ความคิดเห็นที่ 1 ในตระกูล infiniment ของ Pierre Herme รสที่คลาสสิกมีขายตลอดปี และอร่อยที่สุด ผมขอยกให้ infiniment rose สีชมพูน่ารักนี่แหละครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 19:48:02

ความคิดเห็นที่ 2 และอีกรสที่แนะนำให้ซื้อ คือ Infiniment Vanille ซึ่งรสนี้จะไม่ได้มีขายตลอดทั้งปีนะครับ เพราะวานิลลาของ Pierre Herme จะพิเศษกว่าที่อื่น ตรงที่ใช้ vanilla beans จากแหล่งปลูกวานิลลา ที่ดีที่สุดของโลก 3 ที่ คือ เกาะมาดากัสการ์ (ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่ร้านขนมส่วนใหญ่ใช้กัน) ตาฮิติ และเม็กซิโก เอามาผสมกันให้เกิดโน้ตของวานิลลาที่ลงตัวที่สุด ถ้าไปช่วงที่ไม่มีมาการงรสนี้ขาย ก็ลองซื้อ Tarte Infiniment Vanille ที่เป็นขนมต้นตำรับของรสวานิลลาแทนก็อร่อยเหมือนกันครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 19:52:28

ความคิดเห็นที่ 3 และพวกที่สองคือตระกูลที่เป็น combination รสชาติที่ Pierre Herme คิดค้นขึ้นมาเอง และเป็น signature ของทางร้าน ซึ่งบางรสก็มีขายทั้งปี บางรสก็มีขายแป๊บเดียว อย่างเช่น Mogador เป็นเสาวรสกับช็อคโกแลตนม หรือ Montebello เป็นพิสตาชิโอกับสตรอเบอรี่ (รสพวกนี้แต่ละสาขาก็มีขายไม่เหมือนกันซะด้วย มีหลายรสที่ตอนอยู่ปารีสไม่เคยเจอ แต่ดันได้ไปกินที่สาขาลอนดอนกะโตเกียวซะงั้น ลำบากเกินไปป่ะ) ชิ้นข้างล่างนี้คือ Mogador มีขายตลอดทั้งปีครับ เปรี้ยวตัดหวานลงตัวมาก จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 19:55:45

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนรสนี้คือรส Mosaic ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเป็นรสที่หน้าตาสวยมาก เพราะจะมีสีบลัชออนออกชมพูเงาๆบนเปลืองเมอแรงก์ ส่วนไส้เป็นกานาชพิสตาชิโอ กับชินนามอน ซึ่งจะให้รสหวานและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์มาก และตรงกลางสุดจะมีเนื้อเชอรี่ (griottes) ให้รสเปรี้ยวตัดกับความหวานของกานาช มักจะมีขายช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ไม่ได้มีขายทุกปีครับ (ปีนี้มีครับ กำลังขายอยู่เลย :) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 19:59:29

ความคิดเห็นที่ 5 อีกรสที่หากินยากเหลือเกิน นานๆจะโผล่มาทีคือ Montebello คือพิสตาชิโอจับคู่กับราสเบอรี่ ซึ่งจริงๆรสชาติของ Montebello ที่ PH คิดค้นขึ้นมาได้ PH เอามาทำเป็น patisserie ก่อนครับ ซึ่งบางช่วงจะใช้ราสเบอรี่ และบางช่วงก็จะใช้สตรอเบอรี่แทน เข้าใจว่าคงใช้ตามฤดูว่าอันไหนอร่อยกว่า ก่อนจะเอารสชาติมาดัดแปลงกลายเป็นมาการงสีเขียวแดง เป็นอีกหนึ่งรสชาติที่ห้ามพลาดเด็ดขาดครับ ที่แปลกคือ ผมไม่เคยเห็นรสนี้ขายที่ปารีสเลยสักครั้งเดียว ได้กินรสนี้ 3 ครั้งที่สาขาโตเกียวที่เดียวเลยแหะ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:05:37

ความคิดเห็นที่ 6 ปกติ มาการงและขนมแทบทุกร้าน จะเปลี่ยนรสชาติกันประมาณปีละสองรอบเหมือนแฟชั่น คือรอบนึงช่วงเข้าฤดูใบไม้ผลิ และอีกครั้งช่วงเข้าฤดูใบไม้ร่วงครับ ทั้งนี้เป็นเพราะวัตถุดิบในแต่ละช่วงฤดูมันไม่เหมือนกัน คนฝรั่งเศสมักจะไม่นิยมเอาผักหรือผลไม้นอกฤดูกาลมาทำอาหาร เพราะจะได้ของที่คุณภาพไม่ดีเหมือนช่วงฤดูของมัน อย่างเช่น ช่วงฤดูใบไม้ผลิ กับฤดูร้อน จะได้กินพวกรสมินต์ ราสเบอรี่ พิสตาชิโอ แต่พอเข้าฤดูใบไม้ร่วง ก็จะเป็นพวกเกาลัด หรือช็อคโกแลต กาแฟมาแทน บางช่วง PH มีมาการงรสช๊อคโกแลตถึง 3 รสวางขายในเวลาเดียวกัน โดยใช้ช๊อคโกแลตที่มาจากโกโก้คนละแหล่ง อย่างเช่นรส Chuao (รสนี้ Laduree ก็ทำขายเช่นกัน) เป็นโกโก้ที่ผลิตจากหมู่บ้านเล็กๆแห่งนึงในเวเนซูเอล่า ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโกโก้ที่ดีที่สุดในโลก และที่สำคัญคือเมืองนี้ไม่มีถนนเชื่อมต่อกับโลกภายนอก การจะซื้อโกโก้จาก Chuao ทั้งหมดเป็นการขนส่งทางเรือเท่านั้นครับ (ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังต้องทำแบบนี้อยู่หรือเปล่า เพราะปีๆนึง แค่สองเจ้านี้ก็น่าจะใช้โกโก้ไม่น้อยมาทำมาการงขายนะครับ) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:11:20

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าพูดกันตรงๆแล้ว รสชาติของมาการงของ PH จะหลากหลายพิสดารกว่ามาก และหลายๆครั้งก็พิสดารเกินความจำเป็นไปหน่อย จนผมรู้สึกว่ามัน gimmicky จนไม่อร่อย อย่างช่วงปีสองปีที่ผ่านมา รสแปลกๆที่ผมลองซื้อแล้วไม่อร่อยเลย มีรส Metisse (แครอท ส้ม ชินนามอน) หรือรสพิสดารอย่างหน่อไม้ฝรั่ง กับเฮเซลนัท (อันนี้รสชาติห่วยมาก แทบคายทิ้ง) หรือรสเห็ดทรัฟเฟิลขาวที่กลิ่นแรงมาก (รสนี้เวลาซื้อ พนักงานจะแพ็คแยกออกมานะครับ เพราะกลิ่นมันแรงจนจะไปตีกับกลิ่นอื่น) เมื่อคริสต์มาสที่ผ่านมา Pierre Herme ก็มีรสชาติที่โคตรประหลาดออกมาสองรส (ผมหนีหนาวกลับมาไทยพอดี ไม่ได้กิน...) คือรสเห็ดทรัฟเฟิลดำ และรสฟัวกราส์ช็อคโกแลต ซึ่งจริงๆรสนี้ผมเห็นมาตั้งแต่ 4-5 ปีที่แล้วละ แต่ที่สาขาปารีสไม่ทำขายมาสองสามปี เพิ่งกลับมาทำขายเมื่อปีที่แล้ว แค่เห็นชื่อรสแล้วผมก็ขอผ่านดีกว่าครับ ฟังดูแหยะๆยังไงก็ไม่รู้ รูปนี้คือคอลเลกชั่น Macaron Noel หรือมาการงที่ออกขายช่วงคริสต์มาสครับ (สีแดงคือรสฟัวกราส์ช๊อคโกแลต สีดำคือรสทรัฟเฟิลดำ และสีขาวคือรสทรัฟเฟิลขาวครับ) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:13:28

ความคิดเห็นที่ 8 แต่นอกจากสองร้านนี้แล้ว พวกร้าน patisserie ที่เล็กกว่า ก็มักจะมีมีมาการงรสเด็ดๆเป็น signature ของตัวเอง ร้านละรสสองรสนะครับ อย่างเช่น ร้าน Pain de Sucre (ร้านนี้ไกลบ้านเว่อร์มาก ต้องอยากกินจริงๆถึงจะถ่อไป) ต้องยกให้รสคาราเมล เพราะทำเมอแรงก์แบบอิตาเลียนที่นุ่มเหนียวเคี้ยวหนึบ ไม่ค่อยมีร้านไหนทำสไตล์นี้ อร่อยจริงๆครับ ซื้อรสเดียวสามสี่ชิ้นยังไม่พอ (นอกเรื่องครับ – ร้าน Pain de Sucre เป็นร้านของเชฟปาติซิเย่ร์ที่เคยทำงานที่ร้าน Pierre Gagnaire ร้านสามดาวมิชลินแถวๆถนน Champs Elysees ที่เคยเป็นภัตตาคารอันดับหนึ่งของโลกมาก่อน แต่ตอนนี้ตกมาเป็นอันดับ 17 แล้ว ตอนนี้เชฟลาออกมาเปิดร้านของตัวเอง ได้ยินมาว่า PH ก็ชอบมากินร้านนี้อยู่เรื่อยๆ ร้านหน้าตาธรรมดามาก และไม่มีสาขา ผมเคยไปกินร้าน Pierre Gagnaire มื้อเที่ยง คอร์สของหวานอย่างเดียวมีประมาณ 15 ชิ้น ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ใช้เวลาเสิร์ฟชั่วโมงกว่า เป็นหนึ่งในร้าน Michelin 3 ดาวที่คุ้มราคามาก ผมแนะนำให้ลองครับ) รูปข้างล่างนี้คือรส caramel ที่บอกครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:16:50

ความคิดเห็นที่ 9 ส่วน Sadaharu Aoki จะเด่นมากในรสสไตล์ญี่ปุ่น เช่นชา งาดำ และไวโอเลต แค่รสชาอย่างเดียวก็มีสามสี่อย่าง ทั้งมัทชะ เซนชะ เกนมัยชะแล้วครับ ส่วนร้านยุคใหม่อย่าง Hugo & Victor รสมะม่วงนี่อร่อยและหากินได้ที่นี่ที่เดียวครับ ใครมีเวลาในปารีสเยอะๆ ลองเดินไล่กินร้านพวกนี้ก็จะได้เจอขนมอะไรที่หลากหลายขึ้น รูปนี้คือ display ของมาการงร้าน Sadaharu Aoki ครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:18:47

ความคิดเห็นที่ 10 กลับมาที่ Laduree อีกครั้ง ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าผมไปกินร้าน Laduree ไม่บ่อยเท่า PH เพราะไกลบ้านกว่า และราคาก็แพงไปนิดถ้าเทียบกับคุณภาพ (แต่ตอนนี้ PH ก็แพงขึ้นมากเหมือนกัน)  จุดเด่นของ Laduree ต้องยกให้การตลาดที่แพรวพราว ทุ่มทุนสร้างมาก เพราะ Laduree จะถนัดเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะเรื่องแพคเกจ ที่เชิญดีไซเนอร์ดังๆมาออกแบบแพคเกจให้ เหมือนกับที่ H&M ทำ collaboration collection นั่นแหละครับ และก็จะมีแพคเกจใหม่ๆแทบทุกเดือน จนถึงตอนนี้ Laduree มีแพคเกจกล่องมาการงจะเป็นร้อยแบบอยู่แล้ว อย่างเช่นไม่กี่ปีที่ผ่านมา Laduree โกยดีไซเนอร์ดังๆมาร่วมงานเยอะมาก ผมเห็นมีของ Christian LaCroix, รองเท้าพื้นแดงซิกเนเจอร์ของ Sex & the City อย่าง Louboutin, Matthew Williamson, Galliano ไปจนถึงการ์ตูนอย่าง Alice in Wonderland คอลเลกชั่น Louboutin เมื่อขนมมาเจอกับรองเท้า! จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:20:11

ความคิดเห็นที่ 11 อันนี้ของปี 2010 กับ Galliano ครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:21:01

ความคิดเห็นที่ 12 อันนี้คอลเลกชั่นกับ Marni แบรนด์หรูจากอิตาลี ส่วนมาการงข้างใน เป็นรสช็อคโกแลตสีทองครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:22:55

ความคิดเห็นที่ 13 คอลเลกชั่นกับ Christian Lacroix เอาให้หรูเว่อร์ลิเกฝรั่งเศสกันไปเลย :) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:23:55

ความคิดเห็นที่ 14 อ๊ะ ลืมรูปครับ... จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:24:53

ความคิดเห็นที่ 15 รายต่อไปคือ Matthew William ที่รายนี้ก็เคยไปทำ collaboration collection กับ H&M เช่นกัน จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:26:26

ความคิดเห็นที่ 16 และเมื่อสามปีที่ผ่านมา Laduree เองก็ทำมาการง limited edition ขายที่ดิสนีย์แลนด์ปารีสเป็นรูปหัวมิกกี้เม้าส์ด้วยครับ (ผมเองไม่มีปัญญาซื้อกล่อง limited edition แบบนี้บ่อยๆ เพราะแพงมาก ส่วนมากจะเป็นกล่อง 8-16 ชิ้น กินคนเดียวไม่หมด และต้องจ่ายค่ากล่องเพิ่มด้วยครับ) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:27:08

ความคิดเห็นที่ 17 ล่าสุดปีนี้ Laduree ฉลองครบรอบ 150 ปี จะมีการทำแพคเกจจิ้งลายใหม่ทุกเดือนครับ โดยลายแรกเป็นการประเดิมด้วยการเอาใจลูกค้าญี่ปุ่น กล่องออกแบบโดยดีไซเนอร์ญี่ปุ่น Tsumori Chisato และมาการงด้านในเป็นรสซากุระหรือ cherry blossom ที่วางขายในช่วงฤดูของซากุระพอดีครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:29:31

ความคิดเห็นที่ 18 ยังเอาใจลูกค้าญี่ปุ่นกันไม่จบสำหรับคอลเลกชั่นปีนี้ ถัดจาก Tsumori Chisato ล่าสุดก็เป็นคอลเลกชั่น Hello Kitty ครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:30:44

ความคิดเห็นที่ 19 ย้ำอีกครั้ง... ทั้งสองร้านทั้ง Laduree และ PH ถ้าจะซื้อมาการงแบบกล่อง เราจะต้องเสียค่ากล่องเพิ่มนะครับ ไม่ได้แถมฟรี... แถมให้อีกนิด... ถึง Pierre Herme จะไม่เน้นแพคเกจเท่า Laduree แต่ก็ได้เห็นไปร่วมงานกับแฟชั่นดีไซเนอร์อยู่เรื่อยๆ อย่างสองปีก่อน PH ทำขนมไปให้ Hermes สาขายานแม่บนถนน Rue du Faubourg Saint-Honoré จัด window display ครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:31:36

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนสาขาที่โตเกียว PH ก็ทำที่ห้อยพวงกุญแจแจกฟรีกับชาลิปตัน น่ารักมากครับ และมีอยู่ช่วงนึงที่สาขา Aoyama มีตู้ gachapon มาตั้งให้หยอดไข่ ข้างในก็มีพวงกุญแจประมาณนี้เหมือนกัน เห็นเพื่อนบอกว่าตอนนี้ที่ toy r us ก็มีตู้ให้หยอดเหมือนกัน นี่เสียตังค์กะขนมแล้วยังต้องมาเสียตังค์กะของเล่นคิกขุแบบนี้อีกเหรอเนี่ย น่ากลัวจริงๆ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:32:36

ความคิดเห็นที่ 21 นี่ครับ ... ตู้กาชาปองพวงกุญแจของ Pierre Herme ที่ญี่ปุ่น จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:33:31

ความคิดเห็นที่ 22 ยังมีแถมให้อีกนิดนึง กับแพคเกจพิเศษวันวาเลนไทน์ปีนี้ของ Laduree ฉลองครบรอบ 150 ปีครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:34:57

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนอันนี้ของฤดูใบไม้ผลิปี 2010 กับ Mademoiselle collection น่ารักหวานแหววมาก จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:35:46

ความคิดเห็นที่ 24 จบแล้วครับ ... กับตอนมาการงในปารีส ตอนนี้ขนมชิ้นนี้เป็นมากกว่าขนมธรรมดาๆไปแล้วครับ เพราะแพรวพราวลูกล่อลูกชนเยอะเหลือเกิน  ใจจริงอยากให้ใครสักคนลองจับขนมไทยมาทำการตลาดจริงจังแบบนี้บ้างเนอะ สำหรับมาการงในเมืองไทย ที่ผมเคยลองกินดู ต้องบอกตามตรงว่ายังไม่มีร้านไหนทำได้เท่าต้นตำรับ ซึ่งพอเข้าใจได้ว่า วัตถุดิบเราต่างกับที่ฝรั่งเศส รวมไปถึงสภาพแวดล้อมต่างๆโดยเฉพาะความชื้นที่ทำให้เมอแรงก์เสีย texture ครับ ตอนนี้เพื่อนผมที่เรียนทำขนมมา ก็เริ่มทำจากสูตรของ Pierre Herme ค่อยๆทำล้มเหลวไปหลาย batch มาก จนตอนนี้ทำได้ดีมาก ดีกว่าหลายๆร้าน หลายๆโรงแรมที่ขายกันตอนนี้แล้ว นี่ก็พยายามยุให้มันทำขายอยู่เหมือนกัน ฮ่าๆ ยังไงใครที่ทำมาการงขาย หรือทำกินเอง ค่อยๆทำ ค่อยๆฝึกฝนพัฒนาฝีมือ สร้าง perfection ของตัวเองครับ เพราะขนมชิ้นนี้เป็นขนมที่ทำยาก และใช้ความปราณีตสูงมาก คงไม่ได้ทำเก่งกันได้ภายในวันเดียวครับ สำหรับตอนต่อไป คงจะไม่มีขนมชิ้นไหนที่สามารถสาธยายได้ยาวเท่าเจ้า macaron นี่แล้วล่ะครับ ขนมชิ้นต่อไปที่จะพูดถึง เป็นขนมอีกชิ้นที่อายุเกิน 100 ปี และมีที่มาจากการแข่งขันกีฬาครับ ไว้อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่ครับ :) จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:42:59

ความคิดเห็นที่ 25 กระทู้ดีมีประโยชน์ เราอ่านทุกตอนเลย โหวตให้ค่ะ จากคุณ : *~KingFisho~* เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:47:23

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆนะคะ :) จากคุณ : escate เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 20:47:36

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 21:18:35

ความคิดเห็นที่ 28 กระทู้มีสาระน่าอ่านมากค่ะ   อ่านแล้วคิดว่า จขกท คิดจะตั้งร้านทำมาการองเอง เป็นของตัวเองที่ใดที่หนึ่งเลยนะเนี่ย   แบบรู้ประวัติที่มาของขนม แล้วก็รายละเอียดของร้านต้นตำรับและร้านที่มีชื่อเสียงที่ทำขนมชนิดนี้ ชุดของ signature  ชุดที่เป็น edition limited การทำการตลาด ต่างๆ สุดยอดค่ะ ทั้งเนื้อหาและภาพประกอบด้วยค่ะ จากคุณ : Imperio เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 21:21:21

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านสนุกมากค่ะ จากคุณ : ทังโคริริน เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 21:31:12

ความคิดเห็นที่ 30 #28 คุณ Imperio ใจจริงผมเองก็อยากมีร้านขนมเป็นของตัวเองมากครับ แต่ติดที่ว่าทำขนมไม่เป็น กินเป็นอย่างเดียวครับ เพื่อนผมที่ผมบอกว่าทำมาการงอร่อย ยุมันเท่าไรมันก็บอกว่าไม่อยากทำขาย เลยต้องยุให้มันทำให้กินฟรีแทนครับ ถ้ามีคนฝีมือดีๆ ที่ตั้งใจจะทำขนมด้วยวัตถุดิบดีๆ เทคนิคดีๆ ถึงจะขายแพงหน่อยแต่คุณภาพดีเหมือนต้นตำรับ ผมเองก็สนใจจะร่วมงานด้วยครับ (ผมไม่มีฝีมือ มีแต่ใจรักกับเงินทุนอีกนิดหน่อยครับ แหะๆ ^^) แต่ตอนนี้ยังไม่มีร้านของตัวเอง แค่ได้เขียนถึงขนมก็มีความสุขแล้วครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 21:52:25

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากคะ เป็นกระทู้ที่เปิดหูเปิดตาได้มากทีเดียว จากคุณ : ปลาทูทำอะไรก็อร่อย เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 21:59:10

ความคิดเห็นที่ 32 มีข้อสงสัยครับ ขนมเลดี้ กับ มาการง นี่คล้ายกันหรือเปล่าครับ (พอดียังไม่เคยทาน มาการง) จากคุณ : shakariki เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 21:59:50

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณมากครับ ^^ จากคุณ : JO-Kung เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 22:07:39

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านเพลินและได้ความรู้มากเลยๆค่ะ เดาว่าตอนต่อไปจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Paris-Brest จากคุณ : Mukinha เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 22:16:15

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณสำหรับความรู้นะค่ะ จากคุณ : bear hunt เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 23:18:23

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากค่า ได้ความรู้มากๆเลย จากคุณ : สงกาดรุณ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 23:30:54

ความคิดเห็นที่ 37 ติดตามทุกกระทู้เลยค่ะ ชอบบบบบบบ จากคุณ : คะน้า (KaNa-IRC) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 23:40:48

ความคิดเห็นที่ 38 ความรู้แน่นมาก ขอบคุณนะคะ จากคุณ : lalinphat เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 00:13:30

ความคิดเห็นที่ 39 ตามทุกกระทู้เลยค่า ได้ความรู้เกี่ยวกับขนมเยอะเลย ขอบคุณนะคะ :) จากคุณ : chocolat au lait เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 00:13:46

ความคิดเห็นที่ 40 ได้เวลาเข้ามาติดตามอีกแล้ว ;) อ่านจากแหล่งวัตถุดิบที่ใช้ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมราคาจึงสูง สนุกมากทั้งตอนต้นและตอนจบของ Macaron แถมทิ้งท้ายตอนต่อไปให้ได้ติดตามกันอีก ร้ายจริง ๆ (ล้อเล่นนะคะ..) อยากมีโอกาสไปชิมของต้นตำรับเค้าบ้างทั้ง 2 สำนักเลย ว่าความอร่อยสมคำร่ำลือเป็นยังไง ...แต่โหวตให้แล้วค่ะเผื่อกลับเข้ามาดูตามลิสต์ที่ จขกท.แนะนำรสชาติต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น จากคุณ : pumorg เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 01:05:00

ความคิดเห็นที่ 41 ทายว่า ขนมชิ้นต่อไปคือ Paris brest จากคุณ : Febie เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 01:29:20

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลดีๆ จากคุณ : นก (Entombed) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 05:07:14

ความคิดเห็นที่ 43  แวะมาอ่านตอนจบ ภาคอวสานเรื่องราวของ "มากาฮง"   ขอบคุณมากคะที่นำมาแบ่งปันกัน จากคุณ : บ่งบ๊ง เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 10:59:25

ความคิดเห็นที่ 44 มาอ่านตอนต่อ-ของมาการองค่ะ เคยทานแล้วส่วนตัวคิดว่ามันหวานไปหน่อยค่ะ เลยนานๆจะซื้อทานซักทีี แต่แพ็กเกจของเมืองนอกสวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ ทั้งสีทั้งรูปแบบ เห็นแล้วอยากได้ซักกล่องจังค่ะ จากคุณ : ran.takarai เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 12:44:15

ความคิดเห็นที่ 45 อ่านสนุกมากทุกตอนเลยค่ะ :) เราเป็นคนบ้าทานขนมเหมือนกัน ไปปารีสต้องทำลายแทงของอร่อยไปเลย ถ้ามีโอกาสอยากให้จขกท.รีวิวไอศครีม (ice cream)ด้วยได้มั๊ยคะ หลากหลายรส หลากหลายร้านเหลือเกิน ว่าแล้วก้ออยากกินจัง ^^ จากคุณ : น้องเสือน้อย เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 14:42:34

ความคิดเห็นที่ 46 I start planning paris trip this september since I started reading your thread on Eclair ka. So inspiring :D Miss walking around in and out from bakery to bakery! I heard Dallayau is good as well for macaron, have you tried? If you have any advice on food as well would be great ka. I only had a chance to try Chartier (a bit touristy, yes but so nice I went there twice on the same trip) and le relais de venice in which I plan to go again actually. Thank you so much in advance. จากคุณ : PuppyPower เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 16:41:31

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณค่ะสำหรับภาพสวยๆ  คำบรรยายดีๆ      ติดตามจนจบ  จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 17:29:17

ความคิดเห็นที่ 48 จขกท บรรยายซะทำเราเพ้อเลย อยากไปฝรั่งเศสอีกเลย จากคุณ : ladynula เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 17:45:25

ความคิดเห็นที่ 49 กราบ จากคุณ : vodca เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 19:29:43

ความคิดเห็นที่ 50 ข้อมูลแน่นมากค่ะ ติดตามมาหลายกระทู้แล้ว ขอบคุณที่ช่วยแบ่งปันนะคะ รอกระทู้ต่อไปค่ะ จากคุณ : Baobao เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 19:52:07

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ หอมหวานอร่อยนะคะ ^____^ จากคุณ : monkeyminky เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:54:24

ความคิดเห็นที่ 52 รู้สึกว่าของ Laduree จะทำค่อนข้างแบนและดูเรียบเป็นระเบียบกว่าหรือเปล่าคะ แต่คาดว่าจะต้องอร่อยสุดๆทั้งคู่  ^_______^ จากคุณ : fm@co เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 00:16:33

ความคิดเห็นที่ 53 ขอถามค่ะ สามารถซื้อแบบไม่เอากล่องได้ไหมคะ จากคุณ : bew007 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 03:32:30

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบ #45 ร้านไอติมในปารีสที่ดังๆ มีอยู่ไม่กี่ร้านหรอกครับ และผมเองก็กินแต่รสเดิมๆ คงจะรีวิวไม่ได้ แต่พอแนะนำได้ครับ ถ้าเอาแบบดังและ touristy นิดนึง ก็ต้อง Berthillon (แบร์ติญอง) ที่อยู่เกาะ Ile St. Louis ถัดจาก Notre Dame ไปเกาะนึง ร้านนี้เน้นไม่ใส่สารปรุงแต่ง เป็นธรรมชาติ 100% รสชาติจะเน้นทางซอร์เบท์ แต่จืดไปหน่อยสำหรับผม ร้านที่หากินง่ายคือเจลาโต้ของ Amorino (โลโก้เป็นคิวปิด) ไอติมพอใช้ได้ แต่ร้านนี้จะ spatula ปาดไอติมเป็นแผ่นแล้วเสิร์ฟเป็นรูปดอกกุหลาบครับ น่ารักมาก แต่ละสาขาก็ทำได้สวยไม่เท่ากัน แล้วแต่ฝีมือพนักงาน แต่สาขาที่เคยกินแล้วทำสวยสุด ดันไม่ได้อยู่ที่ปารีสน่ะสิครับ ...แหะๆ ที่เห็นในรูปข้างล่างนี่ถือว่าไม่สวยนะครับ มีสาขาที่ทำได้ดีกว่านี้อีกเยอะ แต่ร้านที่ผมชอบมากที่สุดคือร้าน GROM ที่มาจากอิตาลี มีสาขาเดียวที่ Rue de Seine ครับ อร่อยสุดๆ วันไหนอากาศดีๆ อุ่นๆหน่อย เตรียมเข้าคิวยาวได้เลยครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 08:12:42

ความคิดเห็นที่ 55 #46 Dallayau ผมเคยลองครั้งเดียว Patisserie ทำสู้ PH และ Laduree ไม่ได้เลยครับ เป็นร้านยุคเก่าที่แทบจะหยุดพัฒนาไปแล้ว มาการงก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากครับ ร้านนี้เน้นชิ้นเล็ก สีไม่จัดจ้านครับ ถ้าจะกินก็ลองไปสาขาใหญ่ที่ริมสวน Luxemburg แล้วซื้อไปกินในสวนสิครับ ช่วง Autumn ช่วงนั้นถ้าฝนไม่ตก อากาศเย็นกำลังดีเลย ร้านอาหารผมแนะนำไม่ค่อยถูกเท่าไรครับ เพราะอยู่ที่นั่นกินนอกบ้านไม่บ่อยมาก จะออกไปกินก็เป็นโอกาสพิเศษร้านดีๆไปเลย Le Relais de Venise ก็ยังเป็นร้านที่ผมไปประจำนะครับ ชอบเฟรนช์ฟรายด์ร้านนี้มาก แต่ตัวสเต๊กผมคิดว่าสองปีที่ผ่านมา ดรอปไปสมควรนะครับ และล่าสุดราคาขึ้นอีกแล้ว กินตั้งแต่ 25 ยูโร จนล่าสุด 28 ยูโรแล้วครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 08:17:40

ความคิดเห็นที่ 56 #52 ใช่ครับ ของ Laduree จะแบน และไส้น้อยกว่าของ PH ถ้ากินบ่อยๆจะแยกของสองร้านนี้ออกได้ด้วยตาเปล่าเลยครับ จากคุณ : Le Vivier เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 08:20:46

ความคิดเห็นที่ 57 อยากไปตามรอยมั่งจัง ฮ่าๆๆๆ ถ้าเรียนอีก2ปี ขึ้นปี3(คณะที่เรียนได้ไปฝรั่งเศส)1เทอม จะไปตามรอยเเน่ๆค่ะPH Laduree !! มาการง เอเคลร์ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 55 09:07:00 จากคุณ : NokJbz เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 09:05:00

ความคิดเห็นที่ 58 สุดยอดครับ ได้ความรู้มากๆ จะติดตามต่อไปครับ จากคุณ : jumjee เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 09:42:05

ความคิดเห็นที่ 59 ชอบกินแต่ไม่ความเป็นมา ขอบคุณนะคะ จากคุณ : หมวยนะจ๊ะ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 10:22:11

ความคิดเห็นที่ 60 ชอบรีวิวของคุณจริงๆเลย เล่นเอาเพ้อ ฮ่าๆๆ จากคุณ : SuPerHyPerOverUltraGLUE เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 13:40:52

ความคิดเห็นที่ 61 เจ้าของกระทู้ไม่ได้มีแค่ใจ กับเงินทุน นะคะ มีความรู้และความสามารถด้านการเขียนอีกด้วย เล่นเอาเราเอาปฏิทินมากางดู และเช็ควันลาพักร้อน เตรียมแพ็คกระเป๋าไปฝรั่งเศสกันเลยทีเดียว จากคุณ : expat เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 15:08:33

ความคิดเห็นที่ 62 Mogador ของ PH หน้าตาเหมือนของโอเรียนเต็ลเป๊ะเลย รสเดียวกันด้วย --" จากคุณ : คาราเมลลาเต้เย็น เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 21:46:33

ความคิดเห็นที่ 63 เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่า Montebello มันเป็นลิมิเต็ด ไม่ทันสังเกตเลยเพราะรู้สึกว่าไปทีไรก็เจอทุกที 555 มายืนยันค่าว่ารสนี้มีขายที่ปารีสแน่ๆ (อย่างน้อยก็ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ก็เห็นเรื่อยๆค่ะ) อ่านเพลินอีกแล้ว ขอบคุณมากค่ะสำหรับความรู้ รออ่านกระทู้ต่อไปนะคะ จากคุณ : RUBIS เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 22:39:23

ความคิดเห็นที่ 64 คนไทยชอบขนมชนิดนี้กันมากๆเลยนะคะ เพิ่งรู้ตอนนี้นี่แหล่ะ หุหุ จากคุณ : the pretty pill เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 00:42:04

ความคิดเห็นที่ 65 ไอติมร้าน grom ไปกินที่อิตาลี่ จำไม่ผิดน่าจะที่ florence อร่อยมากๆๆ จากคุณ : hungry jack เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 06:42:00

ความคิดเห็นที่ 66 คุณLe Vivier ช่วยไปยุเพื่อนให้ทำขายอีก(หลายๆ)รอบได้มั๊ยคะ โอ๊ยยย อยากกิน จากคุณ : เต่าคุง in the sky เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 06:51:35

ความคิดเห็นที่ 67 เป้นริวิวที่ให้ความรู้เรื่องขนมชนิดนี้มาก pastry chef ที่ทำงานเค้าก็แข่งกันทำค่ะ ว่าของใครจะอร่อยกว่าใคร เชฟที่ทำอร่อยที่สุดมาจากจีนค่ะ ส่วนเชฟจากฝรั่งเศสเค้าจะทำออกมาหวานแสบคอมาก จากคุณ : สวนใส เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 55 09:01:12

ความคิดเห็นที่ 69 อ่านแล้วอยากแพ็คกระเป๋าบินเลยค่ะ แต่อาจลังเลว่าจะไปญี่ปุ่นแทนดีมั้ย ใกล้กว่า ภาษาไทย และขนมเยอะเหมือนกัน ที่ห้อยมือถือน่ารักด้วย XDDDD ขอบคุณสำหรับหลังไมค์ด้วยนะคะ ถึงเราจะไปตามร้านที่แนะนำมาไม่ได้ทุกร้านก็เถอะ =_=" (แต่ก็แว่บไปมานะ~) งวดนี้สภาพเวลาไม่ค่อยอำนวยค่ะ ไว้งวดหน้าจะหนีไปชิมร้านอื่นๆอีกแน่ค่ะ เอ... หรือจะเก็บตังค์ไปฝรั่งเศสเลยดีน้ออออ (แต่ภาษาฝรั่งเศสไม่ได้สักกะผีก พูดได้แค่ macaron คำเดียวเีนี่ยแหละค่ะ ;P) จากคุณ : wassery_harp เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 15:38:10

ความคิดเห็นที่ 70   tks krab จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 55 18:22:55

ความคิดเห็นที่ 71 Macaron ของร้าน FAUCHON ก็อร่อยนะคะ เป็นร้านขนมที่มีชื่อของฝรั่งเศสร้านหนึ่งเหมือนกันค่ะ เราก็เคยไปทาน มากาฮรง ที่เมืองไทย ตอนกลับไปเยี่ยมบ้าน ที่ร้าน Le NÔTRE ร้านดังของฝรั่งเศสอีกร้านที่ไปเปิดสาขาในเมืองไทย ที่สยามพารากอน มากาฮรง และขนมของเค้ารสชาติอร่อยใช้ได้เลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 55 00:50:37 แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 55 00:39:09 จากคุณ : ~ดอกไม้ก้านหัก~ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 55 00:33:49

ความคิดเห็นที่ 72 ขอแนะนำค่ะ ร้าน FAUCHON    http://www.youtube.com/watch?v=76a3OBRXcUI แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 55 05:55:58 จากคุณ : ~ดอกไม้ก้านหัก~ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 55 05:29:39

ความคิดเห็นที่ 73 ช่วยโพสต์คลิปวิธีทำ มากาฮรง ของร้าน Pierre Hermé จขกท คงไม่ว่านะคะ เราก็ช่อบขนมนี้มากค่ะ ทานกับเแช็มเป็ญ เข้ากันมาก                                     http://www.youtube.com/watch?v=5sb1FfFaEFc&feature=related แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 55 06:44:37 จากคุณ : ~ดอกไม้ก้านหัก~ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 55 06:43:42

ความคิดเห็นที่ 74 อันนี้ของร้าน Laduréehttp://www.youtube.com/watch?v=cKK_9Nled14&feature=related จากคุณ : ~ดอกไม้ก้านหัก~ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 55 07:05:48

ความคิดเห็นที่ 75 สุดยอดครับ :) จากคุณ : angel of music เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 55 10:14:54

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณครับ สำหรับรีวิวดีๆ ผมก็ชอบทั้งสองเจ้าครับ จากคุณ : Nemo&Nano เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 09:53:47

ความคิดเห็นที่ 77 นี่ก็น่าทานเหมือนกันค่ะ Patisserie Kitty ขอบคุณ http://www.myhappyoffice.com/index.php/2012/06/hello-kitty-cookie/ จากคุณ : bothokung เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 11:53:25