ว่าด้วย …..บุฟเฟต์ จิบชายามบ่าย.+อาหารนานาชาติ…..ท่ามกลางเวทีลีลาศ ….. ณ Riverside Lounge .โรงแรมแชงกรีลา (7 กย)

    อยากหยุดเวลาไว้เพียงยามชาหลั่งริน
    ริมแม่น้ำ
    ยามตะวันใกล้ลับแบบนี้
    คงไม่มีทางทำได้ นั่นเพราะ
    ชา.... รินจากกา มีวันรินหมด
    ชา .....รินลงถ้วย มีวันเติมเต็ม
    เช่นดั่งช่วงเวลาที่มีความสุข ย่อมมีวันรินรดหมดสิ้นไป ...หากแต่
    ...... ชีวิตคน ใยยากจะเติมเต็มดั่งถ้วยน้ำชา

    ***********

    ไม่ทราบจะเรียกบุฟเฟต์นี้ว่าอะไรดี จะว่า ไฮที ก็ใช่ที่ เพราะมันไม่ใช่มีแต่ ขนมขบเคี้ยวและชา ยามบ่ายสไตล์ไฮที
    ถึงกับมี ติ่มซำ ….
    หนักเข้าคือก๋วยเตี๋ยวเรือยกมาทั้งแผง
    ทั้ง ข้าวสวยร้อนๆ กับปลาหมึกผัดไข่เค็ม และ lamb chop
    เลยตั้งกระทู้หัวข้อยาวเหยียดดังที่เห็น


    15.00 ยามบ่ายเวลาไฮที สืบเท้าก้าวเข้ามายัง Riverside lounge อันตกแต่งด้วยเสาใหญ่ยักษ์เคลือบด้วยลายไม้น้ำตาลเข้มขลัง ผนังสูงขึ้นไปล้วนประดับเป็นลายไทย ลงรักปิดทอง คล้ายดั่งภายในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์
    มองตรงออกไปเป็นกระจกใสสูงขึ้นไปจรดเพดานเผยให้เห็นวิวติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ม่านสีครีมปรับแสงเลื่อนขึ้นลงตามใจบริกรผู้กดปุ่มปรับ

    ทอดตาออกไปใกล้ตาที่สุด เป็นประติมากรรมปลาพ่นน้ำลงสู่ลำธารน้อยในสวนหย่อม ถัดไปเป็นสนามหญ้า และไกลไปอีกระดับริมระเบียงติดน้ำ จะมีพญานาคขดตัวตามหัวเสา พร้อมพ่นน้ำลงสู่เจ้าพระยา จะสูบน้ำจากเจ้าพระยามาฝากพญานาคเวียนเทียนหรือไม่ก็ไม่ทราบ


    การจัดโต๊ะที่นั่งนั้น ไปรวมสุมประชุมกันด้านซ้ายมือ ค่อนข้างหนาแน่น ดั่งเจ้าโต๊ะเก้าอี้เหล่านั้น หลีกทางให้อะไรบางอย่าง คงเดาได้ ว่าหลีกให้เวทีลีลาศ ก็ไม่แปลกประหลาดอะไรนักเป็นพื้นไม้ปาร์เก้ ค่อนข้างกว้างติดริมกระจกเห็นแม่น้ำเป็นวิวเช่นกัน


    ไม่น่าเชื่อว่า ไปถึง 15.00 น ตรง คนกำลังตักบุฟเฟต์กันอยู่อย่างหนาแน่น เหมือนรีบกินตุนไว้รับศึกอะไรบางอย่าง


    ไลน์บุฟเฟต์ตั้งอยู่ใต้บันไดวน ที่จะขึ้นไปชั้นสองได้
    มองจากเก้าอี้ที่นั่ง เพดานสูง บันไดใหญ่ เป็นโถงกว้างโปร่งตา ปล่อยอารมณ์สบายๆกับชาสักถ้วยเป็นบรรยากาศที่ดีอย่างหนึ่ง

    อาหารบุฟเฟต์ใต้บันได มีดังนี้ จำพวกคานาเป้ มีขนมปังสี่เหลี่ยมชิ้นเล็กบาง เอาหน้าต่างๆวางสลับ ก็จัดมาได้ 7-8 อย่าง เช่น หน้าปลาแมคเคอแรลรมควัน หน้าไก่รมควันโปะชีสชิ้นเล็ก หน้าแซลมอนรมควัน หน้าตับเป็ด (ไม่ใช่ตับห่าน) ขอเถียงสุภาษิต ดำเหมือนตับเป็ดว่า จริงๆก็ไม่ดำเท่าไรแค่ออกน้ำตาลคล้ำหน่อย หน้าแฮม หน้าอาหารเหล่านี้ก็เอาเนย camembert มาโปะบ้าง ลูกสมอมาแปะบ้าง sundry tomato มาปะบ้าง ก็ทำให้หน้าตาต่างๆกันไปบ้าง
    แซลมอนรมควันล้วนหนึ่งจาน ซาลามี่หั่นบางม้วนให้สวยหน่อยอีกจาน



    ใต้บันไดลึกเข้าไปอีกหน่อย มีติ่มซำสามโถ ขนมจีบธรรมดามีกุ้งเล็กน้อย หมูห่อสาหร่าย และซาลาเปาหมูแดง ไลน์ตรงข้าม มีข้าวเปล่า ปลาชุบแป้งทำแบบสามรสค่อนข้างเหนียวและแข็ง
    ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ไข่แดงไม่เห็น เห็นแต่ไข่ขาวกระจายผสมปลาหมึก เนื้อสีขาวๆเคล้ากันจนยากจะแยกว่าอะไรเป็นอะไร เค็มสมชื่อ
    ข้าวตังหน้าตั้ง [^_^]พัฟไก่ ทอดมันปลากรายแบบชิ้นกลมเหมือนลูกชิ้น เหนียวเหมือนลูกชิ้นเช่นกัน ขนมปังไส้กรอกธรรมดา lamb chop เน้นตรงที่ติดมันมาก แถมค่อนข้างเหนียวอีกตะหาก ห้องใต้บันไดนี้เป็นฐานทัพส่งเสบียงพวกเครื่องดื่ม

    เครื่องดื่มที่รวมในบุฟเฟต์นี้ คือ ชา ทั้งชาร้อน จะเอา เออเกรย์ ลิปตันฉลากเหลืองธรรมดา ชาเขียว หรือชาเย็นใส่มะนาว โกโก้เย็นก็ยังได้ จะเอาสลับไปสลับมาก็ยังได้ ไม่ชาร์จเพิ่ม ก็เพราะเป็นบุฟเฟต์ไฮที อยู่ในทีด้วย




    แขกที่มาล้วนแต่งตัวอย่างตระการตานัก
    โดยเฉพาะท่านสุภาพสตรีทั้งหลาย
    บางท่านดูคล้ายตุ๊กตาด้วยทรงผมสีทองดุจดั่งวิก
    เหมือนหลุดออกจากหนังยุคซิกตี้ หรือบาร์บี้ในตู้

    บางคน แต่งตัวมางานนี้โดยเฉพาะ เสร็จแล้วคงต้องกลับบ้าน ถ้าจะไปชอปปิ้งต่อในห้างที่ไม่มีคนมองจนเหลียวหลังในความแปลกเด่นก็คงไปได้ไม่กี่ห้าง

    บางคนที่มาในยามบ่ายนี้
    อาจใช้เวลาทั้งครึ่งเช้าไปในร้านทำผมแต่งหน้าหรือเรียกช่างมาที่บ้านก็ว่ากันไปได้
    ....... เพียงแค่มาสังเกตการณ์ดูแบบนี้ ก็ได้บรรยากาศยากจะหาจากบุฟเฟต์ที่อื่นๆ


    แขกทั้งหมดกินโน่นกินนี่กันอย่างค่อนข้างจริงๆจังๆ ในช่วง 15.00-16.00
    ครั้นเวลา 16.00 ตรง วงดนตรีบรรเลงขึ้น ดุจดั่งเสียงระฆัง ให้บรรดาเหล่านั้นหยุดกิน และโผบินไปกลางลานไม้ทันที


    ปล่อยให้ไลน์บุฟเฟต์ว่าง โต๊ะที่นั่งว่าง
    ทิ้งไว้แต่รองเท้ากองสุมใต้เก้าอี้ให้ดูต่างหน้า
    รองเท้ากองพะเนินใต้โต๊ะ เหลือบไปดูดั่งกองของเซลล์เปิดท้ายขายของ
    หลายคน นำรองเท้ามาสองคู่ คู่หนึ่งสำหรับไปลีลาศโดยเฉพาะ
    ชะโงกดูแล้วก็เห็นรองเท้าที่ใส่มากับที่ไช้ลีลาศ ไม่ได้ต่างกันนัก
    มันอาจต่างกันที่ปุ่มสัมผัสบนพื้นไม่เท่ากันก็สุดแท้แต่


    วงดนตรี
    ไม่ได้อยู่บนพื้น ไม่ได้อยู่ข้างเวทีลีลาศ
    ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน
    หากแต่ไปอยู่บนเชิงเทิน ยกสูงขึ้นไปเหนือบันไดเวียนนั่น
    เรียกว่าทำป้อมค่ายหอคอยสำหรับวงดนตรีไว้โดยเฉพาะ
    ใครฟังแล้วไม่ถูกใจก็ต้องทำใจเพราะเกินวิถีแก้วจานช้อนจะเขวี้ยงไปทักทายถึง



    สี่โมงตรงเสียงกระหึ่มแรกของดนตรี
    ดั่งแม่เหล็กดึงดูดโลหะส่องประกายบรรดานั้นออกไปสิ้น
    เกือบทั้งหมดดั่งรู้หน้าที่ว่า ถึงคราต้องออกไปโลดแล่นแล้ว
    ......ประกายหินสีสันต่างๆจากบรรดาบุคคลที่โลดแล่นบนพื้น ถูกกระทบด้วยแสงแดดยามบ่ายคล้อยที่สาดส่องต้องมา กลับยิ่งทวีประกายรุนแรงขึ้น
    ประกายเหล่านี้ ใยจะสวยเท่าประกายน้ำที่ระยับประดับอยู่ตามธรรมชาติของเจ้าพระยาด้านนอกกระจกได้
    …..ประกายน้ำ ที่ใครก็ใคร่ชมได้ โดยไม่ต้องซื้อหามาด้วยราคาสักบาทเดียว
    ……..ประกายที่ไม่ต้องขัดแต่งเจียรตัดใดๆเลย



    ……สุภาพสตรีเหล่านั้น มาเป็นคู่
    คงเพราะลีลาศต้องเต้นเป็นคู่
    แต่ไม่ใช่คู่อย่างสามีภริยา หรือคู่รัก
    พวกเธอมากับครูฝึกสอนของเธอ ที่อายุห่างจากพวกเธอมากพอดูพอเห็นอยู่
    …คู่อย่างเป็นทางการ..ที่บ้าน ( ถ้ามี) จะเห็นชอบหรือไม่ ประการใด แต่พวกเธอก็มากอดรัดสะบัดส่ายกับครูฝึกสอนเหล่านั้นอยู่อย่างนี้แล้ว


    รวมแล้วมีออกไปเต้น สัก 20 คู่
    ว่าไปแล้วเกือบทั้งหมดที่มากินบุฟเฟต์ ล้วนออกไปลีลาศทั้งนั้น ยกเว้นเรากับโต๊ะข้างๆอีกเพียงโต๊ะเดียว ที่มากินและดูเฉยๆ

    สิริรวมอายุของนักเต้นทั้งฟลอร์ รวมกันราว สองพันปี ( ไม่ได้โอเวอร์ …เอาเฉพาะคุณสุภาพสตรี 10 คนก็ประมาณอายุเฉลี่ย 600 ปี ถ้า 20 คน โดยคร่าว ก็สัก 1200 ปี ฝ่ายชาย 20 คนเฉลี่ยสัก 6-700 ปี ก็เฉียดๆ พอดี )
    คำ สาวสองพันปี ไม่แน่ว่า อาจกำเนิดจากฟลอร์แห่งนี้
    ....ฟลอร์นี้ ใยจะต่างจาก ฟอซซิล หากลาวาถล่มทับแชงกรีลายามนี้ อนาคตสืบไปนักธรณีวิทยาขุดฟลอร์ขึ้นมาทั้งแผง อายุตั้งต้นต้องบวกเข้าไปสักสองพันปีจึงจะเหมาะ


    บางท่าน ก็อยู่เหนือค่าเฉลี่ยนี้
    เช่น ท่านที่ล่วงเลย 70 ยังคงแข็งแรง จนคน 30 หลายคน ต้องอับอาย
    .....จิตใจที่สดใส พาให้คนวัย 7-80 กระฉับกระเฉงนัก พยายามเอาอย่างบ้างแต่คงทำได้ยากเหลือแสน


    .......หรือบางท่าน (เพียงท่านเดียว) ที่เราขอเลียนชื่อถนนวิทยุมาขนานนามว่า “ wireless rose” เนื่องเพราะอาภรณ์ของเธอ
    ซึ่งเกาะติดทรวงอกโดยไร้สายโยงใยนั้น ปรากฎลายกุหลาบรอบ …อายุน้อยที่สุดในฟลอร์นับว่ายังไม่แตะเลขสามข้างหน้าด้วยซ้ำ เข้าวงการตั้งแต่วันนี้ อนาคตก้าว (เต้น) ไกลนัก



    เพลงบรรเลงตั้งแต่ 16.00 จนเกือบห้าโมง เป็นยกแรก
    ไลน์บุฟเฟต์ร้าง ปล่อยให้เราไปจ้วงล้วงตักได้โดยอัธยาศัย

    เพลงมีทั้งเพลงฝรั่ง เพลงไทยอย่างสุนทราภรณ์ จังหวะมีทั้งเร็ว ทั้งช้า


    ลีลาล้วนน่าชมนัก

    จังหวะเร็วที่หมุนตัวไปมา

    บางท่านออกลีลาล้ำลึก ยามหมุนตัวคว้าง ดั่งลูกข่าง ที่หมุนตัวหลุดออกจากเชือกปานนั้น

    ถ้าเปรียบให้เห็นภาพกว่า ก็ดั่งข้าวต้มมัดสะบัดหลุดจากเชือกที่ห่อหุ้ม อาภรณ์เขียวเข้มของเธอ เปรียบไปคล้ายดั่งข้าวต้มมัดคลุมด้วยใบตองสีสด คล้ายดั่งข้าวห่อใบบัวกระดอนมากจากเข่งติ่มซำก็ไม่ปาน

    บางคนผิวขาวในชุดแดงแรงฤทธิ์คล้ายดั่งแท่งปูอัดยามสะบัดแกว่งไกวท้าลมแอร์

    บางคนก็หมุนวนโดยช้า ดั่งไส้กรอกดุ้นงามขาวอวบแบบไส้กรอกไก่ หรือสีน้ำผึ้งใสแบบใสกรอกหมู กลิ้งวนอยู่บนเตาอุ่นแกนหมุนอย่างนั้น

    บางคนในชุดลายพร้อยดูไปคล้ายฝั๋นโก๋วไส้ผักรวมร้อนๆก้อนหนึ่ง เด้งดึ๋งออกจากโถอุ่นมากลางลานนี้

    สำหรับบางคนจะต่างอะไรกับปอเปี๊ยะเวียดนามยามคลี่แป้งขาวเกือบใสรอบนอกออกเผยให้เห็นไส้ในประกอบด้วยผักนานาน่าชม
    ....... แต่ก่อนที่ไส้ในจะทะลักล้นหลุดมาด้วยความเหนื่อยล้า ดนตรีก็หยุดลง


    ดนตรี ดั่งสัญญาณออกศึก
    ครั้นดังขึ้นกองทัพเคลื่อนออก ครั้นสงบลง กองทัพกลับสู่ที่มั่น เติมกำลังด้วยอาหารอีกครา ผ้าเย็นมีการนำมาเสริฟเพื่อช่วยผ่อนคลาย หลายคนหยิบพัดหลากสีหลากแบบมาแกว่งโบกขวักไขว่

    ……ใยไม่มีท่าลีลาศประกอบพัด อย่างรำพัดสไตล์จีนบ้าง


    บางคนไปสั่งก๋วยเตี๋ยวเรือหนึ่งชามโต ที่มีทั้งกุ้ง ปลาหมึก หมู ลูกชิ้นสารพัด แต่เครื่องซีฟูด หมดตั้งแต่ก่อนสี่โมงและไม่เติมใดๆอีก ก๋วยเตี๋ยวเรือ แต่ไม่มีเรือ มีเพียงบริกรหญิงดูราวชาวอินเดีย ยืนลวกด้วยความยิ้มแย้ม
    ……ไฮทีที่ไหนจะเก๋ไก๋เท่านี้ คงไม่มีแล้ว
    อาหารญี่ปุ่น ประเภทปลาดิบ ปูอัด ข้าวห่อสาหร่าย ก็กระจายออกมาสักหนึ่งถาด

    สลัดผักสักสี่ห้าอย่าง พร้อมน้ำสลัดพื้นฐานทั่วไปอันนี้คงไม่แปลกนักในไฮทีเช่นนี้


    ไลน์ของหวาน chocolate praline เป็นชอคโกแลตชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใส่กระทงกระดาษ เช่นผสมอัลมอนต์ ก้อนกลมขาวข้างในเป็นครีม ก้อนน้ำตาลข้างในเป็นชอคโกแลตเหลว หมดแล้วไม่เติม

    เค้กชิ้นใหญ่ มี ชอกโกแลตเค้ก แบบที่ข้างหน้ามีชอคโกแลตแผ่นม้วนประดับ แบลคฟอเรสท์เค้กเนื้อฉ่ำๆ พายเลมอน ออกเปรี้ยวมะนาวเล็กน้อยแต่หวานมันจากไข่และเนยมากจนเนื้อออกสีส้มทีเดียว พายบลูเบอรี่ ชีสเค้ก เค้กวานิลลาหน้าผลไม้รวมเช่นมะเฟือง ส้ม กีวีนิดหน่อย เค้กชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่าง เอแคลร์ ชอคโกแลตมูสใส่แก้วแชมเปญ แอปเปิ้ลฝานบางผสมน้ำเชื่อมเสาวรสใส่แก้วแชมเปญ
    ส่วนไอติมนั้น มีรสพื้นฐาน อย่างสตอเบอรี่ วานิลลา ชอคโกแลต และกะทิ สี่อย่างสี่รส



    บางคน ถูกบงการโดยแรงพลังภายนอก
    เช่นดังเสียงเพลง
    อย่างนั้น ดนตรี คล้ายดังกำกับชีวิตคน
    ให้โลดแล่นพริ้วไหวไปตามเพลง
    กำกับ ช้า เร็ว ด้วยแรงแห่งจังหวะ
    ถึงกับกำกับ ให้หยุดนิ่งลง ยามจบเพลง

    …….เพลง จะยาวสั้นเพียงใด ต้องมีจบลง



    ต่อ ใน คห ที่ 1 พร้อมเปรียบเทียบกับบุฟเฟต์ไฮที ที่ลอบบี้เลาจน์ รร เดียวกัน

    จากคุณ : อู๋ปังจู้ - [ 9 ก.ย. 46 05:45:54 ]