- กลุ่มพทาเลทเอสเทอร์ เป็นกลุ่มที่ใช้เป็นพลาสติไซเซอร์มากที่สุด เป็นสารประกอบอะโรมาติกที่มีหมู่คาร์บอกซิเลท 2 หมู่ มีลักษณะเป็นของเหลว มีจุดเดือดสูงและความดันไอต่ำ เป็นสารที่เสถียรและละลายในไขมันได้ดี
( ข้อความทางเคมีที่ซับซ้อนก็จะไม่ลงไว้นะคะ )
ความเป็นพิษ
เนื่องจากพลาสติไซเซอร์ที่นิยมใช้มากที่สุด คือ กลุ่มพทาเลทเอสเตอร์ ดังนั้นจึงมีผู้ศึกษาวิเคราะห์วิจัยและมีหลักฐานการตรวจพบในสิ่งแวดล้อมมากที่สุด พลาสติไซเซอร์ที่นิยมใช้กันมากและอยู่ในรายการสารมลพิษ (priority pollutants) ขององค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา (US Environmental Protection Agency, USEPA) มีอยู่ด้วยกัน 6 ตัว คือ DMP, DEP, DBP, BBP, DOP(1) และ DOP(2)
โดยเฉพาะ DOP(1) นิยมใช้กันมากที่สุดหรือที่รู้จักกันในชื่อ ไดทูเอทิลเฮซิลพทาเลท ซึ่งเป็นคนละตัวกับไดนอร์มัลออกทิลพทาเลท (DOP) ( ชื่อทางเคมีอ่านยากไม่ต้องสนใจมากนักก็ได้ อ่านเอาแค่พอรู้แล้วกัน )
***แต่ตรงนี้ควรต้องรู้***
สารมลพิษเหล่านี้ไม่ค่อยแสดงความเป็นพิษอย่างเฉียบพลัน แต่จะแสดงในลักษณะพิษเรื้อรังเป็นผลให้เกิดอาการตกเลือดในปอด (lung hemorrhage), ตับโต (hepatomegaly) เป็นพิษต่อเซลในร่างกาย (cytotoxicity) ทำให้เกิดมะเร็ง (carcinogenicity) เกิดการก่อกลายพันธุ์ (mutagenicity) และทารกในครรภ์มีรูปร่างผิดปกติ (teratogenicity)
พลาสติไซเซอร์ที่ใส่ในผลิตภัณฑ์พลาสติกจะไม่ได้เกิดพันธะเคมีกับโพลีเมอร์เพียงแต่จะแพร่แทรกเข้าไปอยู่ระหว่างโมเลกุลดังกล่าวแล้วข้างต้น ดังนั้นจึงเกิดการถ่ายเทสู่สิ่งแวดล้อมได้ง่าย ดังรายงานการตรวจพบสารเหล่านี้ในน้ำ อากาศ ดิน ปลา อาหาร เลือด และ พลาสมา
( ตรงนี้จะบอกว่าพลาสติไซเซอร์ มันแพร่ออกมาสู่อาหารที่มีไขมัน เนย น้ำมัน หรือ อาหารที่มีแอลกอฮอล์ ได้ง่ายแค่สัมผัส ก็จะแพร่ละลายปนออกมากับอาหารนั้นๆ
ความเห็นส่วนตัว กรณีที่เอาพลาสติกคลุมอาหารเข้าเตาไมโครเวฟด้วย ถึงแม้อุณหภูมิจะไม่ถึง 130 องศา c ตามที่เขียนไว้บนกล่อง แต่คลื่นในไมโครเวฟที่ไปกระตุ้นให้โมเลกุลน้ำ น้ำมัน ไขมันในอาหารให้หมุนกลับไปมา ก็กระตุ้นโมเลกุลในพลาสติกด้วย เจ้าพลาสติไซเซอร์ plasticizer ซึ่งมันแทรกตัวอยู่ก็จะไหลลื่นแพร่ออกมาสู่อาหารเราได้ง่ายๆด้วย รวมถึงตัวพลาสติกโดยตรงก็อาจละลายออกมาบางส่วนได้ด้วย 2 เด้งเลยนะคะ)
แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 55 18:22:40
แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 55 18:20:58