ความคิดเห็นที่ 1 ด้วยความที่ เขตที่เรามานี่ อยู่ทางเหนือของประเทศจีน อาหารหลักของเขาเลยไม่ได้เป็นข้าวเจ้าที่เราคุ้นเคย  แต่เขาจะนิยมปลูกข้าวสาลี แล้วค่อยนำมาแปรรูปเป็นอาหารแป้งมากกว่า  มีทั้งแบบนึ่ง แล้วก็แบบปิ้ง  อย่างอันนี้  กินรอกับข้าวก่อน แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 48 13:32:44 จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กับข้าวจานแรกมาแล้ว  จานนี้ เป็นไก่ผัดกับมันฝรั่ง จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จานต่อมานี่เป็นหมูชุบแป้งทอดแล้วค่อยนำมาปรุงรส จะว่าเปรี้ยวหวานก็ไม่ใช่  ออกไปทางเค็มมากกว่า จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:02:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผัดผักกาดขาวกับเต้าหู้ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผัดผักเขียว หน้าตาคล้ายกับ พวกผักกาดไต้หวันที่บ้านเราแต่ต้นโตกว่า  รสชาติใกล้กันเลย แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 48 11:04:20 จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จริง ๆ มีอาหารอีกสองสามอย่าง แต่หน้าตาประมาณว่า เขละ ๆ  คล้าย ๆ  กัน  เลยไม่เอารูปมาลง  มาถึงรอบของซุป  มื้อนี้ยังดีที่ไม่ได้เป้นแบบใส่แป้งให้ข้น ๆ หน่อย  พอทานได้ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:05:37 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้าว ชามซุป หล่นมาอยู่ตรงนี้  อิอิ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้ว ก็ เรียกได้ว่าทุกมื้อ  ต้องมีเจ้าชามนี้มา  แบบว่าเป็นภาคบังคับของภัตตาคารแถวนี้เขา  ถามไถ่ก็ว่า ร้านเขาแถมมาให้  ประมาณว่าแทนข้าวเลยละ  แต่  อร่อยนะครับ เส้นเขาอร่อยมาก ผมเอง ไป ๆ มา ๆ  ก็ ได้เจ้านี่ ให้อิ่มท้องแทนแทบทุกวันที่อยู่เมืองจีน จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ของหวาน จะเป็นผลไม้ ทุกมื้อไป  แล้วก็ต้องมีน้องแตงโม มาเสนอหน้าตลอดด้วย  อิอิ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อิ่มแล้ว ออกมาเดินชมนกชมไม้ย่อยอาหารกันหน่อย  ดอกไม้สวยใช้ได้เลยนะครับ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แว้บเข้ามาขโมยกิน จากคุณ : บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน - [ 21 เม.ย. 48 11:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ดูดอกแบบใกล้ ๆ  กันหน่อย  สีหวานจริง ๆ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางมาที่วัดเส้าหลินกันสักที จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ซุ้มประตูทางเข้า ใหญ่สมเป็นเมืองจีน  อิอิ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตรงทางเข้าวัด  จะมีต้นแปะก๊วยอยู่  เห็นว่าอายุเยอะมากแล้ว  เขาเล่าว่า ต้นแป๊ะก๊วยนี่  มีเพศนะ  แล้วต้องผสมพันธุ์กันแบบครบคู่จึงจะมีลูกแปะก๊วยให้เราได้กินกัน  แต่ที่วัดนี่  เป็นต้นแปะก๊วยโสด  อยู่มานานก็เลยไม่เคยมีลูกให้ได้กินสักที  (ตาอู๋น่าจะไปเกาะอยู่แถวต้นนี้นะ  อิอิ) จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เขาบอกวิธีสังเกตด้วยนะ ว่าเป็นต้นตัวผู้หรือตัวเมีย  โดยมองจากใบ  ว่า ชี้ขึ้น หรือหงายลง  แต่ดูยังไงก็ ดูไม่ออก  อิอิ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:12:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาโถงหลักของวัดเสียที  อ่านชื่ออารามเขาไม่ออก สารภาพ  เขาบอกแล้วก็จำไม่ได้ อิอิ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ศาสนาพุทธในประเทศจีนนี่ เป็นนิกายมหายานนะครับ  ไม่ได้เป็นหินยานเหมือนบ้านเรา  เขาจะมีความเชื่อในองค์พระศาสดาหลายองค์  ทั้งที่มีมาแต่อดีตกาล ปัจจุบัน และอนาคต จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:15:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ้าว พระเจ้าหล่น  อิอิ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 การสวดมนต์ของพระเมืองจีนนี่เขานิยมให้มี เครื่องประกอบจังหวะในการสวด  ที่หลัก ๆ  ก็เจ้าปลานอนขด แบบนี้ เขาเรียกกันว่า บักฮือ  ตัวนี้ใหญ๋ประมาณว่า เกือบเท่าคนนอนขด  เวลาเคาะที คงดังพิลึก  อิอิ แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 48 13:36:42 จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มีกระถางทองเหลืองใหญ่อยู่ด้านหน้า  พาลให้นึกถึงนิยายกำลังภายใน  ต้องมีการยกเจ้านี่ทุ่มใส่ก้น  สนุกดีพิลึก  อิอิ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:18:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แหงนมองชายคา  เจอระฆังมีตุ้มไหวเป็นปลา  น่าเอ็นดู จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เลยมาที่อีกอารามนึง  มีพระปางไสยาสน์  ศิลปกรรม กระเดียดไปทางพม่า หรือไทยไหญ่  แปลกตาไปอีกแบบ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:19:57 ]

ความคิดเห็นที่ 24 วัดเส้าหลิน นี่ประวัติยาวนานมาก  เคยรุ่งเรืองขนาดว่า มีพระและศิษย์ในวัดมากขนาดว่า หุงข้าวทีต้องใช้กระทะใหญ่ขนาดนี้  ถึงจะพอ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โม่หิน ก็ ยังใหญ่ไปตาม ด้วย จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:21:10 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มองอะไรไปเรื่อย ๆ  อย่างศิลป บนกระถางธูปของเขา  ด้านบนเป็นลายมังกรแล่น จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ด้านข้างเป็นหัวช้าง  เอ เมืองนี้มีช้างด้วยอะเปล่านี่อะ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พระภิกษุที่นี่ ยังนุ่งห่มเหมือนในหนังที่เคยดู จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แวะดูดอกไม้สวยระหว่างทาง จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อันนี้จำได้ว่า น่าจะเป็นหอฝึกฝีมือ  มีพุทธรูป ท่านตักม้อ  ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งวัดเส้าหลิน อยู่เป็นประธาน แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 48 11:27:00 จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มีภาพเขียนอยู่ที่ผนัง  เล่ากันว่า ชาวนาแถวนี้เขามาเขียนให้ตอนสร้างวัดใหม่ ๆ  แรกเขียนเสร็จไม่มีความงาม หรือ สมจริงเลย แต่พอเช้าวันรุ่งขึ้น ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นความสวยงามสมจริง  แล้วก็เล่ากันอีกว่า ภาพชุดนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ทุกหกสิบปี  เอ คงรอดูไม่ไหวแล้ว  ไปก่อนดีกว่า  อิอิ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 32 รูปนี้ขอให้สังเกตที่พื้นนะครับ  ว่ากันว่า บรรดาพระเส้าหลินมาฝึกฝีมือกันที่นี่  จนหินที่พื้นสึกลงเป็นรอย แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 48 13:38:49 จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เดินออกมาดูอะไรกันต่อ  นี่เลยปรมาจารย์ตักม้อ  ผู้ก่อตั้งวัดเส้าหลิน  จริง ๆ แล้วท่านเป็นชาวอินเดีย  เดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนา ในประเทศจีนเมือหลายร้อยปีก่อน  ในช่วงแรกที่มา ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างความเชื่อถือให้กับชาวจีน  อันเนื่องมากจากปัญหาหลายอย่าง  ทั้งในเรื่องของการสื่อสาร  ว่ากันว่าท่านเลยนั่งพิจารณาอยู่ท่าเดียวเป็นเวลาเจ็ดปี  โดยตลอดเวลาไม่ลุกไปไหนเลย  จนเงาที่ทาบบนหน้าผาบริเวณที่ท่านนั่ง เกิดเป็นรูปของท่านขึ้นมา  ชาวบ้านจึงเกิดความศรัทธา ขอเดาเอาว่า ระหว่างที่นั่งคงบรรลุในเรื่องการสื่อสาร  เพราะหลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้สนใจเข้ามาศึกษาธรรมกันอย่างแพร่หลาย  จนแม้แต่ผู้รู้ของลัทธิเต๋า เองยังมาขอเป็นศิษย์  แต่ในช่วงแรกท่านไม่ยอมรับ เนื่องจากเกรงว่าจะก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้น  จนตอนหลังเกิดเรื่องเศร้าเพราะท่านเผลอบอกไปว่า จะรับเป็นศิษย์ก็ต่อเมื่อหิมะที่ตกลงมากลายเป็นสีแดง  ท่านผู้รู้ท่านนั้นก็เลยเอาปังตอฟันแขนตัวเองขาดไปข้างนึงแล้ว เหวี่ยงไปทั่วให้เลือดสาดแดงฉานทั่วบริเวณนั้นในช่วงที่หิมะตก  จึงได้เป็นศิษย์เอกของวัเส้าหลิน  นี่จึงเป็นที่มาว่า ทำไมพระวัดเส้าหลินเวลารับไหว้หรือ แสดงความเคารพจึงยกแขนเพียงข้างเดียว  อิอิ  สนุกดี จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 34 วัดเส้าหลินนี่ก็แปลกดี  ไม่ได้ขึ้นชื่อในเรื่องหลักธรรมคำสั่งสอนนัก กลับขึ้นชื่อในเรื่องศิลปการต่อสู้ป้องกันตัว  ว่ากันว่า ท่านตักม้อ พิจารณาเห็นว่า พระภิกษุส่วนใหญ่จะนั่งเจริญภาวนา ทำให้สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง  แถมที่ตั้งของวัดก็อยู่บนเขากลางป่า ระหว่างทางที่เดินทางภิกขาจาร เผยแพร่คำสอนไป อาจเจอสัตว์ป่า หรือถูกทำร้ายเอาได้ ท่านจึงได้สั่งสอนให้พระภิกษุของวัดเส้าหลินฝึกปรึอร่างกายและวิทยายุทธในการต่อสู้ป้องกันตนเอง  อันเป็นที่มาของเรื่องลือชือ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ว่ากันว่า ต้นไม้ต้นนี้ เป็นที่พระในวัดฝึกปรือวิชาดรรชนีกัน  แข็งแกร่งจนทิ่มแทงทะลุลำต้นเป็นรูไปทั่วแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 48 09:39:22 จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อันนี้น่าสนใจดี  เข้าใจว่าเป็นรางระบายน้ำจากอารามของวัด  แต่มีการทำเป็นรูปสัตว์พ่นน้ำใส่กัน จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ที่เมืองจีนนี่ มีความเชื่อในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อายุ ต้องยืนนาน  แล้วก็ เชื่อว่า กษัตริย์ของจีนเป็นทายาทมาจากมังกร  ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์แห่งอำนาจ  เลยมีสัตว์ประหลาดมาแบกป้ายจารึกนามของกษัตริย์หลาย ๆ องค์ที่เคยเสด็จมานมัสการพระที่วัดนี้  อย่างอันนี้ หัวเป็นมังกร แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 48 09:40:09 จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:43:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แต่ส่วนตัวกับหางกลายเป็นเต่า  อิอิ  เพราะเต่าเป็นสัญญลักษณ์แห่งอายุยืนยาว จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เดินชมอารามต่าง ๆ  แล้ว ก็ได้เวลาบอกลาไปชมอย่างอื่นต่อไป จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เจ้าต้นนี้ดอกสวยจริง ๆ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:45:06 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ระหว่างทางที่จะเดินไปชมป่าเจดีย์ ก็เจอของกินริมทาง จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 42 หรือมีใครอยากทานไข่ต้มใบชามะครับ  อิอิ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:45:52 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ต้นไม้สวยอีกต้น จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 44 บริเวณป่าเจดีย์นี่ จริง ๆ  ก็คือสุสานที่ใช้ฝังศพของอดีตเจ้าอาวาสหรือ พระภิกษุที่มีชื่อเสียงของวัดเส้าหลิน  เดิมไม่อนุญาตให้เข้ามาชมได้  มีเจดีย์อยู่ หลายร้อยองค์เลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 48 13:41:23 จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอไม่เล่ามาก  จบเรื่องวัดเส้าหลินไว้เท่านี้ก่อนดีกว่า  ไปเที่ยวกันต่อตอนหน้า นะครับ จากคุณ : jojo02 - [ 21 เม.ย. 48 11:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ดอกไม้สวยมากๆ ค่ะ อาหารก็อร่อย เอ๊ย น่าชม จากคุณ : อุบลวัลย์ - [ 21 เม.ย. 48 11:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ชอบฟังเรื่องเส้าหลินค่ะ เพราะชอบหนังกำลังภายใน แต่สงสัยจังว่าท่านตักม้อเป็นคนอินเดีย แล้ววิทยายุทธที่ท่านสอนบรรดาศิษย์เพื่อไว้ป้องกันตัวนี่ มีรากฐานมาจากอินเดียมั้ยน้อ??? คิดเล่นๆน่ะค่ะ จากคุณ : TTB* - [ 21 เม.ย. 48 12:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ที่ญี่ปุ่น มีวัดแห่งหนึ่ง ก้อนหินมหึมามีรอยฝ่ามือของพระ ที่มาจากอินเดีย ทิ้งรอยไว้ลึกและใหญ่กว่ามือของเรา คือลองเอามือลงทาบแล้ว แปลกมาก ขอรับ พระอินเดียรุ่นราวคราวเดียวกันกระมัง? จากคุณ : บ๊วยเค็ม2002 - [ 21 เม.ย. 48 15:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 49 วัดเส้าหลิน สมแล้วเป็นรากฐานวิทยายุทธ์และแดนธรรม กระทั่งแปะก๊วยยังต้องเป็น แปะก๊วย สนส อิอิ อ่า นั่นสิ ทำไมต้องเอากระถางทองเหลืองมาประลองยุทธ์กันนะ  ไม่เห็นค่อยเอาบักฮื้อเขวี้ยงใส่กันเลยอ่ะ (สงสัยไม่ตื่นเต้นเท่ากระถาง อิอิ) โอ ได้ฟังตำนานปรมาจารย์ตั๊กม้อนั่งสมาธิจนรอยเงาทาบติดผนังถ้ำมาเนิ่นนาน เพิ่งได้เห็นจากภาพนี่เอง ขอคารวะ    ไม่รู้ว่าการรับศิษย์ชนิดเลือดสาดของท่านตั๊กม้อนี้จะเกี่ยวพันไปถึงเรื่อง จอมดาบหิมะแดง หรือไม่  น่าคิด ๆๆๆ คุณ TTB จุดประเด็นน่าอภิปรายจริงๆ คำสอนที่ท่านตั๊กม้อถ่ายทอดต่อๆกันมาจนถึงท่านฮุ่ยเล้ง (ท่านเว่ยหล่าง ที่ท่านพุทธทาสแปลออกมาเป็นหนังสือ สูตรของเว่ยหล่าง นั่นเอง) ก็ดูจะเป็นแต่คัมภีร์ธรรม ไม่น่าจะมีวิทยายุทธ์อยู่ตรงไหน (หรือที่จริงมีแต่ยังแปลกันไม่ออกเอง หรือที่จริง ธรรมกับวิทยายุทธ์ล้วนเป็นหลักเดียวกัน โอยงงงงง ) ท่านบ๊วย นั่นใช่ รอยหัตถ์ประทับศิลา หนึ่งในสุดยอดฝีมือสำนักบ๊วยซัวหรือไม่ขอรับ จากคุณ : อู๋ปังจู้ - [ 21 เม.ย. 48 18:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ไข่ต้มใบชา ตามมาสองกระทู้แล้ว ท่าทางจะตามไปทุกกระทู้ใช่ไหมคะเนี่ย อิอิ ชอบรูปดอกไม้สีสดใสจังค่ะ จากคุณ : ~มณีลัลลา~ - [ 21 เม.ย. 48 18:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ผักกาดขาวผัดเต้าหู้น่าทานมากเลย คคห 40 สวยมากๆๆ จากคุณ : ซูชิ - [ 21 เม.ย. 48 19:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มาเป็นลูกทัวร์ฮับ จากคุณ : HaMishNaRuk - [ 22 เม.ย. 48 06:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เพิ่งกลับมาจากข้างนอกกลับมาอีกทีกระทู้เที่ยวจีนเพียบเลย ฮ่าๆ จะตามชมให้หมดภายในชม.นี้ล่ะ แหม้ กับข้าวจีน เงาวั๊บเลยอาบน้ำมันซะชุ่มเลย อิอิ แต่ก้อน่าทานนะ สงสัยเมืองเค้าเป็นเมืองหนาวเลยต้องทานน้ำมันอิอิคนเมืองร้อนไปกลับมาบ่นอ้วนทุกคนเลยอิอิ(น้องกุงที่พาไปทานบุฟเฟ่ต์ด้วยก็เพิ่งไปมา) บ่นไม่หยุดเลย อิอิ อารายธรรมเค้าคล้ายๆของไทยนะคะ แต่พระรูปของพระพุทธรูปคล้ายกันมากเลย จากคุณ : AF-FY - [ 22 เม.ย. 48 10:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ดอกไม้สีสดสวยจังค่ะ... อากาศน่าจะดีนะคะ... อยากไปเที่ยวมั่งจัง... จากคุณ : mamchan - [ 22 เม.ย. 48 13:40:33 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผัดผักจานที่ 5 และซุปจานที่ 7 ถ้าได้ไปเมืองจีน หนูเจอไอ้สองจานนี้เสมือนเป็นเพื่อนร่วมคณะ ผัดผักที่ 5 เนี่ยรู้สึกจะเป็นผักไต้หวันหรือไงถ้าจำไม่ผิด กินไปกินมาเพลินๆดี ส่วนวิชาอาจารย์ตั้กม้อเนี่ย หนูเดานะว่าวิชาที่ฝึกน่าจะเริ่มมาจากโยคะของชาวอินเดีย และผสมผสานกับวิชากามสูตร ซึ่งอันนี้ใครบางคนคงฝึกไม่ได้ อิอิ ไม่ต้องไปอยู่กับใบแป๊ะก๊วยหรอนนะ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 48 17:37:31 จากคุณ : CooKiiE - [ 22 เม.ย. 48 17:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ดูไปดูมาแล้วคิดถึงบรรยากาศตอนไปเมืองจีน อิอิ ผัดผักของเขาอร่อยดีนะคะ ผักอวบอั๋นมากๆเลย อิอิ จากคุณ : kamikaze blue - [ 22 เม.ย. 48 17:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 มาแกะขบวนตามต่อไปอีกข้างหน้าค่ะ จากคุณ : geao - [ 23 เม.ย. 48 01:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ไปเมืองจีน..พกแม้กกี้ขวดเดียวรอดเลย  กินไข่ต้มชาพอแระ.. จากคุณ : น้ำเขียวโซดาหวานซ่า..ชื่นใจ - [ 23 เม.ย. 48 21:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อะโห กับข้าวจีนมันมาก ขนาดน้ำแกงยังทำได้มันขนาดนั้น เขาทำได้ไงเนี่ย จากคุณ : ลุงปลาทองสีน้ำเงิน (platong_trumpet) - [ 24 เม.ย. 48 01:49:17 ]