ความคิดเห็นที่ 1 พูดถึงขนมฝรั่งเศส จะไม่พูดถึงมาการงคงจะไม่ได้ เพราะนี่คือหนึ่งในขนมที่หากินได้แทบทุกร้าน patisserie ในฝรั่งเศส แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะอร่อยทุกร้านหรอกนะครับ เนื่องจากผมเป็นคนทำขนมไม่เป็นครับ (กินอย่างเดียว!) กระทู้นี้ผมคงไม่พูดถึงวิธีการทำมาการง หรือส่วนผสมของมันนะครับ เพราะแค่ดูการเตรียมส่วนผสม และวิธีทำแล้ว ผมเดินออกไปเสียตังค์ซื้อกิน สบายใจกว่าเยอะครับ แฮ่ๆ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 22:42:10 จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:24:12

ความคิดเห็นที่ 2 ผมคิดว่าเมื่อพูดถึง macaron แล้วจะต้องมีปัญหาโลกแตกของคนไทยเกี่ยวกับขนมชนิดนี้อยู่ 2 ปัญหา 1) Macaron อ่านว่าอะไร ในกระทู้นี้ ผมจะเขียนทับศัพท์ภาษาไทยของ macaron ว่า "มาการง" ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นการอ่านออกเสียงที่ถูกต้องตามภาษาฝรั่งเศสครับ ซึ่งการอ่านออกเสียงที่ถูกต้องของคำว่า Macaron ในภาษาฝรั่งเศส ผมไม่คิดว่าจะมีพยัญชนะตัวไหนในภาษาไทยมาเขียนแทนได้โดยสมบูรณ์แบบนะครับ เพราะตัว r ของภาษาฝรั่งเศส เป็นการออกเสียงแบบสั่นในลำคอ เหมือนขากเสลด ไม่ใช่ตัว ร.เรือ แบบภาษาอังกฤษ เสียงที่ได้ก็จะใกล้เคียงกับคำว่า มากาครง หรือ มากาฮง ซึ่งทั้งสองคำก็ยังไม่เป๊ะอยู่ดี ดังนั้นเขียนว่า มาการงนี่แหละ เข้าใจง่ายสุดครับ ส่วนใครจะอ่านว่า "มาการอน" ตามรูปแบบภาษาอังกฤษก็ไม่ว่ากันครับ เพราะเวลาไปซื้อมาการงที่ร้านดังๆในปารีส (ซึ่งจะพูดถึงในกระทู้นี้) จะพูดว่า มาการอน เขาก็คงพอเข้าใจได้เหมือนกันครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:29:15

ความคิดเห็นที่ 3 2) Macaron กับ Macaroon ต่างกันหรือไม่ คำถามนี้ตอบยากนะ เพราะจริงๆทั้งสองคำ มันแผลงมาจากภาษาอิตาเลียนคำว่า maccarone ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า ammaccare ที่แปลว่า ทุบ หรือ บด (ใครเก่งอิตาเลียนช่วยคอนเฟิร์มด้วยนะครับ ข้อมูลตรงนี้ ผมเอามาจากตำราภาษาอังกฤษอีกทีนึงครับ) แต่ส่วนตัวผม macaron ต่างจาก macaroon อย่างชัดเจน และเป็นขนมคนละประเภทกันครับ โดย macaroon (มาการูน) จะมีส่วนผสมของมะพร้าว หน้าตาคล้ายๆบ้าบิ่นอบแห้งครับ ในขณะ macaron (มาการง) ของฝรั่งเศสจะหน้าตาสวยงามน่ารัก ผิวเรียบ และมีสีสันมากกว่า ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ขนมสองอย่างนี้ ถูกเรียกสลับกันสับสนมากครับ เวลามีเพื่อนมาหาที่ปารีส แล้วให้พาไปซื้อ macaron บางทีก็จะบอกว่า "พาไปกินมาการูนอร่อยๆหน่อยสิ" ซึ่งผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะเข้าใจว่าคนที่ไม่ได้ศึกษาจริงจังก็คงเข้าใจผิดกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ข้อผิดพลาดหรือความสับสนนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ในโรงแรมดังๆในเมืองไทย ที่หลังจากมีกระแส macaron ดังในบ้านเรา ก็เริ่มทำขนมนี้ไปวางขายใน deli หรืออยู่ในไลน์บุฟเฟ่ต์ ก็ยังเห็นในป้ายชื่อใช้คำว่า macaroon หรือบางที่หนักกว่า ใช้คำว่า French macaroon ก็มี แต่กระทู้นี้ผมมุ่งเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับขนม มากกว่าการรีวิว หรือพูดถึงความสวยงาม ความอร่อยของขนม จึงต้องขอลงรายละเอียดตรงนี้ให้ชัดเจนและเข้าใจตรงกันครับ ... (ภาพข้างล่างนี้คือ macaroon ที่เห็นได้ชัดเจนว่ามีมะพร้าวเป็นส่วนประกอบในตัวเมอแรงก์) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:40:02

ความคิดเห็นที่ 4 ปาดค่ะ... เวลาเราอ่าน "มาการอง" เป็นสำเนียงฝรั่งเศสทีไร เพื่อนขำทุกที ทั้งๆที่มันถูกต้องนะ.. เฮ้ออ -*- จากคุณ : LadyJadeYokim เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:44:49

ความคิดเห็นที่ 5 ว่ากันว่า มาการงในยุคแรกๆ มันยังไม่เป็นหน้าตาแบบนี้ แต่จะมีแค่ฝาเดียว ซึ่งนักประวัติศาสตร์อาหารสืบมาว่า ขนมชนิดนี้ น่าจะเข้ามาในฝรั่งเศสพร้อมกับเชฟชาวอิตาลี ที่มเหสีของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 นำเข้ามาทำงานในวังที่ฝรั่งเศสด้วย แต่ผู้ที่เปลี่ยนหน้าตาของมาการงให้เป็นแบบปัจจุบัน ก็คือร้าน Laduree (ลาดูเร่) ร้านขนมที่เมื่อพูดถึงชื่อเสียงและความโด่งดัง ณ ตอนนี้แล้ว ผมต้องยกให้เป็นเบอร์หนึ่งของฝรั่งเศส (แต่ถ้าเรื่องความอร่อยของมาการงแล้ว เดี๋ยวนี้มีหลายร้านในปารีสที่ทำได้อร่อยในระดับเดียวกันหรืออร่อยกว่า Laduree แล้วล่ะครับ) โดยการเปลี่ยนหน้าตาของมาการงครั้งใหญ่ คือการเอาเปลือกมาการงส่วนที่เป็นเมอแรงสองชิ้น มาประกบกัน ตรงกลางเป็นไส้ ซึ่งมีทั้งไส้ที่เป็นบัตเตอร์ครีม กานาช หรือแยม ซึ่งปัจจุบันมีไส้ที่ประหลาดไปกว่านั้นอีกเยอะมาก จนถึงตอนนี้ Laduree ขายมาการงในฝรั่งเศสมาราวๆร้อยกว่าปีแล้วครับ จึงนับได้เต็มปากว่า มาการงคือหนึ่งในขนมคลาสสิกของฝรั่งเศสที่ใครๆก็รู้จัก ภาพนี้คือบรรยากาศในส่วน Salon de the หรือห้องน้ำชาของ Laduree สาขา Rue Bonaparte ที่เป็นสาขาประจำตัวของผม เพราะสาขาที่ใหญ่กว่าที่ Champs Elysees หรือ Rue Royale คนเยอะเกินไปครับ (อ้อ... ตอนนี้สาขา Champs Elysees ปิดซ่อมแซมอยู่นะครับ เพราะเกิดเพลิงไหม้ที่ครัวชั้นบนเมื่อตอนต้นปี ตอนนั้นกลายเป็นข่าวใหญ่โตของปารีสเลยล่ะครับ จนถึงตอนนี้ยังซ่อมแซมไม่เสร็จเลย) แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 22:47:39 จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:44:50

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วทำไมมาการงถึงดังเป็นพลุแตก กลายเป็นขนมที่ใครๆก็รู้จักทั่วโลก (ดังขนาดที่ Laduree ตอนนี้เปิดสาขาต่างประเทศเป็นสิบประเทศแล้ว แต่ในเอเชียยังมีแค่ญี่ปุ่น ที่เป็นตลาดขนมฝรั่งเศสที่ใหญ่ที่สุดในโลกตะวันออก) ... ทุกอย่างเริ่มมาจากปี 2006 ที่หนังเรื่อง Marie Antoinette ของ Sophia Coppola เข้าฉายทั่วโลก และมีฉากนึงในหนังที่มีเจ้ามาการงไปโผล่อยู่ในหน้าจอให้คนทั้งโลกได้เห็น เป็นการเปิดตัวมาการงเข้าสู่ pop culture อย่างที่ไม่เคยมีขนม หรือแม้แต่ของกินชิ้นไหนชาติไหนทำได้มาก่อน จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:46:09

ความคิดเห็นที่ 7 และไม่ใช่มาการงเท่านั้นที่เริ่มโด่งดังไปทั่วโลก แต่คนที่ได้อานิสงส์นี้ไปด้วยเต็มๆ ก็คือ Laduree ซึ่งเป็นร้านที่ทำมาการงเข้าไปใช้ประกอบฉากนั่นเอง... (ภาพนี้เป็นสาขา Rue Royale ที่เพิ่งปรับปรุงไปเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้ใหญ่โตอลังการกว่าเดิมอีก) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:51:08

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าพูดถึงมาการงในปารีส ถึงจะมีให้กินเยอะแยะเต็มไปหมดในปารีส แม้แต่แมคคาเฟ่ของแมคโดนัลด์ก็มีมาการงขายตั้งแต่ช่วงปี 2008 ครับ ผมเองไม่เคยลองชิมเพราะราคาถูกกว่า Laduree หรือ PH ไม่เท่าไร แต่เพื่อนฝรั่งเศสของผมบอกว่ามันคล้ายกับของร้าน Paul ที่เป็นร้านในเครือเดียวกับ Laduree ครับ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็ว่าไม่แย่นะ ส่วนตอนนี้ร้าน Paul มาเปิดที่สิงคโปร์แล้วนะครับถ้าอยากลองชิม แต่ร้านที่โด่งดังเรื่องมาการงและมุ่งทำการตลาดให้สินค้าตัวนี้ชูโรงอย่างจริงจัง มีแค่สองร้าน นั่นคือ Laduree และ Pierre Herme ที่ตอนนี้เชื่อว่าหลายๆคนในห้องก้นครัวนี้จะเริ่มรู้จักสองชื่อนี้กันบ้างแล้ว ช่วงหลังๆสองร้านนี้ดังมาก และธุรกิจก็เติบโตมาก ครั้งแรกที่ผมไปปารีสเมื่อหลายปีก่อน PH เองยังมีอยู่แค่สองสาขา แต่ตอนนี้มีหลายสาขามาก ในห้างดังๆอย่าง Gallerie Lafayette ก็มีขาย แต่สาขาส่วนมากจะขายแค่มาการงและช็อคโกแลต ถ้าจะซื้อ patisserie ต้องไปที่สาขาต้นตำรับที่ถนน Rue Bonaparte ครับ ร้านแคบมาก เล็กนิดเดียว แต่คนเยอะมาก ยิ่งช่วงเย็นวันศุกร์วันเสาร์คนจะล้นออกมาข้างนอกเหมือนตอนเราต่อแถวซื้อ krispy kreme เลย ส่วน Laduree เองก็มีสาขาที่ถนน Rue Bonaparte เช่นกัน (ถ้านับจากร้าน PH สาขานี้เป็นจุดศูนย์กลาง ในรัศมีเดิน 10-15 นาทีจะเจอร้าน patisserie ชั้นแนวหน้าของปารีสอีกไม่ต่ำกว่าสิบร้านเลยครับ) McDonald's ของฝรั่งเศส เคยทำโฆษณาของ macaron โดยเฉพาะด้วยครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:55:42

ความคิดเห็นที่ 9 เย้ มาทันถ่ายทอดสด รอชมกระทู้ดีๆมีความรู้ด้วยคนนะคะ หิวรอบดึกอีกแล้วเรา จากคุณ : น้ำลอยดอกไม้ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:56:30

ความคิดเห็นที่ 10 กรี๊ดดดดดดดดดดดของหวานก่อนนอน ตามค่ะ ดีใจจังทันถ่ายทอดสด จากคุณ : Jarunya.b เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 22:59:01

ความคิดเห็นที่ 11 ถึงมาการงจะเป็นขนมฝรั่งเศส แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าเราหามาการงกินได้แทบจะทุกประเทศในโลกแล้วนะครับ ผมเองไล่กินมาการงตั้งแต่สิงคโปร์ สวิส เบลเยี่ยม อังกฤษ ก็ต้องยอมรับว่าไม่มีที่ไหนทำได้ดีเท่าของฝรั่งเศส อย่างที่ Zurich จะมีร้านดังชื่อ Luxemburgerli ผมกินแล้วก็ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร แต่เห็นคนไทยชอบซื้อกลับมาเป็นของฝากกันนะ อาจจะเพราะแพคเกจมันดีมากๆ เหมาะกับการหิ้วขึ้นเครื่อง (โดยเฉพาะช่วงสองปีให้หลัง เห็นคนซื้อกลับมาบ่อยมากกกกกกกก) หรือแม้แต่ Fortnum & Mason แบรนด์ขายอาหารระดับหรูของอังกฤษ (มาสไตล์เดียวกับ Fauchon เลย) ผมก็เคยลองกินดู ก็ผิดหวังมาก ถึงหน้าตาจะดูดี แต่ทำ texture ออกมาได้แห้งและกลวงมาก สุดท้ายก็กลับมาตายรังที่บ้านเกิดของมาการง คือที่ฝรั่งเศสนี่แหละ ปลอดภัยที่สุดแล้ว อย่าดิ้นรนไปนักเลย จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:02:04

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณมากๆครับที่มาแบ่งปันความรู้ดีๆเกี่ยวกับขนม จากคุณ : ChiiChai เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:03:09

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบอกเพิ่มเติมไว้ให้สำหรับคนที่จะไปลิ้มลอง Pierre Herme หรือ Laduree นะครับ ร้าน PH ที่ปารีสทุกสาขาไม่มีที่นั่งนะครับ เป็นการซื้อกลับบ้านทุกสาขา และเท่าที่สืบทราบมา ทาง PH ยังไม่มีแผนจะทำร้านให้นั่งแบบห้องน้ำชาหรือ salon de the เร็วๆนี้ แต่ถ้าอยากนั่ง ต้องไปที่สาขาที่ Aoyama ที่โตเกียวครับ จะมีแบบให้นั่งทานในร้านเป็น chocolate bar ด้วย ส่วน Laduree จะทำเป็น salon de the ทุกสาขาครับ ส่วนมาการงจะมีเคาเตอร์ขายอีกหลายที่ เช่นในชั้นล่างห้าง Printemps หรือสนามบิน CDG และ Orly หรือที่ Chateau de Versaille ก็มีครับ ดังนั้นการซื้อมาการงกลับไทยเดี๋ยวนี้หาซื้อได้ง่าย แต่ handle ยากครับ ต้องประคบประหงมกันพอสมควรเลย รูปนี้คือ Pierre Herme Chocolate Bar ที่สาขา Aoyama โตเกียวครับ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 23:05:31 จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:04:34

ความคิดเห็นที่ 14 นอกเรื่องมาการงมานิดนึงนะครับ พอดีผมเองก็เป็นลูกค้าประจำของ Pierre Herme มาหลายปี ตั้งแต่ยังไม่ดังเท่าทุกวันนี้ เลยต้องขอนำเสนอหน่อย เมนูที่ผมติดใจที่ Chocolate Bar ของ PH ที่โตเกียวก็คือ การจัดชุด Assiette de Degustation ซึ่งเป็นชุดขนมแบบขนาด Petite Four หรือชิ้นเล็กๆ ซึ่งแต่ละเดือนก็จะเปลี่ยนรสชาติหรือธีมไปเรื่อยๆ ผมจำราคาไม่ได้ แต่น่าจะอยู่ราวๆ 1,500 - 2,000 เยนนนะครับ อย่างในรูปนี้คือ Assiette de Degustation ของ Ispahan ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอก ที่สร้างชื่อเสียงให้ Pierre Herme คือ combination รสชาติของกุหลาบ ราสเบอรี่ ลิ้นจี่ จากเดิม Ispahan เคยเป็นแค่หนึ่งใน patisserie ของร้านนี้ แต่ตอนนี้มันถูกพัฒนาต่อไปอีก ให้กลายเป็นมาการง ชีสเค้ก มิวเฟย ช็อคโกแลตพราลีน ทาร์ต ชา และซอร์เบท์ไปแล้ว แน่นอนว่า ...เซ็ท Assiette de Degustation สาขาปารีสไม่มีให้กินนะครับ! แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 55 23:12:11 จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:11:22

ความคิดเห็นที่ 15 กลับมาที่มาการงอีกรอบนะครับ ถ้าถามผมว่า มาการงของ Laduree หรือ PH ร้านไหนอร่อยกว่า ความเห็นส่วนตัวของผม ผมยกให้ PH อร่อยถูกใจผมมากกว่าครับ มาการงสองร้านนี้ทำออกมาด้วย “สไตล์” ที่ต่างกันแบบชัดเจน  ถ้ากินเป็นประจำและสนใจในรายละเอียด หลับตากินก็แยกออกได้ไม่ยาก ดังนั้นการจะเทียบให้เป็นกลางก็ยาก เพราะขึ้นอยู่กว่าความชอบของแต่ละคนด้วย (เชื่อว่าต่อไปถ้ามาการงดังขึ้นไปอีก ก็คงจะมีแฟนของสองค่ายมาทะเลาะกันเหมือนแอปเปิ้ลกะแอนดรอยด์แหงๆ อิอิ) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:13:42

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นรายการคนเข้าใจผิดกันเยอะจริงๆนั่นแหล่ะ อ่านดี มีความรู้ จากคุณ : Suisen เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:15:23

ความคิดเห็นที่ 17 ความแตกต่างที่ว่าก็คือ Laduree จะชิ้นแบนกว่าเล็กน้อย เปลือกกรอบกว่า (ผมเดาว่าเพราะอบนานกว่า) และรสชาติจะหวานแหลมกว่าครับ และสัดส่วนของไส้ก็จะไม่มาก กำลังดี ส่วนรสชาติก็จะเป็นพวกรสคลาสสิกทั่วๆไปอย่างพวก วานิลลา กุหลาบ พิสตาชิโอ ช็อคโกแลต ซึ่งโดยรวมถือว่าทำได้ดี และสม่ำเสมอมากครับ ราคาล่าสุดที่ผมซื้อ ชิ้นละประมาณ 1.6 ยูโร ก็ราวๆ 60 กว่าบาทครับ และจุดเด่นมากๆของ Laduree คือ มีรสชาติให้เลือกเยอะมากกกกกกก โดยเฉลี่ยแล้วเวลาเดินเข้าร้าน Laduree ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูไหนของปี จะได้เจอมาการงวางขายอย่างต่ำ 12-15 รส เลือกกันให้ตาลายไปเลย นี่ยังไม่รวม patisserie และขนมอบตระกูล Viennoiserie อย่างครัวซองก์ หรือ Pain au Chocolat อีกนับไม่ถ้วนนะ เวลาเห็นคนญี่ปุ่นในร้าน Laduree สาวๆจะตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าดมาก เพราะมันตระการตาจริงๆ รูปนี้เป็นเมนูของ Laduree ที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นของช่วง spring-summer นะครับ สังเกตได้จาก seasonal flavor อย่าง Fruits Rouges (ฟรุยรูจ แปลตรงตัวคือผลไม้สีแดง หรือผลไม้ตระกูลเบอรี่ทั้งหลาย) หรือรส Muguet หรือดอก Lily of the Valley ที่เป็นดอกไม้ที่คนฝรั่งเศสนิยมให้กันในวันแรงงานครับ ซึ่งพวกเบอรี่จะอร่อย และมีเยอะในช่วง spring ไปจนถึงกลาง summer ทำให้มาการงรสพวกนี้ก็จะมีเฉพาะขายในช่วงฤดูของมันครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:19:10

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วน Pierre Herme ชิ้นจะใหญ่กว่านิดหน่อย เปลือกนุ่มกว่า และไส้ตรงกลางจะเยอะกว่ามากกกกกกกก คนที่ชอบไส้เยอะก็ชอบไปเลย แต่บางคนจะไม่ชอบไปเลยเพราะคิดว่าของ PH มัน overstuff ครับ ล่าสุด ราคาปลีกของมาการงตอนนี้ของ PH น่าจะแพงที่สุดในปารีสแล้วนะครับ คือถ้าซื้อน้อยกว่าสี่ชิ้น ชิ้นละ 1.95 ยูโร แต่ถ้ามากกว่านั้นคิดตามน้ำหนัก ซึ่งเฉลี่ยออกมาจะอยู่ราวๆชิ้นละ 1.6-1.7 ยูโรครับ แพงกว่า Laduree นิดหน่อย ส่วนรสชาติที่ให้เลือกจะน้อยกว่า Laduree ครับน่าจะอยู่ราวๆ 8-12 รส ยิ่งช่วง Autumn-Winter จะน้อยหน่อย และสีของมาการงจะดูไม่ค่อยจัดจ้านสดใสเท่าช่วง spring-summer ครับ รูปนี้คือรส Metisse (เมทิสเซ่) หนึ่งในรส seasonal flavor ของ Pierre Herme เป็นส่วนประกอบของ ส้ม แครอท และอบเชยครับ กินแล้วรู้สึกก้ำกึ่งไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือไม่อร่อยดี -__- แต่สังเกตดีๆจะเห็นว่า ไส้ของ PH จะเยอะกว่า Laduree มากจริงๆครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:22:19

ความคิดเห็นที่ 19 โอย...โพสท์จนเหนื่อยแล้วครับ ... ตอนแรกไม่นึกเหมือนกันว่าจะยาวขนาดนี้ นี่ยังมีต่ออีกเยอะมากกกกกกกกกก ถ้าอย่างนั้น ผมขอแบ่งครึ่งกระทู้ macaron เป็นสองตอนดีกว่าครับ ...สำหรับตอนแรกพอเท่านี้ก่อน แล้วอาทิตย์หน้ากลับมาเจอกันอีกรอบกับพาร์ทสอง ที่จะเน้นไปที่เรื่องการตลาด ลูกเล่น และแพคเกจ ที่สองยักษ์ใหญ่แห่งวงการมาการงในปารีสขนกันมาดูดเงินพวกเรา รับรองว่าสนุกกว่าครึ่งแรกนี้แน่นอนครับ :) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:25:23

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบสีสีนของมาการองที่สุดดดด จากคุณ : YuY-iPzZO เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:33:06

ความคิดเห็นที่ 21 ขอเข้ามาเก็บความรู้ด้วยคนนะครับ จากคุณ : vsjmu เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 23:33:53

ความคิดเห็นที่ 22 จำได้ว่าเคยกินมาการงครั้งแรกของ le notre แล้วมันหวานมากกก กินต่อไม่ไหวเลยทีเดียว จากนั้นก็ฝังใจ ไม่เคยคิดจะกินอีก พอมาอ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกอยากกินขึ้นมาเลยค่ะ ที่ไทยจะหามาการงอร่อยๆได้มั้ยน้า จากคุณ : kaminimo เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 00:06:08

ความคิดเห็นที่ 23 มารรอชมค่ะ เมื่อก่อนไม่ชอบกินเลยค่ะ แต่ทำบ่อยๆ เลยชอบขึ้นเรื่อยๆ หลังๆทำกินกับชาอร่อยดีแท้ จากคุณ : asita เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 00:10:25

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ จากคุณ : WeZoaX เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 00:12:08

ความคิดเห็นที่ 25 มาทันถ่ายสดด้วยครับ. ได้รู้ข้อมูลเพียบเลย ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : mangkhud เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 00:28:15

ความคิดเห็นที่ 26 ชอบค่ะ เขียนเนื้อหาได้น่าอ่านน่าติดตามต่อจังเลยค่ะ อ่านภาพดูภาพไปแบบเพลิน ๆ เขียนอีกจะตามอ่านอีกค่ะ... แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 55 01:37:27 จากคุณ : pumorg เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 01:35:39

ความคิดเห็นที่ 27 ของชอบ>.<!!! ขอบคุณจขกท.กระทู้มากๆเลยค่ะ เราเองก็เข้าใจผิดเรื่องชื่อเหมือนกัน ตอนนี้เกทอิทค่ะ^^ จากคุณ : secretapin เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 02:14:38

ความคิดเห็นที่ 28 วันนี้ไปซื้อมาที่ Ludaree สาขาChamps Élysées ร้านยังปิดซ่อมแซมอยู่ แต่เค้าเปิดเป็นร้านชั่วคราวเล็กอยู่หน้าร้านเดิมนะค่ะ สามารถซื้อกลับบ้านได้ตามปกติ สนนราคาชิ้นละ 1.6ยูโร คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 65บาท!!! อยู่เมืองไทยไม่กล้าซื้อนะเนี่ยราคานี้ T-T จากคุณ : NamNoy เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 02:23:13

ความคิดเห็นที่ 29 Lacerise @ Siam Paragon ค่ะ ตระกูลช๊อคโกแลตอร่อยค่ะ แต่พวกเบอรี่จะเปรี้ยวมาก ใครชอบเปรี้ยวๆก็เหมาะค่ะ ^^ จากคุณ : เจ้ามังคุดน้อย เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:00:04

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านไป หิวไป ฮ่าๆ ขอบคุณที่นำข้อมูลน่าสนใจ มาแบ่งปันนะคะ จากคุณ : ก๊กไก่ ([C]ookielicious) เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 03:48:53

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านไป หิวไป แดดออกวันไหน ลองอบบ้างดีกว่า อยากลองมานานแล้ว แต่ยังหาคนทานไม่ได้เลยค่ะ จากคุณ : Annachen เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:02:34

ความคิดเห็นที่ 32 อ่านได้ความรู้ และเขียนได้น่าติดตามมากค่ะ  อ่านไม่เบื่อเลย จากคุณ : Imperio เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:09:58

ความคิดเห็นที่ 33 ยังไม่เคยลองทานของทั้งสองที่เลยค่ะ เคยกินแต่ของสวิส ขอแก้ชื่อหน่อยนะค่ะ ร้านที่สวิสชื่อร้าน Sprüngli คนสวิสเค้าเรียกขนมนี้ว่า Luxemburgerli ค่ะ จะรอตอนต่อไปนะค่ะ จากคุณ : bear hunt เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 04:19:30

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านไปก็อยากไป ทั้งที่เจ้ามาการงนี่หวานได้ใจแถมบางร้านหวานชนิดแสบไส้ แต่นานๆทานทีก็อร่อยดีค่ะ แต่ตอนนี้ก็ยังหาร้านที่อร่อยถูกใจไม่ได้ซักที ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันค่ะ ^^ จากคุณ : ran.takarai เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 08:26:29

ความคิดเห็นที่ 35 เพิ่งฝันถึง มาการง มาเมื่อคืนก่อน เมื่อวานนี้เลยไปซื้อมากิน อันนี้ของ Coffee Bean by Dao ค่ะ เราไม่รู้เหมือนกันว่ารส original เป็นยังไง แต่เท่าที่กินมาทั้งหมด (ไม่กี่แบรน) เราชอบยี่ห้อนี้ที่สุด เพราะว่ารสไม่หวานจัด กลมกล่อม ในรูปเป็นรสผลไม้ค่ะ ชอบอันสีน้ำตาล รสกล้วยชอกโกแลต ^^ จากคุณ : มูมู่น้อยคอยรัก เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 08:32:38

ความคิดเห็นที่ 37 รูปไม่ขึ้น เอาใหม่ จากคุณ : มูมู่น้อยคอยรัก เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 08:34:56

ความคิดเห็นที่ 38 อยากมีโอกาสได้ชิมของแท้ที่ฝรั่งเศสเหมือนกันค่ะ คนส่วนใหญ่อ่าน มาการอง บางคนอ่าน มาการูน ตามคนอเมริกัน/อังกฤษ ส่วนบุ๊งอ่าน มากาฮอง   แต่คนเรียนภาษาฝรั่งเศสบอกว่าให้อ่าน มากาคง แต่เสียง ค อยู่ในคอ กลายเป็นมากาฮง มีหลากหลายมากค่ะ จากคุณ : Close To Heaven เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 08:43:48

ความคิดเห็นที่ 39 มาการง เป็นขนมที่ผู้หญิงจทุกประเภทเห็นแล้วกรี๊ดสสส เป็นขนมที่นักทำขนมทั้งมือใหม่ทั้งหลายใส่ไว้ในรายการ ขนมที่จะต้องลองทำให้ได้ เป็นขนมที่นักชิมปรารถนาที่ได้ชิมสุดยอดของมาการงสักครั้งในชีวิต และเป็นขนมที่นักช็อปปรารถนาที่จะไปเห็น ได้เลือกไปเยือนและซื้อหาในสวนดอกไม้มาการง จริงๆ ค่ะ หากได้ไปฝรั่งเศสอีกครั้งคงได้เจอกันแน่มาดมัวแซล มาการง ส่วนเราเคยลองทำมาแล้ว ๑ ครั้ง พอได้แต่ยังไม่สวยแบบที่ตั้งใจ เคยชิมแล้วพอได้แต่ไม่โปรดเนื่องจากความหวานแหลม เราเคยลดสูตรใส่น้ำตาลน้อย แต่คนทำขนมจะรู้ว่ามาการงทำให้หวานน้อยไม่ได้เพราะอบแล้วจะไม่กรอบ ไม่สวย ไม่อยู่ทรงเพราะน้ำตาลมันจะไม่เข้าไปตรึงอัลมอนด์ เราถึงได้เห็นหลายไส้จะใช้เบอร์รี่หรือผลไม้รสเปรี้ยวมาทำกานาซ ตัดรสไม่ให้หวานแหลมเกินไป สำหรับเรามาการงเป็นมากกว่าขนม เสน่ห์ของมาการงไม่ได้อยู่ที่รสชาติ แต่หรูหรา สวยงาม และน่าปรารถนา ชอบกระทู้ของคุณ Le Vivier มากที่สุดตั้งแต่เป็นสมาชิกห้องครัวมาเลยค่ะ อ่านแบบกลั้นหายใจนั่งหลังตรงเลยทีเดียว ติดตามมาตั้งแต่กระทู้แรก และจะติดตามต่อๆ ไป ขอบคุณมากค่ะที่เขียนข้อความดีๆ เราคิดว่า จขกท. ต้องเหนื่อยและใช้เวลามากทีเดียวจึงเขียนได้ดีและน่าสนใจอย่างนี้ จากคุณ : expat เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 08:48:26

ความคิดเห็นที่ 40   ขอบคุณมากครับ  จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 08:51:11

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 10:02:46

ความคิดเห็นที่ 42 น่าทานจังเลย จากคุณ : Us-Sama Iland เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 10:46:49

ความคิดเห็นที่ 43 ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย คนเข้าใจผิดเยอะมาก ผมยังเรียกไม่ถูกเลย ขอบคุณนะครับ จากคุณ : somsaktee เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 11:08:42

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับความรู้ดีๆ จะติดตามตอนต่อไปนะคะ จากคุณ : NokJbz เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 11:15:52

ความคิดเห็นที่ 45 มาการองเป็นอะไรที่คล้ายช้อกโกแลต  ที่ผู้หญิงจะกรี้ดกร้าดกับหน้าตาของมัน มากกว่ารสชาติจริงๆ แบบว่าอร่อยตั้งแต่แรกเห็น  555 จากคุณ : fm@co เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 12:31:41

ความคิดเห็นที่ 46 ชอบมากาฮองมากค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ จากคุณ : คะน้า (KaNa-IRC) เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 12:37:05

ความคิดเห็นที่ 47 สองยักษ์ใหญ่ของวงการนึกได้ถึง 2 ร้านนี้จริงๆค่ะ แต่จขกท.เก่งมากๆที่(อดทน)วิเคราะห์ความแตกต่างของ 2 ร้านนี้ได้ เพราะเราคงอดใจไม่ไหว กินหมดไปเสียก่อน ^^ ส่วนตัวชอบ PH มากกว่านิดนึงเหมือนกันค่ะ บอกไม่ถูกว่าทำไมรู้แต่ว่ามันละมุนเหลือเกิน คิดแล้วก้ออยากกินอีกจริงๆนะเนี่ย :) จากคุณ : น้องเสือน้อย เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 15:22:51

ความคิดเห็นที่ 48 โอ้ววว แสดงว่า Pierre herme สาขา AOYAMA ที่เราไปนั่งละเลียด เป็นสาขาเดียวที่มีขนมแบบAssiette de Degustation แต่ตอนเราไปไม่เจอcombinationแบบIspahan อ่ะค่ะ เลยไม่ได้ลอง จากคุณ : vodca เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 18:19:13

ความคิดเห็นที่ 49 ชอบมากครับกระทู้นี้ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : JO-Kung เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 18:29:14

ความคิดเห็นที่ 50 เคยทายของโรงแรม Swissotel nai lert park ชิ้นละ 45 บาทชิ้นใหญ่ ซื้อมากล่องนึง 9 ชิ้น 435 บาท ประมาณนี้ พิตาชิโอกับวนิลาอร่อยดี แต่เท่าที่เดินชิมๆงานเทศการ Macaron Fest ที Emporium ก็หวานจี๊ดจ๊าดบาดคอทุกร้าน จากคุณ : sueki เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 19:18:32

ความคิดเห็นที่ 51 อยากไปปารีสอีกรอบเลย จากคุณ : ladynula เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 20:34:34

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณมากครับ อ่านสนุก น่าติดตามมากครับ จากคุณ : Knight เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 20:55:25

ความคิดเห็นที่ 53 เคยไปกินมากาคฮอง ที่สปึงลี่ เมืองซูริค อร่อยมากจริงๆ เป็นแบบฉบับเฉพาะ ไม่เหมือนมากาคฮองของประเทศอื่นๆเลย --- อยากให้คนประเทศอื่นมาชื่นชม ถวิลหา ชาบูๆอูรา กับช่อม่วง ฝอยทอง กลีบลำดวน ฯลฯ ของบ้านเราแบบนี้มั่งจัง จากคุณ : tanakeme เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 21:37:59

ความคิดเห็นที่ 54 อยากรู้ว่าขนาดของ macaron ในประเทศต้นตำรับมันใหญ่ประมาณไหน เพราะในเมืองไทยเท่าที่เห็นมา มันดูจะเล็กลงๆๆๆๆๆๆๆเรื่อย จะเท่าเหรียญสิบแล้ว - -" จากคุณ : A Boy From The Moon เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 21:59:38

ความคิดเห็นที่ 55 #33 คุณ bear hunt ขอบคุณครับที่ช่วยมาแก้ชื่อร้านให้ ผมได้ขนมจากร้านนี้มาครั้งแรก บนกล่องมีแต่คำว่า Luxemburgerli บนกล่อง ผมเลยเข้าใจว่ามันคือชื่อร้านครับ ไม่นึกมาก่อนว่าภาษาสวิสมีชื่อเรียก Macaron เป็นของตัวเองด้วย -__-'' #48 คุณ Vodca Assiette de Degustation ของสาขาโตเกียวมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ละเดือนน่ะครับ ชุดของ Ispahan ก็น่าจะมีขายเฉพาะแค่ช่วงที่มีเทศกาล Fetish ของ Ispahan Festival เท่านั้น บางช่วงก็เป็น infiniment vanille บางช่วงก็เป็นช็อคโกแลต หมุนเวียนกันไปครับ ผมว่า PH สาขาโตเกียวมีอะไรแปลกๆใหม่ๆ ที่สาขาปารีสไม่มีเยอะเลยนะครับ อย่าง ispahan festival ของสาขาปารีสปีที่แล้ว ยังไม่มี macaron รส ispahan ขายเลยครับ แถมมีแต่ขนมขนาดปกติราคาเต็มๆ กว่าจะไล่กินครบทุกชิ้น ต้องเทียวเข้าเทียวออกหลายรอบ หมดไปเกือบ 50 ยูโร -___-'' #53 คุณ tanakeme สงสัยผมจะชินกับมาการงแบบฉบับฝรั่งเศส ผมกินของร้านที่ซูริคแล้วผมไม่ชอบเลย ผมว่า texture มันไม่ดีเท่าน่ะครับ ครั้งเดียวเลยเลิกเลย แต่อันนี้ก็ลิ้นใครลิ้นมันเนอะ ผมเองก็อยากให้ขนมไทยดังแบบที่มาการงทำได้บ้าง แต่ขนมไทยเองก็ไม่ค่อยมีวิวัฒนาการมาตั้งนาน เหมือนโดนแช่แข็งมาเป็นสิบปี ถ้ามีคนเก่งๆ กล้าเอามาประยุกต์ดัดแปลงทั้งในแง่วัตถุดิบและเทคนิคการทำ แล้วคนไทยทั้งผู้บริโภคและภาครัฐสนับสนุนเต็มที่ ผมว่าขนมไทยเกิดในตลาดโลกได้ไม่ยากครับ ดูอย่างลูกชุบ ทองเอก จ่ามงกุฎ ไอ้พวกเพื่อนฝรั่งเศสนี่แหละเวลามันมาเที่ยวเมืองไทย มันก็กรี๊ดกร๊าด บอกว่าสวย น่ารัก ไม่ต่างจากที่เรากรี๊ดกร๊าดมาการงของเค้าหรอกครับ :) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 22:15:43

ความคิดเห็นที่ 56 #54 คุณ A Boy From The Moon ขนาดมาตรฐานตามสูตรของ Pierre Herme คือเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 นิ้ว หรือ 3.5 เซนติเมตรครับ ส่วนของ Laduree ก็ใกล้เคียงกันครับ แต่บางทีเราจะได้เห็นมาการงไซส์จัมโบ้ขายด้วยนะครับ เท่าที่เห็นก็มีของร้าน Pierre Herme และ Paul ที่ทำขายขนาด 7 เซนติเมตรครับ ซึ่งส่วนใหญ่ขนาดจัมโบ้จะทำแค่รสเบสิก จะไม่ค่อยมีพวก seasonal flavor เท่าไรครับ ส่วนตัวผมคิดว่ากิน bite size แบบปกติมันอร่อยกว่านะ เพราะมันได้สัดส่วนของเมอแรงก์ กับไส้ที่สมดุลกว่า ผมเองก็ไม่เคยลองขนาดจัมโบ้เหมือนกัน เพราะซื้อทีนึงก็อยากกินหลายๆรส เห็นด้วยนะครับ ที่มาการงบ้านเรายิ่งทำยิ่งเล็กลงทุกวัน เข้าใจว่าต้นทุนแพงมั้งครับ เลยต้องลดขนาดหน่อย แต่บางร้านผมเห็นชิ้นจิ๋วเดียว ขายตั้ง 35-40 บาท ผมว่าถ้าเทียบด้วยน้ำหนักนี่ถือว่าแพงพอๆกับ Laduree แล้วนะ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 22:26:50

ความคิดเห็นที่ 57 ยอมรับเลยว่า จิตใจไม่เข้มแข็งกับการอ่ารเลย เพราะว่ามันน่ากินมากเลยอ่ะ จากคุณ : Gigolina เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 22:38:14

ความคิดเห็นที่ 58 มาแจมภาพมากาฮองจากเชฟปิแอร์ค่ะ ส่วนตัวชอบของเชฟปิแอร์มากกว่าลาดูเร่นะคะ  มันกลมกล่อมกว่า จากคุณ : sastress เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 23:03:02

ความคิดเห็นที่ 59 หน้าร้านค่ะ  คนทะลักออกมา น่าจะเพราะมันแคบ และไม่มีที่ให้นั่งทาน กิๆ จากคุณ : sastress เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 23:04:48

ความคิดเห็นที่ 60 ซื้อ ลาดูเล่ ที่airport กลับมาเป็นขนมที่ต้องละเลียดกินจริงๆ ราคาแพงสำหรับคนไทย รุ่นน้องกับญาติกินแล้ว ผมบอกราคาถึงกับอึ้ง ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยคุ้นปากและราคากับขนมนี้ จากคุณ : tan_www เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 23:22:16

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ เราก็ตามกินมาการง ตามประเทศต่างๆ เหมือนกัน แต่ในไทยเวลาซื้อถ้าบอกว่า มาการง มาการอง มากาฮง อะไรเหล่านี้ คนขายจะมองหน้า แล้วเหมือนจะไม่เข้าใจ บางทีก็ถามกลับว่า จะรับมาการูนเหรอคะ สุดท้ายถ้าซื้อในไทย เราก็เรียกมาการูนให้สิ้นเรื่องไป จากคุณ : ++nadda++ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 23:39:51

ความคิดเห็นที่ 62 โอยย เห็นแล้วอยากกินนน จากคุณ : nowan เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 55 23:54:43

ความคิดเห็นที่ 63 อยากรบกวนถาม จขกท. สำหรับ macaron ในไทย ยกให้เจ้าไหนเด็ดสุดครับ จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 00:03:42

ความคิดเห็นที่ 64 ชอบมากเลย รออ่านต่อ อ่านแล้วอยากไปปารีสอ่ะ จากคุณ : vertical limit เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 00:35:10

ความคิดเห็นที่ 65 เคยชิมของ Mc แล้วค่ะที่ปารีส รสชาติใช้ได้เลยนะ ราคาถูกด้วย ดีกว่าเจ้าแพงๆบางเจ้าในเมืองไทยเยอะเลย แต่ก็อย่างว่าแหละเนาะ ประเทศเค้ามันต้นตำรับ จากคุณ : RainyRain เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 02:19:44

ความคิดเห็นที่ 66 เป็นขนมที่ชอบที่สุดเลยอ่ะ จากคุณ : แสนดีคนในพื้นที่ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 09:13:30

ความคิดเห็นที่ 67 เคยเห็นคำว่าmacaroon ในเวปของ ladureeเมื่อหลายปีก่อน และมีพิมพ์ในหนังสือของ laduree ด้วย ไม่แน่ใจว่าเล่ม laduree the sweet recipes รึป่าว ส่วนนึงที่คนไทยออกเสียงว่า "มาการูน" เราว่าเป็นเพราะเชฟฝรั่งเศสที่มาทำงานที่เมืองไทยใช้คำนี้ ตัวเราเองได้ยินเชฟหลายๆท่าน [ เราก็เข้าใจไปเอง ว่าท่านคงอยากพูดให้เป็นอเมริกัน จะว่าพูดเป็นอังกฤษคงไม่ใช่ เพราะคนฝรั่งเศสชอบว่าคนอังกฤษ ไม่รสนิยมในการกิน ไอ้ "Roast Beef" คงไม่คิดเลียนสำเนียงอังกฤษ แหะๆ ] เพื่อนเราคนฝรั่งเศสเป็น pastry chef อยู่โรงแรมที่ฝรั่งเศส มันก็พูดกะเราว่า " มาการูน " [ มันคงเบื่อมากาฮครง ] ส่วนตัวเราเอง เรียกมาการูนบ้าง มาการงบ้าง ตามแต่สถานะการณ์ อยู่อังกฤษก็เรียกมาการูน เพราะคนที่บ้าน คนขายร้านดังในลอนดอนเองก็เรียก มาการูน มาเมืองไทยคุยๆกะเพื่อนทำขนมก็เป็น มาการง มากาฮงบ้างเป็นครั้งคราว จนรู้สึกว่าเหนื่อยอ่ะ ตอนหลังอยากจะพูดคำไหนก็พูด อร่อยลิ้น สบายปากพูดดีกว่า ตราบใดที่คนสวิสยังมี Luxemburgerl คนอังกฤษคนอเมริกันยังเรียกว่า มาการูน คนไทยยังเรียก France ว่า ฝรั่งเศส   และร้านดังยังพิมพ์คำว่า macaroons ลงตำราเค้า เราบอกเพื่อนที่ถามตลอด อยากออกเสียงอย่างไรก็พูดไปเถอะ อย่าได้แคร์ * แก้ไข พันทิปพิมพ์อะซองไม่ได้ ขึ้นเป็นภาษาต่างด้าว แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 10:30:19 จากคุณ : papilan เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 10:26:41

ความคิดเห็นที่ 68 ชอบความพยายามในการเขียนของ คห 53 มากเลยค่ะ ทั้ง macaron และ sprungli มันเขียนเสียงภาษาไทยได้ไม่เหมือนนี่เนอะ XD เราไม่ได้เรียนภาษาฝรั่งเศสค่ะ แต่ดูจากเพื่อนที่เรียน ต้องบอกว่า เสียงตัว r ฝรั่งเศส ให้เรา "ขากไปพร้อมๆกับออกเสียง ร" จะใกล้เคียงที่สุด XDDDD เห็นหลายครั้งแล้วเหมือนกันที่คนไทย แม้แต่กระทั่งห้างร้าน เอา macaron กับ macaroon ไปปนกันหมด โดยส่วนตัว macaron เป็นขนมที่สวยงาม น่ารัก น่าถวิลหามาก แต่ที่เคยทานมาในไทย ไม่ชอบสักร้านเลยค่ะ ^^" เคยทานร้าน macaron ชั้นบนๆของพารากอน เราว่าร้านนั้นโอเคสุดที่เคยทานมาก คือไม่หวานเวอร์ แต่จะว่าไป... ยังไม่เคยทานของ le notre เลยแหะ เห็นคุณ จขกท ลงขนมงามๆของฝากกะนู้นนนน แล้ว อยากบินไปชิมบ้างจัง แต่ไม่มีตังค์ TT-TT... ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆนะคะ~ จากคุณ : wassery_harp เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 10:56:39

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะ อ่านเพลินมากๆ สำหรับคำว่า มาร์กาฮง นั้น ออกเสียงแบบฝรั่งเศสตามในคลิปนี้ใช่มั้ยคะ ช่วงวินาทีที่ 11-12 ไหนๆก็ชอบทานขนมของเค้าแล้ว ก็เลยอยากออกเสียงให้ถูกน่ะค่ะ ^^ จากคุณ : Nokazar เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 11:31:33

ความคิดเห็นที่ 70 #63 คุณ Tamจัง ถ้าจะให้พูดถึงร้านที่เมืองไทย ใครๆก็คงหาว่าผมเป็นคนเรื่องมาก ปากสูง แหงๆเลยครับ เพราะผมเริ่มจากการกินของต้นตำรับมาหลายปี ก่อนจะมาลองกินของร้านในเมืองไทยช่วงปีสองปีนี้ มาตรฐานของผมก็เลยสูงตามไปด้วย คือนอกจากหน้าตาแล้วก็วัดที่รสชาติ และ texture ของขนมด้วย มาการงเป็นขนมที่บางร้านทำได้หน้าตาดี แต่ไม่ได้การันตีว่ามันจะอร่อยตามหน้าตาเลยครับ (แต่หน้าตาแย่ รสชาติแย่แน่ๆ) เท่าที่ผมลองมา ยังไม่มีร้านไหนที่ผมชอบเป็นพิเศษเลยนะ ของบางร้านที่ในห้องนี้พูดถึงบ่อยๆ ผมลองไปกินแล้วก็รู้สึกว่ามัน overrated และ overpriced ไปหน่อย (บางร้านก็เกินไปเยอะ) แต่ก็เข้าใจได้ว่าคนเราลิ้นต่างกัน มาตรฐานต่างกัน และในฝั่งคนทำ วัตถุดิบมันก็ต่างกัน และยังมีสิ่งแวดล้อมอย่างเรื่องความชื้นในบ้านเราที่สูงกว่าที่ฝรั่งเศส ซึ่งที่มีผลต่อ texture ของขนม แต่ก็ไม่ได้บอกว่าของไทยแย่ไปทุกอย่างหรอกนะครับ จะมีแค่บางรสของบางร้านที่ถูกใจผมเป็นพิเศษ อย่างเช่น - ร้าน Masatomi Patisserie ที่หลังสวน ผมชอบรส Samui มาก รสชาติออกไปทางมะพร้าวๆหน่อย ชิ้นนี้ผมชอบมากกว่า noix de coco ของ Laduree ซะอีก - ร้าน La Cerise ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ยังไม่บูม มีหลายรสทำตามของ PH มาแบบเป๊ะๆ ผมว่ารส pistachio ร้านนี้ก็ใช้ได้ครับ ส่วนร้านที่ปารีส ร้านไหนเด่นรสไหน เดี๋ยวตอนหน้าผมจะมาบอกครับ (จดก่อนนะ ตอนแรกไม่คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 14:22:32

ความคิดเห็นที่ 71 ที่บ้านชอบกินมากเลยคะ ทำกินกันประจำ ลดหวานลงมาหน่อยก็อร่อยแบบที่ชอบ ทำง่าย ไม่นานก็ได้กิน สามีคนฝรั่งเศส เขาเรียกว่า มากาโฮร่ง โฮร่งนี่ต้องสั้น ๆ ปากห่อ ๆ ร.เรือ ต้องกระดกรัวจากลำคอไม่ใช่ปลายลิ้น เรานี่โดนบ่นประจำเลย พูดร.เรือกระดกลิ้น ไม่ออกจากลำคอ จากคุณ : เด็กหลังส้วม เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 16:18:44

ความคิดเห็นที่ 72 ขอแจมภาพ มากาฮง ด้วยคนค่ อันนี้จากร้านปิแอร์ค่ะ อร่อยม๊ากมาย จากคุณ : I forgive ,just not forget เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 01:14:30

ความคิดเห็นที่ 73 ชิ้นนี้เป็น rose หอมมากมาย ขอโทษนะรูปใหญ่ไปนิด จากคุณ : I forgive ,just not forget เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 01:16:20

ความคิดเห็นที่ 74 เพิ่งไปลองladureeที่สวิสมาค่ะ สนนราคาชิ้นละ2.40ฟรัง ตกแล้วประมาณชิ้นละ80บาทค่ะ ลองดูแล้วรสชาติไม่ค่อยประทับใจเหมือนกัน ชอบของcaneleมากกว่า แต่ของปิแอร์ยังไม่เคยลองค่ะ จากคุณ : fahimmel เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 02:52:02

ความคิดเห็นที่ 75 ชอบPH มากกว่า Laduree ค่ะ ตอนไปปารีสชิมหลายร้านอยู่ทีอร่อยกว่าแถวๆบ้านเราน่ะ พอดีมีคนรู้ช่วยเช็คโพยไปก่อนน่ะ เมื่อหยุดสงกรานต์ได้ชิมที่โรงแรม Hyatte ที่New York ก็ใช้ได้ค่ะ จำราคาไม่ได้ เขาแพคกล่องขายใต้โรงแรม ซื้อตุนไว้ทานตอนหิว เดินทางไฟลท์ยาวเจอปัญหาเรื่องเวลาก็ช่วยได้ดี จากคุณ : MAE FAI เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 10:32:38

ความคิดเห็นที่ 76 ถ้าเรารวบรวมรายชื่อผู้บริโภคที่ต้องการให้ Mc Cafe ของไทยนำมาการงสูตรเดียวกับที่ฝรั่งเศสมาขายในราคาที่คนไทยซื้อทานได้อย่างสบายใจ จะพอเป็นไปได้ไหมครับ? จากคุณ : macenjoy เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 11:39:55

ความคิดเห็นที่ 77 กินมาการงครั้งแรกจากร้าน w by หวานละมุนอะค่ะ เพราะอยู่ใกล้ร้าน รู้สึกว่าแพงจัง เพราะชิ้นละสามสิบบาทแน่ะ สองคำหมด คนปากกว้างก็คำเดียวหมดค่ะ กินแล้วก็ทายกะคุณแฟนว่า สีนี้รสอะไร บางสีก็ทายไม่ถูกค่ะ ตอนแรกที่เห็นก็คือ เนี่ยเหรอ ขนมที่มีแต่คนพูดถึง กินแล้วก็เฉยๆ ค่ะ สงสัยลิ้นไม่ถึง แต่บางรสก็อร่อยนะ อร่อยแบบแปลกๆ จากคุณ : หน้าแง๊ว~* เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 16:53:56

ความคิดเห็นที่ 78 มีแต่แฟนๆ PH แฮะ มาขอยกมือถ่วงดุลค่า เป็นแฟน Laduree ค่ะ แฮะๆ ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่า macaron นี่ถ้าซื้อแล้วทานเลย ของ L อร่อยดีสุดค่ะ ชอบ texture ที่นุ่มนิดๆเบาหน่อยๆกรอบนิดนึง ประมาณนี้ ส่วนของ PH ถ้าซื้อแล้วทานเลย ส่วนตัวรู้สึกว่ามันนิ่มเกินไปน่ะค่ะ ยิ่งถ้าช่วงไหนอากาศร้อนหน่อยนี่..เละไวมากๆๆ (นี่คือซื้อใส่กล่องนะคะ ถ้าใส่ถุงแบบซื้อแยกๆนี่ ถ้าขึ้นเมโทรหรือรถเมล ถึงบ้านก็แยกร่างแย้ว T_T) แต่ในทางกลับกัน ถ้าซื้อเผื่อนำเป็นของฝาก เราว่า PH อยู่ทนและผ่านไปหลายวันจะอร่อยกว่าค่ะ ของ L นี่จะแห้งไปยันแข็งค่อนข้างไว (วัดจากการเก็บในอุณหภูมิห้อง - ห้องที่ฝ.นะคะ ไม่ใช่ห้อง 33 องศาแบบไทย 555) เข้าสักวันที่ 3 นี่ shell จะแห้งแข็งไม่อร่อยแล้วค่ะ ต้องทานในวันสองวันแรกที่ซื้อดีที่สุด แต่ของ PH เนี่ย วันแรกๆจะนุ่มๆ(ซึ่งเราไม่ชอบ) แต่ผ่านไปสามวันนี่กำลังอร่อยเลยค่ะ เนื้อสัมผัสผิวๆจะมีความกรอบแข็งขึ้นมา แต่ข้างในจะยังไม่ทันแข็งโป๊ก ทั้งหมดทั้งมวล เราว่าmacaronนี่แล้วแต่คนแล้วแต่รสนิยมจริงๆค่ะว่าชอบแบบไหน ส่วนของ Mc เคยทานค่ะ เราว่ามันไม่อร่อยอย่างแรง ของ Paul ยังดีกว่า(นิดนึง)เลยค่ะ ^ ^;; ส่วนพวกรสตามฤดูกาล ช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนนี่ L กับ PH ออกรสแปลกๆมาให้ชิมได้สนุกเรื่อย ส่วนตัวแล้วเดือนพ.ค.ของทุกปีต้องรอทานรส muguet (Lily of the valley) ของ Laduree ค่ะ ช่วง มี.ค. ที่ผ่านมา รส guimauve amende (มาชเมลโล่อัลมอนด์) ก็อร่อยดี หอมอวลๆในเพดานปาก แต่อาจจะเพราะส่วนตัวค่อนข้างชอบรสที่เน้นกลิ่นๆด้วยน่ะค่ะ (รสประจำคือ rose petal กับ orange blossom - ว่าด้วยเรื่องรสกุหลาบที่เราชอบมากๆๆๆๆๆ ตอนสักเดือนตุลาปี 09 จู่ๆ Laduree เลิกทำรสกุหลาบไปช่วงนึง ถามพนักงานก็บอกว่าไม่ทราบว่าจะเริ่มทำอีกเมื่อไหร่ เรายืนร้องไห้กลางร้านเลยค่ะ (เว่อร์เนอะ วันนั้นเครียดมากกกกับการเรียนคิดว่าจะหาขนมทานแก้เครียด ดันมาเลิกทำรสโปรด ช็อกสุดๆ 555) แต่โชคดีที่ไม่นานก็กลับมาทำต่อ) ส่วนของ PH นี่ทุกปีจะมีช่วงที่ผลิตรสมะลิ jasmin ออกมาขายด้วย (ช่วงหน้าหนาวจะไม่มี) เป็นรสที่อร่อยม้าากมาก เน้นหอมๆเหมือนกัน shellเป็นสีขาวอมเขียวอ่อนนิดนึงผิวเป็นสีเหลือบๆสวยเชียวค่ะ (ถ้าพูดแบบสาวห้องแป้งต้องบอกว่าเนื้อสีเหมือน blush-on เลยค่ะ) ส่วนรสในฤดูหนาวหรือช่วงคริสต์มาสของ PH เนี่ย สารภาพว่าไม่ชอบ เอ๊ย เข้าไม่ถึงเลยค่ะ โดยเฉพาะพวกรสออกหวานเค็ม (ฝรั่งเศสเรียกว่ารสแบบ sucre-salé น่ะค่ะ) พวกรส foie-gras truffe อะไรแบบนี้ อยู่ในอาหารก็อร่อยนะคะ แต่อยู่เป็นไส้ macaron แล้วเราว่ามันพิลึกมากเลย แต่อันนี้แล้วแต่รสนิยมอีกล่ะค่ะ ถ้ามีโอกาสก็ลองชิมดูนะคะ 555 ส่วนร้านอื่นๆที่ขาย macaron เป็นเรื่องเป็นราวแต่ดังน้อยลงมาหน่อยก็มีนะคะ - Fauchon (มีรส bubblegum rose เก๋ดีค่ะ แต่ไม่ได้ทานนานแล้ว ไม่แน่ใจว่ายังทำรสนี้อยู่หรือเปล่า) - Gerard Moulot (ส่วนตัวไม่ชอบยี่ห้อนี้เลยสักอย่าง เพราะshellมันกระด้างมาก แต่เห็นร้านนี้ฮิตในหมู่ชาวฝรั่งเศสดีนะคะ) - Sadaharu Aoki (ดังเรื่องรสแนวญี่ปุ่นๆ ชาเขียวmatcha bancha yuzu ฯลฯ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยปลื้มค่ะ ชอบของร้าน Toraya มากกว่า) - Dalloyau (ร้านนี้มีหน้าร้านตรง Lafayette gourmet สาขา Hausmann รสชาติใช้ได้ค่ะ ช่วงใบไม้ผลิกับหน้าร้อนจะมีรสเมลอน อร่อยดี) - Carette (ร้านนี้คงยังไม่ดังกระหึ่มระดับอินเตอร์เหมือนร้านอื่นๆ แต่ส่วนตัวเราว่า macaron ร้านนี้ใช้ได้เลยค่ะ พวก petit-four ก็อร่อยดี ถ้าใครไปถ่ายรูปกับหอไอเฟลตรง trocadero พอดี แนะนำให้ลองชิมขนมร้านนี้ดูค่ะ) - Arnaud Larher (ร้านนี้ก็โอเค macaronพอใช้ได้ค่ะ แต่มันไม่ค่อยมีร้านในย่านท่องเที่ยวเท่าไหร่ อาจจะหายากนิดนึง) - La petit rose (ร้านนี้เป็นขนมสไตล์ฝรั่งเศส แต่พนักงานร้านเป็นคนญี่ปุ่นหมดเลยค่ะ shellจะออกแข็งหน่อยๆ) จริงๆมีอีกร้านนึงที่กรี๊ดมากในความแปลก(?) แต่ไม่แน่ใจว่าเขาทำ macaron ด้วยหรือเปล่า ชื่อร้าน Myu Myu ค่ะ เป็นร้านที่ทำขนมหวานแบบฝรั่ง แต่เป็นร้านคนจีน(ในย่านจีน แถวเขต 13 น่ะค่ะ) เลยทำรสแบบเอเซียๆ โดยมีจุดเด่นคือ รสทุเรียน ค่ะ! อ่านไม่ผิดค่ะ ทุเรียน จริงๆ ถ้าใครไม่ชอบทุเรียนคงไม่ชอบแน่นอน(แหงล่ะ) แต่ถ้าใครทานได้ อยากแนะนำให้ได้ลองกันค่ะ มันกิ๊บเก๋อร่อยอย่างแรง พวกเอแคลร์ หรือเค้กอื่นๆที่ออกเนื้อมูสๆงี้อร่อยมาก บางอย่างนี่รสเหมือนทานข้าวเหนียวทุเรียนเลยค่ะ 5555 (ที่อยู่ 17 Rue Philibert Lucot, 75013 Paris) จากคุณ : RUBIS เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 16:58:11

ความคิดเห็นที่ 79 อ่านกระทู้แล้วน้ำลายไหล มีโอกาสได้ชิมร้านที่ จขกท. นำมารีวิวร้านนึงค่ะ รสกาแฟอร่อยมาก >///< คุณปู่ คุณย่าหอบหิ้วมาให้ เพราะสะใภ้บอกอยากชิม ฮา... มันถูกอัดมากับกระเป๋าเดินทาง เละเล็กน้อย แต่รสชาติยังอร่อย  ^^ จากคุณ : tiara เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 19:07:56

ความคิดเห็นที่ 80 ขอโทษนะคะรูปใหญ่มาก >"< เครื่องนี้ไม่มีโปรแกรมลดขนาดภาพ T^T จากคุณ : tiara เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 19:10:21

ความคิดเห็นที่ 81 อ่านแล้วน่าอร่อยจังเลย เราเคยกินมาการงครั้งแรกที่เอ็มโพเรี่ยม เห็นขนมหลายสีน่ารักๆเลยซื้อมากินดู แพงพอควร ปรากฏว่าไม่อร่อยเลยค่ะ แหวะมากๆ รู้สึกเหมือนกินสบู่ กินไม่ลงจริงๆค่ะ ให้คนในบ้านกินก็ทำหน้าเบ้กันหมด แต่อ่านกระทู้นี้แล้วอยากลองหามากินอีกจัง สงสัยเราไปซื้อกินผิดที่มั้งเนี่ยT-T ฮือๆๆๆ จากคุณ : คานเหล็กกล้าทาแล็กเกอร์ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 19:42:22

ความคิดเห็นที่ 82 นึกได้อีกอย่าง... มีน้องที่รู้จักฝึกงานที่ PH น้องเขาเล่าให้ฟังว่า macaron ที่ขายไม่ได้ทำที่ร้านในปารีสค่ะ (เข้าใจว่าพวกเค้กนี่จะทำตรงร้านที่ vaugirard) แต่ทำที่เมือง Strasbourg (เมืองทางทิศตะวันออกของฝรั่งเศสในแคว้น Alsace อยู่ติดฝั่งเยอรมันน่ะค่ะ) แล้วขนมาขาย ตอนได้ยินครั้งแรกแล้วช็อกไปเลยค่ะ นึกไม่ถึงอย่างแรง 5555   (เคยคุยกับพนักงานร้าน Bailladran ที่ขายแต่ canele ได้ความว่าพวกกานาเล่นี่ก็ทำที่เมือง Bordeaux แล้วส่งมาขายในปารีสเหมือนกัน แต่กานาเล่มันดูอึด ถึก ทน กว่า macaron มากเลยอ่ะค่ะ) ตอนหลังมาคุยกับเพื่อนว่า ถ้าของขายในปารีสยังทำที่สตราสบูร์ก แบบนี้ PH สาขาที่ลอนดอนนี่จะส่งไปจากไหนเนี่ยยย จากคุณ : RUBIS เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 21:12:08

ความคิดเห็นที่ 83 #82 คุณ Rubis ใช่ครับ เคยได้ยินมาเหมือนกันวันมาการงของ PH ทำที่ Alsace (เมืองบ้านเกิดของ PH เองเลย) แต่รู้สึกว่าจะทำแค่ส่วนเมอแรงก์นะครับ แล้วใส่รถแช่ฟรีซเข้าปารีส เอามาบีบไส้ประกอบร่างกันทีหลังครับ   พวก Patisserie ผมเดาว่าทำในปารีสนี่แหละ ไม่งั้นส่งไปมาคงเละกันพอดี จริงๆมาการงของ Laduree ที่ผมต้องยอมรับว่าเป็นสุดยอดก็มีหลายรสนะครับ อย่าง Fleur d'Orange นี่ผมยังเป็นหนึ่งในมาการงที่อร่อยที่สุดในปารีสแล้ว Noix de coco หรือมะพร้าวก็อร่อยมากครับ Pistache ของ Laduree ก็เป็นอีกรส ที่ผมคิดว่าทำได้ดีกว่า Pierre Herme ครับ :) เดี๋ยวพาร์ท 2 ของตอนนี้ตั้งใจจะพูดถึงมาการงของหลายๆร้านที่คุณ Rubis พูดมาเหมือนกันครับ นอกเหนือจากร้านที่คุณ Rubis เขียนมาแล้ว ผมแนะนำอีกสองสามร้านที่ผมชอบมากนะครับ มีร้าน Pain de Sucre ที่อยู่ตรง Marais ไปทางเหนือๆหน่อย (14 Rue Rambuteau) ร้านนี้ทำเมอแรงก์ไม่ค่อยเหมือนร้านอื่น เพราะเป็นเมอแรงก์แบบอิตาเลียน จะเหนียวและเนื้อแน่นกว่าครับ เจ้าของเคยทำงานเป็น Patissier ที่ร้าน Pierre Gagnaire (สามดาวมิชลิน) แต่ตอนที่ไปกิน Pierre Gagnaire เมื่อปีที่แล้ว ของหวานก็ยังเด็ดขาดเหมือนเดิมถึงจะเปลี่ยนเชฟไปแล้ว ส่วนอีกร้านเพิ่งเปิดมาไม่นาน Un Dimanche a Paris (metro Odeon) ร้านนี้ patisserie อร่อยมาก มาการงก็ดีมากๆครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 21:37:01

ความคิดเห็นที่ 84 เอ ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่น้องเล่ามาเขาบอกว่ามาแบบเสร็จแล้ววางขายได้เลยน่ะค่ะ ไว้ถ้าเจอคุณน้องแล้วจะถามอีกครั้งนะคะ :) คุณ Le Vivier เคยไปทานที่ Pierre Gagnaire มาแล้วเหรอคะ?????? กรี๊ดดดด อิจฉามากกกกก อยากทานบ้างจัง (ได้ยินชื่อร้านแล้วลืมความอยากทาน macaron เสียสิ้นเลย 555) จากคุณ : RUBIS เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 21:47:26

ความคิดเห็นที่ 85 เคยแล้วครับ ผมนานๆทีถึงจะได้กินหรูๆแบบนี้ ให้กินบ่อยๆไม่ไหวหรอกครับ แนะนำคุณ RUBIS ลองไปทานมื้อเที่ยงสิครับ menu du marche จะไม่แพงเว่อร์มาก ประมาณ 100 ยูโร ไวน์แก้วละ 7 ยูโร sommelier แนะนำไวน์ได้ดีมากจริงๆ กินประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะเสร็จ แค่ dessert อย่างเดียวประมาณชั่วโมงกว่า ราวๆ 7-8 อย่างครับ คุ้มมากกกกกกกก กลับไปคราวนี้ก็คงไปกินที่เดิมนี่แหละครับ ผมว่าคุ้มกว่า 3 ดาวร้านอื่นพอสมควรเลย :) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 21:59:35

ความคิดเห็นที่ 86 แอบสนเมนูเที่ยงอยู่เหมือนกันค่ะ เคยอ่านรีวิวแว่บๆอยู่ จำได้ว่าคุณคนที่รีวิวบอกว่ากว่าจะออกจากร้านก็สี่โมงเย็น 555 ราคาตอนเย็นยังไงก็คงไม่หวายยค่ะ เดี๋ยวจะเกินครึ่งเดือนค่าเช่าบ้าน ต้องระเห็จไปเป็น sdf 555 ขอบคุณคุณ Le Vivier ที่พูดถึงและแนะนำนะคะ เดี๋ยวขอเก็บหอมรอมริบไปลองชิมบ้างค่ะ :D จากคุณ : RUBIS เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 22:10:35

ความคิดเห็นที่ 87 ชอบพวกเบอรี่มาก หอมๆ เปรี้ยวๆ หวานๆ ^_^ จากคุณ : แม่ขนตางอน เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 55 23:19:06

ความคิดเห็นที่ 88 ร้านตรง lafayette gourmet ใช้ได้ทีเดียวค่ะ ร้านอื่นๆนอกจาก L กับ PH ยังไม่เคยลองเลย ปิดเทอมหน้าร้อนนี้จะไปปารีสอีก จดชื่อร้านไว้ ยิกๆเลยค่ะ ขอความกรุณาบอกที่ตั้งร้านต่างๆด้วย นะคะ ปล. แหมถ้าทำติดเยอรมัน น่าจะเปิดขายตรงนั้นด้วยเลยนะคะ จะได้ไม่ต้องขับไปไกล อิอิ จากคุณ : Annachen เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 05:13:51

ความคิดเห็นที่ 89 เชียร์ให้คุณ Rubis ไปทาน pierre gagnaire อีกคนค่ะ ชุดกลางวันคุ้มจริงๆนะเอ้อ  อยู่ใกล้ๆ ล่ะก้อ เสร็จเราบ่อยๆแน่ จากคุณ : Annachen เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 05:17:12

ความคิดเห็นที่ 90 อันละ 5 บาทแล้วจะซื้อกิน จากคุณ : Vancin เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 10:04:46

ความคิดเห็นที่ 91 Yes, if you have chance, you should go to Pierre Gagnaire... His souffle is the best:D จากคุณ : Minnie the Pooh เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 13:26:22

ความคิดเห็นที่ 92 ได้ความรู้มากเลยค่ะ สงสัยมานานแล้วกับชื่อเรียกของขนมชนิดนี้ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ลองลิ้มรสสักที ส่วนตัวไม่ใช่คอขนมหวานเลย ไม่ค่อยชอบของหวานพวกนี้ แต่รู้สึกขนมชนิดนี้น่าสนใจดีค่ะ พอมาอ่านความเป็นมายิ่งน่าสนใจไปใหญ่ ^^ (แถมก่อนหน้านี้ไม่นานได้ดูหนังที่เกี่ยวกับขนมหวานอีก เลยอ่านสนุกไปเลยค่ะ) ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : dreammyoye เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 19:46:21

ความคิดเห็นที่ 93 ไม่มีปัญญาได้กินของต้นตำหรับแน่ๆๆ..ไม่มีโอกาสได่ไปเลย .. ก้อกินของไทยนี่แหละ ตาม อัตภาพ ชิ้นละ 35  อิอิ  เรากินอะไรก้ออร่อยทั้งนั้น จากคุณ : MISS~INSOLENCE เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 55 22:35:09

ความคิดเห็นที่ 94 ชอบ laduree มากกว่า ph อาจจะเพราะเป็นอันแรกที่ได้ลองชิม กรอบนอกนุ้มในทั้งคู่ ละลายในปากทั้งคู่ แต่ laduree เปลือก เนื้อหนานุ่มมากกว่า ph เบาไปอะ เปลือกละลายเร็วเกิ๊น หวานทั้งสองแบรนด์ เลยกินได้แค่ที่ละ 2-3 เม็ด ต่อครั้ง ดีต่อตังในกระเป๋า แล นน ด้วยละ ตอนนี้อยู่ญี่ปุ่น ของ henry carpenter ก็โอ แต่แอบเล็กอะ แต่ที่ไม่ชอบคือ Dalloyau เหมือนผสมแป้งหรือเปล่าไม่รุ ไม่ชอบเนื้อ กินอันเดียวที่เหลือลืมไว้บ้านน้า ไม่ใช่ไม่อร่อย แต่ถ้าอร่อยกว่านี้คงไม่ลืม55 ของ e cute ยังอร่อยกว่่าเลย อาทิตย์ ที่แล้ว ลองของร้าน เบเกอรี่ แถวบ้าน ก้อนใหญ่ดี เนียนสวย เนื้อไม่กลวง กรอบนอก นุ่มใน ละลายในปากเหมือนกัน แต่ หวานแหลมมาก ถ้าเจออันนี้เปงอันแรก คงไม่กินมาการองอีก แก้ไข e cute เป็นชื้อ สถานที่ค่ะ คล้ายๆ พลาซ่า อาหาร มาการองใน e cute ชื่อ quatre แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 55 15:13:20 จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 01:03:55

ความคิดเห็นที่ 95 ^ ^ opera ของ henri charpentier อร่อยอย่างแร๊งงงงค่ะ XDD เคยอยู่ญี่ปุ่นพักนึงแต่อยู่ฝั่งคันไซอ่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าฝั่งคันโตมีร้าน Antenor หรือเปล่า (น่าจะมีเนอะ?) Antenor ทำสตอเบอรี่ช้อตเค้กกับทาร์ตมะนาวอร่อยมาก จากคุณ : RUBIS เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 14:40:52

ความคิดเห็นที่ 96 ตอนนี้ ที่ชอบที่สุด คือ w cheese cake ของ henry carpenter ค่ะ แต่กะลังคุยเรื่องมาการองกัน อิ อยากโพสรูปจากไอแพด ทำไงอะคะ ไม่เจลได้มั้ย จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 15:11:17

ความคิดเห็นที่ 97 คุง rubis ขอบคุงที่แนะนำค่ะ แบบนี้ ต้องจัด ก่อนกลับ อิ จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 15:15:16

ความคิดเห็นที่ 98 กำลังจะมาหาข้อมูลพอดี ว่า macarons ในเมืองไทยร้านไหนอร่่อย ไปฝรั่งเศสมา 2 ครั้งไม่ได้ทานเลยเพราะงบน้อย และไม่รู้จักค่ะ ที่กินแล้วอร่อยมาก มี lette ที่ Los Angeles พี่สะใภ้หอบข้ามน้ำข้ามทะเลมาฝาก แล้วก็ TWG แต่ก็สู้ lette ไม่ได้ จะรอชิมตอนมาเปิดที่เอ็มโพเรี่ยมค่ะ จากคุณ : ไอริน เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 16:05:32

ความคิดเห็นที่ 99 โพสรูปจากไอโฟนหรือไอแพดต้องใช้แอพเสียเงินค่ะ เราใช้ pantip me คุ้มมากๆค่ะ ชอบมากกว่าอ่านจากคอมอีก เวลาโพสรูปก็ย่อให้เสร็จเลยค่ะ จากคุณ : ไอริน เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 16:08:01

ความคิดเห็นที่ 100 โพสรูปได้แล้ว แสนจะดีใจ ขอบคุณ คุงไอรินจ้า จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:26:03

ความคิดเห็นที่ 101 ชีสเค้กจาก henri carpenter ใครมีโอกาส ลองนะคะ อร่อยมากกกกกก หม่ำไปสามครั้งแล้ว ใน สามเดือน เพราะหร่อยจริงจัง จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:31:17

ความคิดเห็นที่ 102 พึ่งรุว่าพิมพ์ ชื่อร้านผิด อิ จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:33:04

ความคิดเห็นที่ 103 โปรแกรม ช้ากว่า ซาฟารี มากเลยค่ะ แต่ดีที่โพสรูปได้ henri charpentier จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:38:28

ความคิดเห็นที่ 104 มาการองที่ซื้อมาวันนี้ เพราะ อ่านทู้นี้มะคืน จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:42:14

ความคิดเห็นที่ 105 'รองกล่องแรก จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:43:49

ความคิดเห็นที่ 106 'รอง อาทิตย์ก่อน จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:44:55

ความคิดเห็นที่ 107 รอง ไร้ใส้ จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:48:25

ความคิดเห็นที่ 108 แอบไปนั่งจุ้ย มาทีนึง จากคุณ : tangmae เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 20:49:46