ความคิดเห็นที่ 1
คำว่า Cocktail นั้น เมื่อได้ทำการวิเคราะห์ออกมาเล่นๆ ตามใจตัวเองแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่แปลกพอสมควรเพราะว่า คำๆ นี้ ไปคล้องจองกับตำนานของเครื่องดื่มประเภทนี้ โดยไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน
COCKTAIL : - COCK = ไก่ ( ตัวผู้ ) TAIL = หาง เมื่อทำการรวบรวมคำว่า COCKTAIL และแปลออกมา ก็หมายถึง หางไก่ ซึ่งเมื่อได้รับทราบถึงความหมายแล้ว ผู้คนโดยทั่วไปก็อาจจะงงๆ ว่า หางไก่ (ตัวผู้) นี้ มันว่าเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มผสมนี้ อย่างไร และเพื่อเป็นการไขข้อข้องใจ จึงขออธิบายตำนานความเป็นมาของเครื่องดื่มประเภทนี้ พอสังเขป กล่าวคือ
.. ค๊อกเทล หมายถึง เครื่องดื่มที่ใช้เหล้าชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นเครื่องปรุงหลัก แล้วทำการปรุงแต่งกลิ่นและรสให้ชวนดื่มยิ่งขึ้นด้วยการผสมเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีกลิ่นและรสที่ต่างๆ กัน ตามปกติแล้วค๊อกเทลทุกตำรับจะมีเหล้าอยู่ประมาณ 60% หรือ อย่างน้อยที่สุดจะต้องไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของเครื่องปรุงทั้งหมด เหล้าที่นิยมใช้ผสมค๊อกเทลอาจจะใช้ ยีน/ วิสกี้/ รัม/ วอดก้า/ บรั่นดี และอื่นๆ เมื่อผสมเครื่องปรุงเข้าด้วยกันแล้ว บางตำรับก็เพียงคนให้เข้ากัน บางตำรับก็ต้องเขย่าอย่างแรงกับน้ำแข็ง ค๊อกเทลที่ผสมแล้ว นิยมเสิร์ฟเย็นจัดในแก้วค๊อกเทล การนำเหล้าต่างชนิดมาผสมกันนี้ คาดว่ามีมาแต่โบราณ แต่คำว่า ค๊อกเทล ( Cocktail ) ไม่มีใครทราบหลักฐานที่มาที่แน่ชัด มีแต่เพียงการคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเนื่องด้วยเหตุต่างๆ นาๆ ดังเช่น John Doxat เล่าไว้ใน The book of Drinking ถึง 3 เรื่อง แต่ที่น่าสนใจมากที่สุด มีว่า
.. ในราวศตวรรษที่ 18 ประชาชนนิยมการตีไก่ ( Cock Fighting ) กันมาก และมีประเพณีการดื่มอวยพรให้แก่ไก่ตัวที่เป็นผู้ชนะด้วย เครื่องดื่มที่ใช้ดื่มอวยพรให้แก่ไก่นั้น เป็นเครื่องดื่มผสมที่ประกอบด้วยเหล้าหลายชนิด จะใช้กี่ชนิดนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนขนหางที่เหลือของไก่ตัวนั้น นอกจากปรุงขึ้นเพื่อให้คนดื่มแล้ว ยังให้ไก่กินด้วยเพื่อเพิ่มความแข็งขันให้แก่มัน หรือ ที่ Alex Waugh เล่าไว้ใน Wine and spirits ซึ่งเป็นหนังสือในชุด Food of the World ของ Time-Line International ( Nederland B.V. ) ว่า ไม่มีใครรู้แหล่งกำเนิดที่แท้จริงของค๊อกเทล เลย แต่มีเรื่องเล่าสนุกๆเกี่ยวกับต้นกำเนิดของค๊อกเทลว่า ในระหว่างสงครามเพื่อเรียกร้องอิสระภาพของชาวอเมริกันนั้น ที่ร้านเหล้าในนิวอิงแลนด์ ซึ่งมี มิสเบทซี่ เฟลนาแกน เป็นผู้ดำเนินกิจการ บรรดานายทหารต่างพากันมาอุดหนุนอยู่เป็นนิจ และก็มีอยู่บ่อยๆ ที่นายทหารเหล่านั้นต่อว่าต่อขาน มิสเบทซี่ ถึง เจ้าโต้งโทรี่ ที่ชอบเข้าไปกรีดกรายเกะกะอย่างไม่กลัวใครเลยขณะที่พวกเขากำลังดื่มกันอย่างสุกสนาน คืนวันหนึ่ง มิสเบทซี่ เสิร์ฟเหล้าผสมพิเศษให้แก่เหล่านายทหาร เหล่านั้น เหล้าที่เสิร์ฟปรุงด้วยรัม ผสมกับน้ำผลไม้ แต่ละแก้วตกแต่งด้วยขนหางของไอ้โต้งโทรี่ ผู้ดื่มต่างส่งเสียงชื่นชมกับเครื่องดื่มชนิดใหม่นั้นเกรียวกราว บรรดาสมาชิกวงเหล้าได้ยินเสียงอุทานของนายทหารหนุ่มชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งว่า Vive Le Coqs Tail นักนิรุกติศาสตร์คงไม่เห็นด้วยกับที่มาของคำ แต่ผู้เขียน ( Alex Waugh ) มีความเห็นว่า คนส่วนมากในซีกโลกตะวันตก ยอมรับกับนิยายเรื่องนี้ แต่คำว่า ค๊อกเทล ( Cocktail ) มีหลักฐานที่แน่นอนว่า สิ่งตีพิมพ์อเมริกันได้กล่าวถึงค๊อกเทลตั้งแต่ต้นปี 1806 และ หลังจากนี้อีก 50 ปี ได้มีผู้พิมพ์หนังสือเกี่ยวกับค๊อกเทลขึ้น เป็นครั้งแรกในอเมริกา ผู้คิดค้นตำรับนั้น เป็นผู้เชี่ยวชาญทางนี้หลายคน เช่น Crusta, Fix, Daisy, Cobbler, Smash และคนอื่นๆ ในปี 1919 นั้น ชาวลอนดอนยังไม่รู้จักวิธีการเสิร์ฟค๊อกเทลก่อนอาหารค่ำ แต่หลังจากนี้ก็รับวิธีการเสิร์ฟนี้ ไปจากอเมริกา ซึ่งนิยมดื่มก่อนอาหารค่ำประมาณครึ่งชั่วโมง และถือว่าค๊อกเทลนี้มีความสำคัญพอๆ กับอาหารมื้อค่ำด้วย คำว่า Cocktail นั้นมาจากภาษาฝรั่งเศส ว่า Coquetel ซึ่งหมายถึงเหล้าผสม ส่วนค๊อกเทล ปาร์ตี้ กำเนิดขึ้นเมื่อกลางศตวรรษที่ 20 นี้เอง จัดเป็นการเชิญไปเลี้ยงเหล้า ซึ่งอาจจะเลี้ยงในกลุ่มใหญ่หรือกลุ่มเล็กๆ ก็ได้ เดิมทีเดียวมีการเสิร์ฟชนิดที่เรียกว่า สเตรด ( Straight ) คือ เสิร์ฟเหล้าล้วนๆ ซึ่งนิยม สก๊อต / ไอริส / เบอร์เบริ์น / วิสกี้ หรือ ไวน์ โดยรินลงบนก้อนน้ำแข็งในแก้วที่เรียกว่า ออน เดอะ ร๊อค ( On the rock ) หรือ เสิร์ฟกับน้ำแข็งบด ก็เรียกว่า อินเดอะมิสท์ ( In the Mist ) เหล้าในแก้วนั้นอาจจะเติมน้ำหรือโซดาก็ได้ แก้วที่ใช้ เดิมทีเดียวก็ใช้แก้วทรงเตี้ย ( Short glass ) กับแก้วทรงสูง ( High-ball ) นอกจากเหล้าแล้วก็จะมีกับแกล้มประเภทที่จัดไว้เป็นคำๆซึ่งจะเรียกว่า ออร์เดิฟ ( Hors d oeuvers ) ซึ่งส่วนใหญ่ใช้มือหยิบกินได้ เรียกวิธีการหยิบกินนี้ว่า Finger Food ซึ่งสะดวกในขณะดื่มเหล้าเป็นอันมาก บรรดาออร์เดิฟที่ใช้นั้น สามารถใช้ได้ตั้งแต่ของง่ายๆ ไปจนของที่พิถีพิถันปราณีตมากก็ได้
MAI TAI ( ไหม ไทย ) Quantity 1 oz. Light rum ( ไลท์ รัม ) ½ oz Dark rum ( ดาร์ค รัม ) ½ oz Orange curacao ( ออเร็นจ์ คูราโซ่ ป 1 oz. Pineapple juice ( น้ำสัปปะรด ) 1 oz. Orange juice ( น้ำส้ม ) ½ oz. Lemon juice ( น้ำมะนาว ) 1 oz. Syrup ( น้ำเชื่อม ) ¼ oz. Grenadine syrup ( น้ำเชื่อมเกรเนดีน ) Preparation Put one scoop of ice cubed into shaker / shake well pour into glass Glass Long drink glass Decorate Slice orange and red cherry ( มะนาวสไลด์ และ เชอร์รี่แดง ) Serve with Straw and swizzle stick Method นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในกระบอกเช็ค เช็คให้เย็นแล้วเทใส่แก้วลอง ดริ้งค์ จนเต็มแก้ว ตกแต่งด้วยมะนาวสไลด์ และ ลูกเชอร์รี่แดง
จากคุณ :
Pinyarit
- [
7 ก.ค. 48 09:20:32
]
|
|
|