ความคิดเห็นที่ 1 เป็นอาหาร ที่อยู่คู่กับ ข้าวเกรียบปากหม้อ  ขนมเบื้องญวน มานาน และ แป้งสาคู (ที่ทำจากสาคูจริง ๆ ไม่ใช่แป้งมันปั้นเม็ด)มีมากบริเวณป่าชายเลยของเวียตนามใต้ ชาวเวียตนามใต้เอง ก็ ชานาญการใช้แป้งสาคู มาละเลง ลงบน หม้อคาดปาก (เพราะมัน เละเหลวมากกว่าสาคูมันสำปะหลัง)มันจึงเป็นอาหารปากหม้อชนิดหนึ่ง แต่ ที่ กลายมาโดยใช้แป้งสาคู ที่ทำจากแป้งมันสำปะหลังปั้นเม็ด ห่อไส้ต้ม ไม่รู้จริง ๆ จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 17:29:10

ความคิดเห็นที่ 2 ลองหาใน youtube กบนอกกะลา ตอนสาคูดูนะครับ สาคูนี่จริงเป็นต้นไม้คล้ายๆต้นปาล์ม แต่ลำต้นจะมีแป้ง เขาเอาแป้งจากลำต้นมาทำนะครับ... แต่ปัจจุบันหายากเต็มทีแล้ว ที่ขายกันทั่วบ้านทั่วเมืองนั้นทำมาจากแป้งมันสำปะหลังคร้าบบบบบ จากคุณ : โจนาธาน ลิฟวิงสตัน เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 18:10:46

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องยาวมากนะคะ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ เริ่มจาก เมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 1 ได้ยกทัพไปเวียงจันทร์ประเทศลาว แล้วได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมายังบ้านเมืองของเรา.... ได้ติดนำสนมจากประเทศลาวมาด้วย 1 ท่าน สนมท่านนี้ดุมาก จึงได้รับฉายานามว่า " แม่นางเสือ " รัชกาลที่ 1 พระองค์ทรงโปรดการเสวยไข่ ตัวเงิ..ตัวทอ..(ไข่เหี้..)เพราะเชื่อว่าทำให้ทรงมีพลังและความสามารถในการสู้รบ ประชานชาวบ้านจึงค้นหาไข่เจ้าตัวนี้ไปถวายและกินเอง... จนไข่เจ้าตัวนี้หายไปหมดไม่มีเหลือให้ได้ชิมกันเลย แม่นางเสือซึ่งมีฝีมืออันลือเลื่องในเรื่องอาหารการกิน จึงทำขนมไข่เหี้..ขึ้นมาถวายโดยนำแป้งสาคูผสมแป้งข้าวเหนียวมาห่อถั่วกวน ปั้นให้มีรูปร่างคล้ายไข่เจ้าตัวนี้ แล้วนำไปนึ่ง พอสุกลักษณะจะขาวขุ่นใสเล็กน้อยมองเห็นไส้ข้างในสีเหลืองราง ๆ เวลาจะเสวย ...จะต้องราดด้วยหัวกะทิสด ขนมจะนุ่มนิ่ม ลื่น ๆ กลิ้งไป มาคล้าย ๆ ไข่..ของจริง ชาวลาวที่ติดตามมารับใช้เบีื้องยุคลบาท ได้ดัดแปลงนำแป้งข้าวเหนียวมาห่อปรุงใส้ใหม่แล้วนำมาทอด คลุกน้ำตาลเก็บไว้กินได้หลายวัน ต่อ ๆ มามีการนำมาฝากกัน จนกลายเป็นขนมไข่เหี้..ที่เราจะเห็นมีคนหาบขายกันในสมัยก่อน ลูกโต ๆ ปัจจุบันเหลือลูกเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เรียกชื่อให้ไพราะว่า " ขนมไข่หงส์ " ในส่วนห้องเครื่องหรือห้องครัวนี้จะมีผู้ไม่ชอบ ไข่...แบบทอด ก็นำแบบนึ่งตามเดิมมาปรุงไส้ไหม่ให้เป็นของคาวแบบอาหารว่าง รับประทานกับผักสด กลายเป็นที่นิยมเชิดหน้า ชูตาเป็นของอร่อยขึ้นโต๊ะ ต่างจากต้นตำรับเดิมโดยสิ้นเชิง โดยปรับเปลี่ยนแป้งที่ห่อเป็นเม็ดสาคู (แป้งมัน ) ราคาถูกหาซื้อง่าย มาทำรับประทานบ้าง ขายบ้าง เวลาผ่านมาเป็น ร้อยปีเราก็ได้ขนมสาคูไส้หมู มาเป็นอาหารว่างกัน ...แต่ในอนาคต คำว่าขนมนำหน้าสาคู จะหายไป...เหลือเพียงคำว่า " สาคูไส้หมู " ซึ่งฟังง่ายแบบชาวบ้านตรงตัวดี ค่ะ โครงการอนุรักษ์อนุรักษ์ขนมไทย ได้จัดไว้เป็นขนมประวัติศาสตร์ ต้นเรื่อง "สาคูไส้หมู " ค่ะ จากคุณ : Three days before Valentine's เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 09:10:43