ความคิดเห็นที่ 1 คุ้นๆว่ากระทู้คุณตะโกเคยบอกอะไรไว้บางอย่าง ลองหาดูน่าจะเจอค่ะ โดยส่วนตัวแล้ว ไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง (นอกจากราคา) เพราะซื้อมาวันนี้ กว่าจะได้กินก็พรุ่งนี้ตลอด ได้มาก็จับยัดเข้าช่องแช่แข็งไว้ก่อน กันเค้าเสีย(ถ้าไม่ลืม) ถ้าได้เอามาทำอาหารเร็ว สภาพกุ้งจะยังสวยอยู่ วิธีทำกุ้งก็จะเหลือหัวไว้โดยดึงถุงขี้ และเส้นดำกลางหลังออกโดยไม่ผ่า(ฝนเคยรีวิววิธีทำไว้แล้ว) ถ้ายิ่งปล่อยเวลานานไป ก็จะแกะกุ้งโดยเอาเปลือกออกหมดและผ่าหลังตามปกติ ทั้งนี้อยู่ที่เมนูที่จะทำด้วยค่ะ ^^ จากคุณ : * Ju TaRo * เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 15:15:30

ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดีครับ ตะโก ขอตอบเท่าที่รู้มานะครับ อาจจะผิดไป ก็ทักท้วงมานะครับ เพราะจำมาจากประสบการณ์เรื่องจริง กุ้งกุลาดำ  ในปัจจุบัน มีการเลี้ยงน้อยลงครับ อาจจะมีบ้างแต่ไม่มากเท่ากับกุ้งขาว ส่วนกุ้งในธรรมชาติก็พอเห็นอยู่บ้างแต่ปริมาณก็ไม่มากเพียงพอ ที่จะทำให้เราเห็นได้โดยง่าย ในตลาดทั่วๆไป เมื่อก่อน ไทยนี่แหละครับ เป็นผู้ส่งออก กุลาดำแปรรูป รายใหญ่ ทั้งอเมริกา อียู ญี่ปุ่น และอื่นๆ กุ้งกุลาดำเป็นกุ้งที่มีสายพันธ์ในธรรมชาติ สามารถหาพ่อพันธ์แม่พันธ์ที่สมบรูณ์ ในท้องทะเล มาเพาะเลี้ยง เอานอเพลียสมาเพราะฝักเป็นลูกกุ้งP ได้โดยง่าย  ทั้งฟาร์มเอกชนและภาครัฐ(กรมประมง)ต่างก็ผลิตกุ้งPออกมาเพื่อให้เกษตรกร นำไปเลี้ยง  แต่จากการเลี้ยงที่ไม่คำนึงถึงสภาพ ดินฟ้า อากาศ ทำให้มีปัญหากับผลผลิต เช่น เกิดโรคระบาด ตัวแดง ดวงขาว หรือโรคอื่นๆของกุ้ง เกษตรก็ระดมใช้ยาปฎิชีวนะ ใส่ลงไปในอาหาร เพื่อให้กุ้งกินแล้วหายจากโรค แต่ไม่สามารถแก้ได้ทุกโรค เพราะอาจจะวินิจฉัยโรคแบบผิดๆ ทำให้กุ้งตาย เกษตรก็ต้องจับกุ้งแล้วนำมาขาย ทั้งๆที่อันตรายต่อผู้บริโภค เพราะยาที่กุ้งกินเข้าไป ย่อมตกค้างอยู่ในตัวของกุ้ง ที่ส่งออกกุ้งแปรรูป ก็มีการตรวจพบ คอลแลม ที่อยู่ในกลุ่มยาปฎิชีวนะ ต้องห้าม  ทำให้มีการตีกลับสินค้ากุ้งของไทย จากญี่ปุ่น อียู และอเมริกา  เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ห้องเย็นหรือผู้แปรรูป ก็หยุดการรับซื้อกุ้ง ทำให้กุ้งราคาตก เกษตรกรก็เกิดภาวะขาดทุน บางรายถึงกับเป็นหนี้เป็นสิน เลิกการเลี้ยงกุ้งกุลาดำไป ทำให้ไม่มีปริมาณในท้องตลาด เหลือเพียงแต่กุ้งธรรมชาติ จากคุณ : ตะโกครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 15:22:36

ความคิดเห็นที่ 3 ในรูป กุ้งอะไรท่านตะโกใช้แชบ้วยหรือเปล่าท่าน แต่คงไม่ใช้กุ้งขาวแน่ เพราะยาวหรือเกิน จากคุณ : jiwery เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 15:46:48

ความคิดเห็นที่ 4 กุ้งขาวแวนนาไมน์ เป็นตัวแทนกุ้งกุลาดำที่เลิกเลี้ยงไป มีสายพันธ์มาจากแถบอเมริกา ชิลี เปรู ที่นิยมใช้เป็นสายพันธ์ของ ฟอริด้า มีความคงทน ต่อสภาพภูมิอากาศแบบบ้านเราสูง เลี้ยงง่าย โตวัย ให้ผลผลิตสูงกว่ากุ้งกุลาดำ จึงเป็นทางเลือกใหม่ของเกษตรกร กุ้งขาวแวนนาไมน์ ปรับตัวได้ดี แม้อยู่ในน้ำที่มีความเค็มต่ำ สามารถเลี้ยงได้ทุกฤดู  ศัตรูที่สำคัญของกุ้งขาวได้แก่โรค ทอร่า ดวงขาว และโรคอื่นๆที่มีสัตว์พาหะเป็นตัวนำเช่น ปู ต่างๆ นก กุ้งขาวแวนาไมน์ เข้ามาครองตลาด เกือบ90% ไม่ว่าเราจะสั่งอาหารที่ไหน ที่เป็นเมนูกุ้ง มักจะพบเสมอๆในรูปของการแปรรูป เป็นกุ้งแช่แข็ง ในตลาดทั่วไปก็จำหน่ายแต่กุ้งขาว แทบทั้งสิ้น ตลาดซื้อขายกุ้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อยู่ที่ตลาดทะเลไทย เกือบ90%เป็นกุ้งขาว   มีผู้เรับซื้อ รายใหญ่ คือห้องเย็นหรือกลุ่มโรงงานแปรรูป ส่วนการซื้อเพื่อขายในท้องตลาดของแม่ค้า มีปริมาณน้อยกว่า กุ้งขาว มีราคาถูกกว่า กุ้งกุลาดำ ให้ผลผลิตต่อไร่สูง กินอาหารจุ ทำให้ผู้ผลิตอาหารกุ้ง กำไรต่อปีมหาศาล ตะโก ไม่อยากพูดถึงการเอาเปรียบ ของบริษัทจำหน่ายสินค้าและอาหารกุ้ง มันเป็นอะไรที่คล้ายๆกับ การทำนา บนหลังคน ส่วนรสชาติของกุ้งขาว ไม่อร่อยเท่ากุ้งชนิดอื่นๆ เนื้อกุ้งจะเละ ยุ่ยเหมือนแป้ง ไม่มีรสชาติ แต่ถ้าจับขึ้นมาจากบ่อแล้วปรุงอาหาร จะมีรสชาติดีมาก มีความหวานของกุ้ง ในความเป็นจริง กุ้งที่มาจากภาคใต้ เมื่อจับเสร็จ จะต้องดองน้ำแข็ง ส่งขึ้นรถ มารอขายที่ทะเลไทย ใช้เวลาทั้งหมดไม่ต่ำจาก15-20 ชม ทำให้ความสดของกุ้งน้อยลง ราคาซื้อขายกุ้งขึ้นกับความสดของกุ้ง เป็นหลัก เคยเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ จับกุ้งขึ้นจากบ่อ ก็ทำการต้มที่หน้าบ่อกุ้งเลย ทำให้กุ้งมีความสดและหวานมากกว่า จากคุณ : ตะโกครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 15:49:11

ความคิดเห็นที่ 5 กุ้งแชบ้วย   อันนี้ตะโกแถมให้ครับ เป็นกุ้งทะเล ธรรมชาติ  มีราคาแพง เนื้อกุ้งนุ่มหวาน เป็นที่ต้องการของตลาด กุ้งแชบ้วย ยังไม่มีการเลี้ยงแบบอุสหกรรม   จะมีก็เพียง จังหวัดที่มีพื้นที่ติดทะเล ปากแม่น้ำ ที่เรียกกันว่า "นากุ้ง"  โดยจะเปิดหรือดันน้ำที่มีเชื้อของสัตว์น้ำ รวมถึงแพลงตอนต่างๆ มาเก็บไว้ในนาหรือบ่อ สัตว์น้ำก็จะโตขึ้นตามเวลา มีทั้งการให้อาหารเสริม และอาหารจากธรรมชาติ เมื่อครบกำหนดก็เปิดบ่อ จะมีสัตว์น้ำหลากหลายมาก น่าสนุกครับ จากคุณ : ตะโกครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 15:59:39

ความคิดเห็นที่ 6 ตะโก ลืมบอกไปครับว่า  ในปัจจุบัน เราสามารถใช้พ่อพันธ์ แม่พันธ์ ที่เราเพาะฟักเอง ได้แล้วครับ เป็นสายพันธ์(F1) ที่เราเลี้ยงขึ้นมา คัดตัวที่สมบรูณ์ นำมาขุน เป็นพ่อแม่พันธ์ได้ ดีไม่แพ้ ฟอริด้า ครับ ในรูปเป็นพ่อแม่พันธ์ แวนนาไมน์ ของบ้านเราครับ จากคุณ : ตะโกครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 16:11:28

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากครับคุณตะโก คือที่ผมได้ยินมาคร่าวๆเรื่องการแทรกแซง กุ้งขาว ของบริษัทขาใหญ่ เจ้านึงเนี่ย ทำให้เดี๋ยวนี้หากุ้งดำได้ยากมากขึ้น เกษตรกรก็ได้ค่าตอบแทนน้อยลง (หลังจากกุ้งขาวบูมเลยกดราคาได้) แต่บริษัทนั้นกลับรวยเอาๆ เนี่ยแสดงว่าน่าจะเป็นเรื่องจริงใช้ป่ะครับ ? จากคุณ : โอโรจิมารุ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 16:12:12

ความคิดเห็นที่ 8 ตะโกครับ ขอซื้อตัวใน #2 ได้ไหมครับ น้ำลายไหล แฮะ ๆ จากคุณ : คนพิจิตร เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 16:22:43

ความคิดเห็นที่ 9 ยังมีเรื่องราวอีกแยะครับ ที่หากเราหรือผู้บริโภค รู้เบื้องลึก เบื้องหลัง อย่างแท้จริงแล้ว น่าสงสาร ผู้เลี้ยง หรือ เกษตรกร เป็นอย่างมากครับ โดนเอารัดเอาเปรียบ ทุกช๊อต ตั้งแต่เริ่มสั่งลูกพันธ์กุ้ง ต้องโอนเงินก่อน30-45วัน อาหารต้องใช้ของเค้า ในราคาที่สูงกว่า เจ้าอื่นๆ ยารักษาโรคก็ต้่องใช้แบรนด์ที่เค้าแนะนำ เมื่อเลี้ยงครบกำหนด กลับไม่รับซื้อ ผลผลิต ของใคร แต่กลับมา กำหนดราคาอาหาร และราคารับซื้อ งง ไหมครับ จากคุณ : ตะโกครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 16:23:35

ความคิดเห็นที่ 10 คนพิจิตร   สวัสดีครับ  ตัวนั้น เพื่อนตะโกเอาไปปรุงอาหารแบบ ตะวันตก ไม่อร่อยเลยครับ จากคุณ : ตะโกครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 16:25:52

ความคิดเห็นที่ 11 ทุกวันนี้ การทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เป็นแบบผูกขาด ตั้งแต่การหาซื้อลูกพันธุ์ อาหาร ยา และสารเคมี กระทั่ง เวลาขาย ก็ผูกขาด สมมุติเราจะเลี้ยงกุ้งกุลาดำ หาลูกพันธุ์จากที่อื่นไม่ได้เลย แต่บังเอิญเราเพาะเองได้ พอจะไปซื้ออาหารมาเลี้ยงสัก 10 ตัน ก็ไม่มีใครขายให้ เพราะเราไม่ได้ซื้อลูกพันธุ์จากเขา เดี๋ยวนี้บริษัทส่วนใหญ่ ใช้วิธีการส่งเสริมการเลี้ยง และส่งเสริมการขาย คือ แนะนำการเลี้ยง ดูแลให้คำปรึกษา แต่ต้องซื้อสินค้าครบวงจรจากบริษัทเขา และทำสัญญาขายผลผลิต ในราคาที่ตกลงกันไว้แต่แรก (ซึ่งตรงนี้ผู้เลี้ยงจะเสียเปรียบนิดหน่อย แต่จะสะดวกเรื่องการตลาด เพราะไม่ต้องจัดการเอง) และตอนนี้บริษัทส่วนใหญ่ส่งเสริมกุ้งขาว เพราะกุ้งขาวเลี้ยงง่าย ได้ผลผลิตดีกว่ากุ้งดำ อีกทั้งกุ้งดำไทย เคยติดแบล็กลิส เรื่องสารตกค้างในผลผลิตมาก จะว่าไป เรายังจำไม่ได้เลยว่ารสชาติกุ้งดำ เป็นยังไง เพราะหาซื้อกินยาก (ราคาแพงด้วย) จากคุณ : ปรุงรสตามชอบ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 16:41:29

ความคิดเห็นที่ 12 ยังมีเรื่องราวอีกแยะครับ ที่หากเราหรือผู้บริโภค รู้เบื้องลึก เบื้องหลัง อย่างแท้จริงแล้ว น่าสงสาร ผู้เลี้ยง หรือ เกษตรกร เป็นอย่างมากครับ โดนเอารัดเอาเปรียบ ทุกช๊อต ตั้งแต่เริ่มสั่งลูกพันธ์กุ้ง ต้องโอนเงินก่อน30-45วัน อาหารต้องใช้ของเค้า ในราคาที่สูงกว่า เจ้าอื่นๆ ยารักษาโรคก็ต้่องใช้แบรนด์ที่เค้าแนะนำ เมื่อเลี้ยงครบกำหนด กลับไม่รับซื้อ ผลผลิต ของใคร แต่กลับมา กำหนดราคาอาหาร และราคารับซื้อ งง ไหมครับ จากคุณ : ตะโกครับ ------------------------------------------------------------- อันนี้เพื่อนผมก็โดนมากับตัวจนต้องเลิกเลี้ยงกุ้งกุลาไปเลยครับ ต้องทิ้งนากุ้ง หันกลับมาเพาะกุ้งพี และวิ่งส่งกุ้งพีเหมือนเดิม จึงฟื้นตัวขึ้นมาได้ จากคุณ : boychon เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 16:43:17

ความคิดเห็นที่ 13 กุ้งกุลาดำ ตอนนี้ มันเป็นภาพ "ฝัง" ในหัวของคนไทย ไปหมดแล้วครับ ว่า มียา มีสารตกค้าง ตอนนี้ เลยไม่มีขายในท้องตลาด ที่มี ส่วนใหญ่ เป็นกุ้งจับ ซึ่งมีราคาแพงครับ กุ้งขาว เป็นเหมือน เจเนอเรชั่นที่สอง ของคนเลี้ยงกุ้งครับ นอกจากเลี้ยงง่าย ทนโรค เหมือนที่หลาย ๆ ท่านด้านบนบอกแล้ว สิ่งหนึ่งที่ได้ คือ ดูเผิน ๆ จะเหมือน กุ้งแชบ้วย ที่เป็นที่นิยมกันครับ ถึงแม้นเนื้อจะสู้ไม่ได้ก็ตาม แต่ภาพพจน์ดี ก็กินไปครึ่งแล้วครับ กุ้งแชบ้วย เคยคุยกับ จนท ของบริษัทฯ ยักษ์ใหญ่ หลายปีมาแล้ว ปัญหา คือ เป็นสัตว์ที่กินอาหารกลางน้ำ ต่างจากกุ้งกุลาดำ / กุ้งขาว ที่กินผิวน้ำ ต่างจากกุ้งก้ามกรามที่กินพื้น (ท้องน้ำ) เขากำลังคิดค้นทำอาหารเม็ดที่ลอยอยู่กลางน้ำ ถ้าสำเร็จเมื่อไร ก็จะสามารถขยายพันธ์กุ้งแชบ้วยได้ทันทีครับ จริง ๆ แล้ว ไม่ควรกินกุ้งขาวครับ เพราะสภาพปัจจุบัน ก็แทบไม่ต่างกับกุ้งกุลาดำสมัยก่อนครับ คือ อัดแต่อาหารสำเร็จรูป อัดแต่ยา ครับ น่ากลัวเจรง ๆ ป.ล. เชื่อไหมครับ ทุกวันนี้ เวลาไปร้านอาหาร สิ่งที่พยายามเลี่ยงที่สุด คือ "ปลาท้บทิม" ครับ จากคุณ : สุกรสยาม เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 19:25:14

ความคิดเห็นที่ 14 คุณสุกรสยามครับ ตะโก มีไรจะบอกครับ ปลา ทับทิม เนี่ยกินอาหารจุมากๆครับ โยนไปหาย โยนไปหาย  ผู้ผลิตอาหารเม็ดลอยน้ำ รวยเละครับ ทั้งปลากระพง เดี๋ยวนี้ ก็เข้ามาครอบงำแล้วครับ จากเดิม ปลากระพงกินปลาเหยื่อ ปลาสด แต่เดี๋ยวนี้ อาหารเม็ดลอยน้ำของยักษ์ใหญ่ ขายดิบขายดีมาก ผลิตกันไม่ทัน ราคาวัตถุดิบ อาหารสัตว์ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกโปรตีนที่มาจาก พืชและสัตว์ เช่นกากถั่วเหลือง ปลาป้่น เหล่านี้ คนที่กำหนดราคารับซื้อคือ รายใหญ่ รายเดียว เท่านั้น  วันไหนวัตถุดิบตัวไหนแพง ก็สั่งนำเข้า หรือปรับสูตรกันวุ่นวาย วันไหนวัตถุดิบล้นตลาด พ่อก็ประกาศลงราคาจนน่าเกลียด กำไรเค้าอยู่ตรงนี้ด้วยครับ เคยได้ยินใช่ไหมครับ เรื่องการใช้โปรตีนจาก เลือดและกระดูกป่น(ทำมาจากสัตว์บก เช่น วัว สุกร แพะ แกะ) ที่เรียกกันว่า มีทแอนด์โบน อ่ะครับ  มีการนำเข้ามาแล้วนำมาใช้เป็นโปรตีนทดแทน ปลาป่น ยามที่ราคาปลาป่นมีราคาสูง  เดี๋ยวนี้พัฒนาไปใช้ ซากหมูและเครื่องในป่นแล้วครับ จากธรรมชาติที่สัตว์น้ำ กินปูกินปลาเป็นอาหาร เดี๋ยวนี้ก็ต้องมากินซากสัตว์ป่นนำเข้า ผสมกับกากถั่ว กากรำ และวิตามินเสริม ถ้าเลี่ยงที่จะไม่กินได้ ก็เลี่ยงเหอะครับ  นี่คือเรื่องจริงครับ จากคุณ : ตะโกครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 19:39:22

ความคิดเห็นที่ 15 อันนี้ถามลุงมานะค่ะคุณตะโก ไม่รู้ถูกเปล่า กุ้งกุลาดำเลี้ยงยากมาก ต้องคำนึงเรื่องฟ้า ฝน โรครุมเร้าง่าย ให้ผลผลิตที่ช้ากว่ากุ้งขาว คนเลยหันมาเลี้ยงกุ้งขาวกันเป็ฯซะส่วนใหญ๋ จริงไหมค่ะ รบกวนถามอีกหน่อยนะค่ะ กุ้งแชบ๊วย ใช่กุ้งอกคั๊ก ไหมค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 55 19:54:14 จากคุณ : ขนนกสีเลือด เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 19:50:10

ความคิดเห็นที่ 16 คุณขนนกสีเลือด             ไม่ใช่ครับ     แชบ้วยตัวจะใหญ่กว่า โอวคักครับ สังเกตุง่ายๆ แชบ้วย เปลือกจะลี่น โอวคัก เปลือกจะสากๆ คล้ายๆเม็ดทรายที่ผิว เหตุที่คนมาเลี้ยงกุ้งขาวเป็นส่วนใหญ่เพราะ   เรามีปัญหาเรื่อง สารเคมีและยาตกค้างในตัวกุ้ง ต่างประเทศไม่รับออเดอร์จากไทย และการเลี้ยงที่ไม่คำนึงถึงสภาพดินที่เสื่อมโทรมลง  ของเสียของกุ้งที่เกิดจากซากอาหาร ก็ทำให้เกิดภาวะแวดล้อมเสีย เช่นน้ำเสียในลำคลอง ส่งผลกับมาที่บ่อเลี้ยง ทำให้กุ้งมีปัญหา กฎหมายของอเมริกาก็เป็นปัจัยทำให้กุ้งกุลาดำหมดโอกาส เช่นกฎหมายแอนตี้ดั้มปิ้ง เป็นต้น จากหลายๆปัจจัยครับ จึงทำให้กุ้งกุลาดำ ไม่มีคนเลี้ยงครับ จากคุณ : ตะโกครับ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 20:14:30

ความคิดเห็นที่ 17 คุณตะโก สงสัยทำอาชีพเกษตรกรเลี้ยงกุ้งแน่เลย รู้ลึกเชียว ถ้าเปรียบเทียบระหว่างกุ้งกุลาดำกับกุ้งขาว ก็เปรียบได้กับ ไก่บ้านกับไก่เนื้อ กุ้งกุลาดำก็เหมือนไก่บ้าน เนื้อเหนียวมีรสชาติหวาน เวลานำมาแกะเปลือกได้น้ำหนักเนื้อประมาณ 55 เปอร์เซ็นต์ กุ้งขาวก็เหมือนไก่เนื้อ เนื้อเหมือนกระดาษ เวลานำมาแกะเปลือกได้น้ำหนักเนื้อประมาณ 62 เปอร์เซ็นต์ จากคุณ : เด็กท้ายตลาด เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 20:47:21

ความคิดเห็นที่ 18 สงสัยว่าเพราะไอ้ยาบ้าๆพวกนี้กระมัง ผมถึงแพ้กุ้ง จากคุณ : แมวนุ่มนิ่ม เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 21:39:18

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อก่อนที่บ้านเคยทำนากุ้งกุลาดำ เป็นอย่างที่คุณตะโกว่ามาเลยค่ะ แต่เลิกทำไปนานแล้ว ทีแรกบ่อกุ้งก็แบ่งให้ชาวบ้านแถวนั้นเช่า แต่ค่าเช่าบางปีก็ได้บางปีเค้าเลี้ยงขาดทุน ก็ไม่รู้จะไปเอาอะไรจากเค้า จนตอนหลังมีคนมาขอซื้อที่ ที่บ้านก็เลยขายไป ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้แถวนั้นเปลี่ยนมาเลี้ยงกุ้งขาวกันหมดแล้ว ปล.ในบรรดากุ้งทั้งหมด ชอบกุ้งกุลาดำที่สุดค่ะ จากคุณ : nalikaplook เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 22:34:18

ความคิดเห็นที่ 20 กุ้งขาวนี่  ถ้าไม่ได้ทานแบบที่เขา freeze มานี่ ไม่อร่อยเลยครับ  (ผ่านกรรมวิธีการหมัก ทำให้กุ้งเด้ง ใส)    แต่รสชาติก็ยังจืดอยู่ดี ผมว่ากุ้งกุลานี่อร่อยกว่าเยอะ    เนื้อหนึบและหวานในตัว     โชคดีอยู่ใกล้แหล่ง  หาทานตัวเบ้งๆได้ จากคุณ : รู้ใจไม่รู้หน้า เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 02:06:34

ความคิดเห็นที่ 21 กุ้งกุลาดำ เหม็นโคลนเนื้อแข็ง กุ้งขาว หรือกุ้งเกษตร ไม่มีกลิ่นเนื้อนิ่มทานอร่อยกว่า แต่ถ้าให้สุดยอดก็ต้อง แชบ๊วย หละครับ อร่อยสุดๆ ไม่ก็กุ้ง โอคั่ก ก็อร่อยครับกุ้งพวกนี้ เป็นกุ้งทะเลครับ จากคุณ : wuttisak26 เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 55 21:26:43

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นคนชอบกินกุ้งเยี่ยงชีพ เเต่แยกไม่ค่อยออกว่าพันธุ์อะไร เราเลยแยกเป็นกุ้งเล็ก(กุ้งทั่วๆไปที่ร้านอาหารตามสั่ง) กุ้งเเม่น้ำ(กุ้งฝอยกับกุ้งก้ามกราม) แล้วก็กุ้งใหญ่(พวกลอบสเตอร์) =_= อ่านกระทู้นี้เเล้วเริ่มไม่อยากสั่งกุ้งในร้านอาหารทั่วไปแล้ว ดูมีสารเคมีเยอะจัง จากคุณ : MysticMicky เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 01:26:15