ความคิดเห็นที่ 1 ตีสูตรไหน ไฟเท่าไหร่ แล้วอบไฟแบบไหนคะ จากคุณ : missingyouner เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 23:03:28

ความคิดเห็นที่ 2 อบน้อยไปรึป่าวคะ? รบกวนขอรายละเอียดสูตรด้วยนะคะ จากคุณ : chocolat au lait เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 23:34:18

ความคิดเห็นที่ 3 แป้งสาลี 150 g ผงฟู ครึ่งช้อนชา เบกกิ้งโซดา ครึ่งช้อนชา เกลือ ครึ่งช้อนชา น้ำตาลทราย 160กรัม เนย 90 กรัม กล้วย สองลูก ไข่ สองฟอง โยเกิร์ต หนึ่งถ้วย แต่ไม่ได้ใส่เบกกิ้งโซดาค่ะ ผสมทุกอย่างรวมกันนำไปอบค่ะ สองร้อยองศา ประมาณ30-45นาทีค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (candy style) เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 00:37:43

ความคิดเห็นที่ 4 คงช่วยไรมากไม่ได้เพราะเพิ่งหัดทำเหมือนกันค่ะ แต่เห็นว่าไม่ใส่เบกกิ้งโซดาน่าจะมีผลเยอะ แล้วก้อใส่รวมไปเลยก้อน่าจะด้วย เราทำตามสูตรแม่สลิ่มที่ดัดแปลงมาจากคุณเดียร์ง่ายมากทำสองครั้งออกมาดีทั้งสองครั้งค่ะ น้องสาวบอกทำไมง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เค้กกล้วยหอม แม่สลิ่ม ---คอมเมนท์หลัง---เป็นของเรานะคะไม่ใช่แม่สลิ่ม ส่วนผสม แป้งสาลีบั วแดง 180 กรัม ผงฟู 1/2 ช้อนชา เบกกิ้ งโซดา 3/4 ช้อนชา น้ำตาลทราย 190 กรัม---  ใส่ไป175 เพราะใม่ชอบหวานมากและกล้วยเราก้องอมมากจนดำ เกลือ 1/2 ช้อนชา น้ำมั นพืช 170 กรัม ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์ 0)--- เราใช้ฟองเล็กก้อสองฟองค่ะ กลิ่นวานิลลาหรือกลิ่นกล้วยหอม 1 ช้อนชา--- เรามีแต่กลิ่นใบเตยเลยใส่ไปครึ่งชช หอมนวลๆดีซะงั้น กล้วยหอมสุกงอมบดละเอียด 200 กรัม--- เราใส่ไป244 gm กล้วยสองใบพอดี นมสด (จืด) 60 กรัม โยเกิร์ต (รสธรรมชาติ) 40 กรัม--- ไม่มีเลยใส่นมสดแทน40gm & บีบมะนาวใส่กล้วยไป3/4 ชต วิธีทำ 1. อุ่นเตาอบอุณหภูมิ 200-210 องศาเซลเซียส ไฟบนและล่าง ไม่เปิดพั ดลมกระจายความร้อน ---เตาเรามีแต่ไฟล่าง แล้วต้องให้เตารอนได้ที่จริงๆไม่งั้นไมขึ้นฟูสวย 2. วางกระทงกระดาษหรือกระทงอลูมินั มฟอล์ ยลงในพิมพ์ อลูมิเนียมที่ขนาดเหมาะสมกั น แล้วเรียงไว้ในถาด 3. ชั ่งแป้ง ตวงผงฟูและเบกกิ้ งโซดา ร่อนรวมกั น 2 ครั้ง ใส่ชามผสมใบกลาง 4. ชั ่งน้ำตาล ใส่เกลือ เทลงในของแห้ง ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากั น พั กส่วนนี้ไว้ 5. ปอกกล้วยหอมแล้วหั ่นเป็นชิ้นย่อม ๆ ใส่ชามผสมใบเล็ก 6. เทโยเกิร์ตและนมสดลงไป ใช้ที่บดกล้วยบดให้ละเอียดและเข้ากั น 7. เติมกลิ่นกล้วยหอมหรือกลิ่นวานิลลาลงในส่วนผสมกล้วยบด คนให้เข้ากั น พั กส่วนนี้ไว้ 8. ชั ่งน้ำมั นพืชให้ได้ตามสูตร ตอกไข่ไก่ 2 ฟอง ใส่ชามผสมใบเล็ก 9. คนด้วยส้อมหรือตะกร้อมือให้น้ำมั นพืชและไข่เข้ากั นดี 10. เทส่วนของไข่และน้ำมั นพืชลงในของแห้ง 11. คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากั น ไม่เห็นผงแป้งแล้วหยุดคนเลย พยายามกวาดตะกร้อมือให้ถึงก้ นชามผสม ส่วนผสมจะข้นและหนืดมาก ไม่ต้องตกใจค่ะ 12. เทส่วนของกล้วยที่บดไว้ลงไป โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง 13. ใส่ครั้งแรกลงไปแล้วคนด้วยตะกร้อมือพอเข้ากั น อาจจะยั งไม่เข้ากั นดี ไม่เป็นไรค่ะ 14. ใส่กล้วยบดส่วนที่เหลือลงไป คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากั นดี ส่วนผสมจะเหลว ไม่หนืดค่ะ 15. ตั กใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ให้เกือบเต็มถ้วย เหลือพื้ นที่ขอบถ้วยไว้ 2-3 มิลลิเมตร 16. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 200-210 องศาเซลเซียส ไฟบนและล่างไม่เปิดพั ดลมกระจายความร้อน 10 นาที 17. ครบ 10 นาทีแล้ว ลดอุณหภูมิของเตาอบลงเหลือ 180 องศาเซลเซียส ยั งคงไม่เปิดพั ดลม อบต่อจนเค้กสุก เช็คสุกโดยใช้ไม้จิ้มฟั น จิ้มตรงกลางเค้ก ยกไม้จิ้มฟั นแล้วไม่มีเศษเค้กแฉะ ๆ ติดขึ้นมาค่ะ 18. เค้กสุกแล้วนำออกจากเตา พั กไว้บนตะแกรง 5 นาที แล้วหยิบออกจากถ้วยวางผึ่งบนตะแกรงจนเย็น Baking Tips แม่หลิ่มทำได้ 18 ถ้วย ขึ้นกั บขนาดถ้วยด้วยนะคะ อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ กล้วยหอมที่แม่หลิ่มใช้ไม่งอมมาก แม่หลิ่มเลยใส่น้ำตาลทราย 190 กรัม ถ้าได้กล้วยหอมงอม ๆ แบบเปลือกดำแล้วใส่ 180 กรัมก็ น่า จะพอแล้ว ไม่เช่นนั้นเค้กจะหวานไป ขั้นตอนการบดกล้วยหากชอบแบบละเอียดเลยจะใช้เครื่องปั ่นน้ำผลไม้ปั ่นให้ละเอียดเลยก็ ได้ค่ะ ขั้นตอนการนำขนมเข้าอบแล้วให้ได้หน้าปูดแบบนี้ ที่สำคั ญคืออุณหภูมิในเตาอบต้องถึง 200-210 องศาเซลเซียส แล้วจึงนำเค้กเข้า เตา ดูเทอร์โมมิเตอร์ในเตาอบก่อนนำขนมเข้าค่ะ ถึงแม้เราจะตั้งอุณหูมิ 200-210 องศาเซลเซียสก็ จริง แต่เตาอบเค้าจะตั ดและอุณหู มิลดลงเป็นพั ก ๆ อาจจะลงมาถึง 180 องศาเซลเซียส ถ้านำขนมเข้าตอนนั้นหน้าขนมจะปูดไม่เต็มที่ค่ะ ลองสั งเกตดูเมื่อหน้าขนมปูดจนสุดสั กพั กแล้วเค้าจะแตก จะไม่เรียบเนียนนะคะ แล้วถึงลดอุณหภูมิลงอบต่อจนเค้กสุก แม่หลิ่มนำ เค้กออกนาทีที่ 18-19 ค่ะ ถ้าอบด้วยความร้อนเท่าเดิม หน้าจะไหม้และสีเข้ม เปลือกขนมอาจจะแข็งเกินไปค่ะ ระยะเวลาในการสุก ของเค้กขึ้นกั บขนาดถ้วยด้วยนะคะ ถ้าไม่มีโยเกิร์ตรสธรรมชาติใส่นมสดแทนในอั ตราส่วนที่เท่ากั นแล้วบีบมะนาวลงไป 1 เสี้ยว จากคุณ : Mot_anoy เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 04:51:56

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ได้ใส่เบคกิ้งโซดาแล้วเพิ่มผงฟูหรือเปล่าคะ  น่าจะเป็นเพราะไม่ได้ใส่เบคกิ้งฯอ่ะ  เดาเอานะ ว่าแต่อบแบบถ้วยกระดาษน้อย ๆ หรือเป็นปอนด์คะ  อบนานมาก จากคุณ : บ้านฟ้าซอย 5 เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 09:22:50

ความคิดเห็นที่ 6 อบแบบพิมพ์ฟอยล์อันเล็กๆค่ะ แต่ว่าอบนานเพราะมันไม่สุกซักทีค่ะ จากคุณ : candy style เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 10:59:34

ความคิดเห็นที่ 7 เราอบในถ้วยกระดาษ เบอร์ 2616 ใช้เวลาแค่ไม่เกิน 15 นาทีเองค่ะ จขกท.อบเป็นปอนด์หรือเปล่าคะทำไมอบนานจังเลยคะ  ของเราถ้าเกิน 15 นาทีปุ๊บก้นขนมจะออกไหม้หน่อยๆ ...เราใช้สูตรคุณ beebie ค่ะ ประทับใจที่สุดอร่อยมากกกกก แล้วก็ง่ายด้วยค่ะ  ตีไข่ น้ำตาล เกลือ ให้ฟูซัก 7-8 นาที แล้วใส่แป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดาที่ร่อนไว้ ตีให้เข้ากัน  ตามด้วยน้ำมันพืช สุดท้ายก็ใส่กล้วย ในสูตรให้ใส่ 200 กรัม เราใส่ไป เกือบ 400 กรัม หรือบางทีก็ 400 กว่า รู้สึกว่าเนื้อเค้กจะนุ่มชุ่มชื้นดีค่ะ ไม่เคยใส่กลิ่นเลยค่ะเพราะจะหอมกล้วยในตัวอยู่แล้ว  ใช้ไฟบน-ล่างนะคะ ประมาณ 190-200 องศา ไม่งั้นเค้กไม่ปูดแน่นอน ลองทำสูตรนี้ดูค่ะ  รับรองจะติดใจ จากคุณ : หนูชมขนมชั้น เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 11:08:20

ความคิดเห็นที่ 8 มีเทอร์โมมิเตอร์หรือเปล่าคะ  อุณหภูมิไม่ขึ้นหรือเปล่า ถ้าบอกว่าเค้กไม่สุกไม่น่าจะเป็นเพราะส่วนผสมอ่ะ จากคุณ : บ้านฟ้าซอย 5 เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 11:10:28

ความคิดเห็นที่ 9 ผงฟูน้อยจังคะ.. วอมเตาก่อนอบหรือเปล่า.. ไฟเตามีปัญหาหรือเปล่าคะ เหมือนเตาไม่ร้อนงะ จากคุณ : tawow เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 12:41:00

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบได้เลยว่าเพราะไม่ได้ใส่ เบกกิ้งโซดา เพราะเราเคยใช้ เบกกิ้งโซดา ตอนมันหมดอายุแล้ว อบออกมาเหมือน เจ้าของกระทู้เลย ถ้าทำใส่พิมพ์น้อยๆ  ขนมจะกรอบไปเลยค่ะ แทนที่จะได้เค้กกล้วยหอมนุ่ม ๆ กลายเป็น เค้กกรอบ จากคุณ : ตัวที่สี่ เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 13:04:21

ความคิดเห็นที่ 11 แวะเข้ามาบอกว่า ชอบกินเค้กกล้วยหอม ฮาา จากคุณ : ผมเป็นภูมิคุ้มกันอาหมวยบกพร่อง เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 15:33:35

ความคิดเห็นที่ 12 เพราะว่าขาดเบคกิ้งโซดาค่ะ เบคกิ้งโซดา มีฤทธิ์เป็นด่าง จึงนิยมนำมาใส่ในเค้กที่มีความเป็นกรดสูง เช่นเค้กที่มีชอคโกแลต, โกโก้ , ผลไม้,น้ำผึ้ง เนื่องจากกรด จะทำให้การขึ้นฟูของขนมไม่เต็มที่ ขนมจึงมีลักษณะเตี้ยและแน่น การใส่เบคกิ้งโซดาจึงเป็นการปรับค่าให้สมดุล จากคุณ : shiku เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 18:03:57

ความคิดเห็นที่ 13 เราเคยทำแต่สูตรน้ำมันค่ะ เท่าที่เคยทำอาการแฉะและเป็นตะกอนที่ก้น น่าจะเกิดจากการผสมส่วนของน้ำมันไม่เข้ากันกับส่วนผสม แต่สำหรับจขกท.เป็นเนยเราไม่แน่ใจว่าจะเป็นเหตุผลเดียวกันไหม ส่วนเรื่องเบกกิ้งฯมีผลต่อขนมค่ะ สูตรมีอะไรถ้าเราใส่ตามสูตร เวลาเรามีปัญหาการทำจะได้หาสาเหตุได้ง่ายกว่าค่ะว่าเกิดจากอะไร จากคุณ : peace on earth เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 18:32:19

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ เรากะว่าอุปกรณ์ครบมีเวลาเมื่อไหร่ จะลองสูตรใหม่และแก้ไขสูตรเก่าด้วย ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ เป็นประโยชน์ในการพัฒนาฝีมือมากๆเลยค่ะ จากคุณ : candy style เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 21:38:34