 |
ส่วนข้าวแช่ในประเทศไทย ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของหน้าร้อนไปแล้ว เมื่ออากาศช่วงเดือนเมษายนมักร้อนสุดๆ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายเราพุ่งปรี๊ดร้อนตามไปด้วย คนไทยก็สรรจะหาอาหารที่มาช่วยดับร้อนได้อย่างลงตัว โดยนำเอาข้าวแช่มาใส่น้ำฝน หยอดพิมเสนลงไปสัก 2-3 เกล็ด เพื่อเพิ่มความเย็นเวลาตักใส่ปาก แต่มาถึงยุคนี้สมัยนี้ ก็ดัดแปลงใส่น้ำแข็งลงกันไปเลย แถมลอยด้วยดอกมะลิ ให้รสชาติหอมชื่นใจ หรือจะเพิ่มสีสันด้วยกลีบดอกกุหลาบสีแดง สีชมพู ก็ตามแต่ แล้วอะไรจะน่ารับประทานขนาดนั้น.
แต่หยุดก่อน !!! อย่าเพิ่งตักข้าวแช่ใส่ปากเด็ดขาด เพราะมันยังขาดเครื่องเคียงของคาว ที่ประกอบไปด้วย "ลูกกะปิทอด" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอาหารพิเศษจานนี้เลยทีเดียว ต่อด้วยพริกหยวกทอด, หัวหอมทอด, ปลาผัดหวาน, ผักกาดเค็มผัดหวาน, เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน, ปลายี่สนผัดหวาน จะเห็นว่าเครื่องเคียงแต่ละอย่าง ไม่ได้ทำได้โดยง่าย แต่ละอย่างต้องมีกรรมวิธี และต้องใช้ความละเอียดอ่อนอย่างมากในการทำ เห็นเล่ากันแบบนี้ ไม่ได้ทำง่ายจริงๆ
ที่สำคัญการกินข้าวแช่ที่ถูกต้อง ต้องมีวิธีอีกสักเล็กน้อย เพื่อเพิ่มอรรถรสให้สมกับอาหารชาววัง แรกเริ่มต้องตักกับข้าว ซึ่งเป็นเครื่องเคียงเข้าปากเสียก่อน จากนั้นค่อยใช้ช้อนตักข้าวแช่ ที่แสนจะเย็นฉ่ำและหอมหวนตามเข้าไป แล้วค่อยๆ เคี้ยวทั้ง 2 อย่างเข้าด้วยกัน เราจะสัมผัสได้ถึงความกลมกล่อมของอาหารไทยๆ ได้อย่างถึงที่สุดเลยทีเดียว
จากคุณ |
:
Balian De Ibeli
|
เขียนเมื่อ |
:
26 เม.ย. 55 22:38:19
|
|
|
|
 |