ความคิดเห็นที่ 1 เมนูพะโล้แห้ง (ซึ่งจริงๆลักษณะน้ำคลุกคลิก)ของบ้านเรนั้น เรเองก็ไม่ทราบว่าได้รับอิทธิพลมาจากจีนหรือเปล่าเหมือนกันค่ะ แต่ จำคล้ายๆกับเมนูอาหารจีนที่คุณแม่สอนอย่างนึงซึ่งจะเป็น "ปลาหมึกกระดองและหมูสามชั้นพะโล้แบบน้ำคลุกคลิก" เรเองก็จำชื่อจีนไม่ได้เสียด้วย แต่เหมือนเมนูพะโล้ของบ้านเรนี้จะคล้ายๆกันค่ะ แต่จะหนักไปทางเครื่องเผ็ดร้อนพริกไทยดำ น้ำข้นคลุกคลิกไว้ราดข้าว  เหมาะกับช่วงอากาศเปลี่ยนที่สุดค่ะเพราะ ทั่งเผ็ด เค็ม หวาน กลิ่นพริกไทยโล่งกันเลยทีเดียว (ไม่เหมาะแก่คนเป็นโรคกะเพาะนะคะเมนูนี้ แสบไส้ได้) ของที่ใช้ก็มีไม่เยอะค่ะ หมูสามชั้น ไข่ต้ม พริกไทยดำตามชอบ (ของบ้านเรใส่เยอะหน่อยค่ะเอาเผ็ด) กระเทียม รากผักชี ขิงบุบ 1แว่น เครื่องพะโล้ ปรุงรสใช้แค่ ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำหวาน เกลือตัดรส และน้ำตาลมะพร้าวนี้แหละค่ะ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:23:50

ความคิดเห็นที่ 2 พริกไทยบ้านเรเนื่องจากเรทานรสจัดนิดนึงเลยใส่เยอะหน่อยนะคะ แต่ มันได้ความหอมค่ะ ที่เมนูนี้ชอบใช้พริกไทยดำมากกว่าพริกไทยขาวเพราะ เหมือนว่ากลิ่นมันเวลาบดลงไปคั่ว จะหอมอมหวานกว่า ที่เหลือก็จะเครื่องพะโล้ทั่วๆไป แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 55 05:26:20 จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:26:02

ความคิดเห็นที่ 3 เริ่มจากอย่างแรก  นำกระเทียมพริกไทยและ เศษรากผักชีลงไปตำหยาบๆค่ะ รากผักชีไม่ใส่หมดนะคะ ใส่นิดเดียวเดี๋ยวกลิ่นแรงเกิน(แค่ต่อนเล็กๆพอ)  ที่เหลือ ลงไปต้มกับเครื่องพะโล้ค่ะตอนหลังค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 55 05:28:25 จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:28:14

ความคิดเห็นที่ 4 จะได้มาหยาบๆแบบนี้ค่ะ ใช้แค่หยาบๆนี้แหละ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:28:52

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากนั้น นำหมูามชั้นล้าง ซับน้ำ หั่นท่อน คลุกกับซีอิ้วขาวและเกลือนิดนึง พอให้หมูมีรสในตัวค่ะ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:30:22

ความคิดเห็นที่ 6 เนื่องจากอย่างที่บอกค่ะ ชื่อมันพะโล้แห้ง เราไม่ใช่หม้อแต่ที่บ้านจะใช้กะทะแทนค่ะ หาก้นลึกนิดนึงนะคะเพราะเรายังต้องเคี่ยวหมูอยู่บ้าง จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:31:17

ความคิดเห็นที่ 7 นำหมูลงไปทอดค่ะ  ตอนนี้ห่างกันนิดนึง  น้ำมันกระเด็นแอบลงแขนไปหลายแหมะ  ==  ==" จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:33:03

ความคิดเห็นที่ 8 รอๆ เขี่ยๆ จนหมูเริ่มเหลือง หอม  แต่ไม่รอจนหมูหดแห้งน้ำมันออกมาจนหมดนะคะ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:33:51

ความคิดเห็นที่ 9 นำพริกไทยดำและกระเทียมที่ตำไว้ ลงผัดให้หอมค่ะ ขั้นตอนนี้จะหอมมาก ไม่มีกลิ่นแสบจมูก แต่ อย่าให้มันหลอกให้เราชิมเชียวค่ะ  สำลักแน่ๆ ไฟอ่อนๆ ใจเย็นระวังไหม้ เอาให้หอมก่อนนะคะ  ไม่รีบไม่ร้อน จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:35:10

ความคิดเห็นที่ 10 ผัดๆๆๆ ให้หอมข้างบ้านเปิดประตูมาถามว่าทำอะไรกินกลางดึกเลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 55 05:35:53 จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:35:44

ความคิดเห็นที่ 11 พอกลิ่นหอมฟุ้งแล้ว ก็ใส่น้ำลงไปค่ะ  ไม่ต้องเยอะนะคะแต่ เผื่อปริมาณน้ำระเหยเวลาเคี่ยวหมูด้วยนิดนึง   ตามด้วยเครื่องพะโล้ ขิงบุบ  และ เครื่องปรุง ซีอิ้วดำหวาน ซีอิ้วขาว เกลือตัดรส ชิมพอให้เค็มนิดๆ เผื่อตอนน้ำงวดแล้วเค็มขึ้นอีกค่ะ น้ำตาลจะใส่ทีหลังเพราะใส่ตอนนี้หมูรัดตัวเคี่ยวไม่เปื่อยกันพอดี ==  ==" แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 55 05:55:53 แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 55 05:39:45 จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:37:18

ความคิดเห็นที่ 12 เร่งไฟรอให้เริ่มเดือดค่ะ ระหว่างนี้ชิมรสจะรู้สึกขาดๆเกินๆนะคะเพราะมันยังไม่เข้าที่เข้าทาง ใจเย็นๆรอมันงวดกว่านี้ก่อนค่ะรสชาติจะได้เรื่องกว่า อย่าพึ่งใจร้อนเติมเครื่องปรุงเยอะ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:41:07

ความคิดเห็นที่ 13 เดือดปั๊บ ปิดฝา หรี่ไฟอ่อนสุดไว้ให้  หนีไปอาบน้ำซัก10-15นาทีค่ะ    ระวังมันไหม้ตูดนะเอออย่าไปนานค่ะเดี๋ยวจะเป็นถ่านแบบที่เรเคยพลาดมาแล้ว จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:42:53

ความคิดเห็นที่ 14 10นาทีเปิดมา  หน้าตาของหมูเริ่มนิ่มแล้วค่ะ เอาแค่พอนิ่มนะคะ อย่าถึงกับเขี่ยแล้วกระจุย น้ำมันจะเริ่มงวดนี้แล้วตอนนี้ชิมอีกครั้งหากขาดเค็มปรุงเลยค่ะ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:44:43

ความคิดเห็นที่ 15 ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลแว่น น้ำตาลปีีบ หรือน้ำตาลทรายที่มีลงไปค่ะ ของเรใช้ประมาณเกือบก้อนนึงกำลังพอดี  ใส่ลงไปเร่งไฟคนให้เดือดค่ะ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:46:09

ความคิดเห็นที่ 16 พอน้ำตาลละลาย ชิมรสให้พอเหมาะน้ำก็จะเริ่มงวดขึ้นไปอีกค่ะ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:47:26

ความคิดเห็นที่ 17 มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ :) โอยยยยย เห็นสามชั้นแล้วใจมันสั่นนนนน  สั่นสู้นะคร้าาาา ;) จากคุณ : ชอคโกแลตแสนอร่อย เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:50:44

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วก้ใส่ไข่ต้มลงไปค่ะ  ต้มอีก2-3นาที ให้ไข่ร้อนก็ปิดไฟ เทใส่หม้อเล็กค่ะ เมนูนี้ถ้าให้ดีคือปล่อยไว้ข้ามคืนให้  ไข่ตอนนี้สีอาจจะอ่อนพอเช้ามาหลังแช่ในน้ำสีก็เข้มขึ้นเองค่ะ (ก็น้ำมันดำซะขนาดนี้) จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:51:14

ความคิดเห็นที่ 19 นำมาเทใส่หม้อเล็กค่ะให้ไข่และหมูแช่อยู่ในน้ำ ปล่อยทิ้งในที่อากาศโปร่งๆซักคืน ตอนเช้าอื่นนิดนึงก็อร่อยเข้มข้นเลยค่ะ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:52:42

ความคิดเห็นที่ 20 แล้ว เรเรก็ตักขึ้นมาพร้อมถ่ายรูป เวลาเสิร์ฟโรยผักชีนิดนึงค่ะ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:54:05

ความคิดเห็นที่ 21 เนื่องจากว่าเตรียมถวายพระถ้วยนี้ไม่ได้ชิมค่ะ ตักแบ่งมาถ่ายรูปอย่างเดียว ให้ดูชิ้นหมูกำลังนุ่มเลย จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:55:26

ความคิดเห็นที่ 22 ชิ้นหมูอีกซักชิ้น   เตือนว่า ถึงจะหวานแต่จานนี้ออกรสเผ็ดร้อน น้ำเข้มข้นคลุกข้าวนะคะ  อย่าเผลอราดข้าวท่วมๆเชียว เพราะรสค่อนข้างจัดอยู่ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:57:23

ความคิดเห็นที่ 23 เอาล่ะข้าวสวยพร้อม เตรียมออกไปใส่บาตรล่ะค่ะ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:58:08

ความคิดเห็นที่ 24 เมนูนี้เป็นอีกเมนูที่ ทางบ้านเรทำทานกันบ่อยค่ะ เลยถ่ายนำมาฝากทุกท่าน ปรุงง่ายๆขั้นตอนไม่ยากและเจริยอาหารแน่นอนค่ะ ไว้หากท่านใดสนใจคราวหน้าลองทำดูกันนะคะ ^  ^ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 05:59:42

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนวันนี้ เรขอเตรียมไปใส่บาตรให้น้องแมวก้องก่อนค่ะ   ทานให้อร่อยนะคะทุกท่าน ^  ^ จากคุณ : พยูนบูด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 06:01:14

ความคิดเห็นที่ 26 เสียใจด้วยนะคะเรื่องน้องเหมียว น่ากินมากเลยค่ะ น้ำลายสออยู่หน้าคอม จากคุณ : querido เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 06:43:29

ความคิดเห็นที่ 27 เสียใจเรื่องเจ้าก้องด้วยนะคะคุณเร  ขอให้มีกำลังใจ สู้ๆค่ะ  เข้าใจเลยค่ะสำหรับคนที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรัก ช่วงเวลาที่มันมีชีวิตอยู่  เรานี่แสนจะมีความสุข  แต่พอมันจากไป เศร้าเหมือนคนที่สนิทจากไปเลยค่ะ ไข่พะโล้แห้ง น่าทานมากเลย ขอจกไปสักสองฟองค่ะ จากคุณ : กรีน..ที เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 08:24:32

ความคิดเห็นที่ 28 เสียใจเรื่องน้องเหมียวด้วยนะคะเพราะเฟย์ก็เลี้ยงแมวเลยพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องมาเสียสมาชิกในครอบครัวไป ป.ล. อาหารน่าทานมากค่ะคุณเร สงสัยต้องไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ซะแล้วสินะ..สินะ จากคุณ : ran.takarai เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 08:38:50

ความคิดเห็นที่ 29 ไหนแห้ง...ยังเห็นน้ำอยู่เยยยย  อะล้อเล่นนน น่าทานมาก ๆ ครับ จากคุณ : Poifhai@Thailand เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:04:21

ความคิดเห็นที่ 30 จิ้มไปที่ #25 ผอมเหมือนแมวเราเลย  ของเราเพิ่งไปตอนปลายเดือนตุลาปีที่แล้ว เป็นโรคเหงือกอักเสบ  ให้กินอาหารกระป๋องแบบอ่อนมาได้ตั้งปีกว่า  สุดท้ายก็จากไป ถ้าอยู่ถึง 4 กย ก็อายุ 14 ปี พอดี  ^^" จากคุณ : Mameaw&Kamo เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:47:59

ความคิดเห็นที่ 31 2-3 วันนี้มีเมนู "ไข่พะโล้" มาหลายทู้  เจอในทีวีอีกหลายรายการ รู้สึกเลยว่า ต่อมอยากกินไข่พะโล้แตก  ถ้าไม่ทำกินเอง  คงต้องไปซื้อมากินแน่ๆ ! v_v' . จากคุณ : สวยสะพรึง เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 14:22:25

ความคิดเห็นที่ 32 พะโล้แห้งน่ากิน  เราเข้าใจความรู้สึกคุณเร 2 อาิทิตย์ก่อนปีโป้แมวรักก็ไปสวรรค์เหมือนกัน จากคุณ : NDL เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 17:31:29

ความคิดเห็นที่ 33 เสียใจกับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ แมวที่บ้านเคยโดนงูรัดตาย ร้องไห้เป็นวัน เป็นคืนเลยละ น่าทานมากเลยค่ะ เห็นแล้วหิวเลย จากคุณ : armkaa เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 18:33:40

ความคิดเห็นที่ 34 น้ำลายไหล จากคุณ : nOoploy เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 18:48:08

ความคิดเห็นที่ 35 ขอแสดงความเสียใจเรื่องน้องแมวด้วยครับ จากคุณ : besu1 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 21:02:50

ความคิดเห็นที่ 36 ก้อง นู๋อดทนมากเลยลูก จากคุณ : ปรัซซี่ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 21:40:50

ความคิดเห็นที่ 37 ไข่น่าทานมาก ๆ ค่ะ อยากทำบ้างจัง จากคุณ : production เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 05:03:29

ความคิดเห็นที่ 38 เสียใจเรื่องแมวด้วย ขอบคุณครับที่นำมาแบ่งปัน จากคุณ : หยก (เป็ดวุฒากาศ27) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 10:52:47