CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    Buffet Diary..... ตอน.... บุฟเฟต์ซีฟูด ... ค่ำคืนศุกร์ 13 .... ณ โรงแรมโซฟิเทล .... เซ็นทรัล ลาดพร้าว ......(13 พค 48)

    สัตว์โลก เวียนว่ายไปตามกรรม
    ....สรรพสัตว์ ประเภท ซีฟูด เวียนว่าย ไปตามกระแส
    ...กระแส ซีฟูดบุฟเฟต์ ที่เชี่ยวกรากยิ่งนัก

    ใกล้วันวิสาขบูชา ดูกลิ่นอายแห่งธรรมจะแพร่ขยายไปถ้วนหน้า
    ดูอย่างเราซิ ตั้งอธิษฐานว่า
    ต่อไปนี้จะงดบุฟเฟต์มื้อเย็น
    เพื่อสังขารจะได้คงอยู่ต่อไปอีกพักหนึ่ง
    ถ้าเช่นนั้น ก็ควรจะส่งท้ายซักหน่อย


    การเดินทางไปห้างเซ็งท่านเย็นวันศุกร์นี้ ต้องคิดให้รอบคอบ
    เราพอดีอยู่อาคารละแวกนั้น ห่างจากห้างไม่ถึงกิโล  แต่หากเอารถไป
    กว่าจะกลับรถและวนหาที่จอด ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง  
    แถม รร นี้ให้คูปองจอดรถฟรีไม่ครบเวลากิน  ถ้านั่งสักสี่ชม ก็ต้องเสียเงินอีกประมาณยี่สิบบาททุกคราไป
    เลยตัดสินใจ เดินเท้า  ค่อยๆออกเดินลัดเลาะตามผิวดิน ลงใต้ดิน

    บ้านเราเดี๋ยวนี้ทันสมัยจริงๆ  ลงสถานีรถไฟใต้ดินสาขาพหลฯ สามารถไปทะลุตรงฟุตบาทแถวๆห้างได้
    ......เสียแต่ว่ามันยังไม่เชื่อมกับห้างและอาคารต่างๆโดยตรงแบบทะลุพรวดขึ้นได้ทันที
    แต่ก็เอาเหอะ รีบเดินดุ่มๆลุยเดี่ยวไปยังบุฟเฟต์เป้าหมาย

    ที่จริงกะว่า ใช้เวลา สิบนาที เอาเข้าจริงๆ จะด้วยระยะทางไกลหรือสังขารไม่อำนวยก็ไม่ทราบ ปาเข้าไป ยี่สิบห้านาที
       ไปถึงหกโมงครึ่ง บุฟเฟต์เริ่มไปแล้วครึ่งชั่วโมง จึงไม่รอช้า มุ่งไปตรงซุ้มไฮท์ไลท์ทันที


    เย็นวันศุกร์เป็นมื้อเดียวที่จัดพิเศษเป็นซีฟูดไนท์  
    ราคาก็เพิ่มพิเศษ (ปกติกลางวัน 550 ++เย็นปกติ 650++ สำหรับซีฟูดไนท์ เน็ตแล้ว 883)


    *************

    ซุ้มแรก ที่เดินเข้าไปก็ต้องเจอ

    ตรงกลางเด่นสง่าด้วยการทำซุ้มซีฟูด เอาแห มาทักถอจากเพดานลงมาเป็นฉาก
    ข้างหน้าแหคือน้ำแข็งแกะเป็นปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง
    หน้าปลาน้ำแข็ง ที่คล้ายเทพเจ้าอันเย็นยะเยือกประจำไลน์นี้

    เรียงรายไว้ด้วยบรรดาของเลอค่าอมตะสุดๆ
    เป็นของ ห้าสี ห้าอย่าง อยู่ในถ้วยแก้ว
    มีครบสี   ดำ แดง เขียว เหลือง และขาว
    ของห้าอย่างที่คล้ายเครื่องเซ่นสรวงแห่งสวรรค์ชั้นฟ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ นั้นคือ ไข่สีดำ
    (จริงๆไม่ใช่คาร์เวีย เป็นพวกไข่ปลาประเภท lumpfish)  
    ไข่สีส้ม ประมาณว่าไข่กุ้ง
      ไข่สีเขียว  (ก็คือไข่สีส้ม แต่ไปย้อมสีเขียว)

    สีขาว และสีเหลือง ยังคงเป็นไข่  
    ไม่ใช่สัตว์น้ำ เพราะเป็นไข่ไก่

    ไข่ไก่ต้ม
    เอาไข่ขาวและแดงมาแยกออก
    ทำซุยๆ ออกมาเพื่อให้เครื่องเซ่นตรงนี้มีครบห้าสี
    ตามหลักของเครื่องเซ่นเบญจภาคี

    อย่างน้อยมันก็เป็นจำพวกไข่
    พอกล้อมแกล้มเข้าพวกกันไปได้

    ถัดจากสารพันไข่

      บนพื้นน้ำแข็งเกลื่อนไปด้วยซากสัตว์ทะเลหลายชนิด คละเคล้าปนกันคล้ายของในกระบะที่ติดป้ายเซลล์
    ปูม้า ปูทะเล ที่ต้มสุก แต่ถูกเฉาะ ถูกแยกร่าง
    จนยากที่จะต่อติดเป็นร่างเดิม  ถูกทิ้งเกลื่อนไว้
    กุ้งแม่น้ำที่ต้มแล้ว ถูกทิ้งเรี่ยราดไว้คล้ายของไร้ราคา

    หอยเชลล์อันขาวบริสุทธ์ไม่ไปแปดเปื้อนกับกุ้งปูพวกนั้น
    เพราะถูกวางไว้บนชามพลาสติกสีขาวใสรูปฝาหอย
    หอยเชลล์ พิศดูให้ดี ไม่ขาวพิสุทธ์นัก กลับมีสีซีดๆเหลืองๆ
     คล้ายหอยป่วยด้วยโรคที่ไม่มีใครวินิจฉัยได้
    ....ชีวิตเราคล้ายเป็นดั่งหอยนี้ฤา


    ปูทะเลเอย ปูทะเล
    ต่อไปนี้ใครมาตั้งปุจฉาถามฉัน
    " เอราวัณปูทะเลไม่ลงบุฟเฟต์ปกติแล้ว จะไปหากินในบุฟที่ไหนละเนี่ย"
    ฉันก็คงจะวิสัชนาว่า    
    "ศุกร์เย็นที่โซเซ็งท่าน พอจะหาได้" (แต่ในสภาพที่น่าคบหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง)


    ดูข้างๆสิ หอยแมลงภู่ตัวเขื่อง ไม่ทราบสัญชาติ
    ถูกจัดวางไว้ในภาชนะสีเข้มทรงยาวคล้ายกระบอกไม้ไผ่
    มีน้ำสลัดมะเขือเทศโปะหน้า  น้ำสลัดเขลอะคาอยู่กับตัวหอยที่ดูอิดโรย
      ดูไปคล้ายซากหอยที่ถูกสังหารมีเลือดไหลโทรมกาย  สังเวยเทพปลาน้ำแข็งในคืนศุกร์ 13 นี้


    หอยนางรมดิบที่ทรงคุณค่า สำหรับใครหลายคน
    ถูกนำมาสุมโถมทับกัน
    บ้างเกยกันอย่างระเกะระกะ
    บางตัวถูกกดจมธรณีน้ำแข็งลงไปนอนอยู่ข้างๆขอบไลน์อย่างน่าอนาถยิ่งกว่าหอยเชลล์ป่วยนั้นเสียอีก





    *********

    เรายืนอยู่หน้าไลน์ซีฟูดเย็น

    ....  ยืนอยู่ภายใต้สีสันหลายชนิด


    แสงจากหลอดไฟดาวไลท์สีส้มสลัวของห้องก้นครัวคาเฟ่  
    ทอดกระจายรอบห้อง
    แสงไฟจากหลอดฮาโลเจ่นสีส้มจัด
    สาดส่องต้องไลน์ซีฟูดเย็นที่ทรงคุณค่า

    สีของกระดองปูม้า ปูทะเล เปลือกกุ้งและกั้ง ที่ผ่านการต้มจนออกเป็นสีส้มซีดๆ
    เมื่อสะท้อนแสงไฟสีส้มนี้    คละเคล้ากับบรรยากาศสลัวรางของห้องโดยรวมแล้ว

      บรรยากาศคล้ายเป็นแสงสีแห่งวิญญาณ
    ในยมโลกใช่มีฉากเป็นสีเช่นนี้หรือไม่  
    วิญญาณส่ำสัตว์มากน้อยเท่าใด
    วนเวียนอยู่ ณ บริเวณนี้  อยู่รอบตัวเรานี้


    คนป่วยหนึ่งคน ยืนถือจานสีขาวสะอาด
     ปลงสงบไว้อาลัย อยู่หน้ากองทัพซากสัตว์น้ำหลายชนิด
    หน้าคนผู้นั้นก็คล้ายจะเปลี่ยนจากดำเป็นเหลืองซีดไปด้วย


    ประกายแสงสีส้มรอบๆ ทำให้จานสีขาวที่ถืออยู่
     ยิ่งดูคล้าย.......คล้ายขนนกที่ปลิวมาจากแดนไกล
    ขนนกนั้นได้นำร่างไร้วิญญาณของปูสองสามชิ้น มาเป็นตัวแทน ของเหล่าส่ำสัตว์ฝูงนี้แล้ว
    ....ขนนกคงจะนำวิญญาณทั้งมวลไปสู่สุคติพร้อมน้ำจิ้มซีฟูดเล็กน้อยพอเป็นกระษัย


    หลังจากสำรวมไว้อาลัยระยะเวลาหนึ่ง
     เราตัดสินใจค่อยๆ เดินจากไปอย่างแผ่วเบา
    ด้วยความเกรงใจจะรบกวนความสงบของเหล่าวิญญาณร่วมโลก

    บ่ายหน้าเลี้ยวไปทางด้านซ้ายของห้อง ซึ่งยังคงเป็นแนว ซีฟูดไนท์ อีกแบบหนึ่ง ของคืนวันนี้


    ซากสัตว์ทะเลอีกหลายชนิด ทั้ง ปลาคอด แซลมอ ปลา
    กระพง  กุ้งแม่น้ำ กั้ง และปูม้า ถูกเรียงรายก่ายเกยกันไว้ ต่างกับตรงเวทีเซ่นสรวงด้านหน้าตรงที่ สัตว์เหล่านี้ยังคงดิบและสดอยู่  

    ของดิบ อาจดิบตลอดไป หรืออาจถูกจับทำให้สุก

    ที่นี่หากเป็นขุมนรก คงต้องเป็นขุมคลาสสิค ที่ใช้ไฟเป็นองค์ประกอบหลัก
    คนชุดขาว จะทยอยนำ สัตว์น้ำสดๆ ที่เรียงรายนั้น มาลงเตากริลล์
    ที่เปรียบไปจะเป็นกระทะทองแดงก็คงไม่ห่างกันนัก

    เสียง...ฉู่...โฉ่..ฉ่า...ฉี่ๆๆๆ
    ยามเนื้อสดๆของสัตว์ทะเลแนบอิงแอบกับเตาย่าง
    เสียดแสบเขาไปถึงส่วนลึกของจิตใจยิ่งนัก

    สรรพสัตว์ไร้ขามีครีบ มีครีบแต่ไร้ขา เมื่อผ่านการสำเร็จโทษบนเตาแล้ว
    ถูกจับโยนขึ้นมาบนถาดอลูมิเนียม  บนเรือนร่างมีรอยไหม้เกรียมมากน้อยตามกรรม  ตามวาระ แห่งตน


    ***********


    เรายืนทอดอาลัยทำใจสงบกับบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่ผ่านการใช้กรรมนี้
    แล้วค่อยๆ บรรจงกวาดต้อนเรือนร่างพวกมันหลายตัว  เข้ามาในจาน

    เราเองก็กรรมไม่น้อย   จึงไม่ไปข้องแวะกับเจ้าตัวกรรมหนักที่ดำไหม้ทั้งหลาย
    ค่อยๆไปเลือกตัวที่กรรมน้อยๆ เข้ามาไว้ในจาน
    จานนั้นเต็มล้น ด้วยกั้ง และกุ้ง
    เราค่อยๆ เดินอย่างประณีตที่สุด ไปยังโต๊ะที่นั่ง


    วันนี้แม้ผู้คนในห้องไม่มาก กระนั้น
    คนชุดขาวยังคงทยอยส่งสัตว์ดิบทั้งหลาย ไปชดใช้กรรมอยู่เป็นระยะมิได้ขาด


    ด้านหน้าเตากริลล์ย่างนี้ ยังมีอาหารประจำที่ทำเอาไว้ (ปกติเป็นไลน์เค้ก)  เช่น ซี่โครงหมูอบซอสบาร์บีคิว  เสต็กเนื้อ tenderloin   มันฝรั่งอบ ผัดผักเนย ไส้กรอกอบเนย เป็นต้น   ไลน์ตรงข้ามเป็นซุ้มโปรโมชั่นประจำเดือน ช่วงนี้ คือแกะ

    มี อาทิ braised lamb shank กับไวน์แดง เราค่อยๆแย้มเปิดฝาดูเจ้าเนื้อขาแกะที่ถูกต้มเคี่ยวจนส่วนเนื้อแทบจะละลายออกมาปนกับซอสสีน้ำตาลเข้มด้วยความเห็นอกเห็นใจ นี่คงเป็นความผุพังของสังขารชนิดหนึ่ง
    ขาที่เคยยืนหยัดแทะเล็มหญ้าในทุ่งกว้าง  มาวันนี้ต้องมาถูกเคี่ยวสลายอยู่ในซอสไวน์แดง

     ข้างๆกัน ยังมี lamb chop แบบกริลล์  lamb chop ในซอสบาร์บีคิว และแกะเสียบไม้ย่าง  



    อีกด้านหนึ่งของห้องเป็นมุมอาหารญี่ปุ่น ที่วางไว้แล้วมี แคลิฟอเนียมากิ และข้าวห่อสาหร่ายไส้ปูอัด

    มองผ่านฝ้ากระจกเข้าไปในตู้แช่ ด้วยอาศัยแสงรางๆของนีออนหลอดเก่า เราพบแซลมอนดิบ ปูอัดสีเข้ม นอนเงื่องหงอยอยู่ในนั้น   เบือนหน้าหลบไปอีกด้านของไลน์ เป็นอาหารหลัก (เป็นอาหารหลักของบุฟเฟต์นานาชาติปกติ)ข้าวผัดปูที่คุ้ยเนื้อปูไม่พบ เสริมบรรยากาศอวลวิญญาณในห้องให้ขลังยิ่งขึ้น  

    กุ้งทอดกระเทียม มาลงในหมวดอาหารจีน สอดรับกับซีฟูดไนท์คืนนี้  กุ้งนี้เติมตลอดมิได้ขาด
    อาหารไทยพวกน้ำพริก ขนมจีนน้ำยา และผักเคียงจัดใส่ไว้ในภาชนะรูปคล้ายหาบของแม่ค้าเร่



    ************

    มุมด้านหลัง ชุกชุมด้วยนักบุฟเฟต์ เพราะเป็นไลน์ของหวาน

    ผลไม้มีสกุลขึ้นมาด้วย ลิ้นจี่  ซึ่งไม่ค่อยพบในบุฟเฟต์นัก คงมีใครกรวดน้ำส่งมาในไลน์โดยแท้
    ยังมีร่องรอยซากบุญ ด้วยกล้วยไม้มัดกับใบพลูด่างด้วยลวดเล็กๆ คล้ายที่แจกติดปกเสื้อตามงานพิธี แต่เอามาโปะวางไว้แต่งหน้าผลไม้ชามอ่างละหนึ่งมัด  
    ข้างๆยังมี องุ่นแดง มังคุด อีกอย่างละชามอ่าง  ประดับหน้าด้วยดอกไม้แห่งบุญดูอิ่มเอมใจ

    คนกรวดน้ำส่งลิ้นจี่มา คงส่งบุญมาแต่น้อย ลิ้นจี่จึงหมดแล้วหมดเลยภายในสองทุ่มนั้นเอง  องุ่นแดงสิ้นบุญไปติดๆกัน
    สุดท้ายเหลือเพียงเงาะไว้เป็นอนุสรณ์แห่งบุญ
    ท่ามกลางเสียงสวดภาษาไทยใช่บาลีที่เราพึมพำตามส่งไป  
    เค้กล่ะ ชอคโกแลตมูส  เค้กชาเขียวสูตรพิเศษ เนื้อเด้งดึ๋งคล้ายวุ้น

    เค้กชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ดูดีกว่าชิ้นละห้าบาท เช่นโอเปร่าเค้ก ทาร์ทเล็ทผลไม้ มูสใส่ถ้วยเล็กถ้วยน้อย
    มี praline ชอคโกแลตสี่รูปทรง ทั้งกลม ทั้งเหลี่ยม ไส้เป็นแยมผลไม้ต่างๆกันมาเป็นไฮท์ไลท์สำหรับคนรักชอคโกแลต
      ชอคโกแลตพุดดิ้ง  ชีสเค้กบลูเบอรี่มาตรฐาน  
    เค้กดูเหงาๆลงไป เหมือนอาลัยให้เชฟคนไทยผู้ย้ายไป
    เชฟคนไทยผู้เป็นหัวแรงแข็งขันคู่เชฟชาวยุโรปมาเนิ่นนาน ณ โซฟิเทลเซ็งท่าน
     ได้ย้ายไปแล้ว แกเพิ่งย้ายไปโนโวเทลโลตัส
    จะย้ายไปประดิษฐ์เค้กใดลงบุฟเฟต์ให้ชมและชิมนั้น  เราเห็นแล้ว แต่ยังไม่มีแรงจะเล่า
       คงต้องติดตามชมในกระทู้ต่อไป

    *************


    ตรงข้ามไลน์ขนมหวาน เป็นภาพที่ตรงข้ามกันสิ้นเชิง
    ......
    นี่คือความสงบเย็น

    ด้านหลังไลน์นี้มีมุมที่คล้ายมุมร้าง  ด้วยคืนนี้ผู้คนแทบไม่แวะไปเยี่ยมเยียนเลย นั่นคือก๋วยเตี๋ยวประจำวัน
    มุมนี้หากเป็นบุฟเฟต์กลางวัน หรือตอนเย็นที่ไม่ใช่ซีฟูดไนท์ ก็คล้ายวัดที่มีสาธุชนไปทำบุญบ้าง

    แต่มุมก๋วยเตี๋ยวพิศดูในบรรยากาศคืนนี้วังเวงนัก
    .......   แสงนีออนที่สาดส่องในตู้ คล้ายนีออนดวงโดดเดี่ยวหน้าซุ้มประตูวัดอำเภอห่างไกลไร้ผู้สัญจรผ่านยามค่ำคืน  
    เราเองก็ไม่กล้าพอแม้แต่จะเหลียวหน้าไปดูว่าคือก๋วยเตี๋ยวอะไร



    ชีวิตใครอีกหลายคน
    ก็ดูคล้ายนีออนดวงโดดเดี่ยว
    กระพริบปุบปับคล้ายบัลลาร์ดสตาร์ทเตอร์เสีย
    อยู่ริมกำแพงวัดชนบทยามค่ำคืน

    แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 48 10:50:27

    จากคุณ : อู๋ปังจู้ - [ 16 พ.ค. 48 10:45:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป