ความคิดเห็นที่ 1 วันนี้ผมหยิบเอาสามเมนูง่ายๆ ง่ายจริงๆนะ มาทำกินกันในห้องก้นครัว 3 เมนูนี้มีที่มาต่างกัน ต่างที่มา ต่างตำรา ต่างความทรงจำ แต่รับรองอร่อยและง่ายมาก สำรับแรกที่จะนำเสนอ คือ -แกงเลียงปักษ์ใต้ สูตรคุณยายจวง ยายผมเอง อิๆ สำรับที่สองเป็นยำทะเลที่รสชาติจัดจ้านและทำง่ายมาก อันนี้สูตรของโรงแรม ไม่ต้องบอกนะครับว่าโรงแรมอะไร สำรับสุดท้ายวันนี้เป็นสูตรโบราณ ซี่โครงหมูย่างน้ำผึ้ง ตำรับสายเยาวภา มาเริ่มกันที่สำรับแรกดีกว่าครับ เนื่องจากเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อากาศร้อนมาก พอเที่ยงเข้าเราก็เริ่มอยู่ไม่ไหว หงุดหงิดงุ่นง่านพาลลมสว่านจะตีเอา นึกถึงตอนเด็กๆขึ้นมา แดดร้อนตะวันผ่าหัวทีไร ยายชอบไล่ให้ไปเก็บยอดตำลึงทุกที "ไปเด็ดมากำเติบๆ(ภาษาใต้วันละคำ เติบแปลว่าโต)เดี๋ยวอิแกงเลียงให้กิน" จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:03:49

ความคิดเห็นที่ 2 ตัดใบตองมาทำพร๊อพหน่อย ที่บ้านน้ำท่วมแค่เอว แต่ต้นพวกนี้อยู่ได้ ต้นไม้ไทยๆเรานี่ทน+อึดมากครับ แถมประโยชน์สารพัด สารเพ อย่างกล้วยนี่ผมหักหัวปลีมันเอามาใส่แกงเลียงวันนี้ด้วยนะ พี่ผมเขาซื้อบ้านใหม่หลังนึง (หลังจากที่ชีวิตตกระกำลำบากเป็นนางเอื้อยลูกแม่ขนิษฐาอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยมานะบากบั่น เขาก็กลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง น้องนุ่งเลยได้สบายไปด้วย) ที่บ้านเขาเอาต้นไม้ไทยไปลงหลายต้นเลย ต้นชมนาด ดอกแก้ว จำปี จำปา กระดังงา  ใบเตย เยอะแยะ เขาบอกต้นไม้จะสวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้ประโยชน์ได้ด้วย ก็จริงของเขา ให้โฟกัสไปที่ต้นไม้ อย่างโฟกัสที่คน เพราะคนเหมือน อาแปะเจ้าของเขียงหมูตลาดโชคชัย 4 มากมาย จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:12:07

ความคิดเห็นที่ 3 แกงเลียงปักษ์ใต้ค่อนข้างจะแตกต่างจากแกงเลียงกรุงเต้บ แกงเลียงใต้นั้นรสชาติเผ็ดร้อน เข้าขั้นร้อนฉ่าทุกองศายิ่งกว่า อาโออิที่ทั่นเนวินจะ import เข้ามาเสียอีก ความเผ็ดร้อนนี้หาได้มาจากเพลี้ยจากปลวกไม่ มันมาจากพริกไทยนี่แหละครับ อย่างเดียว หลายท่านของสงสัยว่าร้อนจะตายห่านอยู่แล้ว จะกินเข้าไปทำพรืออีก ผู้เฒ่าผู้แก่เขาบอกว่า กินแกงเลียงตอนร้อนๆ ร่างกายจะขับเหงื่อออกมาจากทวารทั้ง 7 (ทั้งตัว) กินไปสักพัก ร่างกายจะเหมือนคายความร้อนออกมา(เอ๊ะ ร่างกายหรือต้นฉำฉา) จากนั้นอุณหภูมิเราก็จะลดลง ทำให้เย็นสบาย ผมอธิบายงงมั๊ย ถ้างง เดี๋ยวอัญเชิญยายลงมาช่วยอธิบาย ส่วนประกอบของเครื่องแกง กระเทียมปอกเปลือก หอมแดง กะปิดี พริกไทย ขอย้ำนะครับ พริกไทยเยอะๆ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:20:38

ความคิดเห็นที่ 4 ปูเสื่อนั่งรอนะคะ จากคุณ : หมวยนะจ๊ะ (หมวยนะจ๊ะ) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:24:42

ความคิดเห็นที่ 5 มาดูผักที่จะใช้ครับ แกงเลียงนั้น คนแก่เขาจะมีการจัดหมวดหมู่ผักที่จะใส่ด้วยนะครับ อย่างแกงเลียงสายบัว(ซึ่งจริงๆกะจะทำ แต่หาสายบัวไม่ได้) จะไม่ใส่อะไรเลย นอกจากสายบัว แกงเลียงตำลึง สามารถใส่ผักอย่างอื่นได้เช่นเห็ด หัวปลี(บางทีแกงเลียงหัวปลีเพียว ก็ได้สำหรับแม่ที่ต้องการให้นมลูก) ฟักทอง แต่จะไม่นิยมใส่ใบแมงลัก หรือผักใบเขียวเข้าไปอีก ส่วนผักหวานนั้น ก็เหมือนกัน ใช้แทนใบตำลึงได้ มาดูกันถึงสิ่งที่จะทำให้น้ำแกงข้นหวานโดยไม่ต้องใส่น้ำตาลเลย(ไม่แตะน้ำตาลเลยนะครับ สูตรนี้) บ้านผมจะใช้ปลา โดยเฉพาะปลาช่อนเสียส่วนใหญ่ แต่บางทีก็ใช้กุ้ง ได้เหมือนกัน แต่วันนี้ผมใช้ปลาช่อนนาตัวเบ้ง ไม่นิยมใช้เนื้อเลียงผาจากเทือกเขาหิมาลัย เพราะอะไร เพราะว่าไปเทือกเขาหิมาลัยไม่ถูก ตึงโป๊ะ!!! แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 55 17:13:48 จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:29:12

ความคิดเห็นที่ 6 เราจะทำสูตรโบราณยายสอนสั่ง จะมาเอาปลาไปต้ม(ซึ่งจริงใช้ต้มเอาก็ได้) ไปเวฟก็ดูโมเดิร์นไหลเซชั่นไปหน่อย เอามันลูกทุ่งๆนี่แหละ ก่อไฟเองเลย ใช้รองเท้านันยางที่ขโมยมาจากวัด นี่แหละเป็นตัวเชื้อ จากนั้นเอาถ่านสุมเข้า ไม่นานถ่านไฟร้อนๆก็ลุกโชน พร้อมให้นางสีดามาลุยไฟพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้เลย การเอาปลาไปปิ้ง ปลาจะหอมกว่านะครับ แล้วก็อีกอย่างจะเอาไปย่างหมูด้วย จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:34:19

ความคิดเห็นที่ 7 เกาะติดค่ะ ท่าทางน่าทาน^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:39:12

ความคิดเห็นที่ 8 ปลาช่อนสุกได้ที่แล้วครับ ตัวขนาดนี้แกงได้สามหม้อ แต่ที่เหลือหม้อเดียวเพราะแกะไปพลางกินไปพลาง ที่เห็นไฟลุกโชนนี่ไม่ใช่อะไรนะครับ พุงมันเยิ้ม สงสัยบริโภคฟาสฟู๊ดมากเกิน ไปซื้อปลาช่อนสิ่งที่พึงระวังและเตือนสติตัวเองอยู่เสมอคือ           "อย่าลืมพุงปลา" อย่างผมถ้าลืมขึ้นมาเมื่อไหร่ มีหวังโดนแม่ใช้ท่าไม้ตาย ด้วยเวทมนต์แห่งจันทรา จงสำแดงฤทธา ณ บัดนี้ แน่ๆ ของดปรดของทุกคนในครอบครัว มีอยู่ชิ้นเดียว แต่คนจ้องจะงาบอยู่ทั้งบ้าน เพราะฉะนั้น ใครมีอำนาจสูงสุด พุงปลาจึงจะตกเป็นของคนนั้น (บ้านนี้ใช้พุงปลาเป็นเครื่องวัดบารมี) จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:40:57

ความคิดเห็นที่ 9 ปูเสื่อรอชมค่ะ จากคุณ : ช้างน้อยรักก้านกล้วย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:43:28

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อได้ทั้งหมดแล้วก็จัดการใส่ครกตำเลยครับ หอม กระเทียม พริกไทยเยอะๆ  กะปิ ตำเข้ากัน จากนั้นใส่เนื้อปลาช่อนย่าง(อ้อ รู้แล้วว่าทำไม ทำเสร็จจึงไม่ค่อยหิว  ก็ล่อ ปลาช่อนเผาไปครึ่งตัวนี่นา)ลงไปโขลก จะได้แบบนี้ครับ   สำหรับผมนี่พริกไทยยังน้อยไปนะครับ กลัวจะเผ้ดร้อนไม่พอ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:44:41

ความคิดเห็นที่ 11 รอชม อาหาร อร่อย ๆ ต่อครับ จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:46:30

ความคิดเห็นที่ 12 เกาะจอรอชมค่ะ ปล. วันก่อนเห็นตั้งกระทู้ถามเรื่องต้นไม้ที่ห้องจตุจักรค่ะ ยินดีกับบ้านใหม่ด้วยนะคะ :) จากคุณ : ระกำอบน้ำผึ้ง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:47:19

ความคิดเห็นที่ 13 ตั้งน้ำให้เดือดก่อนนะครับ แล้วค่อยใส่เครื่องลงไป เดี๋ยวจะคาว ตอนเด็กๆสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดในการทำเมนูนี้คือ การเด็ดตำลึง  มันยาวนาน และง่วงนอน วิธีง่ายๆที่ยายทำก็คือ เล่านิทานไปด้วยระหว่างที่ผมเด็ดตำลึง นิทานยายก็อะไรไม่รู้ ไก่กา(แต่สนุกและชอบมาก) มีที่ไหน:-)ินหมีเข้าไปทั้งตัว หรือแม่วัว ที่เหาะไปช่วยลูกจากกรงเล็บของเหยี่ยว มาถามเอาตอนโตว่าไปเอานิทาน พวกนี้มาจากไหนนิ แกบอก แกก็คิดเอาตอนนั้นแหละ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:50:16

ความคิดเห็นที่ 14 รอชมเมนูแกงเลียงด้วยครับ จากคุณ : ตะโกครับ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:51:26

ความคิดเห็นที่ 15 คุณระกำอบน้ำผึ้งครับ ว่างๆเชิญไปปลูกต้นไม้ให้ที่บ้านหน่อยนะ เกรงว่าผู้ชายสองคนจะขุดกันไม่ไหวแล้ว ดินโครงการนี่สงสัยนำเข้า ดินจากดาวพลูโต แข็งมาก ขุดจนมือพอง ต่อๆ ถึงไหนแล้ว อ้อ ตามด้วยผักที่สุกยาก เช่นเห็ด และหัวปลีหั่น จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:54:21

ความคิดเห็นที่ 16 ถึงจุดนี้ ผมชิมก่อนครับ ก่อนใส่ใบตำลึง เดี๋ยวเหี่ยว เครื่องปรุงนี่มีอย่างเดียว คือเกลือครับ อย่างเดียวจริงๆ อย่าใส่น้ำปลานะครับ มันคาว ชิมรสให้ออกหวานจากเนื้อปลา เผ้ดร้อนจากพริกไทย และเค็มๆครับ แค่นี้พอแล้ว พอเราได้รสที่เราคิดว่า อูมามิ แล้ว จึงใส่ใบตำลึงลงไป เป็นอันเสร็จ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 15:58:15

ความคิดเห็นที่ 17 เสร็จแล้วครับ หน้าตาแกงเลียงใบตำลึง ซดเปล่าๆ หรือจะกินกับข้าวสวยตอนเที่ยง ก็ได้ครับ รับรองเผ็ดร้อนถึงใจ แต่กินเสร็จแล้วตัวเบาเลยครับรับรอง ความหวานของเนื้อปลาช่อนบวกกลับกลิ่นหอมจากการเผากรุ่นๆ ทำให้ไม่ต้องใส่น้ำตาล อีกทั้งหอมแดง กระเทียม และพริกไทยนั้นก็ทำให้เพิ่มความร้อนซ่าให้แกงเลียงอีก ไหนจะความเค็มที่ได้จากกะปิดี กับเกลือนิด ลงตัวครับ สำรับนี้ ลองดูครับ บางคนอาจยังไม่คุ้นชินกับรสชาติของมัน เพราะเคยกินแกงเลียงภาคกลาง ซึ่งคนละแบบ แต่อยากให้ลองครับ หรอยนิ คนใต้ไม่ขี้หก จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:03:50

ความคิดเห็นที่ 18 แกงหม้อใหญ่กินไม่หมด ใส่ท๊อปเปอร์แวร์(คนยุคไหนนิ เรียกเจ้านี่ว่าท๊อปเปอร์แวร์) แช่ตู้เย็น อยากกินตอนไหนเอามาอุ่นได้ กลางคืนหิวแต่ไม่อยากอ้วน ก็กินเจ้านี่ได้ ผมอุ่นกินได้ตั้งสองวันแน่ะ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:06:19

ความคิดเห็นที่ 19 นมเมลอนอร่อยมากกกกก >{}< เราเจอ 7-11 ตอนเหลือกล่องเดียวทุกที   อร่อยมาก อร่อยจริงๆ หอมเมลอนนนนน ปล. นี่กระทู้ของคาวนี่นา 5555 เห็นนมเมลอนแล้วอดไม่ได้ 55555555 จากคุณ : ยัยหมูกระต่าย (kitty_76) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:11:18

ความคิดเห็นที่ 20 มาต่อกันที่สำรับที่สอง ของจัดยาวเลยแล้วกันนะครับ นานๆมาที ยำทะเลสูตรโรงแรม จุด จุด จุด ครับ hi hi สูตรนี้เห็นว่าอร่อย และทำง่าย เผลอๆ ทำขายได้ด้วยก็เลยนำมาฝากกันครับ วันนี้ทะเลผมใช้แค่ กุ้ง กับปลาหมึก และเห็ดนะครับ (เห็ดนี่ทะเลตรงไหนฟะ) มาถึงตัวเครื่องก่อนนะครับ ตามรูปเลย พริกเราเอาเม็ดออกก่อนนะครับ  อย่ากินเข้าไป เดี๋ยวมันไปงอกในพุง (ที่มาเดียวกับหนอนกินฟัน) กระเทียม รากผักชีเอาแกนแข็งออกก่อนครับ กระเทียมดอง แค่นี้เองครับ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:12:53

ความคิดเห็นที่ 21 คุณยัยหมูกระต่ายครับ ช่วยชมแกงเลียงหน่อยสิครับ แหม นมเมล่อนนะ อุปกรณ์ประกอบฉากเฉยๆ ว่าแต่ที่นมหายเหลือกล่องเดียวนี่ เพราะผมไปกว้านเหมาซื้อมารึเปล่า จากนั้นเราเอาส่วนผสมข้างบนมาโขลกครับ รวมกันหยาบๆ ไม่ต้องละเอียดนะครับ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:16:26

ความคิดเห็นที่ 22 รอดูเห็ดทะเลคะ จากคุณ : สายป่านหัวใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:17:58

ความคิดเห็นที่ 23 น่าทานมากเลยค่ะ อ่านสนุก จากคุณ : wippygal25 เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:21:01

ความคิดเห็นที่ 24 รอชม..ด้วยคนค่ะ.. จากคุณ : มณีรินค่ะ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:21:12

ความคิดเห็นที่ 25 โขลกออกมาหน้าตาเละแบบนี้ รอพร้อมจะนำไปหมักเป็นน้ำหมักชีวภาพ ส่วนประกอบต่อไป ส่วนน้ำยำ ในถ้วยนนั่นมี น้ำปลาตราปลาหมึกครับ บอกยี่ห้อไปเลย เพราะยี่ห้อนี้เค็มจริง เคยใช้ยี่ห้ออื่น เค็มเหมือนกันครับ แต่ค็มแบบกลมกล่อม ไม่เค็มชัด เค็มแหลม เค็มเค้ม เค็ม เหมือนยี่ห้อนี้ ไม่รู้จะอธิบายยังไง จากนั้นใช้น้ำตาล คนจนละลายเข้ากัน แล้วบีบมะนาาว ชิมให้รสชาติ ออก 3 รส รสปรารภ รสเทวี รสประสงค์(นั่นมันราช) ให้ออก เปรี้ยม เค็ม หวาน ตามที่เราชอบครับ อีกส่วนนึงจะเป็นผักโรย ที่ รร นี้ใช้แค่ หอม กระเทียม หั่นบาง แล้วก็ขิงซอย แต่หากใครจะใส่ตะไคร้หั่น ใบสาระแหน่ หรืออื่นๆก็ตามสะดวกใจนะครับ สุดท้าย กุ้ง ปลาหมึก และเห็ด ซึ่งในที่นี้เหมาเอาว่าเป็นทะเล(เห็ดมาเหลือจากแกงเลียง) เอาไปลวกในน้ำเดือดจัดครับ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:25:36

ความคิดเห็นที่ 26 สุดท้ายไม่มีอะไรที่ชาวก้นครัวทำไม่ได้ นั่นก็คือเททั้งหมดใส่หม้อรวมกัน แล้วราดน้ำยำทีละนิดๆ อย่าเทพรวดเดียวนะครับ เดี๋ยวจากยำทะเล จะกลายเป็น ดองทะเล จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:30:49

ความคิดเห็นที่ 27 กลืนน้ำลายรอ..แล้วนะคะ555 จากคุณ : มณีรินค่ะ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:30:55

ความคิดเห็นที่ 28 คลุกจนเข้ากันดีครับ แล้วชิม เห็ด หมึก กุ้ง เรียงตัวกันในรอบ 27 ปี เป็นปรากฏการณ์ทางทะเลที่ไม่ได้เจอบ่อยๆ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:32:50

ความคิดเห็นที่ 29 กลืนน้ำลายเลยคะ จากคุณ : สายป่านหัวใจ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:33:55

ความคิดเห็นที่ 30 เสร็จแย้ว   ฮาย เห็นรูปแล้วอยากกินหล่าว อิๆ น้ำลายมันสอ เมนูนี้ สามารถทำพริก ทำน้ำยำเตรียมไว้ได้เลยครับ จะรับทานวันไหนก็แค่ลวกแล้วคลุก ง่ายๆ แต่อร่อยล้ำ หรือใครอยากทำขาย ก็น่าจะดีนะผมว่า เห็นยำสมัยนี้แล้ว กินไม่ค่อยลง จะกินทีแทบเอากุ้งไปร่อนน้ำก่อน ไหนจะผงชูรสเป็นกระบวยอีก ของผมนี่ไม่ใส่ผงชูรส(เพราะผมร่วงจะหมดหัวแล้ว อิๆ) ปลอดภัย แล้วก็อร่อยด้วยนา จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:36:27

ความคิดเห็นที่ 31 สำรับสุดท้ายแล้วครับ ปวดหลังอย่างแรง 555 สำรับนี้ได้มาจากหนังสือ ตำรับสายเยวภา ครับ ซึ่งเป็นการรวบรวม-เรียบเรียง จากบรรดาพระประยูรญาติ ข้าหลวง และคณะครูโรงเรียนสายปัญญา เพื่อพิมพ์เป็นหนังสือแจกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิทพระราชธิดาองค์ที่ 47 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ขอขอบคุณคุณวิกิ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ) ตำราของท่านมีอาหารน่าสนใจมากมายครับ หนึ่งในนั้นที่ผมหยิบยกมาลองทำทานคือ สำรับ ซี่โครงหมูย่างน้ำผึ้ง จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:41:45

ความคิดเห็นที่ 32 ...(ที่มาเดียวกับหนอนกินฟัน) หากไม่รบกวนมากไป อยากรู้ที่มาของหนอนกินฟันค่ะ :) จากคุณ : ระกำอบน้ำผึ้ง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:43:39

ความคิดเห็นที่ 33 ส่วนประกอบไม่วุ่นวาย จนเดือดร้อนไปถึงเวลาเลี้ยงลูกเลี้ยงเต้าครับ แค่มีซี่โครงหมู น้ำผึ้ง เกลือ พริกไทย และน้ำปลาพอสมควร แค่นี้เองครับ ที่เหลือก็จะเป็น เครื่องเคียง พวกแตงกวา ต้นหอม ผักดอง และพริกแดง แต่ผมไม่ได้ทำนะครับ ทำแค่หมูอย่างเดียว ซี่โครงหมูล้างสะอาดครับ จริงๆมันต้องมาเป็นแผง แต่ผมหาไม่ได้เลยใช้แบบนี้แทน จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:50:18

ความคิดเห็นที่ 34 คุณระกำอบน้ำผึ้งครับ หนอนกินฟันผมไม่รู้ว่ามาอย่างไรนะครับ แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ท่านจะบอกว่าเวลาเราฟันผุน่ะ เป็นเพราะหนอนมันมากินฟัน เวลาเด็กๆกินขนมมากไป ผู้ใหญ่ก็จะขู่ว่า ระวังหนอนจะกินฟัน เป็นความเข้าใจผิดของคนโบราณกระมังครับ ผมว่านะ ขั้นตอนต่อไป ผสม น้ำปลา น้ำผึ้ง เกลือเข้าด้วยกันครับ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:52:48

ความคิดเห็นที่ 35 นำน้ำไปหมักหมูนะครับ แต่ต้องใส่พริกลงไปก่อนนิดหน่อย จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:54:27

ความคิดเห็นที่ 36 หมัก สัก 40 นาทีก็นำไปย่างครับ ถ่านเหลือจากปิ้งปลาช่อน ตอนเด็กๆเคยโดยเพื่อนบ้านตี เพราะจุดไฟแบบนี้แหละครับ วิ่งโร่ไปฟ้องแม่  แม่รักลูกมาก พอได้ยินแค่นั้นแหละ เดินดุ่มๆไปหาเพื่อนบ้าน ไปขอไม้เขามาตีลูกซ้ำT-T จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 16:58:10

ความคิดเห็นที่ 37 ให้ดูกันจะๆ ว่าไหม้เห็นๆ   ให้ดูว่าเรามิได้เสแสร้งแกล้งถ่ายแต่ภาพงามๆ  ภาพไหม้เกรียมน่าเกลียดน่ากลัว เราก็ถ่าย ภาพนี้บอกให้รู้ว่า การย่างหมูบนถ่านที่ร้อนแรงเกินไปจะเป็นยังไง ดำได้อีก  แต่อยากตกใจ วิวัฒนการสมัยนี้ช่วยได้ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:01:31

ความคิดเห็นที่ 38 นี่ครับ ภาพก่อนทำ กับหลังทำ ใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งนะครับ มาเล็มที่ไหม้ออก แค่นี้ก็ไม่มีใครรู้แล้วว่า หมูเราเคยมีอดีตที่ขมขื่นเช่นไร รสชาติสำรับนี้จะออกหวานเค็มนะครับ มีกลิ่นหอมน้ำผึ้งอ่อนๆ ที่สำคัญนุ่มมาก กระดุกกรุบกริบราวกับเด้กวัย 15 ผมกินกับน้ำจิ้มแจ่มก็เข้ากันดี จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:04:27

ความคิดเห็นที่ 39 เสร็จเรียบร้อยครับ อาหารทั้งสามสำรับที่ต่างที่มา สุดท้ายก็มาอยู่บนโต๊ะๆเดียวกัน ทำอาหารกินเองเหนื่อยจริงครับ แต่ได้อะไรหลายอย่าง ได้ความรู้ ได้ความภูมิใจ ได้รู้ที่มาที่ไปของอาหาร ได้ความมั่นใจว่าอาหารเราสะอาดแน่ แต่อร่อยหรือไม่นั่น ว่ากันเป็นเคสๆไป ฮ่าๆๆ ได้สืบทอด รักษา อาหารบางอย่างที่หลายๆคนอาจหลงลืม โอยเยอะครับ เพราะฉะนั้นว่างๆเสาร์อาทิตย์ มาทำอาหารกินกันเถอะครับ กินได้ก็ดีไป แต่ถ้ากินไม่ได้เราค่อยไปฟูจิกัน อิๆ เจอกันครั้งหน้าครับ  จุ๊บๆ จากคุณ : airbusboy เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:09:25

ความคิดเห็นที่ 40 ไปๆๆ ฟูจิกัน อิอิ จากคุณ : PERTUSSIS เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:22:24

ความคิดเห็นที่ 41 เกาะติดจอด้วยคนค่ะ จากคุณ : mangkhud เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:22:29

ความคิดเห็นที่ 42 ความเห็นประกอบรีวิว การทำแต่ละรูปนี่อย่างฮา เลยค่ะ ไว้มาทำให้ดูให้ชิมใหม่นะคะ สุดหล่อ (^^) จากคุณ : ช้างน้อยรักก้านกล้วย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:24:03

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณค้าบบบบ... น่ารักจริงๆ น่ารักสม่ำเสมอเลยค่ะ :) จากคุณ : ระกำอบน้ำผึ้ง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:28:08

ความคิดเห็นที่ 44 ได้เมนูอาหารเย็น...ของวันนี้แล้วค่ะ อิอิ                         แกงเลียงตำลึง สูตรแดนใต้ แต่ต้มยำทำแกง ณ เมืองเจียงใหม่เจ้านี่แหละ           หร่อยจังหล่าววววววว จากคุณ : หลงรักผู้ชายชุดหมี เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:44:27

ความคิดเห็นที่ 45 อร๊ายยยยยยยยยยย มาแอบจก การทำยำ น่ากินมากๆ จดๆๆๆๆๆ ปล อ่านไปหัวเราะไป (บ้าไปแล้ว) อิจฉา จขกท กล้าตัดสินใจ ทำในสิ่งที่ชอบ จากคุณ : zhanghuili เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 17:56:12

ความคิดเห็นที่ 46 ฮา คห 26 จากคุณ : zhanghuili เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 18:06:26

ความคิดเห็นที่ 47 หิวเลยค่ะ น่าทานมากๆ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : ไซโคอำมหิต เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 18:45:22

ความคิดเห็นที่ 48 กินกัน 2 คนเหรอค่ะ  พี่ไปร่วมวงด้วยคนได้ไหมเนี่ย จากคุณ : @ - ENYA - @ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 18:48:46

ความคิดเห็นที่ 49 ชอบมากๆเลยค่ะ อ่านไปฮาไป สนุกสุดๆ 5555 อาหารก้น่ากิ๊นน่ากิน ไม่ไหวแล้วนะ ;) จากคุณ : sazziie_bongz เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 19:29:42

ความคิดเห็นที่ 50 รีวิวได้น่ารักมากค่ะ  จากคุณ : I_JeejunBo เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 19:51:48

ความคิดเห็นที่ 51 กินไม่หมด รบกวนเรียกด้วยนะคะ ขออาสาไปจัดการซากอารยธรรมให้ เอิ๊กๆๆๆ จากคุณ : นู๋น้อยขี้โมโห เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 19:56:07

ความคิดเห็นที่ 52 กระทู้ทำอาหารอะไรกันทำเค้าฮาจนลูกตื่นนน... ปล.เหมือนเห็นเซเลอร์มูนแว๊บๆในกระทู้นี้เลยค่ะ ฮิฮิ ^^ ปล2. ได้สูตรแกงเลียงใต้ไปทำแกงเลียงหัวปลีเพิ่มน้ำนมแล้วววว ขอบคุณนะคะ จากคุณ : LeKkAeY เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 20:16:35

ความคิดเห็นที่ 53 น่ากินมากๆ   จองแกงเลียงค่ะ ^^ จากคุณ : มะปรางข้างรั้ว เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 20:18:07

ความคิดเห็นที่ 54 ตำหรับของโรงเรียนหนู โรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ภูมิใจจัง^^ อาหารน่าทานมากๆค่ะ ขอบคุณที่ทำให้ชมนะคะ จากคุณ : Salome'ST เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 20:20:14

ความคิดเห็นที่ 55 อยากกินแกงเลียงจังค่ะ  ข้นน่าทานมากเลย จากคุณ : your_natty เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 20:42:29

ความคิดเห็นที่ 56 แกงเลียงน่ามากๆ >.< จากคุณ : dowlittlewing เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 21:08:51

ความคิดเห็นที่ 57 เห็นยำแล้วแอบกลืนน้ำลายค่ะ ^^ จากคุณ : hunjiunji เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 21:43:44

ความคิดเห็นที่ 58 น่าทานทุกเมนูเลยจ๊ะ หลานชาย  ...แม่สอนมาดีนะคะ ชมเลย จากคุณ : ไฮเดรนเยีย เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 22:01:45

ความคิดเห็นที่ 59 โอ๊ะ! จำได้ว่าlog inนี้ทำอาหารน่ากินมากๆ แต่อร่อยรึป่าวเราไม่รู้... เพราะฉะนั้นส่งมาให้ชิมด้วยค่ะ จากคุณ : Fairy in a Fairy Tale เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:44:13

ความคิดเห็นที่ 60 ฮา + ได้ความรู้ดีค่ะ จากคุณ : คิโนะคุนิยะ เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:44:53

ความคิดเห็นที่ 61 อาหารน่ากิน หนุ่มแว่นน่ารัก>///< จากคุณ : ^-^หมูหยองกระป๋อง^-^ เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 02:44:41

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณครับที่นำมาแบ่งปัน จากคุณ : หยก (เป็ดวุฒากาศ27) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 11:01:18

ความคิดเห็นที่ 63 จขกท. น่ารักอะ จากคุณ : MBA ฮาเฮ เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 11:25:32

ความคิดเห็นที่ 64 ..คนหนุ่มทำอะำไรก็น่าร๊ากกกกก  น่าหม่ำ อิอิ จากคุณ : littlelion เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 12:29:42

ความคิดเห็นที่ 65 จขกท.หล่อจัง จากคุณ : สองร้อย เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 12:50:00

ความคิดเห็นที่ 66 ไว้จะลองหัดทำแกงเลียงแบบนี้ดูบ้าง ถึงเครื่องแบบนี้ชอบจัง!! ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ จากคุณ : คาร์เนชั่นสีม่วง เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 14:00:33

ความคิดเห็นที่ 67 มาบ่อยซิคะ ได้ความรู้และขำาาาา ด้วย จากคุณ : Tallow เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 17:25:25

ความคิดเห็นที่ 68 เหนื่อย หัวเราะจนเหนื่อย จากคุณ : แม่ค้าลูกชิ้นนึ่ง เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 01:37:43

ความคิดเห็นที่ 69 ได้สูตรอาหารแบบขำๆอีกแล้ว 555 แกงเลียงนี่ว่าแล้วนึกถึงพี่ห้องข้างล่าง วันก่อนพี่ผู้ชายแกโขลกเครื่องแกงเสียงดังลั่นตึกเลย หมูย่างน่ากินมาก ยำก็ท่าจะแซ่บ ปล. หนุ่มแว่นน่าร๊ากกกก ทำกับข้าวได้ด้วยยยยย ^^ จากคุณ : ปลาทองแก้มยุ้ย เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 20:20:55

ความคิดเห็นที่ 70 น่าหม่ำอ่ะ จากคุณ : AdeliE เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 12:05:23