ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มจากเรื่องแรกกันก่อน Midnight In Paris ครับ Midnight In Paris เป็นเรื่องของจิล นักเขียนบทหนังฮอลีวู้ดที่อยากจะวางมือจากวงการ เพื่อหันมาทำงานวรรณกรรม โดยเมื่อเขาเดินทางมาปารีสพร้อมกับแฟนสาว อีเนซ เขาก็เกิดความประทับใจในปารีสและอยากย้ายมาอยู่ที่นั่น แต่คล้ายว่าเธอไม่เห็นด้วย และเมื่อบังเอิญมาเจอแฟนเก่าของแฟนอีก เขาก็เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย จนในคื่นหนึ่งที่พวกเขาออกไปเต้นรำ จิลขอปลีกวิเวกไปเดินเล่นในกรุงปารีสยามค่ำคืน และคืนนั้นเองที่มนต์เสน่ห์ของปารีสเริ่มต้นขึ้น จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 12:58:44

ความคิดเห็นที่ 2 ด้วยเนื้อเรื่องที่มี setting อยู่ในฝรั่งเศส เหมือนจะเป็นการบังคับกลายๆ ให้ทำอาหารฝรั่งเศสเสียอย่างนั้นนะครับ นอกจากนี้การเดินทางย้อนเวลาไปยังช่วงยุค 20s ทำให้เราคิดเอาเทรนด์ของอาหารฝรั่งเศสในยุคนั้นมาเล่าใหม่ครับ ในยุคนั้น อาหารพื้นบ้านที่เดิมทีเป็นอาหารธรรมดาที่ชาวบ้านปรุงกินกัน เริ่มมีการเอาเข้ามาในร้านอาหาร โดยปรับเปลี่ยนให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย โก้หรู หรือใช้วัตถุดิบที่แพงขึ้น นอกจากนี้ อาหารบางจานก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในฐานะสื่อแสดงอัตลักษณ์ของเชื้อชาติฝรั่งเศส หนึ่งในจานนั้นก็คือ coq au vin หรือไก่ตุ๋นไวน์ (แดง) นั่นเองครับ และเมนูสำหรับ Midnight In Paris ก็คือไก่ตุ๋นไวน์จานนี้นั่นเอง เอง เอง... จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:00:42

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนผสมของสตูจัดหนักจานนี้มีดังนี้ครับ ไก่แก่ (ไก่เหนียว)ขนาด 1.2-1.5 กิโลกรัม ชำแหละเป็นส่วนๆ 1 ตัว ไวน์แดงรสเข้มๆ เช่น Burgundy, Chianti, Beaujolais 1 ขวด แครอทหั่นเป็นเต๋าหยาบๆ 2 หัว หอมหัวใหญ่หั่นเป็นเต๋าหยาบๆ 2 หัว เซเลอรี่หั่นเป็นท่อนสั้นๆ 2 ถ้วย กระเทียมกลีบใหญ่ปอกเปลือก ซอยบางๆ 3 กลีบ ใบกระวาน 2 ใบ ไธม์สด 4 ช่อ พริกไทยดำ 10 เม็ด เบคอนหรือแพนเช็ตต้าหั่นเป็นเส้นหนาๆ 1 ถ้วย เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ เหล้าคอนญัค หรือบรั่นดี 1/2 ถ้วย น้ำสต็อกไก่ 3 ถ้วย เกลือ/พริกไทย เนยจืด 3 ช้อนโต๊ะ หอมแดงหัวเล็กปอกเปลือก 20 หัว เห็ดแชมปิญองหั่น 150 กรัม จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:01:58

ความคิดเห็นที่ 4 เริ่มจากขั้นตอนแรก ให้ทำล่วงหน้าไว้ 1 วันนะครับ เรียงชิ้นไก่ลงในชามผสม ใส่แครอท หอมหัวใหญ่ เซเลอรี่ กระเทียม ใบกระวาน ไธม์ และพริกไทยเม็ดลงไป เทไวน์แดงลงไปให้ท่วมชิ้นไก่ ปิดด้วยพลาสติกแร็พ หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นข้ามคืน จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:03:23

ความคิดเห็นที่ 6 แยกไก่ออกมาจากน้ำหมัก ซับให้พอแห้งด้วยกระดาษทิชชู กรองเอาผักที่เหลือออกจากน้ำหมัก พักไว้ หันไปง่วนที่เตา เจียวเบคอนพร้อมกับเนยในหม้อใบใหญ่ก้นหนาำ ไฟปานกลาง จนกระทั่งเบคอนเริ่มกรอบและเป็นสีน้ำตาล ตักขึ้นจากหม้อ พักไว้ วันนี้เบคอนดูไม่เป็นเบคอน! จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:05:55

ความคิดเห็นที่ 7 โรยเกลือและพริกไทยพอทั่วชิ้นไก่ แล้วนำลงไปทอดในน้ำมันเบคอนให้เป็นสีน้ำตาลเข้ม กลับด้านเมื่อด้านที่ลงไปทอดเริ่มได้สีดีแล้ว เมื่อทอดได้ที่แล้ว ตักไก่ขึ้นมาจากหม้อ พักไว้พร้อมกับเบคอน สียิ่ง brown ยิ่งงาม แต่ไม่ใช่ไหม้นะครับ จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:08:29

ความคิดเห็นที่ 8 ลืมรูปครับ อันนี้เป็นไก่ที่เรา brown แล้ว จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:09:09

ความคิดเห็นที่ 9 นำผักที่แยกไว้จากน้ำหมักลงไปผัดในน้ำมันในหม้อใบเดิมจนพอมีสีน้ำตาล ใส่ไก่และเบคอนที่แยกไว้ลงไป  ใส่แป้งสาลีลงไป คนให้เข้ากัน แล้วทิ้งเอาไว้ 1-2 นาที เติมเหล้าคอนญัค พร้อมกับจุดไฟเพื่อไล่แอลกอฮอล์ออก เขย่ากระทะเล็กน้อยพอให้หมดไฟ (อันตราย! ระมัดระวังนิดนึงนะครับ) เติมไวน์ที่ใช้หมักไก่และน้ำสต็อกลงไป รอจนเดือด แล้วลดไฟลงเป็นพอรุมๆ ปิดฝาหม้อ ตั้งไฟไปเรื่อยๆ ขั้นตอนที่ว่ามานี้จะคล้ายๆ กับ boeuf bourguignon ครับ จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:11:00

ความคิดเห็นที่ 10 ระหว่างที่เราตั้งไฟตุ๋นไก่ ก็หันมาทำอีกอย่างนะครับ ในกระทะอีกใบ ตั้งไฟปานกลาง ละลายเนย แล้วนำหอมแดงลงไปผัดให้พอสุกใส ตักขึ้นพักไว้ แล้วใส่เห็ดลงไปผัดให้พอสุกดีและเป็นสีน้ำตาลสวยงาม ใส่เห็ดและหอมแดงลงไปในหม้อไก่ คนให้พอเข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย When cooking the mushroom, do not crowd, or it won't brown. --- motto ประจำใจ อิอิ จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:13:10

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อตุ๋นไก่่ได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ตักไก่ขึ้นจากหม้อ แล้วตั้งไฟต่อไปให้น้ำมีความข้นขึ้นเล็กน้อย (อาจจะใส่แป้งรูซ์ได้ถ้าต้องการ) ใส่ไก่กลับเข้าไปในหม้อ ต้มต่ออีก 5-10 นาที ชิมรส ปรุงรสเพิ่มตามต้องการ เสิร์ฟไก่ร้อนๆ พร้อมกับมันฝรั่งต้ม และผักเครื่องเคียง อันนี้เป็นมันต้มผัดกับเนยเบาๆ และพาร์สลีย์สับครับ หน้าตาน่ากินไหมเอ่ย ^ ^ จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:15:14

ความคิดเห็นที่ 12 มาต่อกับเมนูที่สองกันดีกว่า จากเรื่อง The Help ครับ ถือเป็นหนังขวัญใจอเมริกันชนของปีที่ผ่านมา โด่งดังอย่างเหนือความคาดหมาย หนังถูกดัดแปลงมาจากหนังสือขายดีมาก เป็นเรื่องของหญิงผิวขาว และสาวใช้ผิวสี 2 คน ในมิสซิซิปปี้ ช่วงปี 1960 ซึ่งเป็นช่วงมีการเคลื่อนไหวในเรื่องสิทธิพลเมืองอย่างเข้มข้น ทั้ง 3 ตัดสินใจที่จะเขียนหนังสือที่มีมุมมองจากสาวใช้ผิวดำ ที่มีต่อผู้หญิงผิวขาวซึ่งในขณะเป็นชนชั้นที่เหนือกว่า ซึ่งทำให้พวกเธอต้องต่อสู้และอดทนกับการต่อต้านหลายรูปแบบจากสังคม จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:20:58

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมขอนำเสนอของหวานทำง่าย และรสชาติอร่อยโฮกตามสไตล์ชาวใต้ของอเมริกา Sweet Potato Pie หรือพายมันเทศแสนอร่อยครับผม จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:24:22

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนผสมมีดังนี้ครับ ส่วนฐานพาย วานิลลาเวเฟอร์ยี่ห้อ Nilla หรือบิสกิตยี่ห้ออื่น บดละเอียด 1 1/2 ถ้วย เนยจืดละลาย 5 ช้อนโต๊ะ ส่วนไส้พาย มันเทศหวานสีส้ม 700 กรัม เนยจืด 113 กรัม น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วย นมจืด 1/2 ถ้วย ไข่ไก่ 2 ฟอง วานิลลาสกัด 1 ช้อนชา ลูกจันทน์ป่น 1/4 ช้อนชา อบเชยป่น 1/4 ช้อนชา ส่วนถั่วราดหน้า เนยจืด 70 กรัม น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วย ถั่วอัลมอนด์อบ 1/3 ถ้วย ถั่วเฮเซลนัทอบ 1/3 ถ้วย ถั่ววอลนัทอบ 1/3 ถ้วย (หรือใช้ถั่วอะไรก็ได้ผสมรวมกันให้ได้ 1 ถ้วย) จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:25:32

ความคิดเห็นที่ 15 เริ่มทำกันเลยดีกว่า ก่อนอื่นไปตั้งเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 170C นะครับ แล้วก็ทำฐานพายครับ โดยผสมบิสกิตบดและเนยละลายเข้าด้วยกัน นำไปกรุลงพิมพ์พายแบบถอดก้นขนาด 9 นิ้ว แช่เย็นจนเซ็ทตัว แล้วอบในเตาอบ 9 นาที นำออกมาจากเตา พักไว้ให้เย็นสนิท ฐานพายหอมเนยมากมายเชียวล่ะ จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:27:09

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วก็มาทำไส้กันนะครับ ต้มมันเทศในน้ำเดือดจนกระทั่งสุกและนิ่มดี ประมาณ 1 ชั่วโมง นำขึ้นมาแช่น้ำเย็นแล้วลอกเปลือกออกให้หมด เอาเนื้อมันเทศใส่ลงในเครื่องผสม ใส่เนยลงไป ตีจนเข้ากัน แล้วใส่น้ำตาล นม ไข่ไก่ วานิลลาสกัด ลูกจันทน์ป่น และอบเชย ตีผสมด้วยความเร็วปานกลางจนเนื้อเนียนเข้ากันดี ตีๆๆๆ เข้าปายยย จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:28:14

ความคิดเห็นที่ 17 เทไส้ที่ตีแล้วใส่ลงในฐานพาย แล้วเข้าอบนาน 1 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งไส้สุกดี วิธีการเช็คสามารถทำได้โดยเอาไม้จิ้มฟันเล็กๆ เสียบลงไปตรงกลางแล้วไม่มีเศษไส้ขนมติดออกมา พักไว้ เทลงไปครับ รสชาติหอมหวาน แต่ไม่หวานจนเกินไป กำลังพอดีเลย > <" จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:29:48

ความคิดเห็นที่ 18 J'adore Paris ! <3 จากคุณ : La Petite Binoclarde เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:30:20

ความคิดเห็นที่ 19 ระหว่างที่อบพาย มาทำถั่ว topping กันเถอะ! ละลายเนยและน้ำตาลทรายแดงลงในหม้อขนาดกลางด้วยไฟอ่อน พอละลายดีแล้ว เร่งไฟเล็กน้อยให้เดือด แล้วใส่ถั่วลงไป เคล้าให้เข้ากัน ถั่วหลากชนิดเคลือบน้ำตาล!! อร่อยสุดๆ เลยนะจะบอกให้ จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:32:01

ความคิดเห็นที่ 20 La Petite Binoclarde // Moi aussi! But I can't speak more than that. Sorry krub :) --------- ต่อมาก็ตักถั่วเคลือบน้ำตาลราดบนหน้าพาย แล้วนำไปอบในเตาอบ โดยวางไว้ชั้นล่างสุดประมาณ 5 นาทีจนกระทั่งส่วนผสมเนยมีฟองปุดๆ นำไปพักไว้บนตะแกรงพักขนม และทิ้งให้เย็นสนิทจึงเสิร์ฟ จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:35:16

ความคิดเห็นที่ 21 รับไปสักชิ้นไหมครับ ฮี่ ฮี่ จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:36:24

ความคิดเห็นที่ 22 กลับมาติดตามอีก 3 จานที่เหลือ (เก็บตัวเก็งรางวัลไว้หลังๆ เลย) ในโอกาสหน้านะครับ ขอให้ทุกท่านเจริญอาหารนะครับผม มีคอมเม้นอะไร ติชม ได้เลยนะครับ ผมยินดีรับฟังมากๆ ครับ :) จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 13:38:18

ความคิดเห็นที่ 23 wowwwwwwwwwww >[]< จากคุณ : Reigaz เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 16:02:41

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นพาย ของ the Help แล้ว ขำ ครับ คิคิ จากคุณ : สองร้อย เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 16:24:19

ความคิดเห็นที่ 25 พายน่าทานมากเลยค่ะ จากคุณ : armkaa เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 16:54:27

ความคิดเห็นที่ 26 พายน่าทำมาก มีมันเทศอยู่ด้วย จากคุณ : ladynula เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 17:38:56

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ Reigaz // well thank you! :D คุณสองร้อย // ขำอย่างนี้สงสัยได้ไปดูหนังมาแล้วแหงๆ ยังดีที่ผมไม่ทำพายช็อกโกแลตนะครับ อิอิ คุณ armkaa // ขอบคุณมากๆ ครับผม ^ ^ คุณ ladynula // ทำง่ายมากๆ ครับ ออกจะคล้ายๆ พายฟักทอง ครับ แต่มีถั่วข้างบนนี่ทำให้อร่อยแบบเต็มคำเลย จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 23:08:02

ความคิดเห็นที่ 28 ชอบกินถั่วมาก เมนูพายนี้ต้องกลายเป็นของโปรดเราอีกอย่างแน่เลย ถั่วแน่นขนัดขนาดนี้ ^^ จากคุณ : kaminimo เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 02:45:00

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาอ่านตอนดึก  เห็นพายมันเทศแล้ว อยากจะให้ถึงตอนเช้าเร็ว ๆ จะไปซื้อมันมาทำพายบ้างค่ะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 03:31:55

ความคิดเห็นที่ 30 อธิบายได้ละเอียดดีครับ ได้ความรู้มากมาย ขอบคุณมากครับ เสียดาย กิฟท์ผมหมด จากคุณ : totspol เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 23:03:40

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ kaminimo // กลายเป็นขนมพายสูตรโปรดอีกอันของผมด้วยครับ พายอะไร้ หอมหวานจริงๆ เลย ฮ่าๆ คุณ หมู (ตัว) อ้วน // ทำแล้วแบ่งมาให้ชิมด้วยนะครับ ^ ^ คุณ totspol // ขอบคุณครับ แต่ไม่ต้องแจกกิฟท์หรอกครับ แค่มาอ่านก็ดีใจแล้วครับ (พระเอกเชียว) จากคุณ : tourdefoodblog เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 11:07:54