ความคิดเห็นที่ 1 อาม่าเดินทางมาทางเรือ ซึ่งในสมัยนั้นต้องใช้เงินจำนวนมากโขทีเดียว จึงจะสามารถมาเมืองไทยได้ ต้องขายที่ ขายนา จำนองบ้าน หอบเอาเงินเป็นหาบ ๆ มาจ่ายค่าเดินทาง อาม่าบอกว่า ต้องใช้เงิน ถึงแปดล้านกว่า แต่มีหน่วยเป็นอะไรเราก็ไม่ทราบ แต่รู้ว่ามันมากมายมหาศาลทีเดียว อาม่าเดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเลมาหลายวันหลายคืน  ผ่านไปคืนแล้วคืนเล่า มองไปทางไหนก็มีแต่ท้องฟ้า กับทะเลสุดลูกหูลูกตา หลายคนในเรือมีอาการเมาคลื่น บางคนเริ่มป่วย และบางคนตาย ลูกเรือก็จะ โยนคนที่ตาย ทิ้งทะเลอย่างน่าอนาถ และกับบางคนที่แอบขึ้นเรือมาก็จะถูกจับโยนลงทะเลเช่นกัน ผ่านไปหลายวัน หรือจะเป็นเดือนก็มิทราบได้ อาม่าก็มาถึงเมืองไทย มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่กรุงเทพ กรุงเทพหรือบางกอก ที่คนต่างชาติเรียก แบงคอก แต่คนจีนจะเรียก หมั่งก๊ก และเรียกคนกรุงเทพว่า หมั่งกกนั้ง ที่นี่อากงไม่ได้มาอยู่กรุงเทพกับอาม่า เพราะทำงานอยู่ที่ราชบุรี แต่จะไป ๆ มา ๆ หากัน อาม่าทำงานรับจ้างกรอด้าย เก็บเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ประทังชีวิต... จนมีลูกสาวอีกสองคน นั่นก็คือป้า และแม่ของเรา รายได้ก็เริ่มไม่พอกับรายจ่าย ต่อมาอาม่าก็ไปช่วยคนแถวบ้านทำขนมกุ้ยช่าย ได้ค่าแรงครั้งละ 5 บาท แต่ก็ไม่ได้ทำทุกวัน เพราะวันพระจีน (เดือนละสองหน เหมือนหวยออก) จะทำขนมเยอะและขายดีมาก ตัวเจ้าของขายได้เงินเยอะ ก็จะหยุดพักหลายวัน ไปกินไปเที่ยว อาม่าเรา ก็เลยไม่มีรายได้ ซ้ำร้าย อากงก็มาตายตอนแม่เราอายุได้แค่สามขวบ อาม่าเราจึงต้องรับภาระเลี้ยง ลูกสาวสองคนเพียงลำพัง ด้วยค่าแรงวันละ 5 บาท แต่ต้องเลี้ยงดู 3 ปากท้อง อาม่าเราจึงตัดสินใจไปขายปลา ทั้งที่พูดไทยไม่ได้เลย แต่ยังดีที่มีญาติ ๆ คอยแนะนำ เค้าจะสอนว่า วันนี้มีปลาอะไร ขายโลละเท่าไหร่ อาม่าเราก็อาศัยจำ ๆ เอา อย่างปลายาว ๆ (ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าเป็นปลาอะไร) อาม่าเราก็จะเรียกลูกค้าว่า “ปาเยาเยา ไล้เหลี่ยว” อาม่าไปขายปลาวันแรก ได้กำไรมา ยี่สิบเอ็ดบาท แถมยังเหลือปลากลับมากินด้วย ดีใจกันใหญ่เลยสามแม่ลูก ขายปลาเก็บเงินได้สักพัก อาม่าก็เริ่มทำขนมกุ้ยช่ายขาย แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 54 11:26:07 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 10:00:34 จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 08:51:16

ความคิดเห็นที่ 2 เจิมว่าที่กระทู้แนะนำครับ มาบอกสูตรอย่างนี้ จะดีหรือครับ ของซื้อของขาย จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 08:52:34

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามาฟังด้วยคนครับ ตะโกชอบเรื่องราวแบบนี้ครับ จากคุณ : ตะโกครับ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:02:41

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ LAPD21 สูตรบอกได้ค่ะ ไม่ได้เป็นความลับ แต่เรื่องฝีมือต้องฝึกกันเอาเองนะคะ ------------------------ คนไทยเรียก ขนมกุ้ยช่าย คนจีนเรียก ไช้ก้วย “ไช้” มาจาก “ไฉ่” คือผัก เวลาพูดผสมกับกับคำอื่น จะมีการเพี้ยนเสียงเล็กน้อย จึงเป็นพูดเป็น “ไช้” “ก้วย” ใช้เรียกอาหารจำพวกขนม เช่น ไช้ก้วย ตีก้วย(ขนมเข่ง) โซวก้วย(กะหรี่ปั๊บไส้ถั่ว) อิ่วก้วย (ขนมห่อไส้ทอดน้ำมัน) ก้าก้วย(ขนมไหว้เจ้าสีขาวพิมพ์ตัวหนังสือจีนสีชมพู มีรสหวาน) ฯลฯ ขนมกุ้ยช่าย หากเป็นไส้มันแกว คนไทยจะเรียกว่าขนมกุ้ยช่ายไส้มันแกว แต่คนจีนเรียก “หมั่งกวงก้วย” ขนมกุ้ยช่าย หากเป็นไส้หน่อไม้ คนไทยจะเรียกว่าขนมกุ้ยช่ายไส้หน่อไม้ แต่คนจีนเรียก “สุงก้วย” ขนมกุ้ยช่าย หากเป็นไส้เผือก คนไทยจะเรียกว่าขนมกุ้ยช่ายไส้เผือก แต่คนจีนเรียก “โอ่วก้วย” ขนมกุ้ยช่าย หากเป็นไส้ข้าวเหนียว คนไทยจะเรียกว่าขนมกุ้ยช่ายไส้ข้าวเหนียว แต่คนจีนเรียก “จุกบี๋ก้วย” และไส้กุ้ยช่าย คนจีนเรียก “ไช้ก้วย” จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:04:34

ความคิดเห็นที่ 5 มาติดตามอ่านค่ะ เรื่องราวของอาม่าน่าสนใจมากๆ ชอบกินกุ้ยช่ายด้วย มารอสูตรด้วยนะคะ ^^ จากคุณ : Reigaz เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:09:34

ความคิดเห็นที่ 6 ตามมารับสูตรด้วยคนคะ ตอนนี้ต้องทำทานเอง เลยอยากได้สูตรอร่อยๆคะ อาม่าเก่งมากเลยนะคะ คิดถึงอามาเหมือนกันคะ พออาม่าไม่อยู่อดกินของอร่อยๆไปหลายอย่างเลยคะ จากคุณ : siri-kmutt เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:19:06

ความคิดเห็นที่ 7 ลงชื่อ พร้อมทั้งแสดงตัวว่า เป็นแฟนคลับ กุ๊ยช่ายตลาดพลูค่ะ จากคุณ : SweetRainbow เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:28:26

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ -------------------------------- ทำเอง ขายเอง ได้กำไรเยอะ แต่อาม่าทำคนเดียวก็ไม่ไหว ลูกสองคนก็ยังเล็กอยู่ เลยต้องเรียกคนอื่นมาช่วย ทำงานเก็บเงินได้ ก็ส่งกลับประเทศจีน แม่บอกว่าเห็นอาม่าส่งกลับไปทีเป็นก้อน ๆ ด้วยความที่แม่ยังเด็ก ก็ไม่รู้ว่าส่งไปไหน อาม่าไปติดหนี้ใครเอาไว้ สามแม่ลูกถึงจะหาเงินได้มาก แต่ก็ต้องประหยัด แม่เล่าให้ฟังว่า กินปาท้องโก๋ ยังต้องฉีกแบ่งกันคนละข้าง ป้าได้กินเต็มตัว ส่วนแม่ก็แบ่งกะอาม่า พอแม่เริ่มโตขึ้นหน่อยก็ได้เข้าเรียน แต่เรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะตอนแรกแม่ก็พูดภาษาไทยไม่ได้ ไปโรงเรียนก็ถูกเพื่อน ๆ ล้อ เขียนหนังสือไม่เป็น ก็ต้องคอยแอบดูเพื่อน เพื่อนก็หวงไม่ให้ดู กลับมาบ้าน ก็ห้ามพูดภาษาไทย อาม่านี่ชาตินิยมสุด ๆ แม่เรียนถู ๆ ไถ ๆ ไปได้จนจบ ป. 4 แต่ป้าจบแค่ ป. 2 ก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะโตแล้วต้องช่วยงาน ทำงานเก็บเงินได้ ก็ส่งไป ส่งไป ตอนนั้นแม่เรารู้แล้วว่าส่งไปให้คนจีน เพราะคิดว่าที่นั่นยากจนมาก จนป้าเราอายุได้ยี่สิบ ก็แต่งงานแยกครอบครัวไป แต่อยู่ไม่ไกลกัน วันไหนมีเทศกาลไหว้เจ้า ต้องใช้ขนมเยอะป้าก็จะมาช่วย จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:31:10

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นสะใภ้ตลาดพลูค่ะ  เคยกินเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าสูตรอาม่าหรือเปล่า จากคุณ : gold digger เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:31:12

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาฟังนิยายด้วยเก็บสูตรด้วย จากคุณ : Mot_anoy เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:38:33

ความคิดเห็นที่ 11 อยากให้คนรุ่น ลูก ๆ หลาน ๆ และเด็กสมัยนี้ดูตัวอย่างชีวิตจากอาม่า จขกท ว่าลำบากยังไงกว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นในปัจจุบัน (เชื่อว่าดีขึ้นมาแน่ ๆ เพราะขยันและหนักเอาเบาสู้ขนาดนี้) เพราะเด็กสมัยนี้มีชีวิตที่สบายจนเคยตัว ทำงานหนักนิดเบาหน่อยไม่ไหวแล้ว ไม่รู้จักนบนอบผู้ใหญ่ พูดจาไม่มีสัมมาคารวะอีกต่างหาก ดูได้จากกระทู้ร้องเรียนพนักงานร้านอาหารทั้งหลายในพันทิป จากคุณ : สักวันเราคงจะรู้จักกัน เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:38:45

ความคิดเห็นที่ 12 ดีครับ ผมว่าสูตรใครก็รู้ได้แต่รสมือของแต่ละคนที่ทำนี่สิจะออกมากลมกล่อม รสชาติ ขนาดไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง ชีวิตของคนรุ่นก่อนๆลำบากนักเด็กสมัยนี้สบายกันเยอะไม่ค่อย ได้รับรู้รสชาติของความลำบากจากพ่อแม่ อย่างดีก็แค่ได้รับฟังไม่ได้สัมผัสเอง ขอบคุณครับ จากคุณ : นายธุรการ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:43:08

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนมากแล้วคนจีนโพ้นทะเล จะมีประวัติที่น่าประทับใจ บางคนมีประวัติที่ทำให้คนอ่านน้ำตานองหน้าได้เหมือนกัน และที่แทบจะก๊อปปี้กันมาเลย ก็คือความอุตสาหวิริยะในการทำมาหากินพวกเค้าสู้งานมากๆ ประทับใจค่ะ จากคุณ : แม่หมูตาโต เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:46:19

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นสูตรโบราณเลย แบบใช้แต่แป้งข้าวเจ้าหรือเปล่าคะ???? ชอบแบบนี้มาก แต่หากินไม่ได้อีกแล้ว แต่ถึงไม่ใช่ ก็อยากติดตามอยู่ดี จากคุณ : saturn_eyes เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:52:46

ความคิดเห็นที่ 15 อุ้ย!! ลืมบอกไปค่ะ บ้านเราอยู่แถวตลาดพลู แต่เมื่อก่อนจะทำไปขายแถวจักรวรรดิ์ แล้วก็เคยส่งไปขายที่ตลาดบางน้ำผึ้ง แต่ไม่เคยไปตั้งขายที่ตลาดพลูเลยค่ะ จะมีก็แต่ส่งให้ลูกค้าประจำแถวนั้น เพราะซื้อกินกันมานานแล้ว ของเราไม่ใช่เจ้าดังที่ขายหน้าโรงรับจำนำนะคะ แต่มีลูกค้าบอกเหมือนกันว่าของเราอร่อยกว่า อิอิ พิมพ์ไปทำงานไป ช้าหน่อยนะคะ --------------------------------- และแล้วแม่เราก็มีโอกาสไปประเทศจีน แต่ไม่ได้นั่งเรือเหมือนอย่างตอนที่อาม่ามานะคะ ครั้งนี้แม่เราจะได้พบกับพี่ชาย ที่ไม่เคยเจอกันเลย อาม่าก็จะได้เจอกะลูกชายที่จากกันไปหลายสิบปี แม่กะอาม่า ขนเงินขนของไปเยอะเลย แต่พออาม่าเจอกับลูกชายที่จากกันไปนาน ก็ถึงกับงงเลย ไม่คิดว่าลูกชายจะโต จนแก่ได้ขนาดนี้ เพราะด้วยความที่จากกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ก็ยังจำแต่ภาพเก่า ๆ อยู่ บ้านเมืองที่นู่นเปลี่ยนไปมาก แต่ละคนแต่งตัวดี ๆ ไม่ใช่มอซอเหมือนแต่ก่อน พวกเค้าไม่ได้ลำบากกันอย่างที่อาม่าและแม่คิดไว้ แถมยังมาเรียกร้องกะอาม่าอีกว่า ส่งเงินมาน้อย ทำงานได้เงินเยอะแยะ ทำไมส่งมาน้อยจัง ข้าวสารจะส่งมาทำไม เอามาเป็นเงินดีกว่า แถมยังหน้าใหญ่ใจโต ป่าวประกาศกับบ้านอื่นว่ามีญาติมาจากเมืองไทย ทำอาหารเลี้ยงทั้งหมู่บ้าน ผลาญเงินกันเป็นว่าเล่น โดยไม่รู้เลยว่าคนทางนี้ประหยัดกันขนาดไหน กลับมาจากประเทศจีนครั้งนั้น ทำเอาแม่เราเกลียดคนทางนู้นไปเลย  เพราะของอะไรที่แม่อยากได้ ก็ไม่เคยได้ อยากได้จักรยานสักคัน ก็ไม่กล้าขอ เสื้อผ้าดี ๆ สวย ๆ ก็ไม่มีใส่ ต้องช่วยกันเก็บเงิน ส่งกลับประเทศจีน แต่หลังจากกลับมาอาม่าก็ไม่ค่อยส่งเงินไปแล้ว แต่ก็มีนาน ๆ ที จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:54:57

ความคิดเห็นที่ 16 โหวตให้นะคะ ชอบค่ะ จากคุณ : Dream@Torfun เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 09:57:47

ความคิดเห็นที่ 17 มารอครับผม ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับสูตรครับ จากคุณ : JO-Kung เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 10:04:08

ความคิดเห็นที่ 18 ลงชื่อรออ่านค่ะ จากคุณ : plaabla เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 10:10:02

ความคิดเห็นที่ 19 น่าติดตามมากครับ  เกาะกระทู้ตามมาติดๆ ^____^ จากคุณ : หนุ่มซาเล้ง เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 10:12:35

ความคิดเห็นที่ 20 บ้านผมก็ขายอยู่สะพานหัน แถว ๆ จักรวรรดิเลย แต่ผมทำไม่เป็นหรอกครับ ตอนนี้ตั่วอึ้มเป็นคนขาย ขายอยู่ริมคลองเลย จากคุณ : ไปให้สุดแล้วหยุดที่คำว่าพอ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 10:14:54

ความคิดเห็นที่ 21 น่าติดตามมากค่ะ ครอบครัวเราก็จีนโพ้นทะเลเหมือนกัน ตอนแรกเหล่ากงเหล่าม๊าลำบากมาก แต่ก็ตั้งตัวกันได้ ครูคนจีนเราเล่าให้ฟังว่า จีนสมัยนั้นยากจนมากๆ จนต้องอพยบมาทำงานเมืองไทย โดยแต่ละครอบครัวที่มีลูกหลายคนจะส่งลูกคนรองๆมากันเพราะลูกคนโตถือเป็นผู้สืบสกุล เค้าจะให้ครอบครัวลูกคนโตอยู่ที่นู้น ส่วนลูกๆคนอื่นก็มีหน้าที่ทำงานแล้วก็ส่งเงินกลับไปให้ ประมาณนี้น่ะคะ แล้วก็ที่ไทยจะมีจีนแต๋จิ๋วเยอะ มาจากทางตอนใต้ของจีน ครูเล่าว่าที่นั้นมีสนามบินที่เกิดจากเงินคนจีนโพ้นทะเลส่งไปให้เลยนะคะ จากคุณ : hypopanda เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 10:33:21

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบคุณ saturn_eyes ที่ถามว่า เป็นสูตรโบราณเลย แบบใช้แต่แป้งข้าวเจ้าหรือเปล่าคะ???? ต้องขอบอกว่า เป็นไปไม่ได้เลยค่ะที่ใช้แต่แป้งข้าวเจ้า จริง ๆ นะ เพราะมันต้องมีส่วนผสมของแป้งมันด้วย ไม่งั้นมันจะไม่เหนียว ปั้นเป็นลูกไม่ได้ สมัยก่อน ลำบากกว่าสมัยนี้เยอะค่ะ ต้องใช้ที่โม่ข้าวที่เป็นหิน เอาข้าวกรอกใส่รู แล้วก็เดิน หมุน ๆ ให้ข้าวมันแหลก ไหลออกมาเป็นน้ำข้าว เราเกิดไม่ทันยุคโม่หินหลอกค่ะ แต่เห็นวางอยู่ที่บ้านก็เลยถามแม่ แม่ก็เล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้ยกให้คนอื่นไปแล้ว เสียดายจัง ต่อมาก็ใช้เครื่องโม่ ที่เป็นมอเตอร์แทน อันนี้สบายขึ้นเยอะ แต่ก็ยังลำบากตอนกวนแป้งนั่นแหละ ต้องกวนตั้งแต่ยังเป็นน้ำ กวนไปเรื่อย ๆ พอเริ่มสุกมันก็จะแข็งเป็นก้อน เหนื่อยและร้อนมาก กวนเสร็จก็มาเหนื่อยตอนนวดอีก ต้องนวดให้เข้ากัน นวดให้เนียน แต่ตอนหลังก็มีเครื่องนวดแล้วนะคะ ทุ่นแรงได้ดีทีเดียว แต่มันก็ไม่ได้นวดจนเสร็จเอามาปั้นได้นะ มันก็ต้องเอามานวดมืออีกที แถมแป้งยังติดข้างในเครื่องหนุบหนับเลย เหมือนจะเหนื่อยกว่าเดิมยังไงไม่รู้ ก็เลยขายให้คนอื่นไปซะ สมัยนี้สบายขึ้นเยอะค่ะ ไม่ต้องโม่เอง อืม พูดถึงก็นึกไม่ออกว่า เอาเครื่องไปไว้ไหนแล้วนะ ถ้ายังอยู่จะได้เอารูปมาลงให้ดู คือว่าสมัยนี้ เค้าขายเป็นแป้งห่อเลย เราก็ไม่ต้องโม่เองแล้ว เทใส่กะทะก็กวนได้เลย ทุ่นแรงได้เยอะทีเดียว ตรงกวนแป้งนี่มีเคล็ดลับนะคะ เดี๋ยวจะลงไว้ให้ แบบกวนแค่แป๊บเดียวเอง ไม่งั้นขายไม่ทันกินค่ะ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 10:33:37

ความคิดเห็นที่ 23  เข้ามาดูหมวย(เดี๋ยวนี้ไม่ลำเค็ญ)บอกสูตร(ดีๆไม่ใช่สูตรแตบ)ทำขนมกุ๋ยไช่ จากคุณ : แสนตุ้ง เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 10:44:42

ความคิดเห็นที่ 24 รอดูด้วยใจจดจ่อ............ จากคุณ : คนชุมพรนอนกรุงเทพ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 10:49:09

ความคิดเห็นที่ 25 รออยู่จ้า หายไปไหนเอ่ย? ^ ^ จากคุณ : อุดมไปด้วยความสุข เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:18:22

ความคิดเห็นที่ 26 ขอพร่ามต่ออีกหน่อยนะคะ จะจบแล้วหล่ะ ----------------------------- แม่กะอาม่าก็ทำงานกันงก ๆ เก็บเงินลูกเดียว ป้าเราแต่งไปตั้งหลายปีจนมีลูกโต ๆ แล้ว แต่แม่เรายังเป็นสาวโสดอยู่เลย เพราะอาม่าเรากลัวแม่แต่งไปแล้วไม่มีใครมาช่วยงาน จนแม่อายุได้สามสิบ ก็ได้แต่งงานกับป๊า ป๊าก็เป็นลูกคนจีนเหมือนกับแม่คือ พ่อแม่เป็น จีนแท้ ๆ มาจากแผ่นดินใหญ่ มาทำมาหากินที่ประเทศไทย แต่ผิดกันที่ป๊าพูดภาษาจีน ไม่ค่อยเป็น แต่ฟังรู้เรื่อง ตอนแม่แต่งงานไปใหม่ ๆ ก็ไปอยู่กับครอบครัวป๊า แต่แม่รู้สึกอึดอัด เพราะที่นู่นคนเยอะ มากเรื่อง มากความ เลยพาป๊าย้ายกลับมาอยู่กับอาม่าเหมือนเดิม ช่วยกันทำขนมขาย ส่วนป๊าก็เป็นลูกจ้างเค้า ทำงานนอกบ้าน ถ้าวันไหนมีเทศกาลไหว้เจ้า ทำขนมเยอะ ป๊าก็ จะหยุดมาช่วย ก็ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่แบบนี้กันมาเรื่อย ๆ ทั้งบ้านมีกัน 7 คน อาม่า แม่ ป๊า และลูก ๆ 4 คน เราเป็นลูกคนที่สอง เราหัดทำไช้ก้วยมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะอยากหัดเอง แต่แม่กะอาม่าชอบห้าม หาว่าเราเกะกะ จะหัดไปทำไม ทำออกมาหน้าตาก็พิกลพิการ ขายไม่ได้ แหม...ก็เด็กนี่เน๊อะ พวกเค้าไม่ยอมให้เราหัดปั้น เราก็เอาดินน้ำมันมาปั้นแทน พอเริ่มชินมือเข้าก็ไปขอแบ่งแป้ง จากแม่มาปั้น ฝึกทำเป็นลูก ๆ แล้วก็จีบ แล้วก็ขยำทิ้งทำใหม่ ทำอยู่อย่างนั้นแหละ ปั้นจนแป้งนี่ เหลืองขี้มือเลย พอเริ่มชำนาญก็ขอไปนั่งโต๊ะทำของจริง ห่อใส่ไส้เลย แรก ๆ หน้าตาก็ประหลาด ๆ หน่อย บ่อยเข้าก็เป็นละ แล้วมันก็เลยกลายเป็นงานของเราที่เราต้องช่วยเลย จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:21:42

ความคิดเห็นที่ 27 จนอาม่าซึ่งเป็นรุ่นบุกเบิกมาเสียตอนเราอายุประมาณ 16 17 วันไหนทำขนมเยอะ ๆ แม่ทำไม่ไหว เราก็ต้องหยุดเรียนมาช่วย โดยเฉพาะช่วงปลายปีกะต้นปี ซึ่งเป็นเทศกาลไหว้เจ้า ต้องทำขนมเกือบ ทุกวัน ก็ดันเป็นช่วงสอบซะอีก  บางวันก็ทำกันโต้รุ่ง ไม่ได้หลับได้นอน หักโหมมาก ๆ ประกอบกับ ช่วงหลัง ๆ ป๊ากินเหล้าหนักขึ้นทุกวัน แม่ก็ยิ่งเครียด ทำให้แม่เป็นโรคไทรอยด์สูง ช็อคหมดสติไปนาน เกือบตายไปอีกคน แต่หมอช่วยไว้ได้ แต่คนที่ตายก่อนกลับเป็นป๊า เพราะกินเหล้าหนัก พลัดตกบันได กะโหลกศีรษะแตก  ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล แต่อาการไทรอยด์ของแม่ก็ไม่หาย ต้องกินยาควบคุม ตลอด จนหมอนัดแม่ไปกลืนน้ำแร่ จากที่แม่น้ำหนักลดลงก็กลับอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ และไทรอยด์ก็ลดลง เรื่อย ๆ จนตอนนี้ เป็นไทรอยด์ต่ำแล้ว กลายเป็นคนอ้วนที่สุขภาพไม่แข็งแรง ด้วยเหตุนี้ พี่น้องทุกคนจึงลงความเห็นให้แม่เลิกทำขนมได้แล้ว เพราะด้วยอายุและสุขภาพที่ทรุดโทรม ประกอบกับ ลูก ๆ ก็ทำงานได้แล้ว เหลือเพียงน้องชายคนเล็กคนเดียวที่ยังเรียนอยู่ แต่แม่ก็ยังเสียดาย เก็บเล็ก เก็บน้อย ลูกค้าเก่าสั่งก็อดรับไว้ไม่ได้ เราเองก็ไม่อยากให้อาชีพนี้ต้องเลิกไปอย่างหมดประโยชน์ จึงอยากถ่ายทอดสูตร ให้กับใครที่สนใจ อยากจะทำกิน หรือทำขายเป็นอาชีพ ได้ลองไปฝึกทำกันดู ในเรื่องอัตราส่วนผสม เราอาจจะบอกเป็นตัวเลขไม่ได้ เพราะเวลาทำมันใช้ความชำนาญ ไม่เคยได้ตวง หรือชั่ง อาจจะขัดใจไปบ้างที่ไม่ละเอียดได้ดั่งใจ แต่ถ้าติดขัดตรงไหน ถามได้เลยนะคะ จะเริ่มละนะ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:33:59

ความคิดเห็นที่ 28 ขอมานั่งรอด้วยคน อิๆๆๆ  แบบว่าชอบกินกุยช่ายมากอ่ะ   และตั้งใจไว้แล้วว่า ชาตินี้ฉันต้องทำกุยชายให้ได้  จะอร่อย ไม่อร่อย ก็ว่ากันอีกทีอ่ะ  รอด้วยคนๆ จากคุณ : แม่น้ำฟ้า เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:42:11

ความคิดเห็นที่ 29 ระหว่างรอสูตรดีดีจาก จขกท  ขออ่านชีวประวัติิาม่าไปพลางๆ  ชอบค่ะ จากคุณ : นกขมิ้นเพ็นนี เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:47:48

ความคิดเห็นที่ 30 ขนมกุ้ยช่าย by กี้หมุยเตียง ลูกแม่เค็ง ตลาดพลู แป้งทำเปลือก • แป้งข้าวเจ้า • แป้งมัน ใช้ปริมาณ 3/4 ของแป้งข้าวเจ้า แป้งรองมือ • แป้งมันเก่า (หาซื้อยาก ต้องแหล่งเท่านั้น) ถ้าหาไม่ได้ ก็ใช้แป้งมันอย่างเดียวกับที่ใช้ทำเปลือกก็ได้ ไส้ผักกุ้ยช่าย • ผักกุ้ยช่าย • เกลือ(ไม่ใช้น้ำปลา) / น้ำตาล / ชูรส / เบกิ้งโซดา • น้ำมันหมู ไส้ข้าวเหนียว • ข้าวเหนียวเก่า • เกลือ / น้ำตาลทราย / ชูรส / น้ำปลา / พริกไทยป่นอย่างดี • น้ำมันหมู • ต้นกระเทียม หรือคึ่นช่ายซอย • กุ้งแห้ง และ ถั่วลิสงคั่วสุกบดหยาบ ไส้หน่อไม้ • หน่อไม้ดอง หรือ หน่อไม้สด • เกลือ / น้ำตาล / ชูรส / น้ำปลา / พริกไทยป่นอย่างดี • น้ำมันหมู • กากหมูเจียวสับละเอียด (ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่) • แครอทหั่นฝอย เพิ่มสีสัน • กุ้งแห้ง ไส้เผือก • เผือก • เกลือ(ไม่ใช้น้ำปลา) / น้ำตาล / ชูรส / พริกไทยป่นอย่างดี • น้ำมันหมู • กากหมูเจียวสับละเอียด (ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่) • ต้นหอมซอย • แครอทหั่นฝอย เพิ่มสีสัน • ถั่วลิสงคั่วสุกบดหยาบ ไส้มันแกว • มันแกวแก่ • เกลือ / น้ำตาล / ชูรส / พริกไทยป่นอย่างดี • น้ำมันหมู • แครอทหั่นฝอย เพิ่มสีสัน • กุ้งแห้ง • ต้นกระเทียม หรือคึ่นช่ายซอย จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:52:26

ความคิดเห็นที่ 31 รูปเหล่านี้ ขโมยคนอื่นมาทั้งสิ้น มิได้ถ่ายเองเลยค่ะ 555 จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:54:35

ความคิดเห็นที่ 33 รูปเหล่านี้ ขโมยคนอื่นมาทั้งสิ้น มิได้ถ่ายเองเลยค่ะ 555 จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:55:30

ความคิดเห็นที่ 35 รูปเหล่านี้ ขโมยคนอื่นมาทั้งสิ้น มิได้ถ่ายเองเลยค่ะ 555 จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:56:14

ความคิดเห็นที่ 36 รอๆวิธีทำ จากคุณ : ninkyo (ninkyo) เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 11:57:45

ความคิดเห็นที่ 37 วิธีกวนแป้งทำเปลือก วิธีที่ 1 • ต้มน้ำใส่หม้อหรือกาต้มน้ำให้เดือดจัด (น้ำ 4 ลิตรต่อแป้งข้าวเจ้า 1 โล โดยประมาณ) • นำกระทะที่จะใช้กวนแป้งขึ้นตั้งไฟแรงสุด พอกระทะเริ่มร้อนให้เทน้ำที่กำลังเดือดจัดลงไป • ไม่ต้องรอให้น้ำเดือดอีกรอบ รีบเทแป้งข้าวเจ้าลงไปเลย แล้วกวนให้เข้ากัน ไม่จำเป็นต้องกวนไปทางเดียวกันเสมอไป กวนยังไงก็ได้ จนแป้งเริ่มสุก (จับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน) ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที • เมื่อแป้งข้าวเจ้าสุกให้หรี่ไฟเบาที่สุด แล้วใส่แป้งมันลงไปเพียง 1/4 ส่วน • กวนต่อไปจะเริ่มรู้สึกเหนียวขึ้น ให้ปิดไฟแล้วยกลง ไม่จำเป็นต้องกวนจนแป้งมันเข้ากับแป้งข้าวเจ้าจนหมดก็ได้ เดียวจะเหนียวเกินไป คลิปนี้น้องชายถ่ายแม่ตอนกำลังกวนแป้ง ไม่ชัดเอาเสียเลยค่ะ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 12:08:19

ความคิดเห็นที่ 38 กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ จากคุณ : พ่อน้องโด่ง เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 12:08:39

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านแล้วน้ำตาซึมกับชีวิตคนจีนรุ่นเก่าๆ ญาติทางพี่เขยเราก็แบบนี้ค่ะ อากงของพี่เขยส่งเงินกลับเมืองจีนตลอด ทางเมืองไทยอดออมกันมาก แต่พอไปหาญาติเมืองจีนพากันใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มีของดีๆใช้มากกว่าคนในหมู่บ้านเดียวกัน หน้าใหญ่กัน พออากงของพี่เขยเสีย ทางเมืองไทยไม่ส่งเงินไปให้อีกเลย ก็พากันโกรธแค้นด่าว่าเค้ากันใหญ่ ให้คุณแม่พักผ่อนได้ก็ดีนะคะ ท่านลำบากมามากแล้ว ขอบคุณในน้ำใจของคุณหมวยอินเตอร์ที่เอาสูตรมาลงนะคะ ชอบมากค่ะกุ้ยช่าย กินได้ทุกใส้ กินแทนข้าวได้ทั้งวัน ขอสูตรน้ำจิ้มด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : จีน่า (whatta hell?) เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 12:27:11

ความคิดเห็นที่ 40 วิธีกวนแป้งทำเปลือก วิธีที่ 2 • นำแป้งข้าวเจ้าผสมกับน้ำอุณหภูมิห้อง (เท่ากับวิธีที่ 1) แล้วนำไปตั้งกระทะ • ใช้ไฟกลาง กวนไปเรื่อย ๆ จนแป้งสุก อาจจะใช้เวลาค่อนข้างนานหน่อย ขึ้นอยู่กับปริมาณด้วย • เมื่อแป้งข้าวเจ้าสุกให้หรี่ไฟเบาที่สุด แล้วใส่แป้งมันลงไปเพียง 1/4 ส่วน • กวนต่อไปจะเริ่มรู้สึกเหนียวขึ้น ให้ปิดไฟแล้วยกลง ไม่จำเป็นต้องกวนจนแป้งมันเข้ากับแป้งข้าวเจ้าจนหมดก็ได้ เดียวจะเหนียวเกินไป โดยปกติเราจะไม่ใช้วิธีนี้ เนี่องจากมันเสียเวลากว่าวิธีที่ 1 มาก จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 12:29:52

ความคิดเห็นที่ 41 วิธีนวดแป้งทำเปลือก • เมื่อพักแป้งที่กวนเสร็จ ไว้จนเย็นแล้ว (เย็น=ไม่ร้อน ไม่ใช่แช่เย็น) ให้เทใสอ่างนวด • ใส่แป้งมันที่เหลือลงไปครึ่งนึง นวดจนเข้ากันดี แล้วใส่แป้งมันที่เหลือลงไปนวดต่อจนเข้ากัน • ใส่น้ำ (อุณหภูมิห้อง) ลงไปนวดทีละนิด นวดให้แป้งนิ่มและเนียน อย่าใส่น้ำเยอะเกินไปแป้งจะเละทำยาก หากนวดน้ำน้อยเกินไปแป้งจะแข็ง สุกแล้วจะไม่อร่อย • นวดเสร็จแล้วยกใส่ถาดที่มีแป้งรองมือ เตรียมปั้น หากตอนที่นวดแป้งมัน รู้สึกว่านวดยาก แป้งไม่เข้าสักที แข็ง นั่นเกิดจากตอนกวนแป้ง แป้งและน้ำไม่พอดีกัน ตอนที่เราทำมันก็ทำด้วยความเคยชิน ที่เราบอกว่าน้ำ 4 ลิตร ต่อแป้ง 1 โล อันนี้เรากะเอานะคะ เป็นการประมาณอ่ะคะ ถ้ายังไงให้กวนด้วยวิธีที่ 1 นะคะ แล้วตอนกวนแป้งข้าวเจ้าก็ดูเนื้อแป้งเอา อย่าให้นิ่มหรือแข็งเกินไป ดูจากลักษณะของแป้งในคลิปอ่ะคะ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 12:39:48 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 12:38:49 จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 12:38:28

ความคิดเห็นที่ 42 เดี๋ยวมาต่อวิธีปรุงไส้นะคะ ขอทำงานก่อน จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 12:40:32

ความคิดเห็นที่ 43 .               ติดตาม ปาด คร๊ะ Thanking you so much for sharing ”THIS” จากคุณ : ปาดศรี เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 12:40:38

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณคุณหมวยที่เอาเรื่องอดีตที่ดีมาลงให้ทางก้นครัวฟังครับ ผมเองก็ชอบขนมกุ้นฉ่ายใส้ผักอย่างเดียว  แต่ไม่ชอบทานสดๆ เพราะเดี๋ยวนี้ทำแบบกลมๆจัดจีบ ดูหนาไป เลยต้องเอาไปทอดกรอบทานกับถั่วงอกผัดลองราดน้ำซีอี๊วปรุงน้ำส้ม    แต่นานมาแล้วสมัยเรียนประถม เวลาเที่ยงพักทานข้าวเที่ยงจะทานขนมกุ๊ยฉ่าย รถเข็นที่ทำแป้งบางๆ เหมือนถั่วแปป โรยกระเทียมเจียว น้ำส้ม อร่อยมากที่ทานนึ่งสดใหม่ๆ แต่เดี๋ยวนี้หาทานแบบนั้นไม่ได้แล้ว    ก็เลยเอาขนมก๊ยฉ่ายทอดมาแชร์ครับ กำลังรอคุณหมวยมาลงต่อหวังว่าคงยังไม่จบน่ะครับ จากคุณ : หมูครับ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 12:51:07

ความคิดเห็นที่ 45 แร่มเลย Thank หลายๆเด้อ จากคุณ : ตามนั้น (phch) เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 13:01:18

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นแล้วอยากกินมาก ๆ อายุขนาดนี้แล้วยังไม่เคยกินของตลาดพลูเลยคะ เห็นใคร ๆ ก็ว่าอร่อย แต่แถวบ้านไม่มีให้กิน ซื้อตามร้่านทั่วไป ไม่อร่อยแต่ก็กิน ๆ ไป จะทำเองก็ไม่มีปัญญา ต่อให้มัวิธีทำฃะเอียดเป๊ะ ๆ สูตรการตวงเป๊ะ ๆ ก็ทำไม่เป็นอะคะ ซื้อเค้ากินเหมือนเดิมต่อไป แต่ขอบคุณนะคะ ที่เอาวิธีทำ สูตร และประวัติมาบอกเล่าให้ฟัง ความรู้สึกตอนนี้ อยากกินกุ้ยช่ายตลาดพลูจังเลย จากคุณ : hibino_jack เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 13:08:04

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณมากค่ะสำหรับสูตรและเคล็ดลับดีๆ ขอให้คุณแม่ จขกท. แข็งแรงๆ นะคะ ... จากคุณ : เบนซิน เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 13:12:45

ความคิดเห็นที่ 48 อ่านแล้ว เห็นภาพตามครับ ขอบคุณที่แบ่งปัน ผมอ่านแล้วอืมม คนสมัยก่อนลำบาก ส่วนกุ้ยช่ายนั้น ผมขอซื้อทานดีกว่าครับ จากคุณ : To die for เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 13:23:40

ความคิดเห็นที่ 49 วิธีปรุงไส้ ไส้ผักกุ้ยช่าย • นำต้นกุ้ยช่ายมาล้างให้สะอาด แล้วผึ่งให้แห้ง (บางต้นจะมีก้านแก่(แข็ง)อยู่ข้างใน ให้ดึงทิ้งด้วย) • เมื่อแห้งดีแล้ว นำมาหั่นเป็นท่อน ๆ เล็ก ๆ ประมาณ 1/2 - 1 ซม ใช้ได้ทั้งต้น ตั้งแต่โคนยันปลาย • ใส่ต้นกุ้ยช่ายที่หั่นแล้วลงในอ่างผสม ใส่เกลือ น้ำตาล ชูรส เบกิ้งโซดา คลุกให้เข้ากันในลักษณะ คนจากล่างขึ้นบน • เมื่อเข้ากันดีแล้ว ให้ใส่น้ำมันหมูลงไป แล้วคนแบบเดิมอีกครั้ง • ชิมรสชาติดู (ใส่ปาก ชิมรส แล้วคายผักทิ้ง) ถ้าจะปรุงเพิ่ม ใส่เครื่องปรุงแล้วอย่าคนมาก ผักจะแฉะ • ในกรณีทำเยอะ ให้เทไส้ที่ปรุงแล้วใส่ตะแกรง เพราะจะมีน้ำผักไหลออกมาเรื่อย ๆ (รองเก็บไว้ด้วย น้ำผักใช้ทำอย่างอื่นต่อได้) แต่ถ้าทำน้อยจะไม่ค่อยมีน้ำไม่ต้องใส่ตะแกรงก็ได้ ไส้ข้าวเหนียว • นำข้าวเหนียวเก่ามาล้างและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน (ถ้าใช้ข้างเหนียวใหม่ ให้แช่น้ำแค่ 1 ชม พอ) • เทน้ำออก แล้วนำไปนึ่งให้สุก (เมื่อสุก ข้าวจะใส) เสร็จแล้วผึ่งให้เย็น (เย็น=ไม่ร้อน ไม่ใช่แช่เย็น) • นำข้าวเหนียวที่ผึ่งจนเย็นแล้ว ไปล้างน้ำ แล้วเทใส่ตะแกรงสะเด็ดน้ำ การล้างน้ำไม่ควรล้างนาน ข้าวเหนียวจะอืด • เทข้าวเหนียวที่สะเด็ดน้ำแล้วลงในอ่างผสม ใส่เกลือ น้ำตาล ชูรส พริกไทย น้ำปลา ถั่วลิสง กุ้งแห้ง ต้นกระเทียมหรือคื่นช่ายซอย(ผสมเบกิ้งโซดาลงในผักด้วย จะทำให้ผักไม่ดำและไม่กระด้าง หรือจะคลุกกับน้ำกุ้ยช่ายก็ได้ ถ้ามี) ผสมให้เข้ากัน • ใส่น้ำมันหมูลงไป แล้วผสมให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วชิมรสชาติดู ไส้หน่อไม้ • หากใช้หน่อไม้ดอง ให้ล้างแล้วนำมาหั่นซอยเป็นเส้น ๆ แล้วตัดเป็นท่อน ๆ ยาวประมาณ 1 1/2 - 2 ซม นำใส่หม้อเติมน้ำจนท่วม โรยเกลือไว้ด้านบนด้วย ต้มจนเดือดแล้วยกลง รินน้ำออก แล้วเติมน้ำอุณภูมิห้องลงไปล้างอีกรอบสองรอบ เสร็จแล้วบีบน้ำออกนิดหน่อย อย่าให้แห้งจนเกินไป แล้วพักไว้ • หากใช้หน่อไม้สด ให้แกะเปลือกด้านนอกออกให้หมด ล้างให้สะอาด หั่นซอยเป็นเส้น ๆ แล้วตัดเป็นท่อน ๆ ยาวประมาณ 1 1/2 - 2 ซม นำใส่หม้อเติมน้ำจนท่วม โรยเกลือไว้ด้านบนด้วย ต้มจนเดือดแล้วยกลง รินน้ำออก แล้วเติมน้ำอุณภูมิห้องลงไปล้างอีกรอบ เสร็จแล้วบีบน้ำออกนิดหน่อย อย่าให้แห้งจนเกินไป แล้วพักไว้ • นำหน่อไม้มาใส่ในอ่างผสม ใส่เกลือ น้ำตาล ชูรส พริกไทย น้ำปลา กากหมู่เจียว กุ้งแห้ง แครอท ผสมให้เข้ากัน • ใส่น้ำมันหมูลงไป แล้วผสมให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วชิมรสชาติดู ไส้เผือก • ปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด ตอนทำให้ใส่ถุงมือด้วย เพราะเผือกโดนน้ำแล้วจะคันมาก ถ้าไม่ใส่ถุงมือแล้วมีอาการคัน ให้เอามือผิงไฟ จะทุเลาได้ • ผึ่งไว้ให้แห้ง แล้วนำมาไส ถ้าไม่มีที่ไส ใช้หั่นเอาก็ได้ เสร็จแล้วใส่ในอ่างผสม • ใส่เกลือ น้ำตาล ชูรส พริกไทย กากหมูเจียว(ถ้ามี) ถั่วลิสง คลุกเคล้าให้เข้ากัน • ใส่ต้นหอมซอย (ผสมเบกิ้งโซดาลงในผักด้วย จะทำให้ผักไม่ดำและไม่กระด้าง หรือจะคลุกกับน้ำกุ้ยช่ายก็ได้ ถ้ามี) ใส่น้ำมันหมูลงไป แล้วผสมให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วชิมรสชาติดู (ใส่ปาก ชิมรส แล้วคายเผือกทิ้ง) ไส้มันแกว • ให้เลือกมันแกวแก่ เพราะจะได้เนื้อเยอะกว่า ปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด • นำมาไส ถ้าไม่มีที่ไส ใช้หั่นเอาก็ได้ เสร็จแล้วใส่เกลือคลุกให้เข้ากัน ทิ้งไว้พักนึง ให้น้ำมันแกวเริ่มออก • บีบน้ำมันแกวทิ้งไป เก็บแต่เนื้อเอาไว้ ถ้ามีน้ำกุ้ยช่าย ให้คลุกกับน้ำกุ้ยช่ายด้วย(ความอร่อยอยู่ตรงนี้) ถ้าน้ำกุ้ยช่ายไม่เยอะก็ไม่ต้องบีบทิ้ง แต่ถ้าเยอะจนแฉะให้บีบทิ้ง เหมือนขั้นตอนที่แล้ว แต่ไม่ต้องแห้งมาก นำใส่อ่างผสม • ใส่เกลือ น้ำตาล ชูรส พริกไทย เบกิ้งโซดา(เฉพาะกรณีที่ไม่มีน้ำกุ้ยช่าย หรือมืน้อยเท่านั้น) ต้นกระเทียมหรือคี่นช่ายซอย(ผสมเบกิ้งโซดาลงในผักด้วย จะทำให้ผักไม่ดำและไม่กระด้าง หรือจะคลุกกับน้ำกุ้ยช่ายก็ได้ ถ้ามี) กุ้งแห้ง แครอทหั่นฝอย คลุกให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ถ้ามีน้ำกุ้ยช่ายเยอะ ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงมาก เพราะจะได้รสชาติจากน้ำกุ้ยช่ายอยู่แล้ว • ใส่น้ำมันหมู่ ไม่ต้องมาก คลุกให้เข้ากันอีกที จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 13:58:07

ความคิดเห็นที่ 50 วิธีปั้นลูกกลม • แบ่งแป้งออกเป็นลูกกลมๆ ขนาดใหญ่กว่าลูกปิงปองนิดหน่อย • กดทับให้แบน หรือใช้มือบีบให้แบนในลักษณะเป็นชามจะจับจีบง่ายกว่า • ใส่ไส้ลงไป ถ้าเพิ่งเริ่มหัดทำ ก็ยังไม่ต้องใส่ไส้เยอะเพราะจะจับจีบยาก • ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ค่อย ๆ จับจีบ วนไปจนครบรอบ มีคลิปให้ดูด้วยค่ะ ไม่ค่อยชัดเหมือนเดิม ทำใจหน่อยนะคะ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:00:49

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:00:52

ความคิดเห็นที่ 52 วิธีปั้นลูกใบโพธิ์ • แบ่งแป้งออกเป็นลูกกลมๆ ขนาดเท่าลูกเทนนิส • กดทับให้แบน หรือใช้มือบีบให้แบนก็ได้ • ใส่ไส้ลงไป ถ้าเพิ่งเริ่มหัดทำ ก็ยังไม่ต้องใส่ไส้เยอะเพราะจะจับจีบยาก • ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ข้างที่ถนัด ค่อย ๆ บีบแป้งให้ติดกันในลักษณะพับครึ่ง แต่เหลือช่วงท้ายไว้ • ช่วงท้ายให้จับจีบรอบ เหมือนลูกกลม • นำใส่พิมพ์ จัดให้เข้ารูป แล้วคว่ำออก มีคลิปให้ดูด้วยค่ะ ไม่ค่อยชัดเหมือนเดิม ทำใจหน่อยนะคะ แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 09:29:37 จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:04:49

ความคิดเห็นที่ 53 สำหรับเราซื้อทานเองง่ายกว่าค่ะ เจ้าอร่อยเลยย เพิ่งทานไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง จขกท ใจดีจังมาบอกสูตรด้วย ^__^ ไม่รู้จะชมยังไงดี จัดไป3กิ๊ฟล่ะกันนะคะ จากคุณ : เป็นที่ยินดีดุจพระอาทิตย์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:05:03

ความคิดเห็นที่ 54 วิธีการนึ่ง • นำขนมเรียงใส่ถาด อย่าวางชิดกันมาก หากแป้งรองมือที่ใช้ ไม่ใช่แป้งมันเก่า ต้องแต้มน้ำมันด้วย • นำไปนึ่งด้วยไฟกลาง ค่อนข้างแรง ประมาณ 15 - 30 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณด้วย • ยกลงจากเตา รอให้เย็น (เย็น=ไม่ร้อน ไม่ใช่แช่เย็น) • ทาน้ำมัน และแกะใส่จานได้เลย วิธีการทำน้ำจิ้ม • นำน้ำตาลผสมน้ำ ต้มให้เดือด ผสมกับซีอิ้วดำ เพื่อเพิ่มความหวานและลดความข้น • ต้มน้ำเชื่อมผสมกับน้ำส้มสายชู และพริกบด ชิมรสตามชอบ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:08:21

ความคิดเห็นที่ 55 วิธีทำกุ้ยช่ายแบบทอด • ปรุงไส้กุ้ยช่ายเหมือนแบบลูก • ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันรวมกับน้ำ โดยใช้แป้งมันในอัตราส่วนครึ่งหนึ่งของแป้งข้าวเจ้า • นำแป้งกับผักกุ้ยช่าย เทรวมและคนให้เข้ากัน • เทใส่ถาดแบบมีขอบ นำไปนึ่งประมาณ 1/2 ชม ขึ้นอยู่กับปริมาณ • ผึ่งลมให้เย็น ตัดเป็นชิ้นแล้วนำไปทอด • เปลี่ยนส่วนผสมจากกุ้ยช่ายเป็นเผือกก็ได้ ใช้วิธีเดียวกัน จริง ๆ แล้วจะเอาแบบลูกมาทอดก็ได้นะคะ แต่กินแบบนึ่งจะอร่อยกว่า (ถ้าแป้งบางนะ) แต่ถ้าจะเอาแบบลูกมาทอด ในขั้นตอนการนวดให้ใส่แป้งมันเยอะขึ้นอีกนิดนึง เวลาทอดจะกรอบขึ้น แต่ถ้าไม่ได้เอามาทอดแล้วนวดแป้งมันเยอะ เปลือกจะเหนียวนะคะ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:15:56

ความคิดเห็นที่ 56 เคล็ดลับ (เท่าที่คิดออก) • การกวนแป้งไม่ให้เป็นเม็ด สำคัญที่น้ำต้องเดือดจัด ไม่เกี่ยวกับการกวนไปทางเดียวกันหรือไม่ • ในขั้นตอนการกวนแป้ง ถ้าใส่แป้งมันเยอะจะเหนียวปั้นยาก • แต่ถ้าเหนียวแล้วให้แก้ด้วยการนวดน้ำมากหน่อย ให้แป้งนิ่มจะปั้นง่ายขึ้น • เบกิ้งโซดา ทำให้ผักเขียวได้นาน และนุ่มไม่กระด้าง แต่ต้องไม่ใส่มากเกินไป มิเช่นนั้นผักจะนิ่มเกิน • การปรุงไส้ ส่วนใหญ่จะใช้เกลือ เพื่อไม่ให้ไส้แฉะ แต่บางไส้ก็ใส่น้ำปลาได้ • การปรุงไส้ บางไส้ใช้ต้นกระเทียมคื่นไช่ บางไส้ใช้ต้นหอม อย่าสลับกัน เพราะจะไม่เข้ากัน • เวลาในการนึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณขนมด้วย ถ้ามีกลิ่นหอมก็แสดงว่าสุกแล้ว • วัตถุดิบในการทำ ถ้าหาซื้อไม่ได้ให้มาซื้อที่ตลาดวัดกลางแถวตลาดพลูจะได้ของครบ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:17:03

ความคิดเห็นที่ 57 จบบริบูรณ์ค่ะ สงสัยสอบถามได้เลยนะคะ ยินดีค่ะ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:20:28

ความคิดเห็นที่ 58 ชอบดูเค้าปั้น เหมือนเล่นกลเลยนะคะ เวลาเราทำเอง  แป้งมันไม่เชื่อฟังแบบนี้ เลยไม่ทำขนมที่ต้องปั้น ต้องห่อเลยค่ะ จากคุณ : gold digger เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:21:12

ความคิดเห็นที่ 59 ขอซื้อกินเหมือนเดิมดีกว่าเรา ไม่มีปัญญาทำ จากคุณ : nukkid เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:33:43

ความคิดเห็นที่ 60 เดี๋ยวเราจะลองทำ เราชอบกินแล้วเราก็อยากลทำมานานแล้วด้วย กินได้ไม่ได้ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้ลองทำดู อิอิ จากคุณ : อุดมไปด้วยความสุข เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 14:46:03

ความคิดเห็นที่ 61 จขกท. ทำขายปะคะ เอ่อ ****** เราว่า รวยกว่าทำงานออฟฟิศนะ แล้ว เราก็จะได้ซื้อกินด้วย ****** จากคุณ : กุ้งเคย เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 15:22:07

ความคิดเห็นที่ 62 ฟังเรื่องอาม่าแล้ว..สุดยอดดดดด ค่ะ อาม่าเก่งมากๆ  ขายกุ้ยช่ายเลี้ยงลูก 2 คน แล้วยังส่งเงินไปเมืองจีนอีก เคยหัดทำครั้งนึง แป้งแข็งมากกกก (สงสัยใส่ส่วนผสมผิด หรือกวนแป้ง นวดแป้ง ไม่ได้ที่แต่ก็ยังอยากหัดทำ) เดี๋ยวลองทำสูตรนี้มั่ง...ขอบคุณมากๆค่ะ ไม่รู้จะกินได้มั๊ย..เอาเป็นว่าถ้ากินได้จะมาบอกค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 16:08:24 จากคุณ : มณีรินค่ะ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 15:22:48

ความคิดเห็นที่ 63 โหวต กิ๊ฟ เก็บเข้าคลัง จากคุณ : คะน้า (KaNa-IRC) เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 15:46:40

ความคิดเห็นที่ 64 ผมเกิดและโตตลาดพลู  ยังไม่รู้เลยครับว่า ต้นตำรับ  กุ้ยช่าย ตลาดพลู  นั่นทำที่ร้านไหน  เพิ่งมารู้ตอนโตว่าอยู่ในซอยวัดกลาง  แต่ตรงไหนไม่รู้  ใครรู้ช่วยบอกทีครับ   ร้านหน้าโรงจำนำ  นี่ใช่ต้นตำรับรึเปล่าครับ  เหมือนคนขายรับจากบ้านทำ กุ้ยช่าย มาขายอีกที ( ไม่ได้ทำเอง ) ในซอยวัดบางสะแกนอก ( ซอยซาลาเปา ตรงข้ามร้านขายยา ) เมื่อซัก 20 กว่าปีก่อนก็มีบ้านทำ กุ้ยช่าย อยู่ท้ายซอย  และในซอยถูกไล่ที่ย้ายไปไหนไม่รู้  มาเจออีกทีมาอยู่ตรงริมทางรถไฟตรงบ้านที่ฉายหนังกลางแปลง แล้ว จขกท นี่อยู่ตรงไหนครับ  ใช่บ้าน กุ้ยช่าย ที่ผมกล่าวถึงรึเปล่า ? จากคุณ : Chip lost เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 15:52:10

ความคิดเห็นที่ 65 ถามค่ะ ทำไมไม่ผสมแป้งท้งสองรวมกัน แล้วกวนทีเดียวอ่ะคะ ทำไมต้องใส่สองครั้ง จากคุณ : makeup เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 15:55:43

ความคิดเห็นที่ 66 ของโปรด แต่คงซื้อเขากินต่อไป ขอให้เจ้าของสูตร เจริญ ๆ นะคะ จากคุณ : ม่านบาหลี เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 16:14:11

ความคิดเห็นที่ 67 สุดยอดเลยคับ ให้เป็นกระทู้โหวตเลย จากคุณ : คนไม่มีดี เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 16:14:36

ความคิดเห็นที่ 68 ขอสัดสว่นของสูตรด้วยได้ไหมค่ะ ไม่มีเลขกำกับเริ่มไม่ถูกเลย จากคุณ : gorgyvippy เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 16:17:37

ความคิดเห็นที่ 69 ตอบความเห็นที่ 64 ค่ะ ต้นตำรับกุ้ยช่ายตลาดพลู เราไม่ทราบหรอกนะคะ ว่าเป็นเจ้าไหน บางเจ้าขายอยู่ตลาดพลู รับมาจากที่อื่นก็มีค่ะ บางเจ้าทำที่ตลาดพลู ไปขายที่อื่นก็มีค่ะ และสำคัญที่สุด คือ กุ้ยช่ายตลาดพลู ไม่ได้อร่อยทุกเจ้านะคะ บางเจ้าสกปรกมาก ไม่อยากพูดให้กลัวกัน แต่มันเห็นมาอย่างนั้นจริง ๆ คือบางเจ้าทำกันเป็นโรงงาน มีลูกจ้างคนอีสาน คนพม่ามาทำ สกปรกได้ใจมาก ผักก็ล้างแบบจุ่ม ๆ (ของบ้านเราแทบจะล้างทีละต้น) มีแมวมีหมาไปนอนเล่นบนผักอีก สยองสุด ๆ ในซอยโรงเจมีทำขนมกุ้ยช่ายเยอะเลยค่ะ หลายเจ้าเลย รวมถึงเจ้าสกปรกด้วย อาม่าเคยเล่าให้ฟังว่า เจ้าของร้านกุ้ยช่ายร้านนึง มาถามอาม่าว่า มีไส้หน่อไม้มั้ย เค้าอยากกิน อาม่าก็สงสัยว่าทำไมไม่กินของที่บ้านหล่ะ เค้าบอกว่า เค้าไม่กล้ากิน ของที่พวกลูกจ้างทำ มันสกปรก เดิมทีบ้านเราก็อยู่ในซอยโรงเจค่ะ แต่อยู่ก้นซอย จะขนของออกมาขึ้นรถที ก็ต้องอาศัยรถเข็นออกมาเรียกสามล้อ แต่ตอนนี้สบายแล้วค่ะ ถนนราชพฤกษ์ ตัดผ่านหน้าบ้านเลย ตอบความเห็นที่ 65 นะคะ ที่เราไม่ผสมแป้งสองอย่างแล้วกวนรวมกัน เนื่องจากว่า แป้งมันมีคุณสมบัติทำให้เหนียว เมื่อมันสุก ถ้าเราเอาแป้งมันผสมแล้วกวนพร้อมกัน มันจะเหนียวกวนยาก แล้วอีกอย่าง แป้งมันที่ลงไว้ในสูตรว่า เป็น 3/4 ของแป้งข้าวเจ้า ก็ไม่ได้ใส่ไปกวนทั้งหมดนะคะ ต้องเก็บไว้นวดด้วย ที่ต้องแบ่งไว้กวนด้วย นวดด้วยเนื่องจาก การที่เราใส่แป้งมันไปตอนกวนนั้น เพื่อให้แป้งเหนียว ง่ายสำหรับปั้นค่ะ แต่แป้งที่ใส่ตอนนวดนั้น จะทำให้เหนียวตอนนึ่งสุกค่ะ ถ้าใส่แป้งมันทั้งหมดตอนกวน ลำบากแน่ ๆ ค่ะ กวนก็ยาก ปั้นก็ยาก แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 16:54:03 จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 16:25:09

ความคิดเห็นที่ 70 ตอบความเห็นที่ 61 ค่ะ เมื่อก่อนทำขายค่ะ แต่เดี๋ยวนี้แม่ทำไม่ค่อยไหวแล้ว เราเองก็ทำงาน เป็นธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ อ่ะค่ะ อยู่คนละบ้านกะแม่ เทียวไปเทียวมาไม่สะดวก จะหาเด็กมาปั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้ความชำนาญด้วย พอเราไปช่วยไม่ได้ แม่ทำคนเดียวก็ไม่ไหวอ่ะ เลยอยากจะให้แม่เลิก ติดที่ว่ายังมีแป้ง มีกระด้ง บางทีแกก็ยังรับออเดอร์ลูกค้าเก่าเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เลย บอกว่าจะเซ้งของให้คนอื่น แกก็ไม่ยอม จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 16:39:16

ความคิดเห็นที่ 71 ตอบความเห็นที่ 68 คือปกติเวลาทำมันก็กะเอาตามความชำนาญ จะบอกเป็นหน่วย ชั่ง ตวง วัด เห็นจะยากหน่อย ลองเอาไปแปลดูอีกทีนะคะ เบกิ้งโซดา ที่จะใส่กับผักกุ้ยช่าย จะใช้ 1 ถ้วยน้ำชา(ถ้วยไหว้เจ้าสีแดง)พูน ๆ ต่อผัก 3 กิโล ถ้าจะใส่กับพวกต้นกระเทียม คึ่นไช่ ต้นหอม ก็หยิบใส่นิดเดียวเหมือนผงชูรสอ่ะค่ะ แล้วก็เกลือ เราใช้เกลือห่อ 2 บาทตราทหาร 1 ห่อต่อผัก 4 โล ถ้าเป็นหน่อไม้ เผือก ก็เท่ากันค่ะ แต่ข้าวเหนียวมันนึ่งขึ้นมาปริมาณจะเยอะ ต้องใช้เกลือ 1 ห่อ ต่อข้าวเหนียว 2 โลนะคะ ส่วนมันแกว ต้องคลุกเกลือทิ้งไว้ ก็เกลือ 1 ห่อต่อ มันแกว 4 โลเหมือนกัน แต่เวลาปรุงให้ใส่อีกนิดนึงนะคะ ลองชิมดู น้ำตาลเราจะดูจากเกลือค่ะ ถ้าใส่เกลือ 1 ห่อ ก็จะใส่น้ำตาล 1 ถ้วย ขนาดประมาณ 1 ถ้วยตวงเนียแหละ ชูรสเราก็ดูจากน้ำตาล ถ้าใส่น้ำตาล 1 ถ้วย ก็จะใส่ชูรส ครึ่งถ้วย แต่ถ้าทำกินเองไม่ต้องใส่เยอะก็ได้ค่ะ ส่วนพริกไทย อันนี้ใส่เยอะหน่อยอร่อยค่ะ มันจะหอม น้ำมันหมู เราตวงเป็นทัพพี เหมือนทัพพีตักน้ำก๊วยเตี๊ยวอ่ะ น่าจะเท่ากับ 1 ถ้วยตวงได้มั้ง ใช้น้ำมันหมู 1 ทัพพีต่อผัก 2 โล หน่อไม้ก็เหมือนกัน ถ้าเป็นไส้ข้าวเหนียวก็ 1 ทัพพี ต่อข้าว 1 โล ส่วนมันแกวกับเผือก ใส่นิดเดียวพอค่ะ ไม่ต้องมาก เอ้! ไม่น่ามีอะไรแล้วเน๊อะ นึกไม่ออกแล้วอ่ะ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 16:52:11

ความคิดเห็นที่ 72 อ๋ออ อย่างนี้นี่เองงงงง ขอบคุณค่ะ จากคุณ : makeup เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 17:05:33

ความคิดเห็นที่ 73 มาต่อคิว ขอหม่ำด้วยคน ของโปรดเราเลย จากคุณ : Foammy@Unorthodox เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 18:49:37

ความคิดเห็นที่ 74 เราอ่านแล้วน้ำตาจะไหลซะงั้น ขอบคุณเจ้าของกระทู้มาก ๆ นะคะ ที่แชร์ จากคุณ : คุณนายเหรียญบาท เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 19:03:38

ความคิดเห็นที่ 75 ทึ่งในเรื่องราวมากๆ ถือว่าอดทนเข้มเเข็งประหยัดอดออมกันมากทีเดียว ส่วนเรื่องขนมกุ้ยช่าย เป็นขนมที่เราก็ชอบทานมาก แต่ชอบแบบสี่เหลี่ยมเขียวๆแล้วนำไปทอดอ่ะค่ะ แบบกลมใส่ไส้นานๆจะทานสักที ทุกวันนี้หาทานร้านที่ถูกปากยากมากเลย แต่ถ้าให้ทำเอง ตอนนี้คิดว่าคงไม่น่ารอด ขอบคุณมากค่ะที่นำวิธีทำมาแบ่งปัน จากคุณ : BeNettY เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 19:20:12

ความคิดเห็นที่ 76 แป้งมันเก่า (หาซื้อยาก ต้องแหล่งเท่านั้น)    แป้งมันเก่ากับใหม่มีคุณสมบัติต่างกันอย่างไรคะ   ขอถามเป็นความรู้   ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เจซอง เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 19:44:06

ความคิดเห็นที่ 77 ...  ประวัติศาสตร์ และความรู้ทั้งนั้น   กดเก็บเข้าคลังกระทู้อย่างว่องไวเลยครับ   ขอบคุณมาก ๆ ครับ จากคุณ : ชายกาง... (OverEat) เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 19:47:42

ความคิดเห็นที่ 78 เราเกิดทันเครื่องโม่แป้ง เมื่อก่อนกุ๊ยช่ายวัดศาลเจ้าก็ทำแบบนั้นค่ะ จากคุณ : ladynula เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 20:32:43

ความคิดเห็นที่ 79 ขอคารวะในความใจดีของเจ้าของกระทู้ ตุณหมวยอินเตอร์ รวมถึง คุณแม่ และอาม่าค่า กระทูี้นี้ได้ใจมากๆ จากคุณ : Midtown Girl เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 21:26:33

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณค่ะที่นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันกัน จากคุณ : kanomdee1001 เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 21:36:16

ความคิดเห็นที่ 81 ทั้งความรู้ความเป็นมา และสูตรการทำ บรรจงเก็บเข้าคลัง กระทู้ เพื่อชนรุ่นหลังโดยด่วน.. ของสิ่งประเสริฐ จงประสพแด่ เจ้าของกระทู้ ครับ จากคุณ : นาย เหลือง เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 21:50:28

ความคิดเห็นที่ 82 ตอบความเห็นที่ 76 แป้งมันเก่า คงเปรียบได้กับแป้งมันที่เสื่อมคุณภาพแล้วอ่ะค่ะ คือเมื่อมันสุกมันจะไม่เหนียว หรือเหนียวน้อย แต่ราคาแพงกว่าแป้งมันธรรมดานะคะ แพงกว่านิดหน่อย ถ้าดูเปรียบเทียบกัน สีมันจะออกเหลืองกว่านิดนึง ส่วนข้าวเหนียวเก่า ถ้านึ่งแล้วมันจะแข็งกว่าข้าวเหนียวใหม่ ถ้าเอามากินจะไม่อร่อย ร้านส้มตำบางร้านจะใช้ข้าวเหนียวเก่า สีจะอมเหลือง ๆ ตากลมนิดเดียว แข็งโป๊กเลย อันนี้แหละเอา มาทำไส้ข้าวเหนียว แต่ถ้าเป็นข้าวเหนียวใหม่ก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 21:52:58

ความคิดเห็นที่ 83 ชอบกุ้ยช่ายเป็นชีวิตจิตใจเลยอ่ะ แถวบ้านมีขายอยู่เจ้าหนึ่ง หากไม่มีเจ้านี้สงสัยไม่รู้จักและไม่ได้กินตั้งกะเด็กๆเป็นแน่ ชอบอ่านประวัติชาวจีนโพ้นทะเลมากๆ ชอบเ็ห็นความสำเร็จที่ได้มาซึ่งความมุมานะ ขอบคุณ จขกท มากๆครับ จากคุณ : thaiMBA เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 21:55:03

ความคิดเห็นที่ 84 ขอขอบคุณ คุณหมวยอินเตอร์ มากๆค่ะ ที่ให้วิทยาทานแก่คนอื่น..ขอชื่นชมและขออวยพรให้คุณหมวยอินเตอร์และคุณแม่ อาม่าประสบแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปค่ะ จากคุณ : กุ๊กกลาง เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 21:55:07

ความคิดเห็นที่ 85 จัดกิ๊ฟ จัดโหวตไปค่ะ ขอบคุณมากๆเลยในความมีน้ำใจ ปกติเค้าไม่บอกกันง่ายๆนะสูตรเนี่ย ความชำนาญและฝีมือมันฝึกกันได้ถ้าขยัน แต่สูตรมันได้มายาก อ่านแล้วนึกถึงอากง อาม่า โล้สำเภามาจากเมืองจีนเหมือนกัน อยู่โน่นทำนาปลูกข้าว แต่ยากจนอดอยาก ลูกๆอย่าหวังว่าจะได้กินข้าวสวยเลย ทุกวันกินแต่ข้าวต้ม ใส่น้ำเยอะๆ ไปขุดเผือกขุดมันใส่ลงต้มด้วย อาม่าเล่าว่า ตอนพ่อเรา 3 ขวบ ร้องไห้ พูดแต่ว่า "แม่ หิวข้าว จะกินข้าวๆ" อากงเลยตัดสินใจไปเมืองไทย ไปคนเดียวก่อน ถ้าไม่ดีก็ตายคนเดียว ถ้าดีค่อยตามไป สุดท้ายรอดค่ะ อาม่ากับลูกๆ 3 คนก็มาเมืองไทย อ้อ เราชอบกินกู๋ไช้ก้วยค่ะ จะนึ่งจะทอดอร่อยทั้งนั้น ผักนี่แปลกดีนะ ตอนสดๆกลิ่นแรงน่าดู พอสุกกับหวานอร่อยซะงั้น ขนาดลูกชายเราไม่ชอบกินผักก็กินได้เอร็ดอร่อย ปล.ก็แปลกดี เป็นชาวนาปลูกข้าว ข้าว : อาหารหลักที่ทุกคนต้องซื้อ ต้องกิน แต่ชาวนายากจน จากคุณ : เด็กแหนม เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 22:04:17

ความคิดเห็นที่ 86 ชอบกินกุยช่ายมาก ขอบคุณมากๆคร่า มอบกิฟต์สุดท้ายของเดือนนี้ให้เลยคร่า จากคุณ : ยาหยีผีเบอะ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 22:04:32

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณน่ะค่ะ สำหรับความรู้ อ่านแล้วนึกถึงก๋งกับม่าเรา ขยันสุดยอดเหมือนกัน จากคุณ : Peony เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 22:05:36

ความคิดเห็นที่ 88 ดีใจค่ะที่คุณหมวย เอาของดี ๆ มาฝากเพื่อน ๆ ในนี้ ถ้าคุณมีกิจการของตัวเองแล้วก็ดีใจค่ะ ในฐานะที่เมื่อก่อนดิฉันก็เคยทำธุรกิจเล็ก ๆ คือขายกาแฟโบราณมาหลายปี จนอายุมากก็เบื่อไป กิจการก็ ล้าสมัยไป  ไม่ได้มีความคิดที่จะต่อยอดมันให้ทันสมัย เดี๋ยวนี้ของขายอะไรถ้าชื่อเป็นโบราณ ๆ ก็ขายได้ ยังเสียใจเลยว่าไม่ได้ต่อยอดธุรกิจของตัวเอง แต่ถ้าท่านใดนำไปทำแล้ว สามารถนำไปขาย ดำรงชีวิตได้ ก็นับว่าคุณได้ทำกุศลให้เพื่อน ๆ ได้มีอาชีพใหม่ ชีวิตใหม่ "คนไทยรักกันอยู่แล้ว" ดิฉันชอบทานกุ้ยช่ายมากค่ะ กุ้ยช่ายตลาดพลูสมัยก่อนทานบ่อยมาก ตอนนี้อยู่ไกลก็ไม่ได้ทานมาหลายปีแล้ว กลับไปไม่พลาดแน่นอน ขอให้คุณมีความสุขความเจริญในชีวิตและครอบครัวนะคะ จากคุณ : min bedstemor เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 22:06:32

ความคิดเห็นที่ 89 ความคิดเห็นที่ 85 คุณเด็กแหนม ข้าวต้มใส่น้ำเยอะ ๆ ใส ๆ แม่ก็เล่าให้ฟังค่ะ อาม่าเล่ามาอีกที บางทีตักแบ่งลูก ๆ หมด คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องอดให้ลูกได้อิ่ม ยากจนกันจริง ๆ ค่ะ ต้องขุดเผือก ขุดมันกินกัน แล้วคนจีนที่มาหากินที่เมืองไทย ไม่ใช่ว่าจะใช้ชีวิตอยู่กันง่าย ๆ นะคะ ถ้าต้องออกไปขายของ ก็จะเจอพวกตำรวจ พวกเทศกิจ เรียกตลอด ขอตรวจบัตรต่างด้าว ตรวจนู่น ถามนี่ จะเอาเงินให้ได้เลยทีเดียวเชียว อีกเรื่อง ไม่เกี่ยวกับขนมกุ้ยช่ายนะคะ แต่อยากเล่าให้ฟัง เรื่องผ้าอนามัยค่ะ สมัยก่อนจีนไม่มีผ้าอนามัยใช้กัน อาม่าต้องตัดชายผ้าเก่า ๆ มาห่อขึ้เถ้า ใช้แทนผ้าอนามัย ไม่อยากจะคิดต่อเลย ว่าสภาพจะเป็นยังไง ปัจจุบันอาม่าเสียไปสิบกว่าปีแล้วค่ะ แต่ยังคิดถึงอาม่าตลอดเลย จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 22:21:05

ความคิดเห็นที่ 90 อ่านกระทู้นี้นึกถึงอาม่าเหมือนกันค่ะ ไม่ค่อยสนิทกับอาม่า(แม่ของแม่) เท่ากับอาม่าที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่อาม่านั้นแม่จะชอบเล่าให้ฟังว่า มาจากเมืองจีน"คนเดียว" มาตอน 10 กว่าขวบค่ะ ตอนนี้ก็อายุแปดสิบกว่าแล้ว.. อาม่ากลับไปเยี่ยมน้องชายเกือบทุกปีค่ะ (และเราก็โดนลากไปด้วย) เด็กๆก็เบื่อๆ หลังๆก็รู้สึก... อาม่าโคตรเก่งเลย แถมไปเมืองจีน สนุกกับการเอาตัวรอดมากๆ (เราพูดแต้จิ๋วไม่ค่อยได้ จีนกลางได้นิดเดียวจริงๆ ภาษาอังกฤษลืมไปได้เลย.. ประเทศนี้ไม่มีคนพูด) แต่อาม่าเราพูดไทยไม่ได้เลยตอนมาถึง มาคนเดียวค่ะ ทางเมืองจีนก็ยากจนเลยค่ะ เราไปก็ทำนา อยู่แบบบ้านนอกมากๆ ออกจากเมืองซัวเถาไปสองชม. ถ้ามาจากกวางเจาก็ประมาณห้าชม. ลูกของน้องชายอาม่าไปทำงานกวางเจา มีลูกห้าคนค่ะ แบบอยู่กันลำบากมากๆ กลับมารู้สึกเลยค่ะ อยู่เมืองไทยดีสุด >< จากคุณ : ฉากสวย เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 22:52:28

ความคิดเห็นที่ 91 มาขอบคุณ และร่วมโหวตอีกเสียง เคยรับกุ๊ยช่ายมาขายอยู่พักนึง โรงงานนึ่งแป้งไม่สุก โดนต่อว่าบ่อยเข้า ก็เลยต้องเลิกขายไป เปลี่ยนอาชีพ ทั้งที่ลูกค้าบางรายก็ขอให้ขาย ขอยกมือถามคุณหมวยหนึ่งข้อ  ซีอิ้วสำหรับทำน้ำจิ้ม ใช้ยี่ห้ออะไร ขอบคุณจ้า จากคุณ : ปู่ต้า เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 23:48:30

ความคิดเห็นที่ 92 วันหลังเอาขนมถ้วยจีนของอาม่ามาปล่อยมั่งดีกว่า ที่บ้านเป็นสีเหลือง โรยใช้โป้วผัดกับกระเทียมเจียว ราดน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง เจอแถวกทม โรยงากับน้ำตาลไม่ใช่แบบที่คุ้นเคยเลย กว่าจะให้อาม่าเลิกขายได้ก็ตอนแกป่วยอ่ะ หลังจากนั้นแกก็เลิกเลยอยากกินแกก็ไม่ทำให้กิน ไปซื้อเจ้าที่อาม่าให้สูตรไปก็ไม่อร่อย ยังดีอาอี๋กลับมาทำขายใหม่เลยได้กินแต่ก็ไม่เหมือนอาม่าทำอยู่ดี 555 จากคุณ : endocrinex เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 54 23:54:37

ความคิดเห็นที่ 93 น่าสนใจครับ ผมไปซื้อกุ้ยช่ายหน้าโรงรับจำนำตลาดพลูบ่อยๆ ถ้าอยากกินของเจ้าของกระทู้ไปซื้อที่ตลาดพลูได้ตรงไหน กี่โมงครับ อยากลองมั่กมัก จากคุณ : mr_spurs เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 00:31:44

ความคิดเห็นที่ 94 คุณ จขกท ใจดีมากๆๆๆๆ   ใครที่ไม่มีอาชีพ ไม่มีสูตร ผมว่ามาอ่านเเล้วเอาไปฝึก ไปขายยังได้เลย เเต่สำหรับผมคงไม่มีปัญญาทำ ซื้อกินดีกว่า อิอิ จากคุณ : prun poa เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 00:36:56

ความคิดเห็นที่ 95 อ่านแล้วคิดถึงอาปา ทำงานงก ๆ ส่งเงินกลับเมืองจีนหมด ขอบคุณคุณหมวยอินเตอร์นะครับ สำหรับความรู้ที่มีให้ แต่จะได้ฝึกได้ทำไหมหนอ อิอิ ไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะครับนั่น จากคุณ : sakchai splash เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 01:13:57

ความคิดเห็นที่ 96 ชอบมากครับ หุหุ อ่านแล้วคิดถึงอาม่าผมเช่นกัน คิดถึงขนมนี่ด้วยเช่นกัน ไม่ได้กินนานมาก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 03:40:12

ความคิดเห็นที่ 97 จขกท ข้อมูลผมผิดไปนิดนึง ต้นตำรับเขาว่าอยู่ในซอย โรงเจนั่นแหละ ไม่ใช่วัดกลาง จำผิด  แต่ที่ จขกท บอกในซอยโรงเจมีหลายบ้านที่ทำ  อันนี้เลยไม่แน่ใจแล้วว่า บ้านไหนคือบ้านต้นตำรับ   แล้วร้านหน้าโรงจำนำล่ะครับ เค้ารับมาจากที่ไหน  วันนั้นผ่านไปเห็นคนมุงรอซื้อกันเต็มเลย สมัยเด็กหรือวัยรุ่นก็เห็นเขาขายมานานแล้วนะ  ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร จนเริ่มเห็นมีขายในห้างแล้วติดป้ายว่า กุ่ยช่าย ตลาดพลู นั่นแหละ ถึงจะเริ่มมีคำถามว่าในใจว่า เฮ้ยแถวบ้านเรามันมีของที่เป็นต้นตำรับ หรือมีชื่อเสียงด้วยหรือเนี่ย มันเลยทำให้ร้านหน้าโรงจำนำเลยคนเยอะอย่างที่เห็น ( คิดเองนะครับ ) จริง ๆ ตลาดพลูมีขนมอีกอย่างนึงที่ขึ้นชื่อ  แม่ผมเรียก เต้าซา แต่จริง ๆ เรียกอะไรไม่รู้  เป็นขนมแป้งทอด ข้างในมีไส้ถั่วเหลือง ไส้ถั่วลิสง ร้านอยู่ตรงข้าง ๆ ร้านข้าวหมูแดง  ใครผ่านไปตลาดพลูลองไปหาทานดูครับ ( นอกเรื่องนิดนึงนะ ) จากคุณ : Chip lost เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 07:52:55

ความคิดเห็นที่ 98 ขอบคุณสำหรับสูตรดีๆๆ นะคะ.... จากคุณ : Japanese Maple เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 08:25:06

ความคิดเห็นที่ 99 ตอบความเห็นที่ 91 เรื่องซีอิ้วค่ะ ของเราใช้ซีอิ้วดำตราเด็กสมบูรณ์ สูตร 5 ค่ะ รสมันจะอมเค็มๆ ต้องใส่น้ำเชื่อมเพิ่มให้มันหวานและใสขึ้นนะคะ แต่บางคนก็จะใช้ซีอิ้วหวานอันนี้แล้วแต่นะคะ ตอบความเห็นที่ 93 ของเราไม่ได้ขายอยู่ตลาดพลูค่ะ ตอนนี้ก็ไม่ค่อยทำขายแล้ว จะมีก็แต่ทำให้ลูกค้าประจำเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เพราะแม่ไม่ยอมเลิกค่ะ ตอบความเห็นที่ 97 เราก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าร้านหน้าโรงรับจำนำรับมาจากที่ไหน หรือเค้าอาจจะทำเองอันนี้ไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ ในซอยโรงเจทำขนมกุ้ยช่ายเยอะค่ะ ข้างบ้านเราก็ทำทุกบ้านเลย ติดกัน 5 หลัง ทำหมด แต่ตอนนี้บางหลังก็เลิกแล้ว ส่วนบ้านที่ยังทำอยู่ ก็มักจะส่งให้แต่ลูกค้าประจำ หรือไม่ก็ไปขายแถวจักรวรรดิ์ พาหุรัดไม่มีขายใครที่ตลาดพลูเลยค่ะ จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 08:34:18

ความคิดเห็นที่ 100 มาดู อาหมวย สอนทำขนมกุ้ยช่าย  จากคุณ : ผมเป็นภูมิคุ้มกันอาหมวยบกพร่อง เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 08:40:28

ความคิดเห็นที่ 101 กระทู้ นี้  สนุก น่าติดตามครับ   มีเรื่องราวคนจีนร่นเก่าๆ  ที่เป็นเรื่องจริง  ไม่โอเว่อร์แบบในละคร (ไทย)   จริงๆ แล้วความลำบาก ก็คล้ายๆกัน  แต่รายละเอียดเล็ก ๆน้อยๆ ของความเห็น  น่าสนใจมาก   ผมเกิด ตจว  ที่นั่นมีกุยช่าย ที่ผมว่าอร่อยที่สุด  สมัยเป็นวัยุร่น ผมสามารถกินได้ครั้งละ 8-10 ลูก  แต่เดี๋ยวนี้ไม่ไหวแล้ว  แป้งที่นั่น ไม่เหนียวแบบที่กรุงเทพ ทุกวันนี้ก็ยังมองหาขนมกุยช่ายอร่อยๆ ที่ไม่เหนียว  ไม่พบเลย จากคุณ : แวะเรื่อยเปื่อย เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 09:54:53

ความคิดเห็นที่ 102 อุ้ย! ลืมพูดถึงขนมอีกอย่างนึงที่คุณความเห็นที่ 97 กล่าวถึง ขนมอันนั้นเราเรียก "อิ่วก้วย" "อิ้ว"คือน้ำมัน "อิ่วก้วย" ก็คือขนมทอดน้ำมัน ส่วนที่คุณความเห็นที่ 97 เรียกเต่าซานั้น มันแปลว่า ถั่วกวน ซึ่งก็คือไส้ข้างในนั่นเอง อิ่วก้วย เนี่ยเราก็ชอบกินมาก ๆ เลย เคยทำขายอยู่เหมือนกัน ช่วงเทศกาลกินเจ เพราะไช้ก้วยเป็นชอ เลยต้องเปลี่ยนมาทำ อิ่วก้วย ขายตามเทศกาล ไส้ข้างในจะมีสองแบบ อันนึงจะเป็นถั่วเขียวกวน(แต่เป็นสีเหลืองนะ) อีกอันจะเป็น งาดำผสมถั่วลิสง ส่วนตัวแป้งด้านนอก ทำจากแป้งข้าวเหนียวล้วน ๆ วิธีการทำของคนอื่น อาจใช้น้ำอุ่นนวดกับแป้ง แต่ของบ้านเรา จะเอาแป้งผสมน้ำแล้วเทใสถาดไปนึ่ง สุกขึ้นมาก็เทใส่ถังที่มีน้ำมัน กวนต่อให้เนียน แล้วก็นำมาห่อไส้ ห่อเสร็จก็นำไปทอดได้เลย ตัวไส้ถั่วกวน ทำจากถั่วเขียวซีกกระเทาะเปลือกนึ่งสุก ทุบให้แหลก แล้วใส่กระทะกวนกับน้ำตาล ตัวไส้งาดำ ก็ทำจากงาดำคั่ว ผสมถั่วลิสงบดหยาบ แล้วก็น้ำตาล ใครอยากลองหัดทำ ทำอิ่วก้วย ก็อร่อยดีนะ หรืออย่าง"ขนมกาหลอจี๊" ที่เป็นแป้งทอดกรอบกินกับงา ก็คือแบบนี้แหละ แค่ไม่ได้ห่อเป็นลูก เอาแป้งกดแบน ๆ ไปทอดน้ำมัน แล้วโรยงา+ถั่วลิสง+น้ำตาล กินเลย อร่อยเหมือนกัน อันนี้ก็ของชอบเราอีกแหละ รูปนี้ขโมยคนอื่นมาค่ะ ต้องประกาศไว้ก่อน เดี๋ยวมีคนมาทวงความเป็นเจ้าของ อิอิ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 54 10:36:27 จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 09:57:05

ความคิดเห็นที่ 103 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : Warm Chocolate เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 11:15:09

ความคิดเห็นที่ 104 ขอบคุณมากๆนะคะ ก๋งเราก็มาจากเมืองจีน แต่ไม่เคยเห็นหน้าเลย เพราะก๋งรีบ เลยไปรอบนสวรรค์ก่อน บ้านเราอาม่าพูดแต้จิ๋วอยู่คนเดียว มีหลานก็ส่งเรียนภาษาอังกฤษหมด มีเราคนเดียวที่เตี่ยส่งให้เรียนภาษาจีน เตี่ยว่าจาให้พาไปหาญาติที่เมืองจีน--* ขอบคุณนะคะ ที่เอาสูตรมาบอกเดี๋ยวจะลองทำให้เตี่ยชิม ไม่รู้จะกินได้ป่าว จากคุณ : yayako เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 11:25:57

ความคิดเห็นที่ 105 ขอถามค่ะ กุ้ยช่ายแบบทอด.... พอนึ่งเสร็จกู้ยช่ายจะลอยก้นถาดจะมีแต่แป้ง ทำอย่างไรให้แป้งและกุ้ยช่ายเข้ากันเหมือนที่เขาตัดขายค่ะ จากคุณ : noklekkaa (papagearna) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 12:07:41

ความคิดเห็นที่ 106 คุณหมวยครับ ในซอยโรงเจที่ว่าเยอะๆ มีเจ้าไหนแนะนำบ้างไหมครับ จะไปซื้อกินเองกับลูก หรืออาจรับมาขายด้วยก็ได้ แต่กลัวเจ้าที่คุณบอกว่าซกมกนี่แหละครับ กลัวจะไปโป๊ะเชะเข้า ขอเป็นวิทยาทานอีกสักนิดนะครับ จากคุณ : พ่อน้องโด่ง เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 13:53:28

ความคิดเห็นที่ 107 ตอบความเห็นที่ 105 ที่ผักลอย เป็นเพราะว่าไม่ได้ใส่เบกิ้งโซดารึเปล่าคะ โดยปกติ ต้นกุ้ยช่ายที่นำมาทำนั้น เราจะต้องผึ่งลมให้แห้ง เมื่อเราผสมผักกับน้ำแป้ง ผักที่แห้งก็จะลอยขึ้นด้านบนเป็นธรรมดาค่ะ แต่เบกิ้งโซดา จะทำให้ผักนิ่มขึ้น แฉะขึ้น เมื่อผสมกับน้ำแป้ง จึงไม่ลอยค่ะ ในการทำกุ้ยช่ายแบบทอดนี้ บางคนก็จะนำต้นกุ้ยช่ายไปผัดก่อน เพื่อให้นิ่ม อันนี้แล้วแต่นะคะ จะผัดไม่ผัดก็ได้ ถ้าไม่ผัด ตอนเราคลุกส่วนผสมให้คลุก นานหน่อย หรือใส่เบกิ้งโซดาเยอะอีกนิดนึง ผักก็จะแฉะเองค่ะ แต่ถ้าทำแบบลูก ไม่อยากให้ผัด เพราะมันจะแฉะ แล้วแป้งที่ปั้นจะแตก จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 14:02:03

ความคิดเห็นที่ 108 ตอบความเห็นที่ 106 เจ้าสกปรกเค้าอยู่กลางซอยค่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้ขายอยู่รึเปล่า เพราะตั้งแต่มีถนนราชพฤกษ์ตัดผ่านหน้าบ้าน เราก็ไม่ค่อยได้เข้าออกซอยโรงเจเลย ที่แนะนำก็ได้ก็คงจะเป็นบ้านข้าง ๆ กันค่ะ 3 หลังติดกัน ทำกุ้ยช่ายหมดเลย แถวนี้เราเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ ล้างผักสะอาดเหมือนกันหมด แต่เค้าขายให้แต่ลูกค้าประจำ หรือไปขายแต่ที่ประจำ ถ้าเดินมาซื้อ ไม่รู้เค้าจะมีขายให้รึเปล่า เพราะเค้าอาจจะไม่ได้เผื่อของไว้ หรืออาจจะมาตอนนี่เค้ายังไม่ได้นึ่งก็ได้ จากซอยโรงเจ ตามทางเข้ามาจนสุดซอยเลยนะคะ จะทะลุถนนใหญ่ ซึ่งก็คือถนนราชพฤกษ์ ตึกแถวขวามือนั่นแหละค่ะเค้าทำขาย ตั้งแต่ห้องหัวมุมเลยนะคะ ไล่ไป ทำขายทั้ง 3 บ้านเลย เราไม่เคยชิมของเค้าหรอกนะคะ แต่เห็นว่าสะอาดดี จากคุณ : ยัยหมวย อินเตอร์ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 14:14:28

ความคิดเห็นที่ 109 กุ่ยช่ายแช่เย็นอร่อยมาก ลองดูนะ ค้นพบโดยบังเอิญเพราะกินไม่หมดแล้วแช่ตู้เย็นไว้ พอมากินอีกที เอ๊ะทำไมอร่อยขึ้น เอ หรือว่าเราหิว จากคุณ : wisit_cm เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 14:22:56

ความคิดเห็นที่ 110 ถ้าบอกว่าไม่ได้สนใจสูตรเลยจะโกรธมั้ยคะเนี่ย แหะๆ เข้ามานั่งอ่านเรื่องราวของคนจีนโพ้นทะเลค่ะ อาม่าเราก้อนั่งสำเภามาเหมือนกัน เราเป็นลูกหลานคนจีนค่ะ ฟังแต้จิ๋วได้ เพราะหัดกับแม่ตอนโตแล้ว อ่านแล้วคิดถึงอาม่าค่ะ อาม่าเราก้ออดทนขยันเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานจนเติบโตได้ดี แต่เสียดายที่อาม่าเสียไปก่อนที่เราจะสุขสบายค่ะ จากคุณ : เปียเกียว เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 14:41:13

ความคิดเห็นที่ 111 ยกมือถามบ้าง ..... 1. เวลานึ่ง ใช้อะไรรอง ไม่ให้ขนมติดกับที่นึ่งค่ะ จากภาพ 76 เหมือน ใช้พลาสติกรองหรือเปล่า 2  หลังการนึ่ง ถ้าไม่ทาน้ำมัน ได้หรือปล่าว ถ้าได้ ทำอย่างไร ให้ขนมไม่แห้งแข็ง ....ไม่ชอบใส่น้ำมันมาก กลัวอ้วนค่ะ อิอิ 3. สูตรแบบทอด เป็นชิ้นๆสี่เหลี่ยม เวลาทอด ใช้น้ำมันทอดเยอะแบบท่วม หรือใส่นิดหน่อย เหมือนการจี่ค่ะ   ป,ล ขอบคุณสำหรับเทคนิค การกวนน่ะคะ่ เคยทดลองทำสูตรจากตำรา ทำขนมกุ้ยช่ายที่เป็นตำรากุ้ยช่ายโดยเฉพาะ  ข้างในมีหลายสูตรให้  ทดลอง  ทำครั้งแรก ออกมาอร่อย(ดันลืมจดว่าใช้สูตรไหนอิอิ) ครั้งที่สองกลับไม่อร่อย แป้งหลังนึ่งพอวางไว้แห้งแข็ง คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับการกวนแป้งหรือนวดแป้ง นี่แหละ    วันพ่อ จะลองทำสูตร คุณหมวย ให้คุณพ่อ  แล้วปักเทียน แบบขนมเค็ก อิอิ   ท่านชอบ ไส้ข้าวเหนียวแต่จะใส่หมู กับเห็ดหอมด้วย(เดี๋ยวนี้ไม่มีคนทำขาย เพราะเสียชีวิตไปแล้ว เลยต้องซื้อตำรามาหัดทำให้ท่านทาน  ) จริงๆ เราเคยมีญาติห่างๆที่ทำกุ้ยช่ายอร่อยมากๆ อยู่ที่ อ.คลองแงะ จ.หาดใหญ่  แต่ตอนนี้ท่านเลิกทำแล้ว เพราะอายุมาก และย้ายครอบครัวไปอยู่กรุงเทพฯ  เขาบอกที่อร่อยเพราะแป้งที่ใช้เป็นของมาเลย์ จะเหนียวนุ่มกว่าของไทย  เมื่อก่อนยุ่งแต่การทำธุรกิจ ไม่เคยคิดจะเรียนรู้สูตรเลย เสียดายมาก ด้วยความที่จะกินเมื่อไหร่ก็โทรไป ท่านก็ฝากมาให้กิน และสมัยก่อนหาร้านอร่อยๆกินไม่ยาก แต่ปัจจุบัน(ที่จังหวัด) หาร้านอร่อย ยากมาก คงเพราะคนทำ รุ่นอาม่า  ที่ทำอร่อยๆ ค่อยๆเลิกลาไป .....ล่าสุดวันพระซื้อมาไหว้ อาม่า เสร็จแล้วแทบโยนทิ้ง .......ที่บ้านเรียกว่า ......เจี๊ยะบ่เลาะ  .....เลยสงสารอาม่า  ว่าเราไหว้ไป จะกินลงหรือเปล่า  อิอิ    คุณหมวยคิดถูกแล้วค่ะ ที่นำสูตรดีๆมาเผยแพร่ เป็นวิทยาทาน อย่าให้สูตรดีๆต้องสูญหายไปเลย อย่างน้อยพวกเราคนซื้อกินจะได้มี ขนมอร่อยๆกินต่อไป  ไม่ต้องลำบากมานั่งทำเอง ทำทีไร ครัวเละตุ้มเป๊ะ ทุกที แถมต้องมานั่งลุ้นว่าออกมาจะกินได้ป่าว 555555 จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 14:47:01

ความคิดเห็นที่ 112 อ่านแล้วคิดถึงอาม่าค่ะ  :) จากคุณ : คิดถึงคนบนฟ้า (tippalm) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 15:02:50

ความคิดเห็นที่ 113 ขอบคุณสำหรับพิกัดร้านนะครับ จริงๆถามแบบนี้ออกจะรานน้ำใจเกินไป อุตส่าห์มาบอกสูตรทั้งทียังจะไปหาซื้อร้านอื่นอีก ต้องลองทำดูแล้วครับ เผื่อแหล่งขายกูช่ายอร่อยจะย้ายฐานมาแถวลำสาลี จากคุณ : พ่อน้องโด่ง เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 15:16:57

ความคิดเห็นที่ 114 ขนมกุ้ยช่ายสีชมพู  ใส่สีอะไรค่ะ ชอบทานแบบรูปใบโพธิ ไม่เคยเห็นแบบกลม จากคุณ : Sally1008 เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 54 15:17:54