คนบาป 7

    การเป็นพระ กับเป็นฆราวาส

    หากปฎิบัติตามพระธรรมวินัยเคร่งครัด ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก ว่ากันง่ายๆคือ ต้องเคร่งครัด ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ส่วนอื่นๆนอกจากนั้นก็แล้วแต่ความเหมาะสม ความสนใจของแต่ละท่าน บางวัดเน้นการศึกษาพระธรรมเพิ่มเติม
    บางสายเน้นการพัฒนา ช่วยเหลือสังคม บางสำนัก เน้นการปฏิบัติธรรม เพื่อให้จิตใจสูงส่ง หรือเพื่อหลุดพ้นอะไรก็ตามแต่

    ก็แล้วแต่จะกระทำกันไป ส่วนวัดที่ผมบวชอยู่ มีครบทุกด้าน แต่ว่าไม่เน้นไปทางใดเป็นหลัก เรียกว่าแบบผสมผสานเห็นจะว่าได้ ที่แน่ๆเป็นวัดที่เป็นศุนย์รวมจิตใจ ของผู้คนในสังคมชุมชนรายรอบ ผู้คนค่อนข้างให้ความเคารพนับถือ ท่านพระครูฯเป็นอย่างมาก เป็นผู้นำในกิจกรรมหลายๆอย่างของชุมชน ส่วนพระอาจารย์สุบินก็ท่านก็มีกิจกรรม โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ กับสหกรณ์ออมทรัพย์ หลวงพี่พาน ท่านก็มุ่งมั่นศึกษาพระธรรม เรียนบาลี แต่ละท่านก็มีจุดหมาย มีความถนัดในหลายอย่างต่างกัน

    ส่วนเราก็วันๆนอกจากวัตรปฏิบัติที่ต้องทำแล้ว บ่ายโมงของเกือบทุกวัน ต้องไปเรียนธรรมกับเจ้าอาวาส เรียนแบบเบื้องต้น จากหนังสือนวโกวาท(นวกะ+โอวาท แปลว่าคำสอนพระใหม่)ของสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นเรื่องคล้ายๆกับของกระทรวงศึกษา เช่น อิทธิบาทสี่ มรรคมีองค์แปดอะไรเหล่านี้

    ทีนี้ไปเรียนไปท่องมันงูๆปลาๆ รู้สึกไม่เข้าใจ เวลาว่างที่เหลือ จึงไปขนหนังสือจากห้องสมุดในวัดมาอ่าน เป็นหนังสือที่ปกติไม่เคยคิดจะอ่าน แต่ครานี้มาบวชอยู่ไฟกำลังแรง แล้วก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้มาอยู่ใกล้ศาสนาได้เท่านี้อีกหรือไม่ จึงขวนขวายใคร่รู้กว่าที่คิด

    หนังสือเก่าๆในวัดนี่มีเล่มแปลกๆน่าสนใจเยอะมาก ได้รู้อะไรดีๆแปลก เก่าๆเยอะ คำแปลบทสวดต่างๆ ที่มาของธรรมวินัย ที่มาของศีล227ข้อ ประวัติพระพุทธเจ้า
    และอีกหลายเรื่องที่ยิ่งอ่านยิ่งงง บางเรื่องก้ได้ไปซักถามกันในวงสนทนาธรรม ช่วงหัวค่ำ บางเรื่องก็ยังคาค้างอยู่จนบัดนี้


    อันว่าการศึกษา การปฏิบัติอะไรต่างๆที่กล่าวมา ใครอาจจะกระทำมากกระทำน้อยในส่วนใดก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคน อย่างไรก็ดี ยังถือว่าเป็น"กิจของสงฆ์"

    ทีนี้อะไรคือไม่ใช่กิจของสงฆ์ล่ะ จะว่าไปมันก็พูดยาก อย่างที่ผิดพระธรรมวินัยตรงๆเป็นข้อๆนั้นล่ะแน่นอน ส่วนที่ไม่ได้บัญญัติไว้ อันนี้ก้แล้วแต่จะวินิจฉัยกันไป
    ตัวอย่างง่ายๆเช่น พระดูโทรทัศน์ ผิดหรือไม่ อันนี้เถียงกันไม่น้อย บ้างว่าดูเพื่อบันเทิงไม่ถูกต้อง บ้างว่าเพื่อให้ก้าวทันโลก เป็นการรู้เท่าทัน จะได้หาจุดปรับปรุงใจความ ในการสั่งสอนเทศนาได้ดีขึ้น

    ที่รู้ๆวัดนี้พระครูท่านไม่ให้ดูโทรทัศน์แน่ๆ ส่วนวิทยุ ท่านไม่ได้ห้ามไว้ แต่ก็ไม่เห็นว่ามีใครฟังวิทยุ เอาง่ายๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าในวัดนี่ นอกจากหลอดไฟก็เห็นจะมีพัดลมกับพวกเครื่องขยายเสียงนั่นแล

    มาวันหนึ่งมาพบเอาว่าในวัด มีโทรทัศน์แอบซ่อนอยู่หนึ่งเครื่อง

    บ่ายวันหนึ่งที่ศาลาหน้าวัด หลังจบจากเรียนธรรม ก็มานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ อ่านไปเจอกำหนดการถ่ายทอดมวยชิงแชมป์โลก ไมค์ ไทสัน กับ อีแวนเดอร์โฮลีฟิลด์ ไฟท์ที่สอง

    ถ้ารู้จักผมจะรู้ดีว่า มวยนั้นสำคัญไฉน ไฟท์นี้จริงๆรอดูมานานแต่ก็ยังไม่รู้กำหนดแน่นอน

    นั่งๆอ่านอยู่ ก็คิดว่าอดดูแน่ๆ ยังบวชอยู่เลย จึงพับหนังสือแล้วนั่งเสียดาย ทีนี้ชะรอยจะมีดวงได้ดูมวย หลวงพี่มหา อยู่กุฏิถัดๆไปเดินมาทักทาย

    "นั่งคิดอะไรอยู่ล่ะท่าน"
    "อ๋อเปล่าครับ พอดีอ่านเจอไมค์ ไทสันมันจะต่อยรีแมทช์น่ะครับ คงไม่ได้ดู"
    "อ้าว ชอบมวยเหมือนกันเหรอนี่ท่าน"
    "ครับ หลวงพี่ก็ชอบเหรอนี่"
    "เอ้อๆๆ ก็ชอบอยู่นะ"
    การที่ได้รู้ว่า หลวงพี่มหา ชอบดูมวยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะว่าเท่าที่เห็นหลวงพี่มหาเป็นพระที่เคร่งครัด สำรวมมากๆทีเดียว แทบไม่เคยเห็นหลวงพี่พูดถึงเรื่องอะไรทางโลกเลย

    "เอ้อ น่าดูมากๆท่านว่าคราวนี้มันจะออกทางไหนล่ะ"
    "สูสีมังครับ แล้วต่อยวันเสาร์นี้แล้วด้วย"
    "ได้ดูสิ ที่ห้องหลวงตาโตมีโทรทัศน์เฉพาะกิจ เครื่องหนึ่งนะ เดี๋ยวคงได้ใช้งานกันละ"
    "เหรอครับ อื้มมมมมม"

    ถึงวันสำคัญก็นัดหมายกันไว้ว่า จะชมมวยกันให้จบแล้วค่อยลงไปฉันเพล แต่แล้ว....

    "วันนี้จะมีโยมจากจันทบุรีมาถวายเพลนะ ให้ลงมาเร็วหน่อยนึง" ท่านพระครูแจ้งข่าวหลังจากสวดมนต์ทำวัตรเช้า
    เอาละวาทำไงดี หันไปมองหน้าหลวงพี่มหาคงเห้นสีหน้าเรียบเแยเช่นเคย แต่ว่าเหลือบมาสบตาเราอยู่นิดนึง

    ตกสายก็ไปอยุ่กันที่ห้องของหลวงตาโต หลวงตาต้อนรับขับสุ้อย่างดี หลวงตาบอกว่าเอาไว้ใช้งานเฉพาะกิจดูเป็นครั้งๆไป สักพักก้เดินไปหยิบออกมาจากหลังห้อง เปิดผ้าคลุมของที่อยู่ตรงหน้า เป็นโทรทัศน์ขาวดำเครื่องเล็ก แบบพวกแฟมิลี่สภาพเก่าคร่ำ
    กรอบตัวเครื่องด้านหลังทำท่าจะหลุดไม่หลุดแหล่ หลวงตาเปิดเครื่องหมุนหาเครื่องสักพักก็ปรากฎภาพสัญญาณของช่องสาม เป็นมวยคู่ประกอบรายการ
    หลวงพี่มหา แช่งชักให้มันน็อคไวๆซะทุกคู่เผื่อจะได้ดูคู่สำคัญได้ทัน

    แต่มวยวันนั้น มันช่างต่อยกันได้เอื้อเฟื้อดีแท้ๆ อืดอาด เจ๊าะแจ๊เป็นที่สุด เวลาปาเข้าไปสิบโมงห้าสิบแล้วยังไม่ถึงคู่เอก

    ในที่สุดหลวงพี่มหาก็จำใจต้องไป
    "ท่านจะอยู่ดูต่อเหรอ"
    "ผมอยู่ดูผลให้หลวงพี่ดีไหมครับ ยอมอด ไม่ไปฉันเพล"
    "แต่ผมคงต้องลงฉันนะ จำเป็นน่ะ"
    "ครับ หลวงพี่ รีบไปเถอะ"
    ในที่สุด พระบ้ามวยก็ยอมอดเพล ดูมวยไฟท์สำคัญ แต่ผลมวยวันนั้น ท่านที่ได้ดูคงจะรู้ดีว่า ไม่น่าเสียเวลาดูเลย
    ดูจนจบสิบเอ็ดโมงสี่สิบห้าเห็นจะได้ กำลังจะปิดทีวี หลวงตาโตกับหลวงพี่มหาก็กลับจากฉันเพลเข้ามาพอดี หลวงตาโตแอบเอาข้าวเปล่า กับทอดมันสามสี่ชิ้นเอามาฝาก

    "เอ้ารีบฉันเร็ว เดี๋ยวจะเพลแล้ว"
    "ไม่เป็นไรครับ ไม่ฉันแล้วครับ" นึกอยากด่าตัวเอง
    "เป็นไงบ้างท่าน น็อคไหม"หลวงพี่มหาถามด้วยความอยากรู้
    "ไม่น้อคครับ แพ้ขาด"
    "หา ใครแพ้ แพ้กันขาดเลยเหรอ"
    "คือ แพ้ฟาวล์ครับ แต่ขาด ขาดจริงๆ"
    "ห๊า อะไรแพ้ฟาวล์ขาด"
    "ก็ ก็ ไมค์ ไทสันหนะครับ"
    "มัน โมโห เพราะโดนหัวโขก มันเลยกัดหูโฮลีฟิลด์ครับ แหว่งไปหน่อยนึงเลย
    "ห๊าาาา......"
    "ครับ มันกัดแล้วถุยทิ้งบนวทีแหละครับ เลยแพ้ฟาวล์ไปเลย เสียดายเวลาจริงๆ"
    "เฮ้ย {^_^}ที่สุด บ้าจริงๆ มันบ้าไปแล้วแน่ๆ"
    "ครับ {^_^}ครับ {^_^}จริงๆ {^_^}ตัวเองด้วย รู้งี้ไปลงสวดกับคนอื่นดีกว่า"
    "ฮ่ะๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ" หลวงตาโตหัวเราะชอบใจ

    หลังจากนั้นก็ไม่เคยแวะไปรบกวนหลวงตาอีกเลย





    จากคุณ : เคราครึ้ม - [ 13 ม.ค. 47 02:21:47 ]