ 72 ของแสลงทั้งนั้นครับ คุณจุ๋ม แต่ นานๆทีก็ยองครับ จากคุณ : หมูครับ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 09:54:04

ความคิดเห็นที่ 73 น่าทานทุกอย่างค่ะ จากคุณ : แม่น้องตุลย์ ตุลา เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 10:29:19

ความคิดเห็นที่ 74 น่ากินมากๆ เลยค่ะ จากคุณ : 2tuk_ja เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 10:34:03

ความคิดเห็นที่ 75 ทำไมพี่จุ๋มเหมือนแอนนา วินทัวร์ วันๆนึงไม่หลับไม่นอน จากคุณ : ห้องเครื่อง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 11:21:07

ความคิดเห็นที่ 76 น่าทานมากกก จากคุณ : คนหัวฟู เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 12:15:54

ความคิดเห็นที่ 77 อยากช่วยบี้ครองแครงจังค่ะ แต่ชอบทานกล้วยบวชชี น่าอร่อยทั้งสองอย่างเลยค่ะ ไม่รักพี่ เสียดายน้องหรอกค่ะ ถ้าเจออย่างนี้  กินหมดเลยทั้งคู่  อิอิ พระยาเทครัวน่ะ... จากคุณ : phanet เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 12:22:14

ความคิดเห็นที่ 78 ใช้น้ำปูนใสแช่กล้วยจะได้ไหมครับ? ไม่ชอบทานกล้วยเละๆนะครับ จากคุณ : Top27 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 12:31:22

ความคิดเห็นที่ 79 เห็นแล้วอยากกิน "กล้วยไข่เชื่อมมาก" จากคุณ : ToonTaTa เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 12:59:58

ความคิดเห็นที่ 80 พี่จุ๋มขา กระทู้ใจร้ายๆๆๆๆมากกกก กำลังคุมน้ำหนักอยู่แท้ๆ เข้ามาปุ๊บอยากหม่ำปั๊บเลยค่ะ จากคุณ : a pinky pig เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 13:18:41

ความคิดเห็นที่ 81 น่ากินมากครับพี่จุ๋ม ขอบคุณครับ จากคุณ : kittscake เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 14:13:53

ความคิดเห็นที่ 82 น่าทานมากค่ะ ขอบคุณสำหรับสูตรขนมนะคะ จากคุณ : arares เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 14:22:16

ความคิดเห็นที่ 83 เป็นคนชอบทานครองแครงน้ำกะทิ แต่ชอบตัวครองแครงที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าล้วนๆมากกว่า เป็นสูตรโบราณที่หาทานยากมากๆ เมื่อก่อนหน้าทางเข้าตลาดสามย่านเก่า จะมีป้าคนหนึ่งทำขาย ต่อมาย้ายไปไหนก็ไม่รู้ แถวบ้านเคยมีป้าคนหนึ่งทำขาย แต่ตอนหลังก็เปลี่ยนเป็นผสมแป้งมันสัมปะหลัง ป้าแกบอกว่าทำง่ายกว่า แต่นานๆแกก็ทำสักครั้งเพราะรู้ว่าชอบ ปัจจุบันป้าไปสวรรค์แล้ว และลูกสาวไม่ทำต่อ เดี๋ยวนี้เจอครองแครงน้ำกะทิที่ไหน ถ้าตัวใสๆก็จะเดินผ่านไป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 14:33:44

ความคิดเห็นที่ 84 ไปหลงอยู่ห้องอื่นซะนาน เข้ามาห้องนี้อิ่มท้องจังเลย แอบเก็บสูตรไว้แล้วค่ะ....ขอบคุณ จากคุณ : หัสดิน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 14:38:47

ความคิดเห็นที่ 85 เมนูที่สองนี่... เมื่อกี้หนูพึ่งดูรายการอะค่ะ(ช่องMCOT1) แต่ต่างกันตรงไม่ได้ใส่มะพร้าวอ่อน จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 15:11:46

ความคิดเห็นที่ 86 กล้วย ๆๆๆๆ เชื่อมมมม ของเค้า ๆๆ จากคุณ : okonomi เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 15:39:14

ความคิดเห็นที่ 87 พี่จุ๋มทำำตำราอาหารขายสบายเลยนะคะ ถ่ายทอดได้ดี ภาพสวย สรุปแล้ว น่ากินทุกเมนูค่ะ ครองแครงน่ากินมากอ่ะ ถ้าเป็นครองแครงเผือกด้วยนะ อร่อย ! จากคุณ : riskx_ray เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 18:46:27

ความคิดเห็นที่ 88 ชอบกินม๊ากก กล้วยไข่เชื่อมราดกะทิสด อยากินๆ จากคุณ : แบ๊น แบน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 20:10:04

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณค่ะที่เยี่ยมชมกระทู้ แม่หลิ่มยังไม่เลิกงานค่ะ  เพิ่งอัดเทปเสร็จ  ว่าง ๆ จะเข้ามาตอบย้อนหลังนะคะ แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 54 00:10:57 จากคุณ : แม่สลิ่ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 20:12:04

ความคิดเห็นที่ 90 อยากกินทั้ง 2 อย่างค่ะ  น่ากินจัง จากคุณ : ปุ้ม หญิง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 20:45:47

ความคิดเห็นที่ 91 นึกว่า วนิดา กลับมาออนแอร์ใหม่  สวย สดใส จังเลยจ้า รูปนี้ ชอบเมนูกล้วยๆทั้งสองมากๆ เห็นแล้วอยากกินเลยค่ะ คุณจุ๋ม จากคุณ : ต้มตุ๋นอุ่นนึ่งทอด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 21:02:18

ความคิดเห็นที่ 92 แม่สลิ่มสวยจังค่ะ  คงได้เวลาทำครองแครงกินเองแล้วค่ะ ขอบคุณแม่สลิ่มที่ทำให้มีแรงบันดาลใจนะคะ จากคุณ : goingsuper เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 21:07:59

ความคิดเห็นที่ 93 น่าทานมากครับ เมนูโปรดครับ จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 21:43:16

ความคิดเห็นที่ 94 น่าทานมากกเลยค่ะ ^_^ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 22:42:15

ความคิดเห็นที่ 95 โอยยยยยยยยยยย น่ากินมากกกกกกกกกกกก จากคุณ : jooHeeJin เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 22:56:51

ความคิดเห็นที่ 96 หืม มะพร้าวอ่อนนนนนนนนนนนนนนนน ในกล้วยบวชชี น่ากินมากค่ะ จากคุณ : ChocoJosie เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 04:55:17

ความคิดเห็นที่ 97 ว๊ายๆๆๆ  จำแม่หลิ่มไม่ได้เลยค่ะ    เปลี่ยนโฉมเป็นสาวหวาน   สวยซ๊าาาา  ^_^ จากคุณ : ต้มยำทะเล เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 05:44:38

ความคิดเห็นที่ 98 โอย.....เห็นแล้วหิวจัง :-P จากคุณ : ป้ายบอกทาง เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 11:39:20

ความคิดเห็นที่ 99 ชอบคองแครงน้ำกะทิมากครับ แถวบ้านหากินยากด้วย อยากกินมาก ต้องไปซื้อของแช่แข็ง S&P มากิน แต่ไม่ได้อารมณ์เท่าไหร่ ขอบคุณครับ จากคุณ : Yippie เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 11:47:10

ความคิดเห็นที่ 100 น่าหม่ำมาก ๆ เลยค่ะ ตอนนี้อยากหม่ำขนมไทยอย่างเดียว ขอบคุณค่ะ พี่จุ๋ม จากคุณ : นู๋ยู้ฮู้ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 12:47:18

ความคิดเห็นที่ 101 น่ากินมากมายเลย :) จากคุณ : นส.อ้วนล่ำ (gigoahh) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 13:51:40