CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ...........อู๋ปังจู้ กับ กระเรียนพันตัว ......... เรื่องจริง อิงนิยายดัง ...........

    กลับมาแล้วล่ะ  
    แต่อาการตอนนี้จะกำเริบตายเมื่อไร
    หมอก็ไม่อาจบอกได้  
    .......อย่างน้อยยังเดินเหินไปกินบุฟเฟต์ได้ละน่า
    หากตาย จะ ขอตายตามไลน์บุฟเฟต์
    ดีกว่านอนเจาะสายโยงยางอยู่ในรพ
    เป็นไหนๆ
    5555

    *******
     
    นึกขึ้นมาได้
    เล่าเรื่องของเราให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับ
    การระวังสุขภาพของทุกท่านดีกว่า

    ….ตัดภาพย้อนกลับไปเล่าอดีต


    ปลายเดือน สค 47
    ขณะที่แว่บกลับมา กทม แป๊บหนึ่ง
    เราป่วยเป็นโรคพิสดารที่บ้านนี่เอง
    ท่านที่ระวังรักษาสุขภาพอย่างดี  โปรดดูเพื่อปลงอนิจจังว่า
    หากระวังป้องกัน  มะเร็ง ไขมัน ความดัน เบาหวาน ไว้พอประมาณแล้ว

    ยังมีโรคใหม่ๆได้    (จริงๆเป็นมะเร็งซะยังจะดีกว่า ยังมีเพี่อนร่วมโรคอีกเยอะ)
    ทรมานกินอาหารสุขภาพมาหลายปี
    ถึงมีข้อยกเว้นตอนกินบุฟเฟต์มากไปนิด
    ก็ยังไม่น่าตายเร็วเพียงนี้  
    ไม่เห็นแก่ความลำบากที่ทำมาก่อนนี้เลย ฮือๆๆ


    เราเป็นโรค pnemothorax แอดมิทไปสามคืน ณ ปลายเดือน สค นั้นเอง
    หายก็จริง แต่โรคนี้ หมอบอก
    เมื่อเป็นแล้วครั้งหนึ่ง จะกำเริบขึ้นอีกเมื่อไรก็ได้

    ดังนั้นหมอสั่งห้าม
    ทำอะไรก็ตามที่ทำให้ความดันในปอดมีการเปลี่ยนแปลง
    เช่น ขึ้นเครื่องบิน ขึ้นเขาสูง  ดำน้ำ
    ปกติเราไม่ได้ขึ้นเขา ดำน้ำอยู่แล้ว นั่นไม่มีปัญหา (อ่า แต่ อดไปดูหิมาลัยซะแล้วสิชาตินี้ ไม่เป็นไร ไม่ชอบภูเขานัก
    แต่อย่างนี้ก็อดเที่ยวมัลดีฟ แบบกระทู้ข้างล่างสิ สถานที่ในฝันเราเลยนะนี่ ฮือๆๆ  


    แต่ขึ้นเครื่องบินนี่สิ
    ต้นเดือน กย
    เราต้องเดินทางจาก กทม ไปเกาะฟู่คูอีก

    เที่ยวนี้ไปเพื่อปิดจ็อบนี้จะได้เสร็จสิ้นกันไปซักที
      หากฟังตามคำหมอ  เดินทางไม่ได้

    มีสองชอยส์ให้เลือก  
    หนึ่ง  เลื่อนงานยืดไปอีกหนึ่งปี ที่วางแผนให้เสร็จเร็วในปลายเดือน ตค ก็ต้องเสียหมด
    กับสอง   เสี่ยงตายไป
    เพราะหมอบอกว่า หากขึ้นเครื่อง โอกาสตายก็ประมาณ 60/40  
    แต่ยังมี อีก สี่สิบ ให้เสี่ยงเป็นนี่นา    จะเลือกอย่างไรดี

    เราเลือกข้อสอง  เสี่ยงตาย อิอิ

    เป็นโรคนี้เขาว่า ห้ามบอกสายการบินเด็ดขาด
    เพราะจะไม่ยอมให้ขึ้นเครื่อง
    (ไม่รู้จะถูกปรับไม่ให้สะสมไมล์ด้วยอ่ะเปล่า )

    และแล้วก็มาถึงเกาะฟู่คูจนได้
    ไม่รู้รั่วแค่ไหน หรือไม่  อาการไม่ค่อยดีนัก
    กะเอาเองว่า คงรั่วสัก 20%
    อย่างไรก็ต้องรีบจัดการงานคั่งค้างให้เสร็จไป

    ********


    มานั่งคิด
     หากพับกระเรียนได้ครบพันตัว
    คงหายป่วยได้
    (ไม่คาดว่า ตอนกลับมาที่นี่ก็ฮิตกันพอดี  )


    จะเอาเวลาที่ไหนพับ
     หากพับวันละสิบตัว ต้องรอร้อยวัน
    กว่าจะเข้าเป้า  นานมากไป
    ต้องตายก่อน เป็นมั่นคง

    ต้องหาเวลาว่างสักหนึ่งวัน พับมันแต่เช้าจรดค่ำ เอาให้ได้วันละห้าร้อยตัว
    ถ้าได้ในอัตรานี้คาดว่า เพียงสองวันต้องได้หลุดพ้นจากเกาะนี้ รอดตายกลับบ้านเป็นแน่แท้


    คิดแล้วไม่รอช้า เสาะหากระดาษมาพับกระเรียนทันที
    ครั้นจะเอากระดาษเอสี่ธรรมดา คงไม่เข้ากับบรรยากาศ


    บ้านเมืองนี้ คนคงนิยมพับนกมาก ขนาดร้านเครื่องเขียนมีกระดาษพิมพ์พิเศษสำหรับพับนกโดยเฉพาะ
    ของไม่น่ามี กลับมีการประดิษฐ์คิดขายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
    กระดาษพับนก  สนนราคาแพคหนึ่งประมาณสามสิบกว่าบาทไทยเท่านั้น

    พับได้สักยี่สิบตัว เป็นลายพื้นเมืองงดงามตระการตา
    จะเอากระเรียนลายดอกไม้หรือลายพิมพ์ทองก็ตามอัธยาศัย  


    อุปสรรคช่างมากมาย
    หลังได้กระดาษมา
    พบปัญหาใหม่ คือ

    พับไม่เป็น

    ********

    จำได้เลือนรางว่า
    สมัยอนุบาลซึ่งก็ไม่นานมานี้เอง สามารถพับทำโมบายส่งครูได้

    พับนกคิต บ้านนี้เมืองนี้ ก็ดีหลาย
    ข้างหลังซองกระดาษพับนก
    มีวิธีฮาวทูพับไว้เป็นขั้นเป็นตอน

    อนิจจา อู๋ปังจู้ ผู้ไร้สามารถกับหนังสือฮาวทูทั้งหลาย
    กระทั่งเทคโนโลยียุคพับกระดาษ ยังไม่อาจทำตามได้ถูกต้อง
    กระดาษใบงาม
    กลายเป็นเศษขยะใบแล้ว ใบเล่า

    เศษขยะ บางครั้งดูงดงามจริงๆ
    หรือว่า เศษขยะ เพียงชั่วนาทีก่อน มันยังเป็นของดีที่คนซื้อหามา
    ยิ่งกว่านั้น เศษขยะ ในสายตาบางคน อาจเป็น สมบัติล้ำค่า ของใครอีกบางคน
    เส้นแบ่งระหว่างเศษขยะ กับ สมบัติ
     ช่างบางเบา ราวกระเรียนกระดาษ
    เส้นแบ่งระหว่างชีวิต กับความตาย
    ยิ่งเบาบางนัก

    ************


    เวลาไม่คอยท่า
    คงต้องหาทางลัด
    ฉุกคิดขึ้นได้ บ้านเมืองนี้เขามีกระเรียนสำเร็จรูป
    เราก็หยิบจับอยู่ทุกวัน
    ใยไม่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ยามฉุกเฉินนี้
    ว่าแล้วควักแบงค์พันของเกาะนี้ขึ้น ด้านหลังย่อมมีกระเรียนเชิดหัวสวยอยู่สองตัว

    *******

    กระเรียนคู่
    ฮึ่มมม
    ดูคล้ายเยาะหยันสมาคมคนโสดมาก
    ชักไม่ค่อยอยากหยิบจับใช้  อยากจะหยิบฉีกแคว่กให้ขาดครึ่งออกจากกัน  แต่ไม่อาจหักใจ
    ( อืมม เรายังมีคุณธรรมรักสัตว์อยู่นะนี่ )
    ดีว่า มันมีวงกลมขาวขีดคั่นหว่างนกสองตัวนั้น  
    กระเรียนไม่อาจเข้ามาชิดใกล้กัน ด้วยวงขาวกางกั้น ได้แต่เงื้อง่ากางปีกติดขัดอยู่เช่นนั้น
    ค่อยเป็นขวัญกำลังใจให้ชาวสมาคมคนโสดและผู้ป่วยใกล้ตาย ขึ้นมาอีกนิด


    *********

    จึงได้คิด หากนำแบงค์พัน
    มารวบรวมประชุมนกให้ได้พันตัว
    คงเป็นทางลัดสู่จุดหมายไม่ช้า

    ว่าแล้วจัดสรรรวบรวมทรัพยากรนก  
    คิดการให้ได้ฝูงใหญ่
    กระเรียนพันตัวพาเราเหาะเหินกลับบ้านได้แน่
    ต้องมีแบงค์พัน ห้าร้อยใบ จึงได้นก หนึ่งพันตัว
    นั่นคือ ต้องมีเงินถึงห้าหมื่นหน่วย  
    ไม่น่าเชื่อ ค่าตั๋วเรือบินจากเกาะนี้มาไทย หกหมื่นหน่วย

    แต่อนิจจาซ้ำสอง ไม่สามารถระดมพลนก
    ได้ครบจำนวน
    ด้วยว่ากาลเวลาที่ผ่านมา ไม่คำนึงอนาคตความตาย  ดำรงชีพด้วยบฟ หนักมื้อมากไป
    ไพร่พลนก ร่อยหรอมาก
    แต่โชคยังดีกับคนไข้อยู่
    เพราะครั้งนี้มิจำเป็นต้องระดมนกเช่นนั้น
    เพราะเราเลิกสัญญาเรียบร้อยแล้ว ต้องได้ตั๋วแถมตามแพกเกจ (เฉดหัวกลับ) กลับมาเป็นมั่นคง

    **********

    ปลายเดือน ตค งานสำเร็จลงไปแล้ว
    แต่ยังต้องรอเอาใบเสร็จพร้อมตั๋วกลับ
    กลางเดือน พย
    เราต้องภาวนา
    อย่าให้อาการกำเริบตายตอนนี้

    **********

    จากคุณ : อู๋ปังจู้ - [ 23 พ.ย. 47 14:30:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป