ความคิดเห็นที่ 1 ไปถึงเกือบบ่ายสี่โมงตามแผนที่วางไว้ แดดยังร้อนจึงแทบไม่มีคนเลย ซึ่งก็สะดวกกับการถ่ายภาพ หลังลงทะเบียนรับเอกสารประกอบการชมพระเมรุฯแล้ว จึงเริ่มการเก็บภาพ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 19:57:21

ความคิดเห็นที่ 2 พระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ยอดทรงมณฑปแปลง มีมุขยื่นทั้งสี่ด้าน สร้างขึ้นบนฐานชาลาใหญ่ ความสูงถึงยอดฉัตร ๓๕.๕๙ เมตร มุขหน้าด้านทิศตะวันตกเป็นทางเสด็จพระราชดำเนิน มุขด้านทิศเหนือมีสะพานเกรินสำหรับอัญเชิญพระโกศ ขึ้นประดิษฐานเหนือพระจิตกาธานภายในพระเมรุ มุขหลังด้านทิศตะวันออกเป็นพื้นที่วางเตาเผาพระศพ บริเวณฐานชาลาทุกด้าน มีบันไดทางขึ้นลง รายล้อมด้วยรั้วราชวัติ ฉัตร โคม และเทวดาอัญเชิญฉัตรประกอบพระอิสริยยศ พลอากาศตรีอาวุธ เงินชูกลิ่น สถาปนิกผู้ออกแบบเรียกเครื่องยอดลักษณะนี้ว่า เครื่องยอดทรงมณฑปแปลง เนื่องจากเป็นการประยุกต์ให้แตกต่างจากเครื่องยอดทรงมณฑปปกติ ซึ่งจะต้องมีชั้นเหมอยู่ใต้ชั้นบัวกลุ่ม แต่ครั้งนี้ พลอากาศตรีอาวุธ ได้ออกแบบทรงมณฑปนี้ใหม่โดยที่ไม่มีชั้นเหม จึงเรียกว่าเป็นทรงมณฑปแปลง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 19:57:46

ความคิดเห็นที่ 3 เครื่องยอดพระเมรุนี้ ประกอบด้วยชั้นเชิงกลอน ๕ ชั้น กึ่งกลางของเชิงกลอนแต่ละชั้นมีซุ้มบันแถลงซ้อนสองชั้น ที่มุมหลังคามีนาคปัก ส่วนบนเป็นองค์ระฆังรับบัลลังก์ เหนือบัลลังก์เป็นชุดบัวกลุ่ม ๕ ชั้น ปลียอดแบ่งเป็นสองส่วน คั่นด้วยลูกแก้ว ที่ยอดบนสุดประดิษฐานสัปตปฎลเศวตฉัตร (ฉัตร ๗ ชั้น) ที่มา : http://www.princessbejaratana.com/th/knowledge01.php จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 19:58:15

ความคิดเห็นที่ 4 ซ่าง คืออาคารที่สร้างบนฐานชาลาพระเมรุทั้ง ๔ มุม เป็นที่สำหรับพระพิธีธรรม ๔ ชุดสลับกันสวดพระอภิธรรม ตั้งแต่เชิญพระโกศพระศพประดิษฐานบนพระจิตกาธานจนเสร็จการพระราชทานเพลิง ที่มา : http://www.princessbejaratana.com/th/knowledge01.php จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 19:58:35

ความคิดเห็นที่ 5 เดินไปหลังพระเมรฯซึ่งหันไปทางทิศตะวันออก มองเห็นหอเปลื้อง หอเปลื้องเป็นอาคารขนาดเล็กชั้นเดียวหลังคาจั่ว ยกคอสอง มีหลังคาปีกนกโดยรอบ มีผนังโดยรอบ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระเมรุ เป็นที่เก็บพระโกศและเครื่องประกอบ หลังจากที่เปลื้องออกจากพระลองแล้ว และสำหรับเก็บเครื่องใช้เบ็ดเตล็ดในช่วงการพระราชทานเพลิงพระศพ ที่มา : http://www.princessbejaratana.com/th/knowledge01.php จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 19:59:01

ความคิดเห็นที่ 6 ฉากบังเพลิงชั้นนอกด้านหน้า เป็นภาพเทวดายืนพนมมือไหว้บนแท่น เครื่องแต่งกาย เครื่องทรงคล้ายการแต่งกายละคร เครื่องประดับตกแต่งร่างกายเป็นพวงมาลัยดอกไม้ ตอนบนของภาพเทวดามีซุ้มลอย โดยใช้ต้นแบบความคิด มาจากภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารหลวง วัดพระปฐมเจดีย์วรวิหาร จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นภาพจิตรกรรมในสมัยรัชกาลที่ ๖ ตามแนวความคิดของสถาปนิกผู้ออกแบบพระเมรุฯ (พลอากาศตรีอาวุธ เงินชูกลิ่น) แต่ละด้านจะมีภาพเทวดาด้านละ ๔ องค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 19:59:24

ความคิดเห็นที่ 7 ติดตั้ง ๔ ทิศ ของพระเมรุฯ รวมทั้งหมด ๑๖ องค์  ลายกรอบตอนล่าง ออกแบบเป็นลวดลายดอกไม้ประดิษฐ์ อยู่ในโครงสร้างรูปดอกบัวตูม ๓ ดอก หรือรูปทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ มีนัยหมายถึง ดอกบัวสำหรับสักการบูชา พระเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีทั้งหมด ๑๖ ชิ้น ด้านหลังเป็นภาพลายเถากุหลาบ ซึ่งเป็นดอกไม้ที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงโปรด ทั้งกรอบใหญ่และเล็ก ใช้ลายกุหลาบเป็นชุดเดียวกัน รวมทั้งหมด ๓๒ ชิ้น ที่มา : http://www.princessbejaratana.com/th/knowledge04.php จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:00:18

ความคิดเห็นที่ 8 เทวดาประดับรอบพระเมรุครั้งนี้ มีจำนวน ๓๐ องค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:00:47

ความคิดเห็นที่ 9 แบ่งเป็นเทวดานั่งถือโคม ๑๔ องค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:01:10

ความคิดเห็นที่ 10 เทวดานั่งถือบังแทรก ๖ องค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:01:29

ความคิดเห็นที่ 11 . จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:01:54

ความคิดเห็นที่ 12 เทวดายืนถือโคม ๒ องค์ เทวดายืนถือฉัตรผ้า ๘ องค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:02:14

ความคิดเห็นที่ 13 ภาพพระเมรุฯ ถ่ายมาไม่มาก เพราะไปหลงเสน่ห์ของบรรดาสัตว์หิมพานต์บนเขามอรอบเขสพระสุเมรุ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:05:09

ความคิดเห็นที่ 14 พระเมรุเป็นตัวแทนของเขาพระสุเมรุ ซึ่งเชิงเขาเป็นที่ตั้งของป่าหิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ประดับพระเมรุในครั้งนี้ จะมีขนาดเล็กลงกว่าครั้งที่ผ่านมา แต่ละตัวจะสูงไม่เกิน 40 เซนติเมตร มีจำนวนทั้งสิ้น 160 ตัว ติดตั้งอยู่บริเวณเขามอหรือภูเขาหินที่จำลองเป็นป่าหิมพานต์ โดยรอบฐานพระเมรุ ในครั้งนี้ จัดสร้างด้วยเทคนิคการปั้นปูนสด โดยกลุ่มช่างผู้ชำนาญงานปั้นปูนสด มีช่างสมชาย บุญประเสริฐ เป็นหัวหน้าคณะ แบ่งงานให้ช่างปั้นจากจังหวัดเพชรบุรีและสุพรรณบุรี ทั้งหมด 16 คน ปั้นคนละ 10 ตัว เป็นผู้ออกแบบและปั้นสัตว์หิมพานต์นานาชนิด ทั้งสัตว์น้ำ สัตว์บก สัตว์ปีก เมื่อปั้นเสร็จจึงนำส่งให้สำนักช่างสิบหมู่ลงสี ตามลักษณะรูปพรรณของสัตว์แต่ละชนิด ตามที่ถูกกล่าวถึงในวรรณคดี จิตรกรรม หรือตำนานเกี่ยวกับสัตว์หิมพานต์ ก่อนจะนำมาติดตั้งในพื้นที่จริง ที่มา : ที่มา : http://www.princessbejaratana.com/th/knowledge01.php จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:05:30

ความคิดเห็นที่ 15 ทั้งนี้เพื่อสื่อความหมายคติความเชื่อเกี่ยวกับจักรวาลไตรภูมิ ให้ปรากฏเป็นรูปธรรม ที่ชัดเจนและน่าสนใจมากขึ้น ชื่อสัตว์หิมพานต์ส่วนหนึ่ง ได้มาจากคู่มือ การชมสัตว์หิมพานต์ประดับพระเมรุ ซึ่งทางกรมศิลปากรแจกให้กับผู้ลงทะเบียนเข้าชมพระเมรุ สัตว์หิมพานต์แต่ละตัว จะมีความแตกต่างกันตามแต่จินตนาการของช่างแต่ละคน ซึ่งอาจแตกต่างกันทั้งรูปลักษณะและสี สัตว์หิมพานต์บางแบบมีเพียงตัวเดียว เช่น กิหมี ปักษิณสีห์ นกการะเวก เป็นต้น แต่บางแบบก็มีหลายตัว ที่มีมากที่สุดคือ คชสีห์และเหมราช จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:05:56

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพสัตว์หิมพานต์ จะไม่เรียงตามตำแหน่งและทิศที่ประดับบนเขามอ แต่จะเรียงตามตัวอักษร และให้ชมกันหลายมุมเพื่อความชัดเจน เริ่มจาก กิเลน ลักษณะคล้ายสิงห์ ตัวเป็นเกล็ด เท้าเป็นกีบคู่ มีเขา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:06:17

ความคิดเห็นที่ 17 กิเลนปีก พื้นสีน้ำเงิน ไม่มีเขา ไม่มีเครา มีปีก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:06:42

ความคิดเห็นที่ 18 กิหมี ตั้งอยู่คู่กับปักษิณสีห์ทางด้านทิศเหนือ อยู่ในมุมอับที่ถ้าไม่สังเกตุจะไม่เห็นและเก็บภาพยาก กิหมี รูปร่างคล้ายสุนัข มีเคราและขนคอ หางเป็นพวง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:08:11

ความคิดเห็นที่ 19 กบิลปักษา ตัวและหัวเป็นลิง พื้นดำ ส่วนล่างและหางเป็นนก มีปีกที่ไหล่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:08:37

ความคิดเห็นที่ 20 แต่ความแตกต่างจากจินตนาการของช่างปั้น ทำให้ได้กบิลปักษา ที่มีปีกที่เอวแทนที่หัวไหล่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:09:02

ความคิดเห็นที่ 21 กรินทรปักษา ตัวเป็นช้าง พื้นสีดำ ส่วนปีกและหางเป็นอย่างนก แต่ความแตกต่างจากจินตนาการของช่างลงสี ทำให้มีกรินทร์ปักษาสีแดงชาด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:09:24

ความคิดเห็นที่ 22 นกการเวก รูปร่างเป็นนก สีหงอ่อน มีเพียงตัวเดียว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:09:46

ความคิดเห็นที่ 23 กุญชรวารี หัวและตัวท่อนบนเป็นช้าง หางเป็นปลา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:10:10

ความคิดเห็นที่ 24 กุมภีนิมิต ท่อนบนเป็นเทพ ท่อนล่างและหางเป็นจระเข้ มีเพียงตัวเดียว ส่วนล่างอยู่ในพุ่มไม้ จึงไม่เห็นท่อนหาง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:10:31

ความคิดเห็นที่ 25 ไกรสรนาคา ตัวเป็นสิงห์ หัวและหางเป็นนาค มีเกล็ดทั้งตัว พื้นสีน้ำเงินอ่อน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:10:58

ความคิดเห็นที่ 26 . จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:12:28

ความคิดเห็นที่ 27 ไกรสรปักษา ตัวแบบสิงห์ มีเกล็ด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:12:49

ความคิดเห็นที่ 28 หัวและปีกเป็นนก สีตองอ่อน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:13:11

ความคิดเห็นที่ 29 ไกรสรจำแลง ลักษณะคล้ายมังกร ตัวและเท้าคล้ายสิงห์ พื้นสีม่วงอ่อน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:14:37

ความคิดเห็นที่ 30 ไกรสรคาวี ตัวเป็นสิงห์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:15:00

ความคิดเห็นที่ 31 หัวเป็นวัว มีเขา หางเป็นหางม้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:15:20

ความคิดเห็นที่ 32 ไกรสรวาริน หัวและตัวเป็นสิงห์ หางเป็นปลา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:15:42

ความคิดเห็นที่ 33 ครุฑ ลักษณะเป็นนกอินทรี แปลงเป็นครุฑจับนาค สีหงเสน สวมมงกุฏยอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:17:01

ความคิดเห็นที่ 34 ครุฑ ลักษณะเป็นนกอินทรี สีหงเสน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:17:23

ความคิดเห็นที่ 35 . จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:17:48

ความคิดเห็นที่ 36 คชปักษา ลำตัวท่อนอกและแขนคล้ายครุฑสีขาว หัวมีงวงและงา ขนและหางคล้ายหงส์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:18:10

ความคิดเห็นที่ 37 แต่ช่างปั้นและช่างสี ก็รังสรรค์ออกมาสามแบบสามสี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:18:32

ความคิดเห็นที่ 38 คชปักษ์สินธุ์ หัวเป็นช้าง มีปีกแบบนก มีหางเป็นปลา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:18:58

ความคิดเห็นที่ 39 คชสีห์ ตัวเป็นสิงห์ สีม่วงอ่อน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:19:19

ความคิดเห็นที่ 40 หัวมีงวงและงาแบบช้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:21:07

ความคิดเห็นที่ 41 ทัณฑิมา หัวเป็นนกการเวก ตัวเป็นครุฑ พื้นสีจันอ่อน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:21:28

ความคิดเห็นที่ 42 ทิชากรจัตุบท สัตว์สี่เท้าแบบสิงโต มีปีกและหางแบบนก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:21:55

ความคิดเห็นที่ 43 ทิชากรมฤค หัว ปีกและหางเป็นนก ตัวและขาเป็นกวาง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:22:17

ความคิดเห็นที่ 44 กลุ่มเทพกินนรและเทพกินนรี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:22:42

ความคิดเห็นที่ 45 เทพกินนร ลำตัวและหน้าเป็นเทพ ท่อนล่าง ขา และหางเป็นแบบนก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:23:05

ความคิดเห็นที่ 46 เทพกินรี ลำตัวและหน้าเป็นเทพ ท่อนล่าง ขา และหางเป็นแบบนก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:25:37

ความคิดเห็นที่ 47 . จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:26:03

ความคิดเห็นที่ 48 เทพนรสิงห์ ท่อนบนเป็นเทพ ท่อนล่างเป็นสัตว์ มีเท้าเป็นกีบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:26:23

ความคิดเห็นที่ 49 ดุรงคไกรสร ตัวเป็นม้า หัวเป็นสิงห์ พื้นสีหงเสน หางแปรง กีบดำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:26:57

ความคิดเห็นที่ 50  อาสาม   ขอบคุณมากครับ  รีวิว ที่มี ภาพสวยมาก และ เกร็ดความรู้ ดี ประกอบครับ จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:26:58

ความคิดเห็นที่ 51 samsam...ใกล้ถึงของกินแล้วครับ .............................................................................................. ดุรงคปักษิณ ตัวเป็นม้าสีขาว มีปีกและหางเป็นนกสีเขียว ผมแปรง กีบสีดำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:27:56

ความคิดเห็นที่ 52 ติณสีหะ เป็นราชสีห์ พื้นสีเขียวอ่อน เท้าเป็นกีบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:28:23

ความคิดเห็นที่ 53 นกหัสดีลิงค์ ตัวเป็นนก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:28:50

ความคิดเห็นที่ 54 หัวคล้ายสิงห์ มีงวงและงาคล้ายช้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:29:16

ความคิดเห็นที่ 55 นรปักษาไกรสร หัวเป็นสิงห์ ตัวเป็นนก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:30:35

ความคิดเห็นที่ 56 นาค งูใหญ่มีหงอน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:31:00

ความคิดเห็นที่ 57 นาคอัสดร หัวเป็นนาค ตัวเป็นม้า มีหัวและเกล็ดแบบนาค จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:31:28

ความคิดเห็นที่ 58 นาคอัสดร หัวเป็นนาค ตัวเป็นม้า เกล็ดสีฟ้า กีบเท้าสีดำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:31:54

ความคิดเห็นที่ 60 นาคปักษิณ ตัวเป็นนกแบบหงส์ หัวเป็นนาค คล้ายสกุณเหรา พื้นสีหงชา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:33:31

ความคิดเห็นที่ 61 บัณฑุราชสีห์ เป็นราชสีห์กินเนื้อ มีขนสีเหลืองอ่อน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:34:58

ความคิดเห็นที่ 62 ปักษิณสีห์ หัวเป็นนก ตัวเป็นสิงห์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:35:36

ความคิดเห็นที่ 63 พยัคฆไกรสีห์ ตัวเป็นสิงห์ หัวเป็นเสือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:35:57

ความคิดเห็นที่ 64 มีแบบสิงห์ดำด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:36:23

ความคิดเห็นที่ 65 พระที่นั่งทรงธรรม ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของพระเมรุ สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับ ขณะบำเพ็ญพระราชกุศล มีบริเวณสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ทูตานุทูต นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เฝ้าฯ รับเสด็จ พระที่นั่งองค์นี้มีลักษณะเป็นอาคารโถง หลังคาจัตุรมุข ยกพื้นสูง หลังคาจั่วมีกันสาดปีกนก มุขหน้าและหลังมีมุขประเจิด พื้นที่ด้านหน้าอาคารต่อเป็นหลังคาปะรำ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้สอย การที่สถาปนิกออกแบบให้พระนั่งทรงธรรมตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก หันหน้าไปทางทิศตะวันออกสู่พระเมรุ เนื่องจากพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพจะเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายไปจนถึงค่ำ ร่มเงาของพระที่นั่งทรงธรรม จะทอดสู่ลานและบันไดทางเสด็จพระราชดำเนินขึ้นพระเมรุ อีกทั้งผู้ที่อยู่บนพระที่นั่งทรงธรรม จะแลเห็นแสงเงาและสีสันอันงดงามของพระเมรุที่สะท้อนแสงอาทิตย์ในช่วงบ่ายถึงเย็น ที่มา : http://www.princessbejaratana.com/th/knowledge01.php จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:36:57

ความคิดเห็นที่ 66 ใกล้หกโมงเย็นเริ่มเปิดไฟบางส่วนของพระเมรฯ 18.31 น.จากท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆ เริ่มมีปุยเมฆก่อตัว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:37:17

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นสายยาวขึ้นเรื่อยๆไปทางทิศเหนือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:37:44

ความคิดเห็นที่ 68 ความสวยงามยืนยาวเพียงแค่ 12 นาที จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:38:03

ความคิดเห็นที่ 69 18.45 น.ฟ้าเริ่มมืด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:38:25

ความคิดเห็นที่ 70 พระเมรุฯที่เปิดไฟ เด่นเป็นสง่างาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:38:54

ความคิดเห็นที่ 71 พระเมรุปิดให้เข้าชมเวลา 19.30 น.โดยดับไฟพระเมรุ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:39:29

ความคิดเห็นที่ 72 ยกเว้นวันสุดท้ายที่เปิดถึงสี่ทุ่ม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:39:53

ความคิดเห็นที่ 73 ออกจากสนามหลวงไปเดินเล่นตลาดนัดริมคลองคูเมืองเดิม ทางด้านสะพานผ่านพิภพลีลา สะพานผ่านพิภพลีลา เป็นสะพานข้ามคลองคูเมืองเดิม หรือที่เรียกกันผิดๆว่าคลองหลอด เป็นสะพานเชื่อมระหว่างถนนราชดำเนินกลางและถนนราชดำเนินใน บริเวณใกล้สนามหลวง สะพานผ่านพิภพลีลาเดิมเป็นสะพานโค้งมีโครงเหล็ก ใน พ.ศ. 2445 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสะพานใหม่ให้กว้างและงดงามขึ้น เช่นเดียวกับสะพานมัฆวานรังสรรค์ซึ่งสร้างเมื่อ พ.ศ. 2443 เพื่อรับกับถนนราชดำเนินในที่สร้างขยายใหม่ เมื่อสร้างเสร็จ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสะพานว่า "สะพานผ่านพิภพลีลา" และเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดสะพานเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2449 สะพานผ่านพิภพลีลาเป็นสะพานที่มีความเอียงน้อยมาก เกือบเสมอกับระดับถนน และมีราวลูกกรงสะพานเป็นเหล็กดัดที่มีลวดลายงดงาม หลังจากนั้นได้มีการปรับปรุงสะพานผ่านพิภพลีลามาโดยตลอด ที่สำคัญคือการปรับปรุงเมื่อมีการก่อสร้างสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยได้ขยายและเบี่ยงสะพานผ่านพิภพลีลา ให้พ้นทางลาดของสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าจนไม่หลงเหลือเหล็กดัดปรากฏให้เห็น ที่มา : วิกิ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:40:34

ความคิดเห็นที่ 74 เชิงสะพานฝั่งด้านถนนราชดำเนินใน ตรงหัวมุมระหว่างถนนราชดำเนินในและถนนราชินี คือที่ตั้งของ เทวาลัยพระศรีวสุนธรา หรือ  ศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กับสนามหลวงมายาวนาน   พระแม่ธรณีบีบมวยผม เป็นศาลตั้งอยู่ถนนราชดำเนินใน ใกล้โรงแรมรัตนโกสินทร์และสะพานผ่านพิภพลีลา สร้างขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นปูนปั้น รูปพระแม่ธรณีกำลังบีบมวยผม มีน้ำสะอาดไหลออกมาจากปลายมวยผม สามารถใช้ดื่มกินได้ พระแม่ธรณีบีบมวยผม สร้างจากพระราชดำริของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เพื่อแจกจ่ายน้ำดื่มบริสุทธิ์ให้ผู้คนทั่วไป โดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่กำลังทรงพระยศเป็นเจ้าฟ้าวชิราวุธฯ อยู่นั้น พระราชทานคำแนะนำให้สร้าง อุทกทาน เป็นรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม ปั้นขึ้นด้วยฝีพระหัตถ์ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ร่วมกับ พระยาจินดารังสรรค์ แล้วเสร็จทำพิธีเปิดในวันที่ 27 ธ.ค.2460 อันเป็นวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพง อุทกทานนี้ถูกชาวบ้านเข้ามาขโมยเอาอุปกรณ์ท่อน้ำต่างๆไป จนทำให้ใช้การไม่ได้ และได้รับการซ่อมแซมให้ใช้ได้เหมือนเดิมในรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่สถานที่นี้ก็ไม่ได้ใช้เป็นที่แจกจ่ายน้ำสะอาดอีกต่อไป คงเหลือแต่ศาลศักดิสิทธิ์ ที่ให้ผู้คนมาสักการะเท่านั้น รูปพระแม่ธรณีบีบมวยผมแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ จึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของหลายหน่วยงาน ที่มา  :   http://www.guidescenter.com/message_board.php?msg_type=2&msg_id=8845 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:41:00

ความคิดเห็นที่ 75 ถนนราชินีหลังศาลยุติธรรมช่วงนี้ ตั้งแต่ศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม จนถึงถนนหลักเมือง เดิมเป็นที่พักของคนเร่ร่อน นอกเหนือไปจากสนามหลวง ซึ่งปัจจุบันมีการล้อมรั้วไม่ให้มีการค้างคืน ต่อมาเริ่มมีการจับจองขายเสื้อผ้าและรองเท้าเก่าบนทางเท้าริมคลอง ไปๆมาๆขยับขยายกลายเป็นตลาดนัดกลางคืน เริ่มตั้งเป็นตลาดกันตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงตีสองของทุกวัน กลายเป็นแหล่งเดินเล่นทานข้าวนอกเหนือไปจากท่าพระจันทร์ เมื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนสั้นๆประมาณ 50 เมตร ข้างศาลยุติธรรมที่เชื่อมระหว่างถนนราชดำเนินในและถนนราชินี หลังศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม สองข้างถนนจะเต็มไปด้วยร้านแผงลอยและรถเข็นขายของกิน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:41:35

ความคิดเห็นที่ 76 เช่น ร้านขายข้าวแกง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:41:59

ความคิดเห็นที่ 77 ข้าวโพดนึ่งคลุกเนย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:42:20

ความคิดเห็นที่ 78 ของทอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:42:38

ความคิดเห็นที่ 79 ไส้กรอกอิสาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:43:00

ความคิดเห็นที่ 80 ของปิ้งย่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:43:26

ความคิดเห็นที่ 81 ที่มีร้านมากที่สุดคือร้านตี๋ซึ่งอยู่ทางด้านขวา มีตั้งแต่ตี๋ผัดไท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:43:48

ความคิดเห็นที่ 82 ตี๋ก๋วยเตี๋ยวไก่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:44:12

ความคิดเห็นที่ 83 ตี๋เย็นตาโฟ(คนละร้านกับที่สำราญราษฎร์) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:44:37

ความคิดเห็นที่ 84 และตี๋ข้าวมันไก่ตอน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:44:55

ความคิดเห็นที่ 85 รองลงมาคือร้านนครสวรรค์ที่อยู่ถัดไป มีทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือนครสวรรค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:45:16

ความคิดเห็นที่ 86 นครสวรรค์ข้าวขาหมูและก๋วยจั๊บ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:45:36

ความคิดเห็นที่ 87 ถึงแยกตัดกับถนนราชินีเลี้ยวขวา ตรงสามแยกเป็นรถขายเครื่องดื่ม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:45:55

ความคิดเห็นที่ 88 ผลไม้แห้งและผลไม้เชื่อม มีเกือบหกสิบชนิด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:46:18

ความคิดเห็นที่ 89 ตรงเชิงสะพานไม่มีชื่อข้ามคลองคูเมืองเดิมไปฝั่งถนนอัษฎางค์ มีร้านขายพิซซ่าชื่อ"VAVA" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:46:42