ดราม่าของร้าน Shibuya Shabu
|
 |
หลังจากผมติดตามร้าน shibuya shabu มาตั้งเเต่เปิดร้านใหม่ๆ จนตอนนี้
รวมถึงประสบการณ์ที่เคยไปทานด้วยตัวเอง
เรื่องดราม่าที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นเพราะความผิดพลาดของทางร้าน ซึ่งความจริงทางร้านวางตำแหน่งตัวเองไว้ที่ ร้านชาบู ที่มีชาบูดีๆเป็นจุดขาย เเละ ซูชิเป็นส่วนเสริม สังเกตุได้จากชื่อร้าน เละจำนวนเซฟที่ปั้นซูชิ ที่มีแค่ 2 คน เพราะคงคิดว่า คงไม่มีคนกินซูชิเยอะขนานี้
แต่ผิดคลาด สิ่งที่ทำให้ร้านดังกลับไม่ใช่ชาบู ซึ่งทางร้านวางไว้เป็นอาหารหลัก แต่กลับเป้นคุณภาพของซูชิ ซึ่งถ้านับเป็นบุฟเฟ่ ซูชิที่เสริฟมาถือว่าคุ้มค่าเกินราคา 550 หรือ 590 จริงๆ
นั่นนำมาซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้น จนร้านไมาสามารถคงราคาเดิมไว้ได้
ส่วนดราม่าที่เกิดขึ้นกับทางร้านนั้น ส่วนตัวผมไม่คิดว่าปัญหาอยู่ที่การขึ้นราคา ตัวผมเองยังคิดว่าราคา 690 บาทยังเหมาะสมอยู่(แต่ถ้ามากกว่านี้ไม่เเล้วนะ)
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือทัศนคติในการมองลูกค้าเเละทำธุรกิจของเจ้าของร้าน
1.เจ้าของร้านกำลังฝืนธรรมชาติของการเป็นร้านบุฟเฟ่ การบังคับให้ลูกค้าทานของให้หมด ห้ามเหลือ เป็นสิ่งที่ดี แต่มันเป็นเรื่องที่เปราะบางเเละกระทบความรู้สึก คนหลายๆคน เเม้เเต่ร้านอาหารเเบบ a la carte เขาก็ยังทานเหลือ หรือไม่ทานของที่ไม่ชอบ ซึ่งร้านเเบบบุฟเฟ่นั้น น่าจะมีการคิดราคาของเหลือในส่วนนี้รวมไว้ในค่าอาหารเเล้ว การตัดราคาส่วนของเหลือออกเเล้วมาบังคับ ตรวจสอบลูกค้าให้ทานให้หมด ผมว่ามันฝืนธรรมชาติของการเป็นร้านบุฟเฟ่
2.วุฒิภาวะในการตอบลูกค้า ซึ่งก่อนหน้าที่ผมจะไปทาน ก็เคยมีคดีผักเท็มปุระออกมาก่อนเเล้ว ตอนอ่านหัวข้อ ผมเห็นใจเจ้าของร้านมาก แต่หลังจากอ่านการโต้ตอบ ผมกลับรู้สึกว่าเจ้าของร้านวุฒิภาวะน้อยมาก ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าอ้างว่าผักผมน้ำมันเลยไม่ทาน เจ้าของร้านกลับตอบกลับมาว่า เเล้วกุ้งไม่อมน้ำมันเลยหรอค่ะ ความจริงที่เจ้าของร้านพูดหนะถูก เเต่ถ้อยคำประชดประชันเเบบนี้ไม่ควรใช้กับลูกค้า
ผมไม่เชื่อว่าลูกค้าคือพระเจ้า เพียงเเต่การประชดประชันเเบบนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรกับทางร้านเลย
จากคุณ |
:
ผมเพื่อนโดม
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ก.ค. 55 11:40:14
|
|
|
|