ความคิดเห็นที่ 1 กลับรถมาจอดหน้าอาคารไม้สองชั้นขนาดสามห้องทาสีเหลือง อาคารแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:31:43

ความคิดเห็นที่ 2 ซ้ายมือของศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วน เป็นร้านขนมหวานของป้าจิต หรือจิตรา ศักดาพันธ์ไพศาล ขายอยู่หน้าศาลเจ้ามานาน ขายขนมหวานถ้วยละ 5 บาท ปกติไม่เกินบ่ายสองก็หมด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:32:11

ความคิดเห็นที่ 3 หน้าศาลเจ้ามีที่ติดป้ายบัตรเชิญงานศพ พิมพ์ด้วยกระดาษขนาดตัดสี่(15.5 x 21.5 นิ้ว ) เป็นบัตรเชิญไปงานศพที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะติดไว้ตามศาลเจ้า ร้านอาหารและร้านกาแฟทั่วเมือง ซึ่งจะมีการจัดพื้นที่ให้ติดโดยเฉพาะ บัตรเชิญจะมีรูปผู้วายชนม์ทางด้านบนซ้าย ต้องพิมพ์อายุให้เห็นชัดเจน(ไว้ให้แขกแทงหวย) สถานที่จัดงานอาจเป็นที่บ้านหรือที่สมาคมชาวจีน วันที่เริ่มงานและวันที่ฝังศพหรือวันที่ประชุมเพลิงที่วัด ชื่อประธานจัดงานทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาส ถัดลงมาสำคัญที่สุด คือรายชื่อลูกหลานทั้งหมด รวมถึงลูกเขยลูกสะใภ้ และหลานเขยหลานสะใภ้ ต้องลงให้ครบทุกคน งานแต่งใส่ชื่อขาดได้ แต่งานศพใส่ชื่อไม่ครบโกรธกันตาย ตกเย็นแขกเหรื่อแห่กันไปร่วมงาน ไม่ได้ไปฟังพระสวดพระอภิธรรม แต่ไปกินเลี้ยง เจ้าภาพจะต้องจัดเลี้ยงทุกคืนที่ตั้งสวด แขกบางคนไม่รู้จักคนตาย แต่ก็มาร่วมงาน เพราะถือเป็นงานสังสรรค์อย่างหนึ่ง บางงานตั้งศพเป็นเดือนเพราะยังไม่มีฤกษ์ฝังฤกษ์เผา ทุกสามสี่วันต้องจัดเลี้ยงใหญ่ครั้งหนึ่ง นับเป็นงานศพที่แปลกเป็นอย่างยิ่ง แต่คนมางานศพไม่ได้มาตัวเปล่า จะมีซองช่วยงานศพให้ด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:32:48

ความคิดเห็นที่ 4 ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ปี พศ.2442 ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคของพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี(คอซิมบี้ ณ ระนอง) นายซู่ทะ แซ่หลิม และนายต้องก้วน แซ่อ่อง ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ร่วมกับพวกพ้องชาวจีนสร้างขึ้น เดิมเป็นโรงเตี๊ยมสำหรับแขกต่างเมืองและผู้มาเยือน หรือพ่อค้าชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่บรรทุกสินค้ามากับเรือสำเภา โดยให้พักที่ชั้นสองที่ปัจจุบันปิดทางขึ้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:33:19

ความคิดเห็นที่ 5 โถงของศาลเจ้าแห่งนี้ ยังใช้เป็นที่จัดพิธีมงคลสมรสของชาวจีน ที่จะมีการจดทะเบียนในกระดาษแข็งเป็นภาษาจีน หากภายหลังคู่แต่งงานทะเลาะกัน จะมีกรรมการศาลเจ้าช่วยไกล่เกลี่ย ผนังภายในศาลเจ้า จะมีรูปวาดและรูปถ่าย ของคณะกรรมการศาลเจ้าในแต่ละยุค ส่วนใหญ่เขียนเป็นภาษาจีน สำหรับลูกหลานชาวจีนในจังหวัดตรัง สามารถไปสืบค้นต้นตระกูลหรือบรรพบุรุษของตนเองได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:33:46

ความคิดเห็นที่ 6 ประธานของศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วน คือองค์มาจ้อโป้ว เจ้าแม่แห่งทะเลหรือเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ชาวจีนริมแม่น้ำหรือริมทะเล นิยมตั้งศาลสักการะ เพราะเชื่อว่าจะช่วบคุ้มครองจากภัยอันตรายทางน้ำ มีศาลเจ้าแม่ทับทิมอยู่ที่ท้ายศาลเจ้า อัญเชิญมาจากประเทศจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แทนองค์เดิม ที่ถูกกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนเป็นศาลเจ้า นำไปทิ้งที่ปากแม่น้ำตรัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:34:17

ความคิดเห็นที่ 7 เมือเดินไปถึงลานหน้าศาลองค์มาจ้อโป้ว จะได้ยินเสียงนกเซ็งแซ่ เป็นเสียงนกนางแอ่นที่มาทำรัง ในอาคารที่มีคนสร้างล่อพวกมันมาทำรังเพื่อเก็บรังนก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:34:43

ความคิดเห็นที่ 8 ปัจจุบัน ศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วน กำลังก่อสร้างที่ประทับและองค์เทพเจ้ากวนอูทรงม้าออกศึก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:35:14

ความคิดเห็นที่ 9 บ่ายสามโมงแล้ว ร้านขนมหวานป้าจิต ซึ่งปกติจะมีกล้วยบวดชี แกงบวดข้าวโพด ลอดชองสิงคโปร์ ข้าวเหนียวถั่วดำ ฯลฯ เหลือเพียงลอดช่องสิงคโปร์สามถุง ลอดช่องสิงคโปร์ของที่นี่เป็นแบบสีขาวไม่ใส่น้ำใบเตย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:36:18

ความคิดเห็นที่ 10 ใส่น้ำเชื่อมใส่น้ำแข็งถ้วยละ 5 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:36:39

ความคิดเห็นที่ 11 อาคารแบบชิโน-ปอร์ตุกีส ข้างศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วน รูปแบบเหมือนกลุ่มบ้านของชาว Peranakan ที่ Jalan Tun Tan Cheng Lock ในย่านไชน่าทาวน์ของมะละกา "เที่ยวไปกินไป @ สิงคโปร์-มาเลเซีย 6 : มะละกา 3 : Heritage Trail 2 : ไชน่าทาวน์" http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/02/D8919409/D8919409.html แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 11:42:49 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:37:15

ความคิดเห็นที่ 12 จากศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วนเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสถลสถานพิทักษ์อีกครั้ง ถึงสามแยกมองไปฝั่งตรงข้ามด้านขวา เป็นตึกแถว 2 ชั้นรุ่นเก่าแบบที่เห็นในย่านคนจีนของมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งร้านค้าของชาวจีนจะสร้างเรียงติดกัน โดยใช้กำแพงร่วมกันเรียกว่าตึกแถว ตัวตึกมีความลึก 2-3 เท่าของความกว้าง ตึกแถวเหล่านี้นิยมสร้างให้มี 2 ชั้น ชั้นล่างด้านหน้าเป็นที่ทำการค้า ส่วนชั้นล่างด้านหลังหรือชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย ตรงกลางจะมีช่องแสงและช่องลม ด้านหลังตึกแถวเป็นซอยแคบสำหรับรับส่งสินค้าและเป็นทางหนีไฟ เหนือชั้นล่างด้านหน้า เป็นระเบียงยื่นออกไปสำหรับกันแดดกันฝน ก่อนปี 1884 ตึกแถวเหล่านี้สร้างด้วยไม้ ต่อมา Frank Swettenham เป็นห่วงความปลอดภัยยามเกิดเพลิงไหม้ จึงออกกฏให้ตึกแถวเหล่านี้ต้องสร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน และจะต้องมี Kaki Lima หรือทางเดินกว้าง 5 ฟุต(1.5 เมตร)ใต้ระเบียง ซึ่งเป็นเสมือนหลังคากันแดดกันฝน และเป็นทางเท้าไม่ให้คนลงไปเดินบนถนน ต่อมามีการฝังระบบท่อใต้พื้นถนน จึงมีการยกระดับถนนให้สูงขึ้น ทำให้ถนนมีความสูงกว่า Kaki Lima ซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกว่าตึกแถวนั้นสร้างมานานแค่ไหน "เที่ยวไปกินไป @ สิงคโปร์-มาเลเซีย 5 : กัวลาลัมเปอร์ 3 Central Market" http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/01/D8733644/D8733644.html เลี้ยวซ้ายที่สามแยกแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าค่าย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:37:49

ความคิดเห็นที่ 13 เพื่อไปที่สถานีรถไฟกันตัง 1 ใน 20 โบราณสถานของจังหวัดตรัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:38:25

ความคิดเห็นที่ 14 สถานีรถไฟกันตัง ตั้งอยู่บนถนนหน้าค่าย ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นสถานีรถไฟสุดทางของทางรถไฟสายใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน สถานีรถไฟกันตัง เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 ในอดีตใช้เป็นที่รับส่งสินค้ากับต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย มีรางรถไฟต่อไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ถึงท่าเทียบเรือกันตัง ซึ่งเป็นท่าเรือเก่าแก่ตั้งแต่โบราณ ปัจจุบันทางรถไฟส่วนนี้ถูกชาวบ้านรุกล้ำที่ และไม่มีรางรถไฟส่วนนี้แล้ว ตัวสถานีรถไฟกันตัง เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยาทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับสีน้ำตาล ตัวอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้านหน้ามีมุขยื่นประดับมุมเสาด้วยลวดลายไม้ฉลุ ประตูบานเฟี้ยมแบบเก่า คงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้ว ที่มา : วิกิ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:43:34

ความคิดเห็นที่ 15 ช่องขายตั๋วและที่พักผู้โดยสาร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:43:59

ความคิดเห็นที่ 16 อยู่ติดกับห้องนายสถานี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:44:19

ความคิดเห็นที่ 17 ชมความงามของตัวสถานี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:44:45

ความคิดเห็นที่ 18 ชานชาลาของสถานีรถไฟกันตัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:45:08

ความคิดเห็นที่ 19 เดินไปตามทางรถไฟทางทิศตะวันออก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:45:59

ความคิดเห็นที่ 20 เพื่อไปชมที่กลับหัวรถจักร ที่เหลือเพียงแห่งเดียวในประทศไทย สร้างโดยบริษัท Ransomes & Rapier แห่งเมืองอิปสวิช ประเทศอังกฤษ เมื่อปี คศ.1911 ในสมัยก่อนที่หัวรถจักรขบวนรถไฟ ยังเป็นหัวรถจักรไอน้ำ ไม่สามารถใช้วิธีสับรางเพื่อกลับหัวรถได้ จะมีเครื่องนี้เป็นตัวช่วยกลับหัวรถจักรแบบหมุนได้ในรางที่ 4 แต่ปัจจุบันหัวรถจักรดีเซลเป็นแบบสองด้าน จึงใช้วิธีสับรางไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:46:27

ความคิดเห็นที่ 21 เครื่องกลับหัวรถจักร สถานีรถไฟกันตัง จังหวัดตรัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:46:54

ความคิดเห็นที่ 22 ห้องสมุดตู้รถไฟเฉลิมพระเกียรติ คนงานกำลังเร่งปูหญ้า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีเปิด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:47:18

ความคิดเห็นที่ 23 สถานีกันตัง ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของจังหวัดตรัง จากกรมศิลปากร ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:47:46

ความคิดเห็นที่ 24 รถไฟจากสถานีกันตังไปตัวเมืองตรัง มีวันละหนึ่งเที่ยว ออกรถเวลา 12.40 น.และถึงตัวเมืองตรังเวลา 13.20 น.ค่าโดยสารคนละ 5 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:48:13

ความคิดเห็นที่ 25 15.44 น.จากสถานีกันตัง เดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 1 ถนนค่ายพิทักษ์ และอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟกันตัง เปิดให้เข้าชมวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-16.30 น.หยุดวันจันทร์ ยกเว้นถ้าวันจันทร์ตรงกับวันหยุดราชการ จะเปิดเป็นกรณีพิเศษ และหยุดชดเชยในวันอังคาร ตัวบ้านตั้งอยู่บนเนินดิน ติดกับโรงเรียนอนุบาลกันตังศึกษา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:48:38

ความคิดเห็นที่ 26 ทางเดินก่อนถึงตัวบ้านร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายขนิด เช่น ปาล์มพัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:49:03

ความคิดเห็นที่ 27 ดอกระฆังทอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:49:28

ความคิดเห็นที่ 28 หินลูกโม่หีบอ้อยจากโรงงาน้ำตาลทรายแดงส่งขายปีนัง สมัยพระยารัตนเศรษฐี(คอซิมก้อง) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:49:57

ความคิดเห็นที่ 29 ติดกับบ้านพิพิธภัณฑ์ มีรูปหล่อโลหะของพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี(คอซิมบี้ ณ ระนอง) รูปหล่อโลหะนี้ แสดงถึงผลงานการสร้างงานสร้างคนของพระยารัษฎา ซึ่งส่งเสริมอาชีพ ให้ทุกบ้านปลูกพืชผักอย่างละห้าต้น เลี้ยงไก่ไข่บ้านละห้าตัว ชาวบ้านทำได้ผลเอาใส่ตะกร้ามาให้ท่าน (รูปหล่อโลหะด้านซ้าย) เพราะนึกว่าท่านให้ทำเพื่อเก็บไว้เอง แต่ท่านไม่รับไว้ ชาวบ้านจึงมีกินมีใช้ทำต่อกันมา ครั้นเมื่อท่านออกตรวจราชการ เห็นต้นไม้ตามบ้านมีกาฝากขึ้นเต็ม ก็ให้ป่าวประกาสว่าท่านป่วย ต้องใช้กาฝากทำยา ชาวบ้านจึงเก็บกาฝากมาส่งที่จวนทุกวัน(รูปหล่อโลหะด้านขวา) จนท่านคะเนว่ากาฝากน่าจะหมดแล้ว ก็ให้เแจ้งว่าหายป่วยแล้ว ไม่ต้องนำกาฝากมาให้อีก ในยุคของท่านมีการตัดถนนสายตรัง-พัทลุง เลียบไปตามไหล่เขาและหน้าผา เป็นถนนสายคดโค้งสวยงาม ในยุคที่ไม่มีเครื่องจักรกลช่วย เรียกว่า"เขาพับผ้า" พระยารัษฎาฯ เป็นผู้ส่งเสริมการปลูกยางพารา จนกลายเป็นพืชเศษฐกิจอันดับหนึ่งของภาคใต้ โดยยังมีต้นยางพาราริมถนนตรังคภูมิ ซึ่งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นสวนยางรุ่นแรก จึงถือกันว่ายางพาราต้นนี้ เป็นต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:50:29

ความคิดเห็นที่ 30 บ้านพระยารัษฎาฯเป็นบ้านไม้สองชั้น พศ.2433 รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสมาลายู ทรงเห็นว่าพระอัษฎงคตปกครองเมืองกระได้ดี ส่วนทางเมืองตรังมีปัญหามาก จึงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชกาลเมืองตรัง บรรดาศักดิ์ที่พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี พศ.2436 พระยารัษฎาฯย้ายที่ตั้งเมืองตรังจากควนธานีไปกันตัง และได้เลือกควนแห่งหนึ่งเป็นที่สร้างบ้าน เรียกว่า"ควนรัษฎา" ส่วนที่สร้างบ้านเรียกว่า"ในค่าย"เหมือนที่ระนอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:50:57

ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน ทางขวามือจะพบกับหุ่นของพระยารัษฎาฯนั่งอยู่บนเก้าอี้ มีชุดน้ำชาวางอยู่ทางซ้ายมือ ตรั้งหนึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรวราชานุภาพถามว่า "ทำอย่างไรจึงจะเป็นเจ้าเมืองที่ดี" พระยารัษฎาฯตอบโดยไม่รีรอว่า "ต้องนอนซดน้ำชาที่จวน ซดเสร็จแล้วออกไปเที่ยวคุยกับราษฎรบ้านโน้นบ้านนี้" การซดน้ำชาอยู่ที่บ้าน คือการใช้เวลาวางแผนมอบหมายสั่งงาน แล้วค่อยติดตามตรวจสอบประเมินผล ด้วยการไปคุยกับราษฎร พระยารัษฎาฯอ่านเขียนหนังสือไม่ได้ แต่สามารถแต่งตำรา สอนราษฎรเรื่องการเพาะปลูก โดยให้เลขนุการจดตามคำบอก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:51:26

ความคิดเห็นที่ 32 ชั้นล่างแบ่งเป็นหลายห้อง มีภาพถ่ายเกี่ยวกับการทำงานของพระยารัษฎาฯ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:51:59

ความคิดเห็นที่ 33 รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านตั้งแต่สมัยนั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:52:23

ความคิดเห็นที่ 34 ชั้นสองทางเดินเหนือบันได จัดแสดงภาพพิธีศพของพระยารัษฎาฯที่ปีนัง พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ถึงแก่อนิจกรรม ที่บ้านจักรพงษ์ ปีนัง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2456 มีอายุได้ 56 ปี หลังจากถูกหมอจันทร์ บริบาล แพทย์ประจำจังหวัดลอบยิงด้วยปืนพกเบรานิง ที่สะพานเจ้าฟ้า ท่าเรือกันตัง ได้ 45 วัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:52:47

ความคิดเห็นที่ 35 ชั้นสองตรงกลางเป็นห้องโถง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:53:12

ความคิดเห็นที่ 36 มีเก้าอี้นั่งเล่น ซึ่งที่พักแขนสามารถขยายความยาวได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:53:38

ความคิดเห็นที่ 37 ผนังด้านขวาจัดแสดงภาพสาแหรกของตระกูล ณ ระนอง คอซิมบี้ ณ ระนอง เป็นบุตรคนที่ 4 ของ พระยาดำรงสุจริต มหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ต้นสกุล ณ ระนอง ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองระนองคนแรก มารดาชื่อ กิ้ม เกิดที่จังหวัดระนอง คอซิมบี้เป็นสำเนียงฮกเกี้ยน ถ้าเป็นสำเนียงแต่จิ๋วเรียกว่า"โค้วซิมมุ้ย" แปลว่าผู้มีจิตใจงาม แห่งตระกูลโค้ว ศึกษากิจการค้าจากบิดา สามารถพูดได้ห้าภาษา คือภาษาไทย อังกฤษ มาลายู ฮินดูสตานีและจีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:54:07

ความคิดเห็นที่ 38 เดินชมห้องต่างๆบนชั้นสอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:54:31

ความคิดเห็นที่ 39 เช่น ห้องนอนของพระยารัษฎาฯ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:55:06

ความคิดเห็นที่ 40 ห้องนั่งเล่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:55:35

ความคิดเห็นที่ 41 ภาพโบราณที่ไม่มีคำบรรยาย แต่ผู้หญิงอยู่ในชุดแบบ Peranakan ปกติจะมีมัคคุเทศก์อาสา ซึ่งเป็นนักเรียนจากโรงเรียนกันตังพิทยากรคอยพาชม แต่วันที่ไปชมไม่มี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:56:58

ความคิดเห็นที่ 42 ลงบันไดไม้กลับลงไปที่ชั้นล่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:57:37

ความคิดเห็นที่ 43 เพิ่งไปทานจำปาดะทอดจากตอน 1 มาเลยค่ะอาสาม  งั้นตามไปต่อเลยนะคะ ไม่ให้เสียเวลา จากคุณ : ลูกไหม เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:58:13

ความคิดเห็นที่ 44 ใต้บันใดมีอุปกรณ์ถ่ายภาพโบราณ ทั้งขาตั้งกล้อง เบลโล่สำหรับปรับทางยาวโฟกัสของเลนส์ กระจกสำหรับโฟกัสภาพ กล่องบรรจุฟิลม์กระจกและที่ตัดกระดาษ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:58:20

ความคิดเห็นที่ 45 ลูกไหม ...ชิ ชิ ไม่แบ่งกันบ้างเลย .................................................................................. บ้านพระยารัษฎาฯ เป็นหลักฐานสำคัญ ของการตั้งเมืองที่กันตัง ดังนั้น ใน พศ.2534 คณะครูโรงเรียนกันตังพิทยากร จึงประสานกับหน่วยราชการและชุมชน เพื่อขอจัดทำเป็นแหล่งเรียนรู้ พศ.2535 ดาโต๊ะเบียนเจง ณ ระนอง หลานพระยารัษฎา อนุญาตให้จังหวัดตรัง ใช้บ้านหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อสืบทอดตำนานของบรรพบุรุษ ไว้เป็นอนุสรณ์แก่ชนรุ่นหลัง โดยยังอยู่ในความดูแลร่วม ของบริษัทเบียนเจง ณ ระนอง กับภรรยาและญาติมิตร จำกัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 11:59:33

ความคิดเห็นที่ 46 16.37 น.จากพิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) นั่งรถไปที่สามแยก ที่ถนนตรังคภูมิตัดกับถนนแช่มสถลอุทิศ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพิพิทธภัณฑ์ฯ เพื่อชมต้นยางพารา ที่ถือว่าเป็นต้นแรกของประเทศไทย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:00:11

ความคิดเห็นที่ 47 ยางพารามีถิ่นกำเนิดในแถบลุ่มน้ำอเมซอน ประเทศบราซิล และประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้ พระยาสถลพิทักษ์(คออยู่เกียด ณ ระนอง) หลานชายของพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี(คอซิมบี้ ณ ระนอง) นำเมล็ดยางพาราเข้ามาปลูกในเมืองตรัง โดยปลูกไว้ที่บ้านพัก ประมาณ พศ.2442-2444 ชาวบ้านเรียกต้นยางชุดแรกนี้ว่า"ต้นยางเทศา" ถือเป็นสวนยางรุ่นแรกของประเทศไทย ต่อมาพระยารัษฎาฯส่งเสริมการปลูกยางพาราตัวอย่างขึ้น ที่ตำบลช่อง และเชิญชวนเจ้านายและข้าราชการ ให้มาทำสวนยางที่เมืองตรัง ที่บ้านหมากและตูลูลู้ด ปัจจุบัน ต้นยางพาราต้นหนึ่งในสวนแรก ยังคงอยู่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพราะทุกคนถือว่า เป็นต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:01:00

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่ได้แวะวัดวัดตรังคภูมิพุทธาวาส ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย จึงไม่ได้กราบนมัสการ"หลวงพ่อขาว"พระพุทธรูปหินอ่อนศิลปแบบพม่า ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตรัง เป็นชุดพระพุทธรูป ที่พระยารัษฎาฯอัญเชิญมาจากพม่า พร้อมกับพระอัครสาวกซ้ายขวา ช้างและสิงห์อย่างละคู่ รวมถึงพระพุทธรูปหินอ่อนองค์เล็กอีกองค์หนึ่ง กลับเข้าตรังด้วย ทล.403 ซึ่งบางช่วงขนานกับแม่น้ำตรัง โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านตูลูลู้ด จะมองเห็นแม่น้ำตรัง ระหว่างเข้าเมืองตรัง ผ่านศาลาบำเพ็ญกุศลของสมาคมฮกเกี้ยน ที่กำลังจัดงานศพ ใจจริงอยากแวะชมการจัดงานเลี้ยงงานศพของคนตรัง ที่บางงานมีแขกมาก จนต้องตั้งโต๊ะล้นลงมาในถนน ซึ้งแม้ว่าจะทำให้รถติด แต่ก็ไม่มีใครถือสา เพราะถือว่าเป็นงานประเพณี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:03:37

ความคิดเห็นที่ 49 18.20 น.กลับถึงที่พักที่โรงแรมศรีตรัง เพื่อผักผ่อนให้คลายจากความเมื่อยล้า ก่อนที่จะรวมตัวกันไปทานอาหารเย็นตอนหนึ่งทุ่ม เนื่องจากห้องพักอยู่ติดกับทางด้านถนนสถานี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:04:03

ความคิดเห็นที่ 50 จึงมองเห็นตลาดนัดถนนคนเดิน ซึ่งอยู่หน้าสถานีรถไฟตรัง เปิดขายทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00 น.ถึงประมาณ 22.00 น. แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 01:49:47 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:04:29

ความคิดเห็นที่ 51 ถนนคนเดิน มีความยาวประมาณสองร้อยเมตร ไปสิ้นสุดที่ทางเข้าตลาดสดท่ากลาง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:04:58

ความคิดเห็นที่ 52 ร้านที่ทาง ททท.สนง.ตรัง พาพวกเราไปทานอาหารเย็น คือร้านเลตรัง 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนไทรงามซอย 1 ตำบลทับเที่ยง และอยู่ข้างโรงพยาบาลราชดำเนิน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:05:23

ความคิดเห็นที่ 53 ถ้าจะเดินจากที่พักก็สามารถทำได้ โดยกะให้เดินไปถึงตอนหิวสุดๆ เพราะร้านนี้มีอาหารอร่อยหลายอย่าง ไปตอนยังไม่หิวจะชิมได้น้อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:06:01

ความคิดเห็นที่ 54 ร้านมีสองส่วน คือส่วนในสวนและส่วนในห้องปรับอากาศ เลือกนั่งในห้องปรับอากาศ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:06:24

ความคิดเห็นที่ 55 มื้อนี้ คุณจรัญ ชื่นในธรรม ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง(ตรัง-สตูล) ให้เกียรติเป็นเจ้าภาพ โดยเลือกร้านเลตรัง 2 ของกำนันพรศักดิ์และคุณอุษา เกลี้ยงช่วย ซึ่งมากำกับรายการอาหารด้วยตนเอง ร่วมกับน้องพลอย(ploybabe)ลูกสาวคนสวย เป็นที่เลี้ยงอาหารเย็นพวกเรา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:06:55

ความคิดเห็นที่ 56 น้ำจิ้มมีสองชนิด ชนิดแรกคือน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบบดละเอียด แบบที่สองสีส้มเรียกว่า"ส้มเจื้อง"หรือ"กั๊มเจื้อง" หน้าตาดูเหมือน"Sambal Chili" น้ำจิ้มสารพัดประโยขน์ของมาเลเซีย ที่ต้องบีบน้ำส้มจิ๊ด จากผลส้มจิ๊ดตัดปลายลงไปด้วย ส้มเจื้องทำจากมันบด ผสมกับน้ำตาลและดีปลี อมเปรี้ยวอ่อนๆ นำมาผสมกับพริกบดเป็นซ้อสเย็นตาโฟก็ได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:07:40

ความคิดเห็นที่ 57 เริ่มตัดกำลังกันด้วยขนมจีบกุ้งลูกโต โรยหน้าด้วยไข่กุ้ง แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 12:08:56 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:08:04

ความคิดเห็นที่ 58 แต่ลูกโตขนาดนี้ เจอฮ่อยจ๊อลูกละ 35 บาทของร้านเลตรัง 2 ปล.แก้ 25 เป็น 35 เดี๋ยวร้านขาดทุนเพราะคนแห่ไปซื้อ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 18:36:05 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:09:31

ความคิดเห็นที่ 59 ต้องขอให้ขนมจีบกรุณาชิดซ้ายหลบไปหน่อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:09:57

ความคิดเห็นที่ 60 สะใจมากกับฮ่อยจ๊ดเนื้อปูล้วนผสมเนื้อไก่สับไร้มันหมู ที่เพิ่มความกรึบกรับด้วยแห้วสดหั่นเต๋า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:10:24

ความคิดเห็นที่ 61 จานนี้มาแปลก ปูนิ่มกระเทียมพริกไทยชุบแป้งทอดไม่มีผักชีโรยหน้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:10:50

ความคิดเห็นที่ 62 ยกมาพร้อมกับถ้วยที่ตอนแรกมองไม่ออกว่า เป็นห่อหมก หรือไข่ตุ๋นพริกแกงกันแน่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:11:17

ความคิดเห็นที่ 63 อีกจานคือหมั่นโถวทอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:11:57

ความคิดเห็นที่ 64 ยกมาวางรวมกัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:13:38

ความคิดเห็นที่ 65 กลายเป็นปูนิ่มผัดผงกะหรี่จิ้มหมั่นโถวทอด ทำอย่างกับการรวมร่างของขบวนการพาวเวอร์เรนเจอร์ คือรวมกันแล้วยิ่งมีอิทธิฤทธิ์ แต่อาหารรายการนี้ รวมตัวกันแล้วยิ่งอร่อย กำนันบอกว่า จานนี้ที่ทำแยก เพราะถ้าราดมาเลย แล้วแขกมัวแต่คุยทิ้งไว้นานๆ ปูนิ่มชุปแป้งทอดกรอบ ก็จะกลายเป็นปูนิ่มสมชื่อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:14:06

ความคิดเห็นที่ 66 จานต่อไป กุ้งทะเลผัดสะตอกับกะปิ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:17:33

ความคิดเห็นที่ 67 ตรังมีกะปิดีคือกะปิท่าข้ามของอำเภอปะเหลียน ที่เวลาผัดไม่ค่อยส่งกลิ่นคลุ้ง จานนี้ผัดมาแห้งข้น กุ้งทะเลตัวใหญ่เนื้อหนา เม็ดสะตอสดกรอบเพราะปลูกอยู่ในท้องถิ่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:17:58

ความคิดเห็นที่ 68 จานนี้รสจัดต้องทานกับข้าวสวยร้อนๆอร่อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:18:37

ความคิดเห็นที่ 69 ปลากะพงทอดเกลือทานกับน้ำจิ้มสามรส จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:19:05

ความคิดเห็นที่ 70 ด้านบนโรยด้วยกระเทียมเจียวผสมต้นหอมซอยและผงปาปริก้า ได้รสชาติไทยๆปนฝรั่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:19:32

ความคิดเห็นที่ 71 แกงเหลืองปลากะพง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:19:55

ความคิดเห็นที่ 72 ปลาชิ้นหนา ใส่ออดิบ(คูณ)และยอดมะพร้าว รสเผ็ดร้อนตามสไตล์แกงใต้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:20:21

ความคิดเห็นที่ 73 ผักเหลียงหรือผักเหมียงผัดไข่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:20:45

ความคิดเห็นที่ 74 กินไปคุยไป มีความสุขกับความอร่อยมื้อค่ำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:21:11

ความคิดเห็นที่ 75 เผือกหิมะร้อนๆโรยน้ำตาลไอซ์ซิ่งแบบจีน แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 54 16:40:43 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:22:43

ความคิดเห็นที่ 76 ช่วงนี้เป็นฤดูที่เผือกให้ผลหัวใหญ่ นำมาทำอาหารคาวหวานอร่อย เพราะเนื้อแน่นไม่ร่วน และเป็นของอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ในพิธีไหว้พระจันทร์ "เที่ยวไปกินไป @ ไชน่าทาวน์ : เทศกาลไหว้พระจันทร์" http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D11080639/D11080639.html แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 14:34:26 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:23:08

ความคิดเห็นที่ 77 กะหรี่ปั๊บไส้สังขยาถุงละ 50 บาทที่คนในร้านเอามาให้ชิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:23:36

ความคิดเห็นที่ 78 ปิดท้ายมือนี้ด้วยมะม่วงน้ำปลาหวาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:24:01

ความคิดเห็นที่ 79 มะม่วงรสเปรี้ยวตัดกันดีกับน้ำปลาหวานรสเข้มข้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:24:28

ความคิดเห็นที่ 80 อิ่มแล้วถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:24:55

ความคิดเห็นที่ 81 จากร้านเลตรัง 2 กลับไปเดินตลาดนัดถนนคนเดินข้างที่พัก มีทั้งของกินของใช้ ที่ทางพาณิชย์จังหวัดควบคุม ไม่ให้ขายสินค้าแปลกถิ่น มาใต้จึงไม่ควรมีเสื้อชาวเขา กระเป๋าชาวเขาจากทางเหนือ แต่ก็ยังมีข้าวซอยหลงโผล่มาหนึ่งร้าน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:25:22

ความคิดเห็นที่ 82 ที่น่าสนใจคือร้านขายผลไม้เชื่อมและผลไม้ดอง ที่มีทั้งตะลิงปลิง ดอง มะดันดอง มะกอกดอง มะม่วงดอง แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 12:39:02 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:26:04

ความคิดเห็นที่ 83 ส้มจิ๊ด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:27:10

ความคิดเห็นที่ 84 มะระขี้นกเชื่อม มะกรูดเชื่อม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:27:40

ความคิดเห็นที่ 85 บอระเพ็ดแช่อิ่ม ลูกตำลึงเชื่อม ฯลฯ ลูกตำลึงเชื่อมไม่เห็นมานาน เคยชิมที่วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เนื้อกรอบแต่หวานจัดมาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:28:49

ความคิดเห็นที่ 86 เดินชมร้านค้ากันทั่วแล้ว รวมตัวกันที่ร้านอามีนา ทางด้านขวาของสถานีรถไฟตรัง ซึ่ง ผอ.ททท.สนง.ตรัง ไปนั่งดื่มกาแฟจองโต๊ะไว้ให้แล้ว เพราะร้านนี้คนแน่น พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง ตรังไม่เน้นการพัฒนาแบบฉาบฉวย แต่เน้นการท่องเที่ยวธรรมชาติและชมวัฒนธรรม ไม่เน้นแสงสีหรือสิ่งใดๆ ที่จะทำให้วิถีชุมชน ที่อยู่กันอย่างสงบเปลี่ยนแปลงไป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:30:36

ความคิดเห็นที่ 87 พร้อมกับทานโรตีกรอบของร้านอามีนา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:31:04

ความคิดเห็นที่ 88 โรตีแผ่นบางทอดจนกรอบและหอมเนย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:31:34

ความคิดเห็นที่ 89 โรตีทุบหรือโรตีนิ่ม โรตีทั้งสองแบบ มีน้ำตาลทรายและน้มข้นหวานมาให้จิ้มอย่างละถ้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 54 12:32:11