ความคิดเห็นที่ 1 ที่หาสูตรไม่เจอเพราะไม่มีการทำ ganache ด้วยผงโกโก้   เนื่องจากผงโกโก้จะไม่ทำให้ ganache แข็งตัวเมื่อเย็นลง   การทำ ganache  จึงต้องใช้ converture chocolate  เพราะมีส่วนผสมของเนยโกโก้หรือ cocao butter ระหว่าง 32-39%  สูงกว่าปกติที่มีอยู่ในช๊อคโกแลตทั่วไป   ส่วนผสมนี้เองที่ทำให้ช๊อคโคแชตครีมมีจุดหลอมเหลวและแข็งตัวเมื่อเย็นลง  และให้คุณสมบัติหน้าครีมเรียบเป็นเงามัน   ในขณะที่ผงโกโก้มีส่วนของเนยต่ำจะให้เพียงกลิ่นเป็นหลัก  เอามาทำครีมไม่ได้ จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 14:15:42

ความคิดเห็นที่ 2 ข้อความขึ้นซ้ำ ขออนุญาตลบทิ้ง* แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 14:17:49 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 14:17:30 จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 14:16:18

ความคิดเห็นที่ 3 เข้าใจว่าคุณ จขกท อยากใช้ผงโกโก้มากกว่าช็อกโกแลต และที่จะทำคือ เอาไว้เคลือบหน้าขนมใช่ไม๊คะ ถ้าเอาไว้เคลือบหน้าขนม (ไม่ใช่เอาไปทำกานาชสอดไส้ทาร์ต) เอาเป็นสูตร glaze ช็อกโกแลตสำหรับเคลือบหน้า ที่ทำจากผงโกโก้แทนไม๊คะ แต่มันจะไม่อร่อยเท่าเกลซที่ทำจากช็อกโกแลตก้อนนะคะ  120 กรัม     วิปครีม 285 กรัม     น้ำตาลทราย 230 กรัม     น้ำสะอาด 17 กรัม       เจลาตินผง (ผสมกับน้ำเปล่า 85 กรัมทิ้งไว้จนเป็นวุ้นๆ) 120 กรัม     cocoa powder 15 กรัม       glucose (แบะแซ) 1. Whipping cream, น้ำ, น้ำตาล, ผงโกโก้, แบะแซ ตั้งไฟจนเดือด คอนคนๆดูอย่าให้ไหม้  2. เมื่อเดือดแล้วให้ยกออกจากเตา ใส่ส่วนผสมเจลาติน-น้ำ ลงไปคนให้เข้ากัน 3. สามารถใช้ราดหน้าเค้กให้เกิดความเงามันได้เลย หรือ แปะให้สนิทด้วย Plastic wrap เอาเข้าตู้เย็นเก็บไว้ เมื่อจะใช้ให้นำเขาไมโครเวฟให้ละลายค่ะ  สูตรนี้ไม่ได้ทำนานแล้วเพราะ ดิฉันทำแต่เกลซจากช็อกโกแลตก้อนอย่างเดียวเลยค่ะเดี๋ยวนี้ จำได้ลางๆว่า ทำเสร็จใหม่ๆ มันจะมีฟองๆ สีน้ำตาล ยังไง ตอนผสม อย่าคนจนเกิดฟองนะคะ ถ้าเกิดก็ให้ตักออกได้ค่ะ จากคุณ : Marquise de Merteuil (Marquise de Merteuil) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 17:19:47

ความคิดเห็นที่ 4 สูตรที่ คห 3  ให้มานั้น  ผมยืนย้นว่าไม่ใช่ ganache  และไม่ใช่แม้แต่จะเป็น chocolate glaze ครับ  เพราะทั้งสองอย่างนั้นต้องทำด้วยช๊อคโกแลตก้อนทั้งสิ้น   แต่อาจเรียกเป็นน้ำช๊อคโกแลตราดหน้าเค๊กคงจะได้มังครับ  ลำพังแค่เห็นส่วนผสมแบะแซนี่ก็ทำเอาผมเซเลยครับ  แล้วยังมีเจลาติน กับน้ำสะอาดอีกตั้ง 230 กรัม  เล่นเอามึน การจะใช้ส่วนผสมอื่นแทนนั้นทำกันได้แต่อย่างน้อยต้องเป็นสิ่งใกล้เคียงกัน  อย่างในกรณีนี้สิ่งที่ทำให้ข้นที่เคยเห็นแทนกันได้คือ ใช้ corn syrup หรือ แป้งข้าวโพด  นมใช้แทนวิปครีม   แต่ไม่ใช่แบะแซแน่ๆ ครับ   เป็นสูตรคิดค้นเองหรือปล่าวครับ?  ขอแหล่งที่มาด้วยได้ก็ดี   และถ้าแม้แต่คุณเองยังไม่บอกไม่อร่อยและไม่ทำกินเองอีก   แล้วจะอร่อยสำหรับคนอื่นหรือครับ? แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 54 23:31:25 จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 22:46:59

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ Bagheera นี่ก็แปลกดีนะคะ เจ้าของกระทู้เขาถามหาสูตร ของที่จะใช้ราดหน้าเต้กที่ทำจาก "ผงโกโก้" ดิฉันก็ให้สูตรไป เป็น glacage แบบฝรั่งเศสที่ใช้เจลาตินเป็นตัวทำ "ข้น"  ดิฉันไม่ได้บอกว่ามันคือ กานาชด้วยซ้ำ แถมยังสำทับไปว่าใช้ผงโกโก้ไม่อร่ออยเท่าใช้ช็อกโกแลต โจทก์ของเจ้าของกระทู้คือ ผงโกโก้ คุณก็ยังจะยืนยัน จะต้องใช้ช็อกโกแลตก้อนๆ จะตอบแบบไม่มีทางออกให้คนถามอย่าตอบดีกว่าไหมคะ ส่วนที่ว่าทำ "ข้น" ด้วยแป้งข้าวโพด ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเห็นใครเขาทำ ganache หรือ glacage กับแป้งข้าวโพดสักที ปล. แบะแซนี่ เชฟอย่าง Philippe Conticini ที่ปารีสยังใช้ทำเกลสช็อกโกแลตขาวเลยค่ะ คุณไปศึกษามาใหม่ ค่อยมาพูดเรื่องแป้งข้าวโพด หรือน้ำเชื่อมข้าวโพดดีกว่าค่ะ  อ้อแล้วไม่ทราบคุณเคยเห็น ช็อกโกแลตเกลสสำเร็จรูป อย่างพวก Brillance Noire ของ Cacao Barry หรืออะไรทำนองนั้นไหมคะ ที่เชฟเขาใช้กันเพื่อความสะดวกน่ะค่ะ ถ้าไม่ใช้ เจลาตินแล้วมันมี consistency แบบนั้นได้อย่างไรคะ เพื่อนที่เป็นเชฟของดิฉันเคยถอดรหัส Brillance Noire ออกมา ก็มีเจลาติน มีน้ำ มีผงโกโก้น่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 54 00:08:55 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 54 00:08:04 จากคุณ : Mademoiselle (Marquise de Merteuil) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 54 23:59:58

ความคิดเห็นที่ 6 ขอ confirm ตามคุณ Marquise de Merteuil ค่ะ ว่า glaze สามารถใช้ผงโกโก้ + glucose ได้ และมันเป็น glaze ที่ดีมากชนิดนึง.. จริงอยู่โดยส่วนตัวจะใช้ chocolate มากกว่า แต่ glaze ส่วนใหญ่ที่ดีก็จะมีส่วนผสมของพวก glucose หรือ trimoline เพราะมันเป็น invert sugar ที่ช่วยให้ glaze มีความแวววาวค่ะ.. ตอนไปเรียนคอร์สสั้นที่โรงเรียน savour chocolate school เชฟให้สูตรมา บอกว่าเป็นสูตรที่เค้าชอบมากที่สุดก็เป็นโกโก้ค่ะ ราดง่ายมาก แววสวย รสชาติเชื่อว่าไม่ได้ด้อยค่ะ ส่วนที่คุณ Bagheeea ว่าทำให้ข้นด้วยแป้งข้าวโพด หมายถึงแบบหน้าเค้กหน้านิ่มมั้ยคะ แบบนั้นเราเรียกว่า พุดดิ้งอ่ะ จากคุณ : Bean Sprout เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 09:46:41

ความคิดเห็นที่ 7 เด๋วมาตอบครับ   ตอนนี้ยังมิว่างครับ  ชอบครับ สนุกดีอีกแล้ว  อ้อ เข้ามาบอกว่า กำลังเดินทางอยู่ในแพรีสอ่ะนะครับกว่าจะกลับก็เย็นวันอาทิตย์   แล้วเจอกันครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 54 14:21:06 จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 13:34:35

ความคิดเห็นที่ 8 สองเชฟจะรอนะคะ  จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 14:29:42

ความคิดเห็นที่ 9 เอ่อ.. เราไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความขัดแย้งในกระทู้นะคะ ถือว่ามาช่วยกันออกความเห็นในเรื่องที่รู้. ^^". อย่าคิดว่าแพ้ชนะกันนะคะ. แต่ช่วยกันเพิ่มความรู้ในส่วนที่ขาดหรือโต้แย้งกันในเชิงสร้างสรรค์ดีกว่า.. รอฟังข้อมูลเพิ่มนะคะ :) จากคุณ : Bean Sprout (Bean Sprout) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 15:28:35

ความคิดเห็นที่ 10 รออ่านค่ะ จากคุณ : เจซอง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 16:06:51

ความคิดเห็นที่ 11 สนุกอีกแล้วสิ แจคพอตเข้ามาเจอจนได้ 555 รอเชฟคุยกันคับ อยากให้เป็นไปแบบสร้างสรรค์แล้วก็ไม่ขัดแย้งด้วย บทสรุปของเรื่องจะได้เป็นวิทยาทานแก่ชาวก้นครัวนะคับ ต้องบอกก่อน ไม่ได้อยากเอาตัวไปเกี่ยวด้วย เพราะคงเถียงเชฟไม่ได้คับ ไม่ได้เรียนมา แต่ก็เก็บๆเอาจากห้องก้นครัวนี้ เก็บจากคำของเชฟดีๆหลายๆคนที่มีน้ำใจในที่นี้ ทำให้ได้ความรู้กลับมามากมายคับ แล้วก้แนะนำกับมือใหม่คนอื่นได้ด้วย ตามกำลังความรู้ที่ได้เก็บรวบรวมมา เวลาคนตั้งกระทู้ขอความช่วยเหลือ เราจะติจะสอนก็ได้ ถ้าเรามีความรู้ แต่ว่าถ้าจะกรุณา อยากให้ช่วยแนะนำด้วยคับว่าควรทำยังไง สูตรที่คุณ Marquise de Merteuil ให้ไว้ ผมมองว่าไม่แปลก ที่เจ้าตัวจะทำบ่อย หรือไม่ทำ ผมมองว่าได้แบ่งปันสิ่งดีๆให้กับ จขกท แล้วคับ ขออณุญาตอ้างถึงตัวเอง เมื่อก่อนผมทำแต่พวกชอคราด แบบที่ใช้แป้งข้าวโพดกวนนั่นแหละคับ แต่หลังๆมาผมได้เริ่มรู้จักการทำกานาช จากห้แงก้นครัวนี้เหมือนกัน จากนั้นมาก็ทำแต่กานาช เพราะสะดวก ง่าย แล้วก็อร่อยด้วยคับ (เลิกทำแบบที่ต้องตั้งไฟกวนไปเลย) เพราะงั้นก็ไม่แปลกเลย ที่เมื่อก่อนเราทำอะไร หรือปัจจุบันเราทำอะไร ้ถ้ามองให้ดี ผมมองว่าการได้แบ่งปันสิ่งที่เรารู้ กับคนที่ขอความช่วยเหลือ เป็นสิ่งที่ดี และสมควรแล้ว ตอนนี้จะถกกันด้วยเหตุผลแล้ว ผมอยากให้เชฟโฟกัสไปในเรื่องของกานาช และเกลสด้วยคับ แต่ละำคำ ความหมายของมันเป็นยังไง ให้ข้อมูลที่มา ด้วยก็ดี แล้วถ้าไม่ได้มีแหล่งอ้างอิง ก็รบกวนช่วยบอกสถาบันที่เรียนมา ก็จะดีมากคับ เพราะพูดมาลอยๆก็คงจะไม่น่าเชื่อถือ สุดท้ายกระทู้นี้คงมีประโยชน์และสาระมากๆ ไม่มีผู้แพ้อย่างที่คุณ Bean Sprout  ว่าคับ จะมีแต่ความรู้ ได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า (รอฟังด้วยคนค้าบ) จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 20:03:17

ความคิดเห็นที่ 12 รอด้วยค่ะ ให้ความรู้ดีค่ะ จากคุณ : ไอฝนในป่าหนาว เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 20:20:32

ความคิดเห็นที่ 13 Ganache คือครีมที่ทำขึ้นจาก วิปครีมกับช็อกโกแลต (ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลตดำ นม หรือขาว) ค่ะ จะทำให้ข้นมากๆ (สัดส่วนช็อกโกแลตเยอะกว่าครีม) ทำเป็นไส้ทาร์ตช็อกโกแลต หรือใส่ในขนมเค้กก็ได้ หรือทำให้จางหน่อย (ครีมมากกว่าช็อกโกแลต) แล้วใช้เคลือบหน้าขนมก็ได้ ทั้งนี้ กานาชสามารถแต่งรสได้หลายทาง ตั้งแต่ใส่ไข่แดงดิบ ไปจนถึงใส่เนย เพื่อเพิ่มความมัน ซึ่งเห็นได้มากในการทำทาร์ตช็อกโกแลต (ในรูป คือ Tarte Tout Chocolat ร้านหวานละมุนที่เชียงใหม่ ผ่าดูจะเห็นเป็นชั้นๆ เปลือกเป็นแป้ง Pate Sucree อัลมอนด์ใส่ผงโกโก้ ขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งเป็น เนื้อเค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง (เป็นโครงสร้างของเนย ไข่และช็อกโกแลตละลายล้วนๆ) ชุบน้ำเชื่อมโกโก้ ขึ้นไปอีกชั้นเป็น ช็อกโกแลตกานาชแบบเข้มข้น ก่อนจะถูกเชฟตัดให้รสเบาลงด้วย Chocolate Mousse ที่เลยจากเปลือกขึ้นไป ก่อนจะปิดท้ายด้วยช็อกโกแลตเกลส ซึ่งจากรสชาติแล้ว น่าจะเป็นเกลสที่ทำจากช็อกโกแลตก้อน มากกว่าเพราะรสแน่นมาก ในขณะที่ความมันวาวน่าจะมาจากการใส่ แบะแซ (glucose syrup) จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 00:05:46

ความคิดเห็นที่ 14 มาถึงวันนี้ เชฟฝรั่งได้พัฒนาและขยายขอบเขตคำจำกัดความของคำว่า ganache ออกไป กล่าวคือ มิได้ อยู่แค่ที่วิปครีม ผสมกับ ช็อกโกแลตแต่อย่างเดียว แต่ บางครั้ง ganache ถูกทำจาก ช็อกโกแลตกับ fruit puree ดังเช่นในรูปนี้ Macaron Mogador ของเชฟ Pierre Herme ที่ไส้เป็นกานาชช็อกโกแลตนมที่ผสมกับ Puree เสาวรสโดยตรง มีเนย แต่ไม่มีวิปครีมในสูตร ซึ่งส่วนผสมที่ไม่มีวิปครีมนี้ ยังถูกเรียกว่า Ganache โดย เชฟระดับโลกอย่าง Pierre Herme ที่สารานุกรมทำขนมอย่าง LaRousse Gastronomique เชิญไปร่วมเขียนสารานุกรมขนม   ก็แปลว่า โลกของขนมมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปตลอด  จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 00:06:19

ความคิดเห็นที่ 15  เรามีรูปกานาชช็อกโกแลตดำและนมกันแล้ว รูปนี้คือกานาชช็อกโกแลตขาวค่ะ Macaron Pistache (มาคารงรสพิสตาชิโอ) ที่ดิฉันทำเอง โดยการทำกานาชช็อกโกแลตขาวกับวิปครีม แล้วตะล่อม Pistachio paste ตามลงไป จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 00:08:51

ความคิดเห็นที่ 16 สามรูปข้างบนคือการใช้งานกานาชช็อกโกแลตที่ปรุง “อย่างข้น” นะคะ ส่วนที่จะนำมาเคลือบหน้าขนมนั้น ต้องทำให้จางลงค่ะ และที่สำคัญคือ ควรจะมันเงา ในรูปคือขนม Plenitude ของ Pierre herme ค่ะ เกลซของเขาอยู่ในหมวดนี้ จะลองยกตัวอย่างสูตร chocolate glaze ของเชฟ Philippe Andrieu ร้าน Laduree มาให้ดูกันค่ะ 100 กรัม ช็อกโกแลตดำ  70% 80 กรัม แคร็ม แฟร็ช ถ้าหาไม่ได้ใช้วิปครีมแทน) 40 กรัม นมสดไม่พร่องมันเนย 20 กรัม น้ำตาลทราย 20 กรัม เนย ที่อุณหภูมิห้อง จะเห็นว่า เชฟ Andrieu ใช้ Ganache มาทำ Glaze (Glacage) นั่นเองโดยใช้นม เข้าไปทำให้ กานาชนั้นบางลง (บางกว่าจะใช้ วิปครีม หรือ แคร็ม แฟร็ชทั้งหมด) เพื่อจะได้ราดลงเคลือบหน้าเค้กแล้ว ไหลดี ราดง่าย และไม่หนาจับเป็นก้อน ทีนี้ถ้าเป็นกานาชช็อกโกแลตนมสำหรับ ทำเกลส สูตรของเชฟ Andrieu คนเดิมของเราก็ยังคง เอานมมาทำให้บาง แต่โดยรวมแล้วน้ำหนักของ ช็อกโกแลตนม (39%) ต่อ ครีม ต่อ นม คือ 150 g: 60g :30g จะเห็นว่าของเหลวน้อยกว่าช็อกโกแลต นั่นก็เพราะว่า ช็อกโกแลตนมเมื่อละลายแล้วเซ็ตตัวยากกว่าช็อกโกแลตดำ (เพราะปริมาณโกโกแมสต่ำกว่า) จึงไม่สามารถใช้ของเหลวด้วยได้เยอะ ส่วน เชฟ Pierre Herme นั้น ทำ ช็อกโกแลตซอสเหลวๆ ขึ้นมาจาก ช็อกโกแลตดำ น้ำเปล่า ครีม และน้ำตาล แล้วจึงเอา Chocolate Sauce ตัวนี้ไปผสมกับ ช็อกโกแลตกานาชสูตรเฉพาะของเขาอีกที ก็จะกลายเป็น Chocolate Glaze ของเขา ทีนี้ ข้อดีของ Glaze (ของเหลวที่ใช้เคลือบหน้าขนม) ที่ทำโดยพื้นฐานของ Ganache เหล่านี้ข้อดีคืออะไร ข้อดีคือรสชาติ แน่น อร่อย แต่ข้อเสีย คือ เวลาแช่ตู้เย็นนานๆ มันจะหน้าด้านขึ้นเรื่อยๆค่ะ โดยเฉพาะบ้านเราที่อากาศปกติร้อน เลยต้องเก็บขนมไว้ในตู้แช่ เอาออกมาหน้าด้าน ก็หมดงาม (เลี่ยงไม่ได้ให้ใช้ไดร์เป่าผมเป่าดูค่ะ มันจะกลับมางามเวาแวววับอีกครั้ง นอกเหนือจากการเอา ganache อย่างบางมาราดหน้าขนม เชฟทุกวันนี้ได้ทำ glaze เป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง เช่น Philippe Conticini ทำช็อกโกแลตดำ อย่างนี้ค่ะ 250 กรัม Neutral Glaze รุ่น Starfix IP40 (เมืองไทยสั่งได้จากบริษัท AEP Thailand มี แบะแซ น้ำ มี Pectin ฯลฯ เป็นส่วนประกอบ) 25 กรัม แบะแซ 20 กรัม cocoa powder ผงโกโก้ 50 กรัม น้ำเปล่า 9 กรัม น้ำเปล่า 10 กรัม ส่วนผสมเจลาตินน้ำ (เป็นวิธีผสมแยกออกไปเป็นอีกสูตรหนึ่งค่ะ ส่วนใหญ่จะน้ำ  5 ส่วน ต่อเจลาตินผง 1 ส่วน ผสมเสร็จค่อยเอามาสิบกรัม) จะเห็นว่าสูตรนี้ คล้ายกับที่ดิฉันให้ไว้ใน คห 3 คือ มีการใช้ แบะแซ น้ำเปล่า ผงโกโก้ และเจลาติน มาทำเกลซ (ส่วนตัว เกลซนี้หน้ามันวาวมากค่ะ แต่เปรี้ยว เกลส starfix สำเร็จรูปมากๆ รสชาติด้อยกว่าตัวอื่นเล็กน้อย) จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 00:11:36

ความคิดเห็นที่ 17 ในรูปนี้นะคะ คือ Tarte Infiniment Vanille ของ Pierre Herme ซึ่งใช้ฝักวานิลลจากสามแหล่งใหญ่ทั่วโลก (Madagascar, Tahiti และ Mexico) ขอข้ามส่วนอื่นไปก่อนนะคะ เรามาดูสีขาวๆที่เคลือบข้างบนกันค่ะ สูตรประมาณนี้ค่ะ 167 กรัม ช็อกโกแลตขาวยี่ห้อวาลโรน่า 75 กรัม วิปครีม 150 กรัม เกลซใสสำเร็จรูป 11 กรัม น้ำเชื่อม สูตร น้ำ 43 ต่อ น้ำตาล 57 (คือต้องทำนน้ำเชื่อมสัดส่วนนี้ก่อน แล้วแบ่งมาใช้แค่ 11 กรัม) 4 กรัม แบะแซ จะเห็นว่าในขณะที่เชฟ Herme ใช้เบสของกานาชในการทำเกลสช็อกโกแลตดำ พอมาถึงเกลสช็อกโกแลตขาว เขาก็ใช้วัตถุดิบที่เพิ่มความเงางาม (ที่คุณ Bagheera กังขาถึงขนาด “เซ”) อย่าง แบะแซ กับ เกลซสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของ น้ำเปล่า และ แบะแซ ด้วยเช่นกันค่ะ เกลซช็อกขาวตัวนี้ เชฟ Herme นำไปพลิกแพลงเป็นเกลซตัวอื่นอีกมากมายค่ะ เช่น เกลซกาแฟ เป็นต้นค่ะ ในขณะที่เกลซช็อกโกแลตขาวของ Philippe Conticini ใช้ทั้ง แบะแซ น้ำเปล่า นมข้นหวาน และเจลาตินในการทำงานกับช็อกโกแลตขาวค่ะ สุดท้ายขอจบด้วยสูตรเกลซช็อกโกแลตสูตรที่สองของตำราพื้นฐานโรงเรียน Cordon Bleu นะคะ มี Heavy Cream น้ำตาล แบะแซ และช็อกโกแลตค่ะ ในขณะที่ Fruit Glacage ของ Cordon Bleu (เกลซรสผลไม้) ทำจา เจลาติน น้ำเปล่า น้ำตาล และแบะแซ แล้วใส่ Fruit Puree ที่ต้องการเข้าไปค่ะ สรุปคือ ในการทำของมาเคลือบหน้าขนมเนี่ย สูตรมันมีเยอะมาก แล้วก็หลากหลายมาก ในขณะที่วงการขนมฝรั่ง (นำทีมโดยฝรั่งเศส) นั้นพัฒนาไม่มีวันหยุด ต้องคอยเปิดหูเปิดตาอยู่เสมอค่ะ ตัวดิฉันเองทำงานทางนี้มาหลายปี ยังไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งเลยค่ะ แต่ก็อยากจะหาญรับรองกันตรงนี้ว่า ด้วยความที่ทำเรื่องพวกนี้อย่างจริงจังทุกวัน ทั้งวันมาหลายปี เรื่องพื้นฐานอย่างกานาช หรือเกลซ มันฝังลึกในหัวจนดิฉันไม่มีทางจำพลาดแล้วค่ะ อย่า google ข้อมูลอะไรที่ยังไม่ผ่านการตกผลึกมาเถียงให้เหนื่อยเลย แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 54 00:20:32 จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 00:13:05

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 7     เด๋วมาตอบครับ   ตอนนี้ยังมิว่างครับ  ชอบครับ สนุกดีอีกแล้ว  อ้อ เข้ามาบอกว่า กำลังเดินทางอยู่ในแพรีสอ่ะนะครับกว่าจะกลับก็เย็นวันอาทิตย์   แล้วเจอกันครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 54 14:21:06 จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 13:34:35 ================================== โถๆ อุตส่าห์ดั้นด้นไปหาคำตอบให้ถึงที่นู้นเลย ซึ้งใจแทน จขกท. จริงๆครับ จากคุณ : Der Fuhrer of The Third Lanna เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 02:01:05

ความคิดเห็นที่ 19 ยิ่งศึกษา ยิ่งทำให้ความสุขในการกินมีมากขึ้น Bloomsbury, London แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 54 15:39:00 จากคุณ : อนารยชนโรแมนติก เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 02:16:22

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณทุกคนทุกความเห็นนะค่ะ และขอโทษที่เข้ามาช้าไปหน่อยค่ะ เพิ่งเสร็จภาระกิจค่ะ จะลองไปทำดูนะค่ะน่าสนใจหลายสูตรเลย แต่คงเป็นช่วงหลังกินเจแล้วจะมารายงานผลนะค่ะ และขอขอบคุณที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้กันค่ะ ปล. พี่จ๋าหายไปนานกลับมารีวิวบ้างไรบ้างนะจ๊ะ จากคุณ : lovelykoy เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 03:16:53

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ลึกซึ้งเลย น้องก้อย ไม่ได้คุยกันนานมากเนอะ :) จากคุณ : Bean Sprout เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 09:05:47

ความคิดเห็นที่ 22 โอ้ย เห็นแล้วน้ำลายไหล......... จากคุณ : lilycu เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 09:28:35

ความคิดเห็นที่ 23 ขอตรบมือให้คุณ  Marquise de Merteuil ที่ช่วยอธิบายให้ความรู้อย่างละเอียด^^ จากคุณ : mimitang เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 12:05:26

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ Marquise de Merteuil อธิบายละเอียดมากเลยค่ะ ได้เกร็ดความรู้ด้วยขอบคุณค่ะ ^_^ จากคุณ : เม่นน้อยลอยลม เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 12:42:14

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากๆค้าบบบ ตอบได้ละเอียดมากๆเลย ไขข้อข้องใจซะที จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 17:56:31

ความคิดเห็นที่ 26 วอนนาบีๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : นักต้มตุ๋น เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 54 20:38:47

ความคิดเห็นที่ 27 กลับมาแล้วครับ   ดีจังคนเกาะจอเต็มเลย  หลังจากอ่านท่ีคุณ  Mar de Mer พร่ำบรรยายโดยกล่าวอ้างถึงสถาบัญฝรั่งเศสอย่างอลังการ   ผมก็หาได้เกิดหลงไหลคล้อยตามแต่ประการใดไม่   ส่วนความเห็นของผมจะเป็นเช่นไร   ต้องใจเย็นๆ ติดตามต่อไปครับ   ขอไปพักผ่อนก่อนแล้วค่อยมาว่าต่อครับ จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 06:43:51

ความคิดเห็นที่ 28 เตรียมตัวกินยาแก้เมาเรือดีกว่า จากคุณ : rainbow (rainbow_chubby) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 10:00:33

ความคิดเห็นที่ 29 สงสัยจะแอบเอาสูตรไปลองทำก่อน จากคุณ : บายนา เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 10:24:50

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ Bagheera คะ ที่ดิฉันเขียนมา เป็น ข้อเท็จจริง (Fact) แบบมีหลักฐานยืนยันชัดเจนเป็นสูตรและหลักการการทำขนมของเชฟระดับโลก ที่ทำงานโดยมีเทคนิดพื้นฐานอย่างเดียวกัน ทำขนมออกมาด้วยความเข้าใจแกนกลางของการทำขนมที่คล้ายกัน นอกจากนี้ในกระทู้นี้ มีคนเป็นเชฟขนมสองคนมาออกความเห็น แล้วออกไปในทางที่สอดคล้องกันทั้งสองคน อีกทั้งยังสอดคล้องกับเชฟระดับโลกเหล่านั้นด้วย ดิฉันไม่ทราบว่าคุณ Bagheera ทำขนมในฐานะมืออาชีพ หรือทำกินที่บ้าน (ถึงไม่รู้จักการทำเกลซเคลือบหน้าขนมโดยมี น้ำ หรือ เจลาติน หรือ แบะแซเป็นส่วนประกอบ) แต่หวังว่า "ความคิดเห็น" ของคุณที่จะเอามาโต้แย้ง "ข้อเท็จจริง" ระดับสากล (universal fact) ที่ดิฉันยกมา จะมีน้ำหนักพอค่ะ เพราะถ้าเป็นแค่ "ความเห็น" แล้วยังไม่ดีพออีกเนี่ย ดิฉันไม่ไว้หน้าแน่ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 11:35:37 จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 11:11:01

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะคะ :) ปล คิดถึงพี่จ๋าเหมือนกานน จากคุณ : =เด็กเอ๋ยเด็กดี= เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 11:13:42

ความคิดเห็นที่ 32 คุณบายนา ขา สูตรที่ให้ประกอบการบรรยายหลายๆสูตรนั่น บางอันดิฉันไม่ได้ให้สัดส่วน และไม่มีอันไหนที่ดิฉันให้วิธีทำค่ะ เอาสูตรเชฟระดับโลกไปทำสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ได้งานที่ดีแน่ค่ะ เสียของเปล่าๆ :) แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 11:36:42 จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 11:16:38

ความคิดเห็นที่ 33 ตอนนี้เริ่มสับสนในความแตกต่างของ "เกลซ" กับ "ซอส" คับ ขอยกตัวอย่างขึ้นมาที่หลายๆคนน่าจะรู้จักดี เช่นส่วนผสมราดหน้าเค้กส้ม สูตรของแม่สลิ่ม ควรจะเรียกว่าอะไรดีคับ ส่วนผสม(ที่ใช้ราด) น้ำเปล่า น้ำส้มซันควิกเข้มข้น น้ำตาลทราย แป้งกวนไส้  (ตัวทำข้น) เนยสด (ทำให้ดูเงาและข้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อเย็นตัว) http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=monnira&month=11-2006&date=06&group=60&blog=1 ............... จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 13:20:00

ความคิดเห็นที่ 34 ลืมถามไปด้วยคับ คือคำว่า "พุดดิ้ง" อย่างชอคหน้านิ่ม ตามที่คุณ Bean Sprout พูดไว้ เป็นพุดดิ้ง (ผมเข้าใจว่าเพราะจุดประสงค์ไม่ได้ใช้เคลือบ แล้วก็ไม่มีความมันวาว ) จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 13:25:19

ความคิดเห็นที่ 35 ตอบ คห 33 ค่ะ เกลซ (glaze หรือ glacage) คืออะไรก็ตามที่ใช้เคลือบหน้าขนมเพื่อความ เงางาม หรือเพื่อให้ไม่แห้งเสีย ในกรณีของเกลซที่เคลือบหน้าทาร์ตผลไม้ เพราะฉะนั้น อะไรก็ตามที่เราเอามาเคลือบหน้าขนม ล้วนเรียกหลวมๆได้ว่าเป็น เกลซ ค่ะ เช่น เอากานาช มาทำเป็นเกลซ หรือเอา เยลลี่มาทำเป็นเกลซ (กรณีสูตรที่ใส่เจลาติน หรือเพคติน) บ้างก็เรียกว่า Mirroir แปลว่ากระจก มันมันเงาวาบเลยค่ะ หรืออย่างในรูปก็เอา ซอสที่สามารถแข็งตัวได้ มาใช้งานในลักษณะเป็น glaze ค่ะ ในเทคนิคทำขนมชั้น advanced ขึ้นไปจะไม่ค่อยใช้สูตรเกลซที่ใช้ แป้งข้าวโพดทำค่ะ มันไม่ค่อยอร่อย (ฮ่าๆๆ) และจะมีรสของแป้งเข้าไปรบกวนได้ (จะเห็นได้ว่า คุณ Bean Sprout ซึ่งเป็นเชฟขนมคนหนึ่ง ได้กล่าวไว้ว่า มันเป็น Pudding ชนิดหนึ่ง กินแล้วหนักท้องกว่า ใช้ เจลาตินเป็น Setting agent หรือตัวทำให้เซ็ตตัว อีกอย่างคือ การใช้แป้งข้าวโพด ต้องผ่านการกวน ซึ่งเสี่ยงต่อการตีอากาศเข้าไปในเกลซ เพราะเวล่มีฟองอากาศ เราเอาไปราดหน้าจะเห็นเป็นปุ่มๆ โปนๆ ได้ด้วยค่ะ (อันนี้ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่สูตรคุณแม่สลิ่มนะคะ เพียงแต่เล่าสู่กันฟังว่า ไม่เคยเห็นร้านขนมในฝรั่งเศสทำขนมแบบนี้แล้ว (Gaston LeNotre ปฏิวัติขนมฝรั่งเศสมาสี่สิบกว่าปีแล้วค่ะ ขนมที่มีแต่เนื้อแป้ง (เค้ก) จะไม่ค่อยเห็นแล้วในฝรั่งเศส รวมถึงการเคลือบหน้าด้วย glaze ที่ใช้แป้งข้าวโพดด้วย)) สรุปก็คือ อะไรก็เอามาทำ เกลซ ได้ค่ะถ้ามีคุณสมบัติเงางาม อร่อยและป้องกันเนื้อในไม่ให้แห้ง เกลซ ไม่ใช่ของตายตัวเลย (ดังที่ได้เอาสูตรสารพัดเชฟมากางให้ดูว่า มันแตกต่างกันไป หลากหลายมาก (แต่เห็นไหมคะว่าไม่มีใครเอาแป้งข้าวโพดมาทำ และในขณะเดียวกัน 80% เอา แบะแซมาใช้ทำเหมือนสูตรที่ดิฉันให้ใน คห 3 ) เพราะฉะนั้น ดิฉันถึงเลือกสูตรที่ใช้ ผงโกโก้ มาให้ตามที่ จขกท ระบุค่ะ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 13:45:46 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 13:39:36 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 13:38:28 จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 13:35:46

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบ คห 34 นะคะ ด้วยความที่ glaze เป็นคำหลวมๆ คนจะเอา pudding มาทำให้บาง และมีความเหลวหน่อย แล้วใช้เคลือบหน้าขนม ก็ย่อมทำได้เช่นกันค่ะ แต่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอก หรือรสชาติ เป็นอีกประเด็นที่ต้องพิจารณาด้วยค่ะ จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 13:37:21

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณคุณ Marquise de Merteuil  ที่ตอบแทนเรื่องพุดดิ้งนะคะ.. จะว่าไป พุดดิ้งจริงๆ มีหลายแบบอีก.. ที่เป็นเค้กในถ้วยเล็กๆ เอาไปนึ่งก็เรียกพุดดิ้ง. หรืออย่าง caramel custard แบบญี่ปุ่นเค้าก็เรียกกัน พุดดิ้ง.. เราไม่ใช่เชฟเก่งกาจอะไรนะคะ ก็อยู่ในช่วงเรียนรู้เหมือนกัน การเรียนรู้ไม่มีวันจบหรอกค่ะ.. เพียงแต่อันไหนที่มันใจว่าใช่ มันก็คือใช่อ่ะ จากคุณ : Bean Sprout เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 14:23:15

ความคิดเห็นที่ 38 ก็คนอังกฤษเรียก course ขนมว่า pudding อ่ะค่ะ แต่เสิร์ฟ ผลไม็ ก้ากก พุดดิ้งมีหลายแบบจริงๆค่ะ จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 15:00:16

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณเชฟ Marquise de Merteuil มากเลยคับ คนมีความรู้จริง จะสามารถให้ความรู้ได้ฉะฉานคับ แปลว่าผมที่ผมเข้าใจมานาน ก็ไม่ผิดเพี้ยนอะไร เพราะเคยอ่านเจอเชฟคนนึงที่ห้องก้นครัวได้อธิบายถึงเกลซไว้เหมือนกัน ซึ่งพูดเหมือนกับคุณ Marquise de Merteuil ว่าไว้เลยคับ แต่ตอนนี้ มางง เพราะคำพูดของคนบางคน ที่ไม่รู้ว่าเอาอะไรมาพูด จนป่านนี้ไม่เห็นมาชี้แจงอะไรซักอย่างเลย มาทำป่วนในกระทู้แล้วหายไปไหนก็ไม่ทราบ จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 16:25:41

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านแล้วนึกถึงคุณบุรุษหน้าเหล็กเลย ชอบมาทิ้งๆไว้แล้วก็ไป ขอโทษที่พาดพิงนะคะ จากคุณ : ไอฝนในป่าหนาว เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 16:34:30

ความคิดเห็นที่ 41 555  ชอบฉายามากครับบุรุษหน้าเหล็ก  เหมือนกับการตั้งตัวเป็นเชฟกันง่ายดีจังเลย  อาจารย์เมืองไทยก็เกลื่อนตั้งแต่หมอดูใต้ต้นมะขามจนถึงระดับด๊อกเตอร์   ผมไม่ใช่เชพครับและก็ไม่กลัวเสียด้วยเรื่องที่จะไม่ถูกไว้หน้าหรือเสียหน้า   ผมไม่เชื่อแค่การเข้ามาตอบกระทู้กันในบอร์ดว่านั่นคือคำตอบที่ถูกต้องเสมอไป     เห็นมาเยอะมากด้วยซ้ำว่าผิดมากกว่าถูก   และเอาเข้าจริงๆ  เราเอาความรู้มาจากต้นตำรับกันทั้งนั้น   อาหารฝรั่งก็ไม่ใช่คนไทยคิดค้น  มีไปเรียนมาบ้างแค่บ้างคนคอร์สสั้นๆ ก็กลายเป็นเชฟไปเสียแล้ว   คนที่เป็นเชพตัวจริงๆ ผมก็ยังไม่เคยเห็นเข้ามาตอบสักที    ฉะนั้นผมจึงเชื่อถือข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ใน leksikon  ที่ผู้เขียนแสดงตนเองเปิดเผย  สืบสาวประวัติและมีผลงานเปิดเผย   ไม่ใช่มาตอบกระทู้โดยใช้ชื่อแฝงแบบนี้   ฉะนั้นสำหรับผมแล้วการ research โดยกุูเกิ๊ลจึงน่าเชื่อถือที่สุด   ผู้ก่อการร้ายยังสร้างระเบิดได้จากการอ่านในอินเตอร์เนตเลยครับ   แน่นอนครับว่าคนอ่านต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่ด้วยเป็นพื้นฐาน   มิฉะนั้นอ่านไปลอกไปก็เท่านั้นแหละครับ   นกแก้วนกขุนทองเสียปล่าวๆ จากคุณ : ฺBagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 17:05:57

ความคิดเห็นที่ 42 ผมต้องยอมรับว่า  การทำความรู้จักอาหารที่เรียกว่า แบะแซในภาษาไทยของผมนั้นไม่ถูกต้อง   แบะแซที่ผมเคยเห็นสมัยก่อนคือลักษณะน้ำตาลข้นหนึบหนับ  เอาไว้ทำอาหารที่ต้องการความหวานมากๆ และต้องการความเหนียวหนืดเช่น ตังเม หรือ candy ต่างๆ   เนื่องจากการใช้แบะแซจะถูกกว่าใช้น้ำตาลและให้ความหวานเต็มที่โดยไม่ตกผลึกเหมือนน้ำตาล   โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบะแซที่ผลิตจากจีนและของเมืองไทยที่ใช้วัตถุดิบจากแป้งสาลีและแป้งมันสำปะหลังยิ่งทำให้นึกภาพไม่ออกมาจะเอามาใช้ในการทำเบเกอรี่ หรือ patisserie ได้ยังไง แบะแซ หรือ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า glucose syrup นั้นผมจึงรู้จักแต่ในชื่อที่ใช้เป็น synonyme กันคือ  corn syrup  เนื่องจาก glucose syrup ที่มีคุณภาพดีนั้นต้องทำจากแป้งข้าวโพด  จึงเป็นที่มาของการเรียกชื่อ corn syrup   และเนื่องจากมีหลายเกรดตามค่าของ DE (dextrose equivalent)   จึงมีการน้ำ corn syrup ชนิด DE ต่ำ  เข้ามาใช้ในการทำให้ glaze มีมันแวววาว  และไม่เสียความมันวาวอย่างรวดเร็วเมื่อแช่ในตู้เย็น เดี๋ยวมาต่อครับ    ใจเย็นๆ ครับสำหรับกองเชียร์ทั้งหลาย    การตอบของผมอาจช้าไปบ้างเนื่องจากภาระกิจประจำวัน (ที่ไม่ใช่เชฟ  เป็นแค่ลูกมือขายข้างแกงใต้สะพานลอยสียมนี่เอง) แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 17:31:53 จากคุณ : ฺBagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 17:19:46

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าคุณ Bagheera ไม่ว่าง ก็แปะลิงค์ Google ทิ้งไว้ให้พวกเราอ่านแทนก็ได้ครับ ไหนๆมันก็ไม่ได้มาจากหัวของคุณซะหน่อย จากคุณ : Der Fuhrer of The Third Lanna เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 17:27:35

ความคิดเห็นที่ 44 จะรออ่านนะ จากคุณ : mimitang เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 17:29:13

ความคิดเห็นที่ 45 เปิดฉากมาก็มั่วเลยนะคะ Corn Syrup เป็นแค่ glucose syrup ชนิดหนึ่งค่ะ (เรียกตามวัตถุดิบ) แต่ glucose syrup ไม่ใช่ corn syrup ค่ะ ไม่ใช่ synonym กันแน่นอน แค่พอใช้แทนงานกันได้เฉยๆ  ปกติคนที่เรียก corn syrup แทนที่จะเรียกว่า glucose syrup มีแต่คนอเมริกัน ซึ่งคุณ Bagheera อยู่ที่ยุโรปไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงใช้ศัพท์อเมริกันไปได้ขนาดนั้น หรือเพราะ google มันเสิร์ชหาความหมายไปเจอความหมายจากเว็บ อเมริกัน? อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ประเด็นของกระทู้เลยค่ะ ประเด็นก็คือ ทำไมคุณถึงโจมตีว่า ไม่สามารถทำเกลซช็อกโกแลตจากผงโกโก้ ครีม เจลาติน glucose และน้ำเปล่าได้  (ย้อนกลับไปดู ดห 3 ของดิฉันนะคะ ว่าได้เรียกว่า Glucose แล้ว วงเล็บไว้ว่า แบะแซ ซึ่งคุณไม่ควรงงอย่างที่คุณพยายามงงแล้วค่ะ ส่วนเรื่องแบะแซที่คุณเข้าใจว่า ใช้ทำขนมที่ต้องการความหนืดอย่างตังเม คุณเข้าใจถูกแล้วค่ะ คุณไม่ได้เข้าใจผิดเลย แต่คุณ "ไม่รู้" ต่างหากว่าเขาใช้ทำขนมฝรั่งด้วย โดยเฉพาะเกลซที่ต้องการความหนืด (คุ้นๆเหมือนความต้องการของตังเมไม๊คะ) แล้วก็ความแวว) แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 18:04:06 จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 17:37:01

ความคิดเห็นที่ 46 คห  43   ก็ต้องใช้สมองตัวเอง search เองสิครับ   หัดพัฒนาระดับเบื้องต้นก่อนครับ  มิฉะนั้นก็จะเป็นโรคสมองง่อยเชื่ออะไรง่ายๆ   5555    ประเทศไทยไม่เจริญก็เพราะคนไทยเชื่ออะไรกันง่ายๆ แบบนี้เยอะแหละครับ คุณ Marquise ก็แคบเหลือเกิน   มั่วไปได้แบบมั่นใจ  ทำอาหารฝรั่งเศสเป็นก็เลยได้นิสัยแบบฝรั่งเศสมาด้วย  Arrogant!   แถมยังทำตัวเสียมารยาทเป็นสายลับอีกตังหาก  แอบไปดู IP ผมมา   5555   ผมอยู่ยุโรปก็จริงและโคตรเหง้าผมอยู่เมกาครับ   ก็ผมบอกไปแล้วนี่ครับว่า  glucose syrup  ทำว่าจากวัตถุดิบที่เป็นแป้งชนิดต่างๆ   และที่อเมริกาเรียก cornsyrup เป็น syononym มันผิดตรงไหนมิทราบ   The more general term glucose syrup is often used synonymously with corn syrup, since glucose syrup is most commonly made from corn starch. จากคุณ : ฺBagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 19:27:04

ความคิดเห็นที่ 47 ดิฉันมั่ว?  ตำราเชฟในยุโรปเขาเรียกกันแต่ glucose ไม่มีใครเขาเรียก corn syrup หรอกค่ะ มีแต่คน อเมริกันอย่างที่บอก เพราะประเทศเขาผลิตข้าวโพดเยอะ เพราะฉะนั้นการที่คุณซึ่งอยู่ยุโรป และวางท่าเหมือนเชี่ยวชาญการทำขนม จะไม่รู้จัก glucose แต่ รู้จักแค่ corn syrup นั้น ฟังไม่ขึ้นค่ะ สันนิษฐานได้อย่างเดียวว่าเพิ่งไปเปิด google มา  ส่วนเรื่องคุณอยู่ยุโรป เห็นไปคอยแก้แกรมมาร์เยอรมันชาวบ้าน กับเสนออาหารประจำแคว้น ใส่เจ้าของกระทู้คนอื่น บวกกับเรื่องที่บอกว่าเดินทางอยู่ "แพรีส" ผนวกกับเรื่องเวลาโพสแต่ละครั้งของคุณก็พอเดาได้ค่ะ ไม่ต้องไปดู IP หรอกค่ะ เพราะดูไม่เป็น (เห็นไหมคะ อะไรที่ดิฉันไม่รู้ไม่เป็นก็บอกตรงๆ ไม่ใช่วางฟอร์มว่ารู้ไปหมดทุกเรื่อง แต่หลังไมค์คอย google มาสู้)  ส่วนประโยคที่เป็นภาษาอังกฤษนั่นมาจากอินเตอร์เน็ทสินะคะ มีอะไรที่ไมได้ลอกเขามาสดๆบ้างคะเนี่ย แล้วคุณทำตัวเหมือนอ่านหนังสือไม่แตกนะคะ ที่ดิฉันเขียนไว้ว่า corn syrup เป็น glucose ชนิดหนึ่ง แต่ glucose ไม่ใช่ corn syrup  คิดตามดีๆค่ะ แล้วจะรู้ว่าดิฉันไม่ได้พูดผิดซักคำเดียว ตกลงประเด็นของกระทู้นี้ คุณจะตอบหรือยังคะ ว่าทำไม ไม่สามารถทำ chocolate glaze จาก ผงโกโก้ เจลาติน น้ำเปล่า ครีม และ glucose ได้??? และทำไมคุณถึงไม่เชื่อแนวทางของเชฟ สามสี่คนที่ดิฉันอ้างอิงสูตร?   รีบตอบนะคะ ดิฉันอาจจะเสียเวลารอ แต่คุณน่ะเสียราคามามากแล้ว แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 19:46:54 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 19:45:15 จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 19:42:29

ความคิดเห็นที่ 48 อ่านวิวาทะด้านบน แล้วก็เกิดความสงสัย ว่าที่ยกข้อความมาตอบเป็นคุ้งเป็นแควนี่ Bagheera เคยลงมือทำขนมจริง ๆหรือว่าทำขนมเป็นกะเขาบ้างไหม จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 19:43:15

ความคิดเห็นที่ 49 ก็ผมแจกแจงไปแล้วว่าแบะแซที่รู้จัก  มันไม่ใช่ลักษณะเดียวกับ  glucose syrup ที่ใช้ใส่ในการทำ glaze ประเด็นเรื่องการทำ glaze  ด้วยใช้ผงโกโก้   ผมตรวจสอบแล้วปรากกว่า   การทำ chocolat glaze นั้นทำได้ด้วยผงโกโก้จริงๆ   มีสูตรพร้อมวิธึทำปรากฏอยู่มากมาย   แต่จากสูตรหลายสิบที่ผมดูมานั้นไม่มีเรื่องเจลาตินกับน้ำเปล่าให้เห็น   ตามสูตรของคุณผมก็จะยังไม่เชื่อตราบใดที่ไม่มีหลักฐานพิสูจนให้ผมเห็นผลงานปรากฏชัดประจักษ์ตา     แม้แต่ที่คุณส่งรูปสวยงามมามากมายนั้น  ก็ไม่ได้พิสูจน์อะไรได้เลยว่าเป็นของแท้ของเทียม  ของทำเอง   ของคนอื่นทำ   นอกจากนั้นแล้ว   คุณบอกเองว่าสูตรนั้นไม่อร่อย  การทำสูตรอาหารได้แปลกไม่เหมือนใครแต่ไม่อร่อย  แล้วเอาสูตรมาประกาศ???   การเอาสูตรของเชฟใหญ่ระดับอินเตอร์มาลง   แต่ไม่ให้รายละเอียดวิธีในการทำโดยอ้างว่า ทำไปก็ไม่สำเร็จ    เพียงแค่จะบอกว่า  ฉันรู้นะ   ถามจริงๆ ครับเกิดประโยชน์กับใครมั่ง?    งงครับสำหรับคนที่เรียกตัวเองว่าเชฟแล้วมีทัศนคติการทำอาหารแบบนี้ จากคุณ : ฺBagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 19:45:50

ความคิดเห็นที่ 50 ที่เอาสูตรเชฟใหญ่มาลง แต่ไม่ได้ใส่วิธีทำมาด้วย เพราะมันไม่ใช่ประเด็นหลักของข้อความดิฉันค่ะ ประเด็นคือต้องการให้เห็นส่วนประกอบ และสัดส่วนระหว่างส่วนประกอบแต่ละชนิด แล้วคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างคุณ จะได้สำนึกเสียบ้างว่า เชฟเขาก็ใช้ วัตถุดิบอย่าง แบะแซ เจลาติน น้ำเปล่า ทำอาหาร นี่ต้องอธิบายด้วยเหรอคะ ทำไมคนอื่นเขาเข้าใจกันตั้งแต่ตอนดิฉันโพสต์ไปเมื่อวาน? จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 19:49:44

ความคิดเห็นที่ 51 แปลกแฮะ ผมก็ไม่ใช่เชฟ ไม่เคยเรียนทำอาหารคับ เรียนออกแบบมาเลยไม่กล้าพูดมาก เพราะผู้รู้มีคับ แล้วผมก็ไม่ใช่ผู้รู้ ถึงผมจะศึกษามาด้วยตัวเองตลอดก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้มีอาจารย์เป็นตัวเป็นตน ก็อาศัยอ่านเอา แล้วถ้าเจอผู้รู้ก็ได้โอกาสถามเอาคับ แต่เห็น คุณ Bagheera บอกว่าไม่ใช่เชฟเหมือนกัน ก็แอบงงว่าทำงานอะไรเกี่ยวกับเรื่องอาหารรึเปล่า ถึงกล้าพูดขนาดนั้น (อย่าเอาแต่ google คับ) ผมไม่สนหรอกว่าจะขายข้าวแกงหรือทำอะไรอยู่ แต่คุณก็บอกเองนี่คับ "ฉะนั้นสำหรับผมแล้วการ research โดยกุูเกิ๊ลจึงน่าเชื่อถือที่สุด   ผู้ก่อการร้ายยังสร้างระเบิดได้จากการอ่านในอินเตอร์เนตเลยครับ " "แน่นอนครับว่าคนอ่านต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่ด้วยเป็นพื้นฐาน   มิฉะนั้นอ่านไปลอกไปก็เท่านั้นแหละครับ   นกแก้วนกขุนทองเสียปล่าวๆ " ผมว่าข้อความมันขัดๆกันกับที่คุณทำนะคับ สรุปแล้วคุณมีความรู้ที่ตกผลึกแล้วบ้างรึยัง ในถ้านะคนทั่วไปเหมือนกันนี่แหละคับ หรือว่าคุณได้จากการเก็บข้อมูลจาก google เฉยๆคับ เพราะถ้าเทียบแล้ว ข้อมูลที่สามารถอ้างอิงถึงได้ เมื่อถูกคิดวิเคราะห์ โดยกลั่นกรองจากบุคคลที่มีความรู้ในด้านนี้ ดูจะมีน้ำหนักมากกว่ากแค่การอ้างถึงข้อมูลลอยๆนะคับ ถ้าแค่ google ใครๆก็อ่านได้คับ ไม่ต้องลำบากมาตอบหรอกคับ แปะลิงค์ไว้เลยก็ได้ ที่ทุกคนกำลังต้องการคือความรู้ที่ผ่านการกลั่นกรองจากผู้รู้ในด้านนี้ แล้วสามารอ้างอิงได้ จะผิดจะถูกก็ไม่ว่ากัน ผมว่าหลายๆคนก้มีวิจารณญาณพอที่จะเลือกเชื่อในข้อมูล แต่สิ่งที่คุณพูด โปรดแสดงให้เห็นได้ อย่างที่ได้พูดไว้ด้วยคับ ไม่ใช่มาพูดปาวๆ เพราะไปเจอข้อมูลอะไรมา โดยไม่ได้กลั่นกรองด้วยความคิดบ้างเลย แล้วจะบอกว่าผิด ทำไม่ได้ แบบนั้นมันไมใช่  พูดแล้วมันฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่นัก เรื่อง กลูโคสไซรัป ถ้าผมมองแบบคนธรรมดาไม่ได้รู้ภาษาเชฟ แต่ก็เคยเรียนเคมีมาบ้าง ผมมองว่ากลูโคสคือชื่อเรียกตามสารประกอบนะคับจากคำว่ากลูโคส ส่วนจะเป็นคอร์นไซรัป แบะแซ น้ำตาล น้ำเชื่อมอะไร ผมก็มองว่าเป็นกลูโคสคับ ถ้าฟังที่คุณ Marquise de Merteuil พูดไว้ว่า "Corn Syrup เป็นแค่ glucose syrup ชนิดหนึ่งค่ะ (เรียกตามวัตถุดิบ) แต่ glucose syrup ไม่ใช่ corn syrup" ดูจะสมเหตุสมผล และมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่านะคับ ระวังนะคับ ข้อมุลในเน็ต ถ้าไม่มีความรู้ ถ้าเราไม่มีความรู้จะหลงเอาได้ง่ายคับ เชื่อไว้ครึ่งนึง แล้วถามจากผู้รู้เพื่อทำความเข้าใจไม่ใช่เรื่องน่าอายคับ แต่ถ้าเชื่อมั่วๆไปจนตาย ผมว่าน่าอายกว่านั้นมากโขเลย ยิ่งเถียงแบบลอยๆ ผมว่าคนที่ไม่ใช่เชฟอีกหลายๆคน คงมีวิจารณญาณพอที่จะแยกแยะคับ จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 19:50:19

ความคิดเห็นที่ 52 ดิฉันไม่ได้บอกว่า สูตรใน คห 3 ไม่อร่อย แต่มันเป็นเรื่องต้องบอกกันว่า ใช้ ช็อกโกแลตก้อนรสชาติดีกว่าใช้ผงโกโก้ แต่ในเมื่อ จขกท อยากได้สูตร ที่ใช้ผงโกโก้ แล้วมันมีคนที่เอาแต่ say no no no no no no ใส่เข้าของกระทู้อย่างคุณมาตอบ ดิฉันก็ต้องเอาสูตรที่ไม่ได้ใช้มานาน มาให้ เพราะมันตรงกับที่เข้าของกระทู้เขาต้องการ นี่คุณเข้าใจอะไรยากไปหน่อยไหมคะ จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 19:51:31

ความคิดเห็นที่ 53 คห 48    Guzzie    อาจทำเป็นหรือไม่เคยทำเลยก็ได้   แต่ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกันนี่ครับ จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 19:52:40

ความคิดเห็นที่ 54 "ฉะนั้นสำหรับผมแล้วการ research โดยกุูเกิ๊ลจึงน่าเชื่อถือที่สุด" เห็นข้อความนี้ก็ขำละ ไปอยู่ส่วนไหนของยุโรปมาครับ ถ้าเรียนที่นั้นหรือทำงานแถวนั้น ไม่ได้ไปเที่ยวเฉยๆ ก็น่าจะรู้ว่า google เป็นสิ่งต้องห้ามในการค้นหาข้อมูล นอกจากจะเอาข้อมูลต่างๆเหล่านั้นมาจาก หน่วยงานหรือองค์กรที่น่าเชื่อถือ ถ้าไม่ใช่ปกติเขาจะไม่เชื่อถือข้อมูลนั้นนะครับ เพราะใครๆก็เขียนบทความบน internet ได้ ไม่งั้น Marquise de Merteuil คงไม่อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลหรอกครับ ยังไงรบกวนเพิ่มเติมแหล่งที่มาของข้อมูลด้วยนะครับ จากคุณ : badboy4 (badboy4) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:00:08

ความคิดเห็นที่ 55 เรามาอ่านเพราะชอบกินขนม แต่ทำไม่เป็นและไม่ชอบทำด้วย ฮ่า   แต่เมื่อเห็นข้อความว่า"ฉะนั้นสำหรับผมแล้วการ research โดยกุูเกิ๊ลจึงน่าเชื่อถือที่สุด"   ทำให้ตกใจมากคะ ไม่ต้องบอกหรอกเน๊อะว่าทำไม 5555 เราก็ใช้กูเกิ้ลบ่อยมาก  แต่ระดับความน่าเชื่อถือคงไม่สามารถใช้คำว่า "ที่สุด" ได้จริง ๆคะ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 20:08:27 จากคุณ : สายสร้อย เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:05:32

ความคิดเห็นที่ 56 ปลื้มครับที่คุณ Marquise  คอยตามอ่านการตอบกระทู้ของผม    แต่ผมว่าคุณ exaggerate  อีกตามเคยที่ว่า   ผมวางฟอร์มรู้ไปหมดทุกเรื่องเนื่องจากผมตอบกระทุ็น้อยมากกกกกกก   เพราะเรื่องที่ผมสนใจคนไม่ค่อยตั้งกระทู้กัน    กระทู้ที่ผมตอบหมายถึง   ผมต้องเห็นแตกต่างจากคนอื่น   และพร้อมที่จะยืนหยัดในความคิดของผม    ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั่นเป็นสิ่งที่ผมยอมรับได้ และผมจะยังคงลักษณะนี้อยู่ต่อไปอย่างมั่นคง ก็ผมบอกแล้ว  (อีกแหละ)ว่า   ผมเชื่อในการรีเสริชของผมเองที่มาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้   ไม่ใช่จากการตอบกระทู้ของเชฟ (ตั้งเอง)   หรือนายหมู  นางแมว  หลากหลายร้อยชื่อ   คนเดียวกันมาตอบกันได้เป็นร้อยชื่อ ไม่เคยซ้ำกัน   แล้วจะให้ผมเชื่อหรือครับ? ที่ คห 51  ว่ามาผมก็เห็นด้วยครับ   ว่าทุกคนมีวิจารณญานของตนเอง   คุณจะสนับสนุนหรือเยินยอสรรเสริญใครก็ตามสบายเลยครับ   ผมไม่ขัดข้อง   พลอยยินดีไปเสียด้วยซ้ำ คุณ Marquise นี่ดูท่าจะเข้าใจอะไรยากนะครับ จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:07:17

ความคิดเห็นที่ 57 คุณ Bagheera ครับ พออ่าน คห 53 แล้ว เกิดความสงสัยว่าคุณจะตอบคำถามในสิ่งที่คุณไม่รู้ทำไม ในกรณีที่ไม่เคยทำนะครับ จากคุณ : badboy4 เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:11:33

ความคิดเห็นที่ 58 คห 53 คุณมีสิทธิ์คิดไม่เหมือนได้ แต่เวลาที่คุณคิดจะโต้แย้งฝ่ายที่เขาเอาทั้งพยานหลักฐาน ข้อมูลแบบมีที่มาที่ไป พร้อมทั้งประสบการณ์ ทั้งรูปประกอบที่ทำเอง และจากเชฟเจ้าของสูตรมายืนยันเนี่ย คุณต้องมีหลักการและหลักฐานมาโต้แย้ง หักล้างอีกฝ่ายได้สิคะ ถึงจะมีสิทธิ์มาเถียง ดิฉันเพิ่งเข้ามาตอบกระทู้นี้ในพันทิปเป็นกระทู้แรกในชีวิต เพราะอยากรู้จักแลกเปลี่ยนพูดคุยกับคนชอบทำขนม/อาหาร บอกตรงๆว่า เจอคนพฤติกรรมแบบคุณดิฉันผิดหวังมาก คุณ Bagheera ทราบไหมคะว่าตอนนี้มี เชฟอย่างน้อย 3 คนที่อยู่ในกระทู้เล็กๆนี้ และทุกคนมาจากคนละที่ เรียนมาจากคนละสถาบัน บางคนทำอาหารและขนมมาเป็นยี่สิบปี จนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่เขาไปแล้ว ในขณะที่บางคนก็เป็นถึงเชฟขนมจากเมืองนอก หรือมีร้านขนมอยู่เป็นหลักเป็นแหล่งและมีชื่อเสียง... ถ้าคุณจะไม่รับความรู้ของเชฟเหล่านี้ ก็เปิดโอกาสให้คนที่สนใจเถอะค่ะ จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:11:53

ความคิดเห็นที่ 59 วันนี้คุณ Bagheera ทำให้ดิฉันเข้าใจความหมายของคำนี้อย่างถ่องแท้มากๆค่ะ ต้องขอบคุณจริงๆค่ะ  กาก จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:16:13

ความคิดเห็นที่ 60 คนฉลาดต้องเข้าใจให้ได้้ด้วยคับ ไม่ใช่แค่ยอมรับเป็น ก็ไม่รู้ว่าทำไมแค่ทำความเข้าใจ สำหรับบางคนมันยากมากเลยเนอะ ขออ้างถึงคำพูดหน่อยนะคับ "ประเทศไทยไม่เจริญก็เพราะคนไทยเชื่ออะไรกันง่ายๆ แบบนี้เยอะแหละครับ" ผมก็ว่างั้น เชื่ออะไรง่ายๆ แต่ไม่เข้าใจอะไรเลย ท่าจะจริง จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:16:28

ความคิดเห็นที่ 61 คห  54  ครับ  ยืนยันอีกครั้งว่า   สำหรับผมนะครับ   กูเกิ๊ลน่าเชือถือที่สุดเมื่อเทียบกับ   no name ที่ไหนก็ไม่รู้มามั่วกันอยู่ในบอร์ด    แต่ยกเว้นในภาคภาษาไทยนะครับ   เห็นด้วยว่าผิดบ่อยมาก     เห็นด้วยอีกเหมือนกันว่าข้อมูลในอินเตอร์เนตไม่ใช่จะถูกต้องไปหมด    แต่สามารถ cross check กันได้     อ้อ  ผมอยู่ยุโรปส่วนที่พัฒนากว่าเมืองไทยครับ   ล่วงหน้าไปหลายสิบปีทีเดียว   ความคิดผมจึงอาจจะไม่เหมือนคนไทยนะครับ   น่าหมั่นไส้หน่อย   แต่คงไม่เป็นไรนะครับ คห  55   ตกใจมากเลยเหรอครับ?   ขวัญเอย  ขวัญมา   อิ อิ จากคุณ : B (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:18:02

ความคิดเห็นที่ 62 ลืมบอกไป ว่าอย่าลืมว่าเราก็คนไทยคับ อย่าคิดเป็นอื่นไกล มองที่คน ดีกว่ามาเหมารวมคับ เพราะคนไทยเหยียดคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าจะโตที่ไหน อยู่ที่ไหน เค้าเรียกว่าลืมกำพืดคับ จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:18:33

ความคิดเห็นที่ 63 เห็นมาเยอะ กับพวก ego สูงคับ ที่จริงเค้าก็อยู่ในสังคมได้ แต่ก็อยู่กับความคิดของตัวเอง ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย ว่าโลกเป็นยังไง สังคมเป้นยังไง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดคับ สิทธิส่วนบุคคล ไว้อาลัยให้กลุ่มคนพวกนี้คับ หวังว่าซักวันคงจะพบกับความจริง แต่ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องนั้นคับ มันเป็นเรื่องที่อยู่ในที่คุณพูดไว้ใน คห 4 คับ จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:23:03

ความคิดเห็นที่ 64 คห  54  ครับ  ยืนยันอีกครั้งว่า   สำหรับผมนะครับ   กูเกิ๊ลน่าเชือถือที่สุดเมื่อเทียบกับ   no name ที่ไหนก็ไม่รู้มามั่วกันอยู่ในบอร์ด    แต่ยกเว้นในภาคภาษาไทยนะครับ   เห็นด้วยว่าผิดบ่อยมาก     เห็นด้วยอีกเหมือนกันว่าข้อมูลในอินเตอร์เนตไม่ใช่จะถูกต้องไปหมด    แต่สามารถ cross check กันได้     อ้อ  ผมอยู่ยุโรปส่วนที่พัฒนากว่าเมืองไทยครับ   ล่วงหน้าไปหลายสิบปีทีเดียว   ความคิดผมจึงอาจจะไม่เหมือนคนไทยนะครับ   น่าหมั่นไส้หน่อย   แต่คงไม่เป็นไรนะครับ คห  55   ตกใจมากเลยเหรอครับ?   ขวัญเอย  ขวัญมา   อิ อิ คห  59   ยินดีที่รับรู้ครับ   เชฟ 3 คน   แต่สำหรับผมแล้วมีความหมายน้อยนิด   ก็ได้รู้ตามที่เขียนมานั่นแหละครับ   แต่เอาไปทำประโยชน์อะไรไม่ได้    อ้อ   กากหมูนั่นดูน่ากินดีนะครับ   คงทำกินเองบ่อย   ขอให้อร่อยนะครับ จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:25:18

ความคิดเห็นที่ 65 สำหรับผมนะครับ   กูเกิ๊ลน่าเชือถือที่สุดเมื่อเทียบกับ   no name ที่ไหนก็ไม่รู้มามั่วกันอยู่ในบอร์ด   >>> แล้วคุณ  B นี่ถือว่า No name  ไหมคะถึงต้ฃองใช้กูเกิ้ลมา support การเซิร์สหาข้อมูลถือว่าเป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งเท่านั้นเองในการความรู้  แต่ถ้าคุณนั่งอยู่หน้าคอมแล้วคิดว่าข้อมูลท่ี่คุณค้นมาน่าเชื่อถือเพราะมีแหล่งที่มาอ้างอิงเพียงอย่างเดียวทั้ง  ๆ หากไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ   ดิชั้นอยากทราบว่าแล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าแหล่งอ้างอิงที่เขาลงในนั้นมัน"จริง" แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 20:28:45 จากคุณ : สายสร้อย เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:26:17

ความคิดเห็นที่ 66 ประเทศไหนที่เค้าพัฒนา แต่คนอยู่ไม่พัฒนา เค้าก็เรียกว่าคนด้อยพัฒนาคับ ประเทศไทยยังมีคนที่พัฒนาแล้วอีกเยอะคับ หรือจะเป็นคนไทยที่อยู่ต่างแดน แล้วคิดว่าตัวเองจะพัฒนาตามประเทศเค้า ก็มีคับ แต่ความจริงเป็นเช่นไร ทุกการกระทำจะพิสูจน์ตัวมันเองคับ จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:28:18

ความคิดเห็นที่ 67 คห  62  ,  63   คุณอาจจะแปลคำว่า ego   แตกต่างไปจากที่ผมเข้าใจอีกแหละครับ    การที่ใครจะมีความเห็นแตกต่างจากคนอื่นมันไม่เห็นเกี่ยวกับ ego ตรงไหนนี่ครับ    ทำไมผมต้องเห็นเหมือนคุณด้วย?  มิเข้าใจ กำพืดหรือครับ?   ผมล่ะอยากจะลืมมันจริงๆ ถ้าทำได้   ถ้าผมบอกว่าผมลืมมันไปแล้ว   ผมคงโกหกคำโต    ผมใช้คำว่า   อยากลืมมันน่าจะดีกว่า จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:29:59

ความคิดเห็นที่ 68 ขอโทษนะคะดิชั้นไม่ได้มีเจตนามาชวนทะเลาะหรืออะไร พูดตรงๆ  ว่าการแลกเปลี่ยนความรู้กัน  หรือมารยาทในเว็บบอร์ดเรื่องการแชร์ความรู้กับคนอื่น หรือการแสดงความเห็นกับคนที่เห็นไม่ตรงกับเราน่าจะต้องใช้ความใจกว้างพอสมควร... ถ้ามาตอบแล้วต้องตอบไปเหน็บไป...มันรกบอร์ดเปล่า ๆ  คนมีความรู้จริง ๆ หลายคนเจอคนแบบนี้แล้วก็ไม่อยากมาแชร์ความรู้ด้วยเพราะมันน่ารำคาญคนแบบนี้แหละ จากคุณ : สายสร้อย เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:31:03

ความคิดเห็นที่ 69 คห 61 ส่วนไหนอะครับ พอดีผมเรียนโทจบจากอังกฤษและ เขาไม่ให้ใช้ข้อมูลจาก google เพราะมันไม่น่าเชื่อถือ ผมก็เลยอยากได้แหล่งที่มาว่าคุณใช้ google หาแล้วเอาข้อมูลมาจากไหน จะได้รู้ว่าที่คุณบอกและ Marquise de Merteuil อันไหนน่าเชื่อถือมากว่ากัน ยิ่งคุณคิดไม่เหมือนคนไทยเนี้ย ยิ่งไม่น่าเชื่อว่าเด็กที่โตในยุโรปจะเชื่อข้อมูลจาก google โดยไม่อ้างอิงแหล่งที่มา เพราะการเรียนของเขาไม่ยอมรับข้อมูลที่ได้จาก google เลย นอกจากจะมาจากเวปที่น่าเชื่อถือเท่านั้น นอกจากนี้คนในยุโรปกล้าแสดงเหตุผล และข้อมูลที่ใช้อ้างอิงในสิ่งที่เขาเชื่อ และกล้าที่จะฟังความเห็นที่แตกต่าง และกล้าที่จะยอมรับถ้าความเชื่อของตนเองมันไม่ถูก และพร้อมที่แก้ไข สุดท้ายผมก็ไม่เห็นว่าส่วนไหนของยุโรปจะเจริญกว่าไทยห่างไปหลายสิบปีขนาดนั้น เลยไม่ทราบว่าคุณไปอยู่ส่วนไหนของยุโรปมากันเนี้ย อยากไปเห็นบ้าง จากคุณ : badboy4 เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:40:02

ความคิดเห็นที่ 70 คห  65    จริงหรือไม่   น่าเชื่อถือหรือไม่   ก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหา   สำหรับผมแหล่งข้อมูลที่มีชื่อ ตัวตนคนที่อยู่จริง   และผลงานที่ประจักษ์     อาหารการกิน  ใครทำ  ใครเขียนก็บอกว่าอร่อย   ดีเลิศ   ก็แล้วเราได้กินสัมผัสรสจริงๆ กันหรือก็เปล่า   ใครทำก็บอกอร่อย  เยี่ยม   ไม่มีใครเทียบ    ผมจะคล้อยตามว่าจริงหรือไม่   ก็กลับไปสู่ที่เดิมอีกแหละครับ   อยู่ที่วิจารณญานของแต่ละคน คห  66   ที่คุณว่านั้นถูกต้อง   ประเทศไหนที่พัฒนา   แต่ถ้าคนที่ไป "อาศัย" อยู่ไม่พัฒนาตามก็เรียกว่าด้อยพัฒนา   เยอะมากจริงๆ ครับ   คุณคิดว่าประเทศด้อยพัฒนาหลายประเทศนี่ขาดคนทีเคยไปอยู่ประเทศพัฒนาแล้วหรือครับ? จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:43:11

ความคิดเห็นที่ 71 คห  68 นี่เราก็ไม่ได้ทะเลาะกันเลยนะครับ   ทั้งทางคุณทั้งหลายแหละผม    เพราะเราไม่ได้ด่ากันสักคำนี่ครับ     ผมก็แย้งกลับไปในทุกประเด็นที่แต่ละคนตั้งขึ้นมาทั้งสิ้น    คนที่แน่ใจว่าตนเองให้ประโยชน์แก่คนอื่นได้   ต้องเป็นคนที่มีเหตุผลและระดับสติปัญญาถึงขั้นที่จะพิจารณาได้     ผมบอกแล้วบอกอีกว่า  นี่เป็นความคิดเห็นของผม   ไม่ได้เกี่ยวกับว่าใครผิดหรือถูก    ถ้าใครรำคาญแล้วไม่มาตอบนั่นก็เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล   คห  69   ผมยืนยันว่ายุโรปพัฒนากว่าไทยหลายสิบปี   เอาเรื่องเดียวเป็นตัวอย่างนะครับ   เรื่องการโกง    เดี๋ยวจะออกนอกเรื่องเสียอีก จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 20:55:41

ความคิดเห็นที่ 72 คห 71 ยืนยันได้ครับ ขอหลักฐานด้วยนะครับ เพราะผมก็ไปมาหลายที่ในยุโรป เรียกว่าไปมามากกว่าในเมืองไทยอีก ผมอาจจะอยู่ยุโรปมานานไม่เท่าคุณ แต่พวกผมก็ทำอะไรหลายๆอย่างที่คนไทยที่อยู่ที่นั้นเป็นสิบปีไม่เคยทำ ผมเลยอยากรู้ว่าส่วนไหนอะครับ จากคุณ : badboy4 เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:02:36

ความคิดเห็นที่ 73 คห 67 คับ ทุกคนมีอิสระทางความคิดคับ และมีอิสระที่จะเลือกยอมรับ ผมไม่ได้บอกนี่ครับ ว่าทุกคนต้องเห็นพ้องกัน ผมมองว่าคนที่มี ego  ไม่ว่ามากหรือน้อย ก็คือมี และคงจะดีถ้าคนเหล่านั้นรู้ัจักการเข้าใจด้วย มากกว่าจะทำแค่การยอมรับ เพราะมันไม่ได้ทำให้สติปัญญาพัฒนาขึ้นเลย ดีแต่จะทำให้ ego สุงขึ้นไปทุกวัน อ้างถึงที่คุณ Bagheera กล่าวไว้ "ก็ผมบอกแล้ว  (อีกแหละ)ว่า   ผมเชื่อในการรีเสริชของผมเองที่มาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้   ไม่ใช่จากการตอบกระทู้ของเชฟ (ตั้งเอง)   หรือนายหมู  นางแมว  หลากหลายร้อยชื่อ   คนเดียวกันมาตอบกันได้เป็นร้อยชื่อ ไม่เคยซ้ำกัน   แล้วจะให้ผมเชื่อหรือครับ?" จากข้อความนี้ ผมก็ไม่สามารถบังคับให้ใครเห็นด้วย หรือไม่ได้บอกให้เห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกับคุณ และก็ไม่ได้บอกอีก ว่าให้ทุกคนเชื่อที่ใครที่ว่าไว้ได้คับ แต่ผมพูดให้คนเชื่อในเหตุผล อยากให้ทุกคนที่มีความเข้าใจ ที่มาจากกระบวนการคิด ผ่านการวิเคราห์ด้วยสมอง เท่าที่แต่ละคนจะพึงมี และจะได้คำตอบอย่างที่ควรจะเป็นแน่นอน แต่ไม่เห็นด้วยกับการเชื่อข้อมูลที่ผ่านการค้นหาจากแหล่งข้อมูลใดก็ตามที่ไม่ผ่านกระบวนการทางความคิดคับ คนที่ทำวิจัย นอกจากเค้าจะทำการรวบรวมข้อมูลแล้ว ยังต้องผ่านกระบวนการทางความคิดของผู้วิจัยด้วยครับ ซึ่งใครจะคิดเหนตรงกันกับผู้วิจัยหรือไม่นั้น ก็ไม่สามารถบังคับได้เช่นกัน ประเด้นสำคัญคือทุกคำพูด และทุกกระบวนทางความคิด ที่ผ่านตรรกะมาแล้วของผู้วิจัย ก็สามารถอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของข้อมูลได้ ให้ทุกคนได้สามารถศึกษา และเลือกรับฟังได้คับ จะเชื่อ หรือไม่เชื่อ เห็นต่างอย่างไรก็อยู่ที่ตัวเค้าไม่ใช่ให้นายหมู นางแมวมาพูดแล้วก้เชื่อคับ มันอยู่ที่ผล และหลักฐานที่ปรากฏออกมา ผมเห็นว่าคนเราจะพัฒนาได้ ต้องใช้สมองคิดวิเคราะห์คับ ไม่ใช่เชื่อในข้อมูลอย่างเดียว (หรือคิดว่าอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ตนเองจะพัฒนาไปด้วย) ที่ผมพูดไว้ว่า"ไว้อาลัยให้กลุ่มคนพวกนี้คับ หวังว่าซักวันคงจะพบกับความจริง" ตอนนั้นผมพูดในภาพรวมน่ะคับ กับการใช้ชีวิต ต้องขออภัยหากนอกประเด็นไป เอาเป็นว่ากลับเข้ากระทู้กันดีกว่านะัคับ เรื่องนี้มันไม่ใช่ความเข้าใจอย่างเดียวนะคับ เพราะงั้นคุณจะเห็นต่างยังไงผมไม่สน   เพราะที่เรากำลังพูดถึงในที่นี้ ก้เพื่อค้นหาความจริง แบบที่คนที่พัฒนาและเจริญแล้วพึงกระทำคับ ไม่ใช่การพูดลอยๆ บอกว่าชั้นเชื่ออย่างนี้ ชั้นจะเชื่อ  เธอไม่เชื่อ เรื่องของเธอ กรุณาแสดงความจริงให้เห็นคับ อย่างมีเหตุผล อย่าลืมว่าเราไม่ได้พูดเรื่องความเชื่ออยู่ เราพูดถึงความจริงคับ ผมมองว่าคนไม่เชื่อในความจริง แต่กลับใช้ความเชื่อชักนำตน ใช้แค่การยอมรับ โดยปราศจากเหตุผลโดยมีพื้นฐานมาจากความจริงที่ปรากฏ บุคคลนั้นคือพวกมี ego สูงคับ จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:04:53

ความคิดเห็นที่ 74 ลืมตอบไป เรื่องกำพืด คุณจะลืมหรือไม่ลืมก้สิทธิส่วนบุคคลของคุณคับ ห้ามไม่ได้ ขอให้โชคดีคับ ยังคงยืนยันว่าประเทศไหนๆที่พัฒนาแล้ว ไม่ได้แปลว่าทุกคนเป็นบุคคลที่พัฒนาแล้วคับ จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:07:55

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านมาถึงตรงนี้ขอคิดดังๆว่าอิฉันไม่ได้ประโยชน์จากคุณ Bagheera ในเรื่องคำถามของเจ้าของกระทู้ แต่ขอโหวตเพื่อให้คนอื่นได้ประโยชน์จากข้อมูลของคุณ Marquise de Merteuil ก็แล้วกัน จากคุณ : นางสาวส้มแป้น เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:08:59

ความคิดเห็นที่ 76 เราชอบคุณ Nomask อ่ะ ;D จากคุณ : Bean Sprout เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:10:25

ความคิดเห็นที่ 77 "ประเด็นเรื่องการทำ glaze  ด้วยใช้ผงโกโก้   ผมตรวจสอบแล้วปรากกว่า   การทำ chocolat glaze นั้นทำได้ด้วยผงโกโก้จริงๆ   มีสูตรพร้อมวิธึทำปรากฏอยู่มากมาย   แต่จากสูตรหลายสิบที่ผมดูมานั้นไม่มีเรื่องเจลาตินกับน้ำเปล่าให้เห็น   ตามสูตรของคุณผมก็จะยังไม่เชื่อตราบใดที่ไม่มีหลักฐานพิสูจนให้ผมเห็นผลงานปรากฏชัดประจักษ์ตา" หามาให้แล้วค่ะ กล๊าซกระจก    เลื่อนลงไปล่างๆนะคะถ้าอยากเห็นวิธีทำhttp://www.bloggang.com/mainblog.php?id=italian-brandname&month=20-11-2007&group=19&gblog=4 ส่วนผสม วิปปิ้งครีม 60 กรัม น้ำเปล่า 75 กรัม น้ำตาลทราย 90 กรัม ผงโกโก้ 30 กรัม เจลาติน 1 1/2 แผ่น กลูโคส 15 กรัม อีกสูตร http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=justrelax&month=26-05-2008&group=4&gblog=7 วิปปิ้งครีม 360 กรัม น้ำตาล 540 กรัม ผงโกโก้ 180 กรัม น้ำเปล่า 410 กรัม เจลาติน 35 กรัม ( ประมาณ 14 แผ่นใหญ่ หรือ 28 แผ่นเล็ก ) จากคุณ : เจซอง เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:15:22

ความคิดเห็นที่ 78 อันนี้ยอมอายเอารูปที่ตัวเองทำจากสูตรในลิงค์ที่ 2 ด้านบนมาให้ดู   ทำออกมามันไม่ค่อยสวยเลยไม่ได้ส่งการบ้านซักที   พอจะช่วยยืนยันสูตรเกลซที่คุณ Marquise de Merteuil  ลงไว้ด้านบนได้ไหม  เพราะส่วนผสมคล้ายๆ กัน จากคุณ : เจซอง เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:19:47

ความคิดเห็นที่ 79 เห็นละหิวเลยครับ กำลังลดน้ำหนักอยู่เลย T___T จากคุณ : badboy4 เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:24:21

ความคิดเห็นที่ 80 มูสชอคเคลือบเกลซของคุณแก้มชิ้นนั้นน่าทานมากคับ ยังจำได้ดี เคยตาม blog เค้าอยู่ช่วงนึง นานมากแล้ว ทำขนมได้สวยมากทุกอย่างเลย ที่จริงตอนแรกๆที่พูดถึงเกลซชอคโกแลต ก็นึกึงขนมชิ้นนี้ขึ้นมาครับ เพราะภาพยังติดตาอยู่ เพียงแต่ว่าจำไม่ได้แล้ว ว่าใครทำเอาไว้ เพราะส่องไว้เยอะ 555 @คุณ Bean Sprout  มาช่งมาชอบ เขินนะคับ 55 จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:36:45

ความคิดเห็นที่ 81 ชอบ สูตรขนมที่ได้มาจากเชฟมากเลยค่ะ แต่ไม่เข้าใจว่า คนไม่รู้ความ กลับมาแสดงตนเหมือนรู้ดี ...​ โดยบอกแหล่งข้อมูลที่ มาจาก search engine แห่งหนึ่ง เทียบกับผู้รู้ระดับเชฟ หลากหลายคน ..​ใครจะน่าเชื่อกว่ากัน กันแน่ ปวดหัวกับการอ่านถกที่ไร้สาระ เถียงกันหน้าหนาๆมากเลย ยังไง ขอจดสูตรอย่างเดียวนะคะ ปวดหัวค่ะ จากคุณ : lilycu เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:37:26

ความคิดเห็นที่ 82 ความรู้มีมากมาย สุดแท้แต่ใครจะตาแหลมหยิบใช้เอา.. แต่ก็นะ.. กากเพชร หรือเพชรแท้ แลๆด้วยหางตาก็เห็น แยกแยะไม่ยากหรอก จากคุณ : ว่านน้ำ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:39:23

ความคิดเห็นที่ 83 ถ้าจำไม่ผิด คุณแก้มไม่ได้อยู่ในเมืองไทย แล้วก็ได้ครูดี เพราะคนสำคัญในครอบครัวเป็นเชฟด้วย (จำผิดต้องขออภัย แอบอ้างถึงเฉยเลย 555) จากคุณ : nomask เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:40:53

ความคิดเห็นที่ 84 ประเทศกะลานี่อยู่แถวไหนของทวีปยุโรปครับ จากคุณ : Der Fuhrer of The Third Lanna เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:41:14

ความคิดเห็นที่ 85 คห 84     ผมคิดว่าน่าจะอยู่ใกล้ๆ คุณน่ะครับ อิ อิ จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:54:18

ความคิดเห็นที่ 86 คห   81   หน้าหนาเหมาะสำหรับการทำ glaze ครับ   จดไปเถอะครับสูตรน่ะ   ทำได้แล้วรีวิวนะครับ คห  82  ผมยังไม่รู้เลย  ว่าคุณมีความรู้เรื่องดูเพชรหรือปล่าว? จากคุณ : ฺ (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:57:18

ความคิดเห็นที่ 87 คห  75   ไม่แปลกอะไรครับ   ผมยังไม่ได้ประโยชน์จากกระทู้นี้สักเท่าไหร่เลย จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 21:58:53

ความคิดเห็นที่ 88 บางคนก็เกรียนดีเนอะ ยังไม่ทันถึงวันพระเลย แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 22:01:06 จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:00:23

ความคิดเห็นที่ 89 คห   73    ก็ไม่เป็นไรครับ    ego เป็นความคิดของคุณ    ความเห็นเป็นสิทธิ์ของผม   ใครคิดว่าได้ประโยชน์ก็เอาไปลองทำดู   เพียงแต่ผมไม่เชื่อว่าใครจะทำได้   มีสูตรก็เท่านั้นแหละครับ    หนังสือตำรามีขายกันเป็นพันเป็นหมื่น   ยังทำกันไม่สำเร็จเลย   ถ้าบอกว่าไปเรียนโดยเห็นมากับตาจริงล่ะ  ผมเชื่อว่าทำได้      ย้ำอีกที  ใครชื่นชอบ  ยินดีปรีดา   ก็ลองทำดูสิครับ  ทำสำเร็จผมก็ยินดีด้วย จากคุณ : ฺBagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:07:30

ความคิดเห็นที่ 90 จริงๆ ต้องขอบคุณคุณ Bagheera ด้วยนะคะ ที่มีส่วนทำให้ คุณ Marquise de Merteuil ต้องมานั่งพิมพ์ข้อมูลต่างๆ มากมายในกระทู้นี้ ไม่งั้นคงจบที่สูตรแรกแน่ๆ   ข้อมูลกระทู้นี้มีประโยชน์มาก ข้อมูลแน่นมากๆ รู้จริง รู้ลึก เราก็พอเข้าใจคุณ  Bagheera นะคะ ที่จะไม่เชื่อ ไม่ยอมรับคำว่า "เชฟ" ในกระทู้นี้ จริงๆ เราก็ไม่เคยกล้าเรียกตัวเองว่า เชฟ เลยค่ะ จนกระทั่งจดหมายรับรองการทำงานจากที่ทำงาน (ไม่ใช่ในไทย) เขียนระบุตำแหน่งเราว่า Pastry Chef ค่ะ จากคุณ : Bean Sprout เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:08:01

ความคิดเห็นที่ 91 บางคนนอกจากเกรียนแล้ว ยังโกร๋นอีกนะครับ คุณ Marquise   โดยเฉพาะวันโกน  รูปโดนใจมากเลยครับ อิ อิ คห   90   อ้อ  หนึ่งใน 3 เชฟ   หึ หึ  ยินดีด้วยครับสำหรับความสำเร็จ   อย่าลืมช่วยเหลือให้คนอื่นๆ ได้ความรู้ด้วยนะครับ   แต่ขอให้บอกแล้วทำได้จริง แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 22:19:33 จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:12:17

ความคิดเห็นที่ 92 A little knowledge is a dangerous thing. May God bless you. จากคุณ : badboy4 เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:15:04

ความคิดเห็นที่ 93 ความคิดเห็นที่ 86 คุณรู้หรือไม่รู้.. มันก็เรื่องของคุณ ไม่มีผลต่อความรู้ของดิฉัน และความเชื่อมั่นที่คนอื่นมีในดิฉัน จากคุณ : ว่านน้ำ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:17:03

ความคิดเห็นที่ 94 คห   93   คงจะมีเยอะเลยนะครับไอ้ที่ว่ามาทั้งสองอย่างนั่น จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:22:16

ความคิดเห็นที่ 95 เฮ้อ .. กระทู้เนื้อหาดี ๆ กลายเป็นกระทุ้น่ารำคาญ เพราะความคิดบ้า ๆ อะไรไม่รู้ ของคน ๆ เดียว .. หนักไหมคะ ที่คุณแบก (Bag) เอาไว้น่ะ จากคุณ : believe เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:25:15

ความคิดเห็นที่ 96 คห   93   มีน้อย มีมาก   ก็แล้วแต่จะคิดครับ   เอ้อ  ผมไม่มีพระเจ้าเสียด้วย   แต่ก็ยินดีรับพร  ขอบคุณครับ   พระเจ้าคุ้มครองคุณเช่นกัน จากคุณ : ฺBagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:25:16

ความคิดเห็นที่ 97 จากคุณ : ว่านน้ำ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:26:22

ความคิดเห็นที่ 98 คห  95   เบา สบายดีนี่ครับ   ผมล่ะเป็นห่วงว่าคุณไปแบกมันเอาไว้ทำไม จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:26:58

ความคิดเห็นที่ 99 ขอบคุณค่า จริงๆ การเป็น หรือไม่เป็นเชฟ มันก็ไม่ได้สำเร็จอะไรนะคะ ..ทำได้จริงค่ะ :) จากคุณ : Bean Sprout เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:31:25

ความคิดเห็นที่ 100 ตั้งแต่อ่านมา คุณ Bagheera เกรียนจริง อะไรจริง ! จากคุณ : ไข่เจียวสีเขียว เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:40:34

ความคิดเห็นที่ 101 Log in มาโหวต เพื่อสูตรขนม  (ไม่เคยกิน) จากคุณ : TumOhyes เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:42:56

ความคิดเห็นที่ 102 หึหึ... อิฉันสมเพชคุณว่ะค่ะ Bagheera จากคุณ : นางสาวส้มแป้น เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:43:13

ความคิดเห็นที่ 103 ห้องไร้สังกัดก็มี คุณ Tiny nuu เป็นเจ้าพ่อ Google เถียงข้าง ๆ คู ๆ โดยการยกข้อความ รูปภาพ บทความ เอามาแถ โดยมิให้เครดิตแม้แต่น้อย นี่ลามมาห้องก้นครัวแล้วเหรอเนี่ย ไอ้โรค เจ้าพ่อ Google .................... ด้านบนก็ทำให้ดูแล้วไงคะว่าทำได้ แล้วคุณ B ทำไมไม่หาหลักฐานมาล่ะคะ ว่ามันทำไม่ได้หรือไม่ได้เรียกแบบที่ทุกคนเข้าใจ คุณ B มั่นใจเหลือเกินว่าความรู้ที่ได้มาจากการเสิร์ซหาถูกต้อง แล้วทำไมคนอื่นเขาจะชื่อความรู้ที่เขาได้ยิน ได้เห็น ได้ลองลงมือทำบ้างไม่ได้ คัดลอกขัอความมาแปะ หลัง ๆ มาก็ไม่ได้มีสาระอะไรเลย นอกจากอ่านคอมเม้นท์แล้วก็แขวะกลับ มาตัวเปล่าก็กลับไปแบบตัวเปล่าเถอะคะ จากคุณ : เด็กหลังส้วม เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:45:25

ความคิดเห็นที่ 104 เอิ่มมมมม คุณ Bagheera น่าจะลองทำตามสูตรของ ดร.กูเกิ้ลเอามาเปรียบเทียบกับของเชฟ Marquise de Merteuil ก่อนนะคะจะได้ทราบ "สิบรู้ไม่สู้ลงมือทำ" ค่ะ แต่ขอปักธงเลยว่าเราเชื่อเชฟนะคะ จากคุณ : เม่นน้อยลอยลม เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:47:04

ความคิดเห็นที่ 105 คห  100   ขอบคุณครับ    เห็นพพระเอกในรูปเกรียนแล้ว   ผมงี้อายเลยครับ คห  102   ผมน่ะทั้งสมเพชและเวทนาคุณเป็นอย่างมาก  คุณนางสาวส้มแป้น   แหมชื่อแสนจะโบราณโรแมนติก จากคุณ : B (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 22:48:40

ความคิดเห็นที่ 106 ปล่อยให้ท่านผู้นั้นดิ้นในกระทู้นี้ไปคนเดียวเถอะ ในเมื่อแก้วน้ำมันล้นแล้ว จะใส่อะไรลงไปก็ไม่รับหรอก จากคุณ : บายนา เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 23:02:14

ความคิดเห็นที่ 107 แหะๆ เถียงกันทำไมคะ งง ขอบคุณจขกท ขอบคุณผู้รู้ทุกท่าน เข้ามาเซฟ  หาความรู้อย่างเดียวเลยค่ะ แหะๆ จากคุณ : ยาหยีผีเบอะ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 23:08:18

ความคิดเห็นที่ 108 เข้ามางง เป็นกระทู้แนะนำไปแล้วเหรอนี่ จากคุณ : Sara K. เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 23:08:30

ความคิดเห็นที่ 109 คห   106   ดีแล้วครับที่คิดได้   ถึงแม้ว่าคิดว่าเป็นคนอื่นก็เถอะ  ยังดีที่รู้ตัว จากคุณ : Bagheera (Bagheera) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 23:10:21

ความคิดเห็นที่ 110 ไม่มีอะไรจะบอก  นอกจากสมเพชคนแบบ bagheera    อย่าไปใช้คำว่าเกรียนเลย   มันน้อยไป   น่าจะใช้คำว่า    ดักดาน น่าสมเพช  กาก จากคุณ : arty (artybr11) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 23:16:59

ความคิดเห็นที่ 111 glucose syrup หรือ liquid glucose เป็นผลิตภัณท์ที่เเปรรูปมาจาก เเป้ง ต่างๆ ช่วยทำให้ลักษณะอาหารข้นเหนียวขึ้น ซึ้ง ถ้าทำมาจากเเป้งข้าวโพด ก็จะเรียกว่า  corn syrup ซึ่ง แบะแซ ถ้าจำไม่ผิด ตอนเรียน อ.จะบอกว่าทำมาจากเเป้งมันสัมปะหลัง ส่วน Glucose คือน้ำตาลชนิดหนึ่ง ที่มีโมเลกุลเดี่ยว สรุป corn syrup เป็นส่วนหนึ่งของ glucose syrup เเละทั้งหมด คือ glucose ในรูปเเบบของเหลว นี้คือข้อมูลเท่าที่จำได้จากการเรียนมาน่ะครับ ถ้าผิดตรงไหนก็ขออภัยด้วยครับ เพิ่งเรียนได้ปี 1 เอง ข้อมูลจึงยังไม่ใช้เบื้องลึกครับ ถ้าอยากได้ข้อมูลเบื้องลึก เเนะนำให้เข้าไปศึกษาที่ห้องสมุดคณะอุตสาหกรรมเกษตร ม.เกษตรได้เลยครับ ข้อมูลเยอะมาก ป.ล.ขอร้องเถอะครับ ขอให้กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ถกเถียงกันในด้านความรู้จะดีกว่า อย่าให้กลายเป็นการทะเลาะเพื่อความสะใจเลยครับ เเล้วคนหลังๆที่ตามมาว่า หรือเมามันในการว่าคนอื่น ถือว่าเป็นคำขอร้องจากเด้กคนหนึ่งเถอะครับ อย่าเลย มันไม่ได้มีอะไรดีกับตัวคุณเลย รังเเต่จะสร้างความร้อนใจให้กับตนเองเสียมากกว่า เเล้วก็ทุกคนเลยครับ อยากให้ยอมรับฟังความเห็นคนอื่นบ้าง เเล้วก้พยายามเข้าใจกัน เเต่ไม่ได้หมายความว่าให้ล่ะจุดยืนของตัวเองน่ะครับ เเต่เป็นการใช้เหตุผลในจุดยืนของตัวเองอย่าเหมาะสม น่าจะดีกว่า สุดท้าย อย่าหาว่าผมสอนเลยน่ะครับ ผมก็เป็นเเค่เด็กเล็กๆในสังคมใหญ่ๆคนหนึ่งเท่านั้น ถือว่าบอกกล่าวเเนวคิดล่ะกันครับ จากคุณ : เด็ก อก. ปี1 (ShiningGreenfrog) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 23:19:44

ความคิดเห็นที่ 112 ใครมีที่แงะกะลาบ้างม่ะฮะ อยากได้มาแงะที่ครอบบนหัวใครบางคน จากคุณ : นักต้มตุ๋น เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 23:20:24

ความคิดเห็นที่ 113 อุตส่าห์ยอมเอาพิมเสนมาแลกเกลือ เพราะนึกว่าเกลือที่เห็นอาจเป็น fleur de sel ที่ไหนได้ นอกจากจะไม่ใช่ fleur de sel แล้ว ยังแย่ยิ่งกว่าเกลือสินเธาว์... ผิดหวังๆ  แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 23:37:21 จากคุณ : Marquise de Merteuil เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 23:36:11

ความคิดเห็นที่ 114 เห็นกระทู้นี้เมื่อวานก่อน ยังงงอยู่ว่าทำไมขึ้นกระทู้แนะนำ พอมาอ่านถึงได้เข้าใจ เราเองก็ทำขนมนะคะ แต่ไม่เคยเรียน ก็เอาสูตรมาจากพี่ๆในก้นครัวนี้ทั้งนั้น มีทั้งกินได้กินไม่ได้บ้างตามประสาคนเพิ่งหัดทำ (รวมที่ทำจริงๆไม่ถึงปี) อะไรที่ผิดพลาดก็ตั้งกระทู้ถาม เวลาตอบความคิดเห็นอะไรก็จะออกตัวไว้ก่อนเลยว่าเราไม่ได้ร่ำเรียนมา หากมีผิดถูกอะไรก็ต้องขออภัย แต่นี่อะไรกัน ขนาดคนที่ไม่เคยร่ำเรียนเป็นจริงเป็นจริงกลับอ้างความรู้ที่ได้จาก google ว่าเชื่อถือได้มากที่สุด ถ้าอย่างงั้นโลกเราคงไม่ต้องมีโรงเรียนแล้วล่ะค่ะ เรียนเอาจาก google ก็คงพอ หรือว่าคุณBagheeraได้ศึกษามาอย่างโชกโชนจากสถาบันgoogleคะ เราอยากทราบ ว่าได้วุฒิอะไรมาเหรอคะ bachelor of Google อ้ะเปล่า อิ อิ จากคุณ : NiS*Za เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 23:43:36