ความคิดเห็นที่ 1 แล้วแต่สูตรใครสูตรมัน ร้านแกงไต้แต่ละร้านน้ำพริกไม่เหมือนกันเลย น้ำพริกกะปิจะอร่อย กะปิและน้ำตาลปีปดียังไงก็อร่อย จากคุณ : แมงเม่าเป๋าตุง เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 14:24:52

ความคิดเห็นที่ 2 กะปิต้องดีครับ กะปิหอมๆ ตอนตำ อันดับแรก ตำกะปิกับกระเทียม ให้เข้ากันก่อนครับ เพราะ กระเทียมจะไปกลบกลิ่นคาวส่วนเกินออกไป ปรุงรสตามชอบ สุดท้ายต้องจบด้วย น้ำสุก ล้างครก ทีเด็ดมันอยู่ตรงนี้ จากคุณ : zigma-x เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 14:39:22

ความคิดเห็นที่ 3 กะปิเคยคะ เราคนเหนือคะ ซื้อกะปิใต้มาตุนไว้ที่บ้าน ซื้อกุ้งทางใต้มาตุนไว้ที่บ้าน กะปิห่อใบตองหมก เอากุ้งแห้งมาแช่น้ำร้อนให้อ่อนตัว ที่เหลือก้อ สูตรใครก้อว่าไปตามนั้นคะ จากคุณ : Pantip me via New iPad (กินรีสีชมพู) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 15:05:16

ความคิดเห็นที่ 4 อาหารไทยต้องปรุงให้ได้ 3 รส ถึงจะกลมกล่อมครับ น้ำพริกกะปินี่ต้องใช้กะปิอย่างดี นำมาห่อใบตองปิ้งให้สุกหอม น้ำตาลปี๊บก็ต้องใช้อย่างดีนะครับ ผมซื้อที่ตลาดบางบอน โลละ 30 เอง แต่ถ้าซื้อที่หนองแขมโลละ 35-38 เชียวครับ น้ำพริกกะปิต้องใส่กุ้งแห้งป่นด้วยเพื่อเพิ่มความข้น แต่ต้องไม่ข้นจนเป็นโคลนนะครับ ดังนั้น เค้าจึงนิยมเติมน้ำสุกเข้าไปเพื่อให้น้ำพริกใสขึ้น แต่ผมจะเติมด้วย น้ำส้มคั้นสด แทนครับ จะเพิ่มรสและกลิ่นได้ดีกว่า แต่น้ำส้มสดตอนนี้แพงมาก ๆ ถ้าไม่มีจริง ๆ ผม ก็จะใช้น้ำส้มสแปลชมาแทนครับ แต่ตอนปรุงต้องลดหวานลงนิดนึง เพราะน้ำส้มสแปลช มีรสหวานกว่าน้ำส้มสดครับ ผมมักจะเพิ่มเนื้อสัมผัส รส และกลิ่นลงในน้ำพริกด้วยผลไม้เปรี้ยวตามฤดูกาลครับ เช่น สละ มะม่วง มะยม มะดัน แต่ถ้าใครหามะอึกได้ ก็ใช้มะอึกนั่นแหละอร่อยที่สุด อย่าลืมใส่มะเขือพวงบุบ ๆ และพริกขี้หนูบุบ ๆ ลงไปในน้ำพริกด้วยนะครับ เพิ่มสีสัน และเผื่อคนชอบทานเผ็ด ๆ ก็จะทานลูกโดดได้ จากคุณ : sakchai splash เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 15:24:57

ความคิดเห็นที่ 5  คอนเฟิมคะ น้ำพริกกะปิต้องโขลกกุ้งแห้งใส่ไปด้วย                   และพริกก็ต้องเป็นพริกขี้หนูสวนเม็ดเล็ก ๆ นะคะ แหล่มเลย จากคุณ : บ่งบ๊ง เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 15:40:48

ความคิดเห็นที่ 6 เริ่มตั้งแต่เลือกกะปิแหละครับ มีสองแบบ คือ กะปิแกง กับ กะปิทำน้ำพริก เพราะความเค็มจะไม่เท่ากัน สูตรบ้านผม ที่ยายทำ ก็ประมาณนี้ครับ เริ่มที่ กะปิดี เอาไปห่อใบตองแล้วย่างไฟให้หอม ไม่งั้นเอาไปนึ่งก่อนหรือเข้าไมโครเวฟ ฆ่าเชื้อ     พริกขี้หนูสด     กะเทียม     น้ำตาลปี๊ป     มะนาวสด คลึงให้หมดน้ำมันที่ผิว แล้วหั่น จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำ (ที่บ้านจะใส่ส้มจี๊ด ส้มทางใต้ไปด้วย)     กุ้งแห้ง(จะไม่ใส่ก็ได้) ขั้นตอนทำ     ตำพริก กะเทียมให้แหลก จะเผ็ดมากเผ็ดน้อยก็สุดแต่ใจปรารถนา     กุ้งแห้งตามลงไป ตำให้พอหยาบก็พอ จะได้เอาไว้เคี้ยว     จากนั้น ตามด้วยกะปิ แล้วใช้สากบี้ๆให้รวมกับพริก กะเทียม กุ้งแห้งที่ตำไว้เเล้ว     ปรุงรสด้วย น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊ป แล้วชิมรส ออกเปรี้ยว เค็ม หวานปลายๆ สามรส     เท่านี้แหละครับ ไม่ยากหรอก ไม่ต้องพึ่งผงชูรส ใส่เพื่ออะไรกันนักหนากับน้ำพริก ผมก็ไม่เข้าใจพวกแม่ค้าที่ทำขายจริงๆ         ขอให้อย่าขี้เหนียวเครื่อง ไม่งั้นมันไม่ถึงรสชาติ     หลังจากตักน้ำพริกใส่ถ้วยเเล้ว ส่วนที่เหลือในครก ให้เอาข้าวสวยร้อนๆลงไปคลุก เติมน้ไปลานิดนึง อร่อยมากๆ ............................ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 55 16:47:10 จากคุณ : คนชุมพรนอนกรุงเทพ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 16:21:08

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ละสูตรก็คงไม่เหมือนกัน แล้วแต่คนชอบอีกเช่นกัน สำหรับเรา ทำแบบง่าย ๆ ที่สำคัญ ทำทีไรเปลืองข้าวทุกที ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ น้ำพริกสารพัด  แล้วก็สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ผักค่ะ  ยิ่งเยอะยิ่งน่ากิน ภาพประกอบนี่เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้นี้เอง  ใส่กุ้งแห้ง  ไม่มีปลาทูทอด เพราะไม่ได้อยากกินปลาทู  ผักทั้งหลายหาเก็บเอาหลังบ้าน จากคุณ : PIK-DIK-DEE เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 16:40:54

ความคิดเห็นที่ 8 สับมะม่วงเปรี้ยวใส่หน่อยอร่อยคะ จากคุณ : เซ็กซี่แจ๊สซี่ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 16:40:58

ความคิดเห็นที่ 9 กะปีอย่างดี และต้องปิ้งสุกด้วย น้ำตาลปิ๊ป เท่านั้น เพชรบุรียิ่งดี จากคุณ : หนูหริ่ง (chaleambui) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 17:26:40

ความคิดเห็นที่ 10 ตามข้างบนว่ามาถูกต้องทั้งหมด  ส่วนประกอบดี มีชัยไปกว่าครึ่ง กระปิเคย ห่อใบตองปิ้ง(เตาถ่าน) กระเทียมใช้กระเทียมไทยกลีบเล็ก จะหอม ไม่ฝาดหรือขมเหมือนกระเทียมจีน พริกใช้พริกขี้หนูสวน  ยิ่งตำเป็นลูกโดด ดองไว้ในน้ำพริก  หอมอร่อยอย่าบอกใคร น้ำตาลปี๋บ (ทางใต้บางสูตรใช้น้ำตาลแว่นสีน้ำตาล หอมอร่อยอีกแบบ) มะนาวสด กุ้งใช้กุ้งแห้งดีๆจะหอม ถ้าเป็นน้ำพริกกุ้งสด ใส่กุ้งชีแฮ้ลวกลงไปด้วย ถ้าน้ำพริกมะม่วง ต้องมะม่วงเบาซอย ถ้าไม่มีใช้มะม่วงเปรี้ยวซอยแทน(นิยมทำช่วงมะนาวแพง)  แต่มาตรฐาน ก็ต้องน้ำพริก มะอึก หรือน้ำพริกมะเขือพวง จากคุณ : panmai เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 20:53:21

ความคิดเห็นที่ 11 อ่าน #6 ได้สองบรรทัด เดาเลยว่าคุณ คนชุมพรนอนกรุงเทพ แหงๆ แล้วก็ใช่จริงด้วย เพราะเราไม่ค่อยได้ยินคนที่อื่นพูดถึงกะปิแกงกับกะปิน้ำพริก (บ้านเราเรียกกะปิว่าเคย) ปกติเราตำน้ำพริกส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่กุ้งแห้งเพราะขี้เกียจตำ กุ้งแห้งต้องตำในครกแห้งค่ะ มันถึงจะปุยฟู ตำเสร็จแยกไว้ก่อนเพราะกุ้งแห้งที่ป่นดีแล้วจะขัดขวางการตำสิ่งอื่นในครก แต่ถ้ารีบๆและต้องการกุ้งเป็นชิ้นๆ ก็ตำพร้อมกันได้ เริ่มจากใส่พริกขี้หนูสวนกับกระเทียมไทยอย่างละประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ลงในครก (พริกเพิ่ม-ลดได้ตามความชอบ หากไม่แน่ใจก็ใส่เท่านี้ก่อน พอตำเสร็จเผ็ดไม่พอค่อยบุบลูกโดดตามไป) ใส่กะปิสองช้อนโต๊ะ ตำๆๆ ให้เข้ากัน พริกกับกระเทียมจะช่วยลดความคาวของกะปิ ถ้ากะปิดีๆหอมๆ ไม่ต้องเผาไฟก็ได้ ปกติเราก็ไม่เผา     ***สำหรับเรา เราไม่ชอบกะปิที่ใส่กระปุกพลาสติกขาย เนื้อสัมผัสแน่นๆเหนียวๆ สีอ่อนๆ รู้สึกว่าไม่ค่อยหอม และเนื้อไม่ดีเลยค่ะ พอตำแหลกดีใส่น้ำตาลปี๊บประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะ ตำให้เข้ากันแล้วชิมรสให้เค็มหวานอย่างที่ชอบ (ถ้าจะใส่กุ้งแห้งที่ตำไว้แล้วก็ใส่ตอนนี้ กุ้งแห้งจะดูดน้ำในครกก็เติมน้ำต้มสุกนิดนึงให้คลุกได้ อย่าลืมว่ากุ้งแห้งมันเค็ม ต้องเผื่อความเค็มไว้ด้วยนะคะ) ที่ยังไม่ใส่มะนาวเพราะมันจะแฉะและตำยากหากเราต้องการใส่อะไรเพิ่มเพื่อแก้ไขรสชาติ ชิมรส ใส่น้ำมะนาวเป็นอย่างสุดท้าย แล้วชิมอีกครั้งค่ะ ***ตำน้ำพริกต้องชิมรส ถ้ายังไม่ชำนาญ เพราะกะปิที่ซื้อมาแต่ละรอบอาจเค็มไม่เท่ากัน น้ำตาลปี๊บแต่ละชนิดก็หวานไม่เหมือนกัน ถ้าคนที่เค้าทำอร่อยอาจจะชิมกะปิตั้งแต่แรกเลย แล้วเค้าก็จะกะปริมาณได้ น้ำพริกกะปิของเราจะไม่เติมน้ำให้เหลว เพราะเราคิดว่าปรุงรสชาติถูกใจแล้วไม่อยากเจือจางมันลง อีกอย่างวิธีการกินน้ำพริกทางใต้มักจะใช้มือหยิบผักจิ้มน้ำพริกแล้วเอาเข้าปาก ถ้าน้ำพริกเหลวมากจะจิ้มไม่ค่อยติดค่ะ และเราก็ไม่ค่อยเห็นน้ำพริกใส่มะเขือพวงบุบอย่างทางภาคกลางด้วย อาจเพราะเราจะกินกับผักมากๆอยู่แล้ว จากคุณ : *~KingFisho~* เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 00:32:09

ความคิดเห็นที่ 12 ไปบ้านที่แม่กลองเมื่อวาน ซื้อกะปิเคย ๒ กก. น้ำตาลปึก ๓ กก. กุ้งแห้งครึ่งกก. อันนี้แพงที่สุด เอาไว้ตำน้ำพริก ตำไปชิมไป ไม่มีสูตร กินกับปลาทูทอด ใช้ปลาทูสด ผักต่างๆ อร่อยจริงๆ จากคุณ : AUNTY A เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 16:19:10

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับเราต้องใส่มะอึกด้วย ขูดขนออกหั่นเล็กๆแล้วตำลงไปด้วยตอนท้ายจะทำให้น้ำพริกเรารสกลมกล่อมมาก ถ้าใส่ส้มจี๊ดเสริมกับมะนาวไปด้วยยิ่งอร่อยค่ะ แต่หาซื้อยากเหมือนกัน จากคุณ : น้องสาหร่าย เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 23:42:08

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อก่อนตำอย่างไรก็ไม่อร่อย ทุกอย่างเลือกอย่างดี ลงท้ายไม่อร่อย แต่เดี๋ยวนี้ทำอร่อยแล้ว เพราะได้เคล็ดลับจากคุณแม่ของสามี ไม่เกี่ยงกะปิ ไม่ใส่กุ้งแห้ง ก็อร่อยได้ เคล็ดลับคือต้องลำดับการตำแต่ละสิ่ง อย่าข้ามขั้นตอน ๑. กระเทียมตำพร้อมกะปิ ตำให้แหลกแล้วยกสากขึ้นมาดม กลิ่นกระเทียมต้องแรงกว่ากะปินิดนึง ถ้ากลิ่นกะปิแรงกว่า ให้เพิ่มกระเทียมลงไปตำอีกเล็กน้อย ๒. ใส่พริกลงไปโขลก จำนวนพริกตามชอบ ๓. ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปโขลก ปริมาณตามชอบ ควรใส่แต่น้อยก่อน เสร็จแล้วให้ชิมรสในครกว่าพอดีกับที่ต้องการหรือยัง อยากเพิ่มน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ก็ทำเสียให้จบในขั้นตอนนี้ ๔. สุดท้าย ปีบมะนาวใส่เป็นขั้นตอนสุดท้าย คนให้เข้ากันด้วยสาก แล้วตักใส่ถ้วย น้ำพริกที่ติดอยู่ที่ครก ให้ใช้เปลือกมะนาวเช็ดจากบนลงล่าง จะได้น้ำพริกก้นครกที่มีกลิ่นและน้ำมะนาว หอมชวนน้ำลายสอ ลองดูนะคะ ไม่ต้องไปสรรหาวัตถุดิบที่ไหน พิสูจน์จากของเดิม ๆ เอาที่มีอยู่ตอนนี้น่ะแหละ ลองตำตามขั้นตอนนี้ดู อร่อยได้จริง ๆ แต่ถ้าได้กะปิเคยที่ดี ๆ ก็จะยิ่งอร่อยมากขึ้นค่ะ จากคุณ : ประดับดาว เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 21:10:55