<< ชายกางเข้าครัว ... เครปคั่วไก่ >>
|
|
... สมัยเด็ก ๆ ถ้าใครมีนิวาสถานอยู่ต่างจังหวัดออกไป นอกจากเมืองกรุงเทพฯแล้ว น่าจะได้เคยเที่ยวงานวัดกันบ้าง แต่ทั้งนี้ งานวัดในเมืองกรุงที่ยั่งยืนมาจนทุกวันนี้ ที่ชายกางก็มิเคยลืมคือ งานภูเขาทอง ที่วัดสระเกศนั่นเอง ซึ่งเค้าจะจัดให้มีช่วงก่อนวันลอยกระทง ให้คนได้ขึ้นไปไหว้สักการะพระบรมธาตุบนยอดสุวรรณบรรพต และที่สำคัญที่สุดในเหตุผลที่ไปงานภูเขาทองคือ การได้ไปซื้อดอกไม้ไฟแบบไทย ๆ ที่ไม่ใช่นำเข้าจากจีนแทบทุกอย่างเหมือนในสมัยนี้
... ดอกไม้ไฟหลัก ๆ ที่ต้องซื้อคือ จรวด ปลาดุก ปลาช่อน เป็ดและตะไล ซึ่งทั้งหมดจะทำ Body ด้วย ปล้องอ้อ ไม่ทราบว่าในสมัยนี้ยังมีใครได้เล่น ได้เห็นกันอีกรึเปล่า เค้าจะใช้ปล้องอ้อ มาตัดให้ตรงข้อ ตรงตา จะได้มีห้องกั้น แล้วอัดดินปืน ดินดำลงไป ปิดท้ายด้วยไม้ระกำ แล้วเจาะตรงข้อเพื่อใส่ชนวน แล้วจะใส่ก้านแกนไม้ทางมะพร้าวให้เป็นหางเสือบังคับทิศทาง เวลาจุดให้ขึ้นไปบนอากาศ มันจะดังแหวกฟ้า เสียงได้อารมณ์มาก ๆ ครับ
... ตะไลก็จะไม่มีใครเล่นกันแล้วในปัจจุบัน นอกจากที่ต่างจังหวัด ที่จะมีการแข่งขันกันอยู่บ้าง เสียงของตะไลเวลาแหวกอากาศขึ้นฟ้านั้น เสียงเค้าจะดังแบบเร้าใจและแสบทรวงมาก ๆ ถึงได้มีคำเปรียบเปรยสาว ๆ เสียงแว๊ด ๆ ว่า E ตะไลแตก แต่ที่สนุกคือพวกจุดแล้วโยนลงน้ำ ทั้งประหลาดุก ปลาช่อนและเป็ด ปลาช่อนนั้น จะเป็นปล้องอ้อเพียว ๆ เจาะชนวนเหนือจุกอุกค่อนมาทางท้าย จุดทีละควงเล่นน้ำดังสนุกมาก ปลาดุกจะเป็นเหมือนปลาช่อน แต่จุกระกำที่อุด จะเลยออกมา แล้วมีตอกทาสี แทงให้ออกมาเป็นเงี่ยง จุดแล้วจะวิ่งเอียงซ้ายที ขวาที เสียงแฟ่ด ๆ ๆ มันส์มากครับ ส่วนเป็ดก็เหมือนกัน ต่างตรงหัวจะมีใบลานตัดเป็นรูปครึ่งวงกลม จุดแล้วโยนลงน้ำไป จะวิ่งโต้คลื่นแล้วใบลานจะตีน้ำ ปั่บ ๆ ๆ สนุกไปอีกแบบ
... แต่ถ้าเป็นงานวัดที่อยู่ตรงข้ามฝั่งคลองที่บ้านริมคลองบางกอกน้อย คือวัดสุวรรณคีรี (ขี้เหล็ก) ก็จะสนุกไปอีกแบบ คือจะมีของอร่อย ๆ ประจำพื้นถิ่น ที่พอได้ยินเสียงเครื่องขยายบรรเลงเพลงในยามเย็น ๆ แล้ว เมนูจะผุดขึ้นมาในสมองทันที ส่วนที่แล่นตามมาคือ ชายกางจะหาเงินไปเที่ยวกินขนมได้จากไหนบ้าง เพราะทั้งคุณยายและคุณแม่ มักจะไม่ส่งเสริม เพราะกลัวจะตกน้ำทั้งที่ว่ายน้ำเป็นก็ตาม เค้าก็ยังเป็นห่วงน่ะครับ
... รายได้จะเริ่มที่ รับจ้างคุณยายเหยียบหลัง ที่จะได้แน่ ๆ แล้ว 5 บาท ก็มาคำนวณทันที 1. ค่าเรือแจวข้ามฟาก เที่ยวละ 50 สตางค์ (แพงมาก) ไป + กลับ 1 บาท 2. ค่าก๋วยเตี๋ยวเนื้อป้าชุ่ม ลมโชย (อร่อยม๊าก) ชามละ 2 บาท 3. ค่าหวานเย็น ถ้วยละ 1 บาท 4. ค่าขนมดอกจอก ดอกบัว - ข้าวเกรียบว่าว ทอด ๆ ปิ้ง ๆ กันตรงนั้น ชิ้นละ 1 บาท
หมดแล้ว 5 บาท แต่แผนปรับกลยุทธ์เที่ยวงานวัดต้องปรับที่ก๋วยเตี๋ยวป้าชุ่ม ต้องเปลี่ยนเป็นก๋วยเตี๋ยวถังแตกกระทงละบาทเดียว ยังเหลืออีกหนึ่งบาท มากินมันแกวชุบชะเอมหรืออ้อยควั่นได้หนึ่งช่อ เคยเห็นอ้อยควั่นที่เค้าเสียบ ๆ อยู่บนไม้ไผ่ทุบแตก ๆ เหลาให้ดี เสียบอ้อยควั่นได้ซัก 20 25 ชิ้นไม๊ครับ เค้าจะหมกอย ในน้ำแข็งทุบละเอียด ๆ ด้านบนโรยด้วยกลีบกุหลาบหอม ๆ กินแล้วมีความสุขมาก ๆ
ใช้แผนสองดีกว่า ได้กินของมากขึ้นด้วย
... ก๋วยเตี๋ยวถังแตก คือเส้นใหญ่ผัดซีอิ้วของแท้ คือผัดเส้นกับซีอิ้วดำ ปรุงรสให้โดนใจเด็ก ๆ และใส่คะน้าหั่น ๆ ลงไปหน่อย ตักใส่กระทงใบตองแห้ง ที่รอดจากการโดนหมาเห่า มาเย็บเป็นกระทง ขายกระทงละหนึ่งบาท อร่อยกว่าพวกผัดเต็มยศใส่ไข่ ใส่หมูอีกนะครับ ชายกางจำชื่อป้าคนขายไม่ได้ แต่เวลานี้ แกยังมีชีวิตอยู่ เดินขนานไปกับพื้นโลกคือหลังงุ้มงอ เวลาเจอช่วงที่ไปทำบุญ ก็จะมีขนม ของกินให้แกเสมอ
... นอกเรื่องไปซะยกใหญ่ กลับมาว่าเรื่องคั่วไก่แบบ Fusion กันดีกว่าครับ ก็เพราะเหตุมาจากช่วงนี้ ที่รักของชายกาง เค้ากำลังมุ่งมั่นทำขนมจำพวก Bakery มาก ๆ เพราะเคยคุยกันไว้ว่า ถ้ารักจะทำกิจการพวกร้านอาหาร ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ร้านทำผม จำเป็นมาก ๆ ที่เจ้าของกิจการ จะต้องทำให้สิ่งที่ขาย สิ่งที่มีบริการลูกค้านั้นเป็น และต้องทำให้ได้ดีด้วย เค้าก็เลยเริ่มฝึก เริ่มหาตำราจากก้นครัวนี่แหละครับ ทำขนมออกมาได้หลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือเครปเค้ก ที่ทอดกันจนชำนาญ และทอดได้สวยงามขึ้นเรื่อย ๆ
... บางครั้งทำหลาย ๆ ก้อน ก็มีหลงกันบ้าง ก็เลยจะมีแผ่นแป้งที่ทอดแล้วเหลืออยู่ในตู้เย็น จะกินเล่น ราดน้ำผึ้ง ราดซอสส้มใส่เหล้า Grand Mania ก็ใช่ที่ ๆ จะทานได้บ่อย ๆ อย่ากระนั้นเลย ได้เห็นพี่วิญญ์ swin ทำแป้ง ทำเส้นพาสต้า เส้นบะหมี่เอง ไฉนเลย เราจะลองเอาแผ่นเครปของน้องหลิน มาทำเป็นเมนูเส้น ๆ บ้างไม่ได้
ของอย่างนี้ ไม่ลอง ไม่รู้ครับ และยิ่งทำแล้ว รู้ว่าอร่อย คงต้องทำกันต่อไป
ไปเข้าครัวกับชายกางครับ ทำแผ่นเครป คั่วไก่ ง่าย ๆ Style ชายกางกันครับ
จากคุณ |
:
OverEat
|
เขียนเมื่อ |
:
19 มี.ค. 55 11:01:56
|
|
|
|