ความคิดเห็นที่ 1 ไม่รู้สูตรนะครับแต่ ปกติที่กินเนี่ยถ้าไม่เย็นมันก็ไม่แน่นนะครับถ้าจะกินแน่นๆก็ต้องแช่เย็น(ประมาณของ S&P) ถ้าไม่เย็นแล้วยังพอแน่นบ้างเนี่ยเหมือนจะเป็นชีสเค้กหรือเปล่า จากคุณ : pipenatty เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 13:57:55

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนแรกใช้สูตรอาจารย์ยิ่งศักดิ์ค่ะ เพราะคนที่รับไปขายเค้าอยากได้เหมือนกับเจ้าเก่าที่ส่งเค้า เผอิญเค้ามีปัญหากัน ก็เลยให้เราทำส่งแทน เพราะเราส่งบราวนี่เค้า ยอมรับว่าเค้กเนยที่ทำยากจริงๆ เคยทำครั้งแรกสูตรคุณจ้ำจี้ แต่ไม่สำเร็จ เลยเข็ด พอมาครั้งนี้ ใช้สูตรอาจารย์ยิ่งศักดิ์ แต่ผสมหลายขั้นตอนเหลือเกิน พอมาเจอ pound cake ของคุณสายสุนีย์ ง่ายเหมือนตีสปันจ์ แถมรสชาดก็คล้ายๆกับสูตรอาจารย์ยิ่งศักดิ์ แต่มาวันนี้ เค้าบอกว่ามันไม่แน่น แต่มันนุ่มเหมือนสปันจ์ ครั้งก่อนก็บอกมันไม่หอมเนย เราก็เปลี่ยนมาใช้ออร์คิด เฮ้อออ หมดเงินไปเยอะแล้วนะเนี่ย ยังไม่ได้ทุนคืนเลย จากคุณ : bangnuu เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 14:13:20

ความคิดเห็นที่ 3 หาเรื่องติเพื่อจะขอลดราคาป่าวคับ...  (เคยเจอลูกค้าแบบนี้) จากคุณ : คนไม่มีดี เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 14:47:36

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าตอนแรกที่ทำส่ง เค้าโอเคกับรูปร่าง รสชาติ กลิ่น ความนุ่มและแน่น ของขนม ก็ทำแบบเดิมแหละคะ  บางครั้งลูกค้าก็ชั่งติไปงั้น (ไม่ได้ติเพื่อก่อ) ถ้ามีปัญหาเรื่องกลิ่น บัตเตอร์เค้กส่วนใหญ่ใส่กลิ่นนมเนย จะหอมกว่าการเปลี่ยนชนิดเนย คะ  แต่ถ้าติจนเลยเถิดไปถึงเรื่องราคา อันนี้ก็ต้องคิดอีกทีคะ ความเห็นส่วนตัวนะ  : ของบางอย่างไม่จำเป็นต้องเป็นของที่ราคาแพงหรือดีที่สุด  ของราคาปานกลาง คุณภาพโอเค  ก็สมารถทำขนมได้อร่อยเหมือนของราคาแพง คะ จากคุณ : nanacake (nanacake) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 16:44:19

ความคิดเห็นที่ 5 เคยใส่กลิ่นนมเนยแล้วค่ะ เค้าบอกว่ากลิ่นมาการีนแรงไป ทั้งๆที่สัดส่วนเนย 180 เราแบ่งใส่เนยเป็น 150 มาการีน 30 แต่แอบใส่กลิ่นนมเนย เพราะเค้าบอกว่าสูตรของเจ้าเดิม หอมเนย แต่ที่เราชิม มันไม่ใช่กลิ่นเนยอ่ะ แต่พอเราใส่กลิ่น เค้าก็บอกแรงไป วันนี้ก็ว่าจะลองกลับไปตีสูตรเดิม ที่แยกไข่แดงไข่ขาวค่ะ เพราะทำครั้งแรก มันออกมาดีมาก แต่พอทำอีกครั้ง เนื้อกลับแห้ง บอกตรงๆว่าตอนนี้จิตตกกับการทำเค้กเนยมาก ไม่แน่ใจว่าการอบแบบรองน้ำมีส่วนทำให้เนื้อเค้กมีความชื้นหรือเปล่าคะ เพราะตอนเช็คสุก ก็ไม่มีเนื้อเค้กติดไม้จิ้มฟัน แต่พอเอามาตัดอีกวันนึง รู้สึกว่าเนื้อเค้กชื้นๆ เลยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร จากคุณ : bangnuu เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 17:02:27

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ คนไม่มีดีคะ ราคาที่เราส่งเค้าถูกมากเลย เพราะจริงๆพี่เค้าก็เสนอมาเอง แต่เราคิดว่าเค้าน่าจะติเพื่อก่อให้เกิดสิ่งที่ดี เพราะเรากับเค้าก็เป็นลูกค้ากันมานานแล้วเหมือนกัน ก็พอเข้าใจว่าเค้าก็คงอยากให้เราทำให้ดีที่สุด เพราะอย่างน้อยชื่อที่ติดบนถุงขนมก็เป็นชื่อเรา แต่ตอนนี้แอบเสียใจนิดๆ ที่ทำมาหลายครั้งแล้วก็ไม่ได้สักที ทั้งๆที่เค้กสปันจ์ที่เค้าบอกยาก ก็ยังทำได้ แต่เค้กเนย ที่เป็นเบสิคของการทำเค้กกลับทำให้ได้ดีไม่ได้สักที สงสัยคงต้องไปลงเรียนแบบที่เค้าบอกมาสักที จากคุณ : bangnuu เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 17:05:19

ความคิดเห็นที่ 7 สูตรคุณนีย์จะออกนุ่มเบาแล้วแต่คนชอบแบบไหนค่ะ ส่วนสูตรคุณจ้ำจี้จะออกเนื้อแน่นแบบเค้กเนยดั่งเดิม ถ้าชอบแบบแน่นเนียนอ่านวิธีทำสูตรคุณจ้ำจี้ให้ละเอียดแล้วทำตามนั้นจะได้ผลดีมากค่ะ ลองอีกครั้งนะคะ ขออนุญาตลงสูตรและวิธีทำของคุณจ้ำจี้ด้วยนะคะ......................... ถ้าใครมาถามผมว่า อยากทำเบเกอรี่ จะเริ่มจากอะไรดี ผมก็ต้องตอบไปว่า "ต้องเริ่มด้วยบัตเตอร์เค้กสิ" ถ้าใครอบบัตเตอร์เค้กพอกินได้ แสดงว่าพลังแห่งขนมอบกำลังเป็นของเค้า may the cake be with you. มาดูสูตรกันเลยครับ สูตรนี้จะได้เค้ก 2 ปอนด์นะครับ เนยสด (เค็ม) 150 กรัม เกลือป่น 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทรายป่น 170 กรัม ไข่ไก่ 3 ฟอง (เบอร์ 2) แป้งเค้ก 170 กรัม ผงฟู 2 ช้อนชา วนิลา 2 ช้อนชา นมสด(จืด) 100 กรัม ก่อนอื่น ก็ร่อนแป้ง ผงฟู และวนิลาผง (ถ้าใช้วนิลาน้ำ ให้นำไปผสมกับส่วนของไข่ไก่นะครับ) เข้ากัน ร่อนแล้ว ก็นำส่วนที่ร่อนแล้วมาร่อนอีกครั้ง (ส่วนใหญ่ผมจะทำ 3 รอบ) เพื่อให้ผงฟูกระจายตัวเข้ากับแป้ง เพื่อลดการเกิดฟองในเค้ก แล้วพักไว้ก่อนนะครับ ทีนี้ก็นำเกลือป่น กับเนยเย็นๆ มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่โถไว้เลยครับ แล้วก็ตีเนยด้วยความเร็วต่ำ ไล่ไปเรื่อยๆ ถึงความเร็วสูง ตีเนยจนเนียน ห้ามตีจนเหลวนะ ให้เนยเนียนแต่ยังเย็นอยู่ แตะข้างโถตีดูก็ได้ จะเย็นๆ สังเกตดูจากภาพจะเห็นว่า เนยยังเป็นก้อนเพราะความเย็นอยู่ แต่เนียนพอจะตีเข้ากับน้ำตาลได้แล้ว เสร็จแล้ว ก็ค่อยๆใส่น้ำตาลป่นลงไป น้ำตาลป่นนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า granulated sugar นะครับ ไม่ใช่ powdered sugar ที่หมายถึงน้ำตาลไอซิ่ง (Icing) นะครับ คนละตัวกันนะ ช่วงนี้ก็ยังตีด้วยความเร็วสูงอยู่ ใส่น้ำตาลป่นไปเรื่อยๆ ตีไปเรื่อยๆ เมื่อผสมน้ำตาลหมดแล้ว จะได้ครีมฟูเบาถ้ายังไม่ได้ ก็ตีต่อไปอีกหน่อยครับ แล้วก็เริ่มใส่ไข่ลงไป ผมใช้เทคนิคการตีไข่เหมือนตีไข่เจียวก่อนครับ แล้วค่อยๆเทลงไปเป็นสายเล็กๆ ทีละนิด ทีละนิด เพื่อให้ได้เนื้อเค้กเนียน เทลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่เปิดเครื่องตีด้วยความเร็วสูงเช่นเดิม ค่อยๆผสมไข่ลงไปจนหมดแล้วก็นำส่วนผสมแป้งที่พักไว้ ใส่ลงไป โดยแบ่งใส่ 3 รอบครับ อย่าใส่พรวดเดียวหมดนะ ใช้ตะกร้อมือหรือตะล่อมด้วยพายยาง ค่อยๆทำอย่างเบามือ จนไม่เห็นเม็ดแป้ง แล้วจึงใส่นมสดลงไป เช่นเดียวกับแป้ง คือแบ่งใส่นมสด ให้ได้ 3 รอบ ไม่เทพรวดเดียวหมดทำซ้ำสลับกันไปเรื่อยๆ แป้ง นม แป้ง นม แป้ง นม จนหมดแป้งและนมสดเตรียมถาดฟอยล์ โดยไม่ต้องทาไขมันหรือกรุกระดาษไข แต่หากใช้พิมพ์เค้ก (ซึ่งจะหนาและแข็งกว่าถาดฟอยล์) ให้ทาเนยขาวไว้ด้านในพิมพ์ แล้วกรุกระดาษไขด้านใน ทั้งด้านล่างและด้านข้างของพิมพ์ เทส่วนผสมลงไปราวๆ 2 ใน 3 ของพิมพ์ แล้วอบไฟล่างเป็นเวลาราวๆ 50-55 นาที ขึ้นอยู่กับเตาอบ หากมีไฟบนก็สามารถเปิดใช้ ไฟบนไฟล่าง ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย เพื่อทำให้หน้าขนมมีสีสวยได้ หากไม่ชำนาญในการใช้เตาอบ ให้ทำการเช็คสุกเมื่ออบไปแล้วราวๆ 40 นาที (หากยังไม่สุก ทำการเช็คสุกซ้ำอีกทุกๆ 5 นาที) โดยใช้ไม้จิ้มฟัน แทงลงตรงศูนย์กลางของเค้ก แล้วยกขึ้นมาดู ถ้าไม่มีเค้กเหลวๆติดออกมา ก็แสดงว่าสุกแล้ว นำออกจากเตาได้เลย ใช้อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เมื่อเค้กเย็นแล้วให้ปิดฝาแล้วหุ้มขอบฝาด้วยริมฟอยล์ที่เหลือให้แน่น หรือในกรณีที่ไม่มีฝาถาดฟอยล์ หรือใช้พิมพ์เค้ก ให้หุ้มเค้กทั้งถาดหรือทั้งก้อน ด้วยwrap ห่ออาหาร หรือจะใช้ฟอยล์ห่ออาหารก็ได้ หุ้มให้สนิท ไม่ให้มีช่องให้อากาศหรือน้ำเข้าได้ แล้วนำไปแช่ตู้เย็นช่องฟรีส หรือช่องธรรมดา อย่างต่ำ 6 ชั่วโมง หากต้องการเค้กที่รสชาติดี ให้แช่ช่องธรรมดาไว้ 2 อาทิตย์ แล้วนำมาตัดทั้งเย็นๆ (เพื่อให้ตัดได้เรียบสวย ตัดเป็นชิ้นหนาราว 1 ซม. กินทั้งเย็นๆ กับน้ำชา กาแฟ นมสดร้อนๆ อร่อยมากครับ..................... ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมของคุณจ้ำจี้นะคะ 1ร่อนแป้ง+ผงฟู3รอบ 2ไข่ตีด้วยตะกร้อมือเล็กๆหรือส้อมให้แตกเข้ากันดีใส่แก้วมีปากเป็นกรวยจะง่ายในการเท 3ชั่งเนยแล้วตัดเป็นชิ้นเล็กๆใส่โถตีแล้วนำไปแช่เย็นไว้ก่อนค่ะ หรือจะให้ดีให้หาซื้อถุงเจลเย็นมีขายที่ไดโซ๊ะ เอามาแช่ฟรีทจนเย็นแล้วรองไว้ใต้โถตีจะช่วยให้เนยไม่ละลาย ถ้าหาซื้อไม่ได้ใช้น้ำแข็งใส่อ่างรองโถตีหรือแช่ผ้าขนหนูเย็นๆไว้ในช่องฟรีทแล้วเอามารองโถในขณะตีก็จะช่วยให้เนยไม่ละลายจนเหลว 3ตีเนยด้วยความเร็วสูงใช้หัวตะกร้อทะยอยใส่น้ำตาลทรายป่นไปเรื่อยๆทีละช้อนเล็กๆจนเนยฟูขาวจนน้ำตาลหมด 4ค่อยๆเทไข่ลงไปเป็นสายเล็กๆ อย่างใจเย็น...ใช้ความเร็วสูงเช่นเดิม  ห้ามเทพรวดหรือเทเร็วเกินไปขอย้ำ.... ให้เทเป็นสายเล็กๆจนหมดหยุดเอาพายคนแล้วตีต่อได้ค่ะ 5ปิดเครื่องยกโถออกมา ใส่แป้งลงไปโดยแบ่งแป้งไว้เป็น3ส่วนใส่ทีละส่วน นมสด3ส่วนกะๆด้วยสายตานะคะ ใส่แป้งทีละส่วน  เริ่มจากแป้งสลับกับนม เมื่อเริ่มจากแป้งก็ต้องจบสุดท้ายที่แป้ง  เวลาใส่แป้งก็ตะล่อมจนแป้งเข้ากับส่วนผสมดีก่อนจะใส่นมและตะล่อมหรือใช้ตะกร้อมือคนเบาๆและเร็วจนนมเข้ากับส่วนผสมดีแล้วจึงใส่แป้งอีกครั้งนะคะ ในขั้นตอนการผสมใช้การผสมแบบเร็วและเบาจนแป้งผสมเข้ากันดี ถ้าช้าเนยจะละลาย ส่วนผสมยุบ   นำไปอบ ... ขอขอบคุณสูตรอร่อยคุณจ้ำจี้ด้วยนะคะ  ขอให้ประสบความสำเร็จในการทำขนมนะคะ จากคุณ : นินจาไร้เงา เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 17:33:29

ความคิดเห็นที่ 8 คุณนินจาไร้เงา ขอบคุณมากค่ะ เคยทำสูตรคุณจ้ำจี้ตอนหัดทำเค้กเนยครั้งแรก ปรากฏว่าออกมาไม่ได้เรื่อง เป็นเพราะเราตีไม่ดีเอง ก็เลยเข็ดต่อการทำเค้กเนย แต่ตอนนี้คิดว่าฝีมือน่าจะพัฒนาแล้ว เดี๋ยวจะลองกลับไปทำตามอีกครั้งค่ะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำอธิบายเพิ่มเติม จากคุณ : bangnuu เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 08:50:33

ความคิดเห็นที่ 9 ขอตอบในฐานะลูกค้าดีกว่านะ ถ้าเป็นเราซื้อ pound cake กิน เราคาดหวังเนื้อที่ค่อนข้างแน่นตามแบบ pound cake ต้นตำรับอะ บ่อยๆที่เคยซื้อเค้กที่บอกว่าเป็นเค้กปอนด์ แต่พอกินเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันเหมือนกับที่จขกท.บอกว่าลูกค้าติว่าเนื้อเบาไป ครั้งหลังก็ไม่ซื้ออีก คือถ้าลูกค้าที่คุ้นกับเค้กปอนด์แบบต้นตำรับ ก็คงจะคาดหวังเนื้อแบบนั้น จากคุณ : สองเกลอ เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 10:16:44