CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    จะเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว มารู้เรื่องขนมไหว้พระจันทร์กันเถอะ

    คัดลอกมาจากผู้จัดการรายวัน วันที่ 13 กันยายน 2547
       ปีนี้เทศกาลไหว้พระจันทร์ตรงกับวันอังคารที่ 28 กันยายน แต่ตลาดขนมเปี๊ยะกลับเริ่มโหมโรงคึกคักกันมาตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่านมาแล้ว เสน่ห์ของขนมชิ้นเล็ก ๆ นี้ไม่เพียงแต่ความหวานอร่อยในรสชาติเท่านั้น แต่กลับเป็นตำนานขนมที่เดินทางมานานกว่า 600 ปีซึ่งไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะกว่าจะมาเป็นแป้งห่อด้วยไส้สวยงามเช่นนี้มีเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์บอกเล่าได้อย่างสนุกสนาน ถ้าอยากรู้ต้องลองไปผ่าไส้ขนมกันดู......
         
         "ขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์" มีความหมายถึงความพรั่งพร้อม ความสมบูรณ์ และความสมหวัง ขนมก้อนเล็ก ๆ ชิ้นนี้มีกำเนิดที่ประเทศจีนเมื่อ 600ปีมาแล้ว แต่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่เมืองไทยเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณ 70 ปีที่ผ่านมา ในยุคที่เยาวราชเฟื่องฟูและเป็นแหล่งอาหารการกินอันลือชื่อที่สุดของเมืองกรุง ตอนนั้นมี 5 เสือภัตตาคารที่ขายอาหารจีนเลิศรสที่บรรดาเศรษฐีเชื้อสายจีนในเมืองไทยจะต้องแวะเวียนไปชิมอยู่เป็นประจำคือ กก จีเหลาหรือสากลภัตตาคาร , ห้อยเทียนเหลาหรือภัตตาคารหยาดฟ้า , ไล้กี่ภัตตาคาร , ภัตตาคารเยาวยื่น และภัตตาคารซาเยี๊ยะ
         
         อนันต์ อธินันต์พันธุ์ ทายาท "กก จีเหลา" ( ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น"กอกใจ" ) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่เปิดตำนานขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์ของเมืองไทยเล่าว่าเมื่อเกือบ 70 ปีที่ผ่านมาภัตตาคารจีนเกือบทุกแห่งในเวลานั้นต่างก็เริ่มทำขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์ขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกันเพราะแต่ละที่จะมีกุ๊กเป็นชาวฮ่องกงประจำทั้งนั้น
         
         สำหรับทางภัตตาคารกกจีเหลานั้นได้เชิญอาจารย์โหลวอึ่ง ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์มาเมืองไทยเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 "เฮียฮ้อ" ซึ่งเป็นเถาชิ้วเก่าแก่ของกกจีเหลาเล่าว่า
         " ผมจำได้ว่าตอนอาจารย์โหลวมาเมืองไทยเพื่อทำขนมนั้นเมืองไทยยังมีโรงฝิ่นอยู่เลย พออาจารย์นวดแป้งขนมเสร็จเรียบร้อยก็จะต้องแวะไปสูบฝิ่นก่อน พวกเราก็ต้องนั่งเฝ้าแป้งจนกว่าอาจารย์จะสูบฝิ่นเสร็จค่อยกลับมาทำขนมเปี๊ยะได้"

     
     

    จากคุณ : Mar - [ 13 ก.ย. 47 19:22:35 ]