CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    อาหารและดูแลสุขภาพ เมื่อย่างเข้า 25 (เอามาฝากคะ)

    เมื่อรถเมล์สาย 25 เทียบท่าหน้าคุณ

      จากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า วัย 25 ปีนั้น เป็นวัยที่ร่างกายพัฒนามาจนถึงขีดสุด จากนั้นร่างกายจะเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ คนวัยนี้จึงเป็นวัยที่มีความพร้อมทางด้านร่างกายสูง และด้วยว่าไม่ค่อยป่วยนี่เองทำให้คนวัยนี้ลืมรักษาสุขภาพของตัวเอง  กินไม่เป็นเวลากินอาหารไม่มีประโยชน์  ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่จัด เที่ยวดึกดื่น พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือบางคนก็โหมงานจนลืมวันลืมคืน   ทำให้สุขภาพทรุดโทรมและอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในวันข้างหน้าได้อย่างมาก

    สถานีที่ 1 กระดูก    
     ในอายุประมาณ 25 ปี มวลกระดูกจะสูงสุด หลังจากนั้นจนถึงอายุ 30 ปี มวลกระดูกจะคงที่เนื่องจากการสร้างกระดูกจะเท่ากับการสลายตัวของกระดูก เมื่ออายุเลย 30 ปีการสลายตัวจะมากกว่าทำให้มวลกระดูกเริ่มลดลงเรื่อยๆ  

     โดยทั่วไปแล้วคนที่มีรูปร่างใหญ่จะมีมวลกระดูกสูงกว่าคนร่างเล็ก  และผู้ชายจะมีมวลกระดูกสูงกว่าผู้หญิงดังนั้นโอกาสการเกิดโรคกระดูกผุในผู้หญิงจึงมีโอกาสสูงกว่าผู้ชายทั้งนี้กระดูกพรุนในผู้หญิงนั้นยังเชื่อมโยงกับฮอร์โมน เอสโตรเจน ซึ่งจะลดปริมาณลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น  

     โรคกระดูกพรุนยังอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อต่างๆ หรือมาจากผลข้างเคียงของยา รวมไปถึงโรคข้อรูมาตอยด์และการต้องนอนป่วยอยู่นาน

    ตรวจตั๋ว
    - วิตามิน ดี เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างและรักษากระดูก  วิตามิน ดี จะช่วยแยกแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัสให้เป็นกระดูก ฟัน และเล็บที่สมบูรณ์ ซึ่งวิตามิน ดี มีอยู่ใน น้ำมันตับปลา ปลาซาร์ดีน  ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทะเล นม  
    - ให้ร่างกายได้รับแสงแดด 30  นาที อย่างน้อย  2-3 ครั้งต่อสัปดาห์  เพื่อให้ร่างกายสร้างวิตามินดีจากไขมันใต้ผิวหนัง
    - หยุดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ลดการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน  ทำให้การดูดซับแคลเซี่ยมสู่กระดูกทำได้น้อยลง
    - กินการแฟไม่เกิน 3 แก้วต่อวัน เพื่อเป็นการจำกัดคาเฟอีน
    - งดดื่มแอลกอฮอล์  หรือดื่มพอประมาณไม่มากกว่า 2 แก้วต่อวัน
    - ถ้าจำเป็นต้องรับประทานยาเคลือบกระเพาะควรหลีกเลี่ยงยี่ห้อที่มีเกลืออะลูมิเนียม เพราะจะยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม  ให้ใช้ชนิดแคลเซียมคาร์บอเนต

    สถานีที่ 2 สมอง
      ก่อนอายุ 25 ปี เป็นช่วงที่เหมาะแก่การศึกษาหาความรู้ให้มาก   เพราะหลังจากนั้นการสร้างวงจรกระแสประสาทหรือพูดง่ายๆ คือ การฝึกทักษะการเรียนรู้จะช้าลงเรื่อยๆ รวมไปถึงการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นการผ่อนคลายสมอง และระบบประสาท

     ในระหว่างที่เราตื่น แต่ละเซลล์ของสมองติดต่อกันเองไม่ได้   ต้องผ่านตัวกลาง  หรือรั้วกั้น คือ Neurotransmitter โดยเหตุนี้ แต่ละเซลล์ของสมองจะไม่มีโอกาสเคลียตัวเองจะมีโอกาสก็ต่อเมื่อนอนหลับ และตัวกั้นกลางผ่อนคลาย การระบาย Toxin จึงเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาสมองจึงแจ่มใสสดชื่น

     อาหารที่จำเป็นในการบำรุงสมอง และระบบประสาทคือน้ำตาลในเลือด(กลูโคส)  ซึ่งได้จากอาหารประเภทคาร์โบร์ไฮเดรต และตัวช่วยสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนคาร์โบร์ไฮเดรตให้เป็นกลูโคสก็คือ  วิตามิน บี ต่างๆ โดยส่วนสำคัญที่สุดในการนำอาหารไปเลี้ยงสมองและระบบประสาทคือ วิตามินบี 1 หรือ Thiamine  วิตามินบี 1 ยังช่วยสร้าง Hydrochloric Acid  หรือน้ำย่อยในกระเพาะ  ดังนั้นจึงช่วยในเรื่องของระบบการย่อยและอยากอาหารมากขึ้นด้วย  

    ตรวจตั๋ว
    -การนอนหลับให้เพียงพอไม่ได้หมายความถึงการนอนผิดเวลาหรือนอนมากเกินไป  คนที่นอนมากเกินไปหรือมีอาการง่วงเหงาหาวนอนนั้น มักจะขาดวิตามิน บี 1 และมักเกิดกับคนที่กินหวานมากๆ  เช่น น้ำตาลทราย ขนม  น้ำอัดลมเป็นประจำ เพราะน้ำตาลจะเข้าไปทำลายวิตามินบี 1
    -วิตามิน บี 1 มีใน ยีสต์แห้ง เปลือกข้าว รำข้าวทุกชนิด ข้าวที่ไม่ขัดขาว ขนมปังโฮลวีท ถั่วลิสง ผักทุกชนิด นม การกินวิตามิน บี 1 ถ้าจะรับประทานชนิดเม็ดเพื่อเสริมอาหารไม่ควรเกินวันละ 100-300 มิลิกรัม

    สถานีที่ 3 ปอด  
      เมื่อคุณอายุ 25 ปี ปอดจะหยุดสร้างถุงลมในปอดแต่กลับมาสลายตัวแทน ดังนั้นเมื่อวิถีชีวิตของคนอายุ 25 นั้นยังคงสูบบุหรี่โดยไม่เห็นความอันตรายที่จะตามมา  การจัดเวลาไม่สมดุลไม่มีเวลาเก็บกวาดห้องจนต้องนอนจมกองฝุ่นไปวันๆ รวมไปถึงการสูดหายใจเอามลพิษในอากาศแม้จะเป็นเพียงการนั่งรถเมล์ประจำวัน ขาดการออกกำลังกายเหล่านี้ล้วนสามารถทำลายปอดของคุณได้ทั้งนั้น  
      โรคปอดต่างๆ เกิดการระคายเคืองและทำลายเยื่อหุ้มปอด  ซึ่งหากได้รับปริมาณมากและเป็นเวลานานจะเกิดการสะสม ทั้งยังทำให้เกิดพังผืดและเป็นแผลได้ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของปอดลดลง  

    ตรวจตั๋ว
    - รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ  โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์  ออกกำลังกายบริหารปอด  พักผ่อนให้เพียงพอ  ลดเลิกสูบบุหรี่
    - เมื่อมีอาการหวัด,ไอเรื้อรัง, มีเสมหะมาก, หอบ, เหนื่อย, ภูมิแพ้  รีบตรวจรักษา  หรือปรึกษาแพทย์แต่เนิ่น ๆ
    - หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด  มีฝุ่นละออง ไอ ควันของมลพิษ  หรือสารเคมี  และการระบายอากาศที่ไม่ดี
    - ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับฝุ่นหรือสารเคมี  หรือสารอันตราย  ควรตรวจสุขภาพเอกซเรย์ปอด  ทดสอบสมรรถภาพปอดประจำปี เมื่อพบความผิดปกติต้องรีบรักษา และป้องกัน  ต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากฝุ่น หรือสารเคมีที่เหมาะสมถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ

    สถานีที่ 4 กล้ามเนื้อและผิวหนัง
      ระยะที่เจริญและแข็งแรงที่สุดของกล้ามเนื้อปกติจะอยู่ในวัยอายุระหว่าง 25-30 ปี  ในสภาวะที่มีการออกกำลังกล้ามเนื้อในช่วงนี้จะผลิตกรดแลคติก  ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในปอดให้มากขึ้นด้วย  กล้ามเนื้อสามารถเพิ่มขนาดได้จนถึงอายุ 50 ปี แต่ความเข้มแข็ง และสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อภายหลังจากอายุ 30 ปีจะขึ้นอยู่กับกิจกรรมด้านการใช้ร่างกาย

      ผิวหนังเป็นส่วนหนึ่งที่คนอายุ 25 อาจยังไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเท่าใดนัก  แต่ในไม่ช้าอีกไม่ถึง 5 ปีข้างหน้าคุณอาจสังเกตได้ถึงริ้วรอยที่เกิดขึ้นกับคุณ    

      นิวเคลียสเป็นส่วนสำคัญของเซลล์และในนิวเคลียสก็จะมี นิวคลีโอลัส เป็นหัวใจหลักของนิวเคลียสอีกที  นิวคลีโอลัสประกอบด้วยโปรตีน DNA และ RNA ซึ่งเมื่อเซลล์ตายและต้องเกิดใหม่ต้องอาศัยโปรตีนทั้งคู่เป็นตัวทำงานซึ่งจะทำงานร่วมกัน หากร่างกายได้รับ DNA และ RNA ที่เหมาะสมถูกต้องคืออย่างน้อยวันละ  1.5 กรัมทุกวัน  ก็จะเกิดผลดีต่อผิวหนังที่ผลัดเซลล์ใหม่ทำให้ผิวของคุณดูไม่เหี่ยวย่นจนเกินไป    

      การถูกแสงแดดนั้นดีต่อสุขภาพแต่ต้องเป็นแดดเฉพาะช่วงเช้าหรือเย็นเท่านั้น  หากเป็นแดดที่ร้อนจัดก็อาจทำอันตรายกับผิวหนังของคุณในอนาคตได้  

    ตรวจตั๋ว
    - ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อกล้ามเนื้อร่างกายที่แข็งแรง
    - สารอาหารที่ประกอบด้วย DNA/RNA ก็คือ ข้าวซ้อมมือ จมูกข้าว รำข้าว ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง เห็ดทุกชนิด ปลาทะเลโดยเฉพาะซาร์ดีน และแซลมอน ตับไก่บ้านไก่ป่าเพราะจะไม่มีสารพิษ ข้าวโอ๊ต
    - DNAและ RNA จะทำงานได้ผลดียิ่งขึ้น ถ้ารับประทานควบคู่กับผลไม้หรือน้ำคั้นจากผักต่างๆ วันละ 1 แก้ว โดยการคั้นน้ำนั้นควรทำด้วยวิธีธรรมชาติเพราะเครื่องปั่นไฟฟ้าหรือกระแสแม่เหล็ก จะทำลายเอ็นไซม์สด  ที่ช่วยเพิมประสิทธิภาพการทำงานของ DNA และ RNA จากผักและผลไม้ลง
       
    สถานีที่ 5 สายตา  
      คนที่สายตาปกติส่วนใหญ่จะเริ่มมีปัญหาเรื่องสายตาเมื่ออายุ 40 ปี  วัย 25 ปีซึ่งทำงานที่ต้องใช้สายตาเป็นต้นว่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ อาจเป็นผลเสียต่อสุขภาพสายตาได้

    ตรวจตั๋ว
    -ท่าที่ 1 ครอบดวงตา : โค้งอุ้งมือทั้งสองครอบดวงตาไว้เฉย ๆ   ระวังอย่าให้อุ้งมือกดทับดวงตา  นึกถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เช่น
    วันพักผ่อนสุดสัปดาห์ตามป่าเขาหรือชายทะเล   อยู่ในท่านี้สัก 10 นาที
    -ท่าที่ 2 สร้างจินตภาพ : ต่อจากท่าที่ 1 ยังคงครอบดวงตาอยู่   สร้างจินตภาพว่าตนเองกำลังมองวัตถุบางอย่างที่มีสีสันสดใส มีรายละเอียดต่างๆ ที่ชัดเจน เช่น มองเห็นดอกเบญจมาศสีเหลืองสวย   เห็นกลีบดอกแต่ละกลีบละเอียดชัดเจน สายตาที่คมชัดจากจินตนาการของเราเองจะช่วยเยียวยาสายตาจริงๆ ของเราได้เป็นอย่างดี
    -ท่าที่ 3 กวาดสายตา : มองแบบไม่ต้องจ้อง (คนสายตาสั้นมักจ้องและเขม้นตา) กวาดสายตาไปตามวัตถุที่อยู่ไกล ๆ ทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง ทำให้ตาของเราได้ผ่อนคลาย
    -ท่าที่ 4 กะพริบตา : ฝึกนิสัยให้กะพริบตา 1-2 ครั้ง ทุก ๆ 10 วินาที   ช่วยให้แก้วตาสะอาดและมีน้ำหล่อเลี้ยง โดยเฉพาะคนที่สวมแว่น หรือคอนแท็กต์เลนส์ยิ่งจำเป็น
    -ท่าที่ 5 โฟกัสภาพใกล้ และไกล : เหยียดแขนซ้ายไปให้ไกลที่สุด ตั้งนิ้วชี้มือซ้ายขึ้นเพื่อเป็นจุดโฟกัส ขณะเดียวกัน  ตั้งนิ้วชี้มือขวาให้ห่างจากใบหน้าสัก 3 นิ้ว (7.5 ซม.)  โฟกัสภาพที่แต่ละนิ้วสลับกันไปมา ทำบ่อยๆ เมื่อโอกาสอำนวย
    -ท่าที่ 6 ชโลมดวงตา : ตื่นนอนทุกเช้าใช้มือวักน้ำชโลมดวงตาด้วยน้ำอุ่น สัก 20    ครั้ง สลับกับการวักน้ำเย็นชโลมดวงตาอีก 20 ครั้ง
    ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาดีขึ้น  การจบด้วยน้ำเย็นทำให้กล้ามเนื้อตาและหนังตากระชับไม่หย่อนยาน ก่อนเข้านอนให้วักน้ำชโลมดวงตาอีกครั้งหนึ่งแต่คราวนี้ชโลมด้วยน้ำเย็นก่อนแล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้กล้ามเนื้อตาและหนังตาได้ผ่อนคลาย ก่อนเข้านอน
    -ท่าที่ 7 แกว่งตัว : ยืนแยกเท้าเท่ากับช่วงไหล่ แกว่งตัวไปมาจากซ้ายไปขวา ถ่ายน้ำหนักตัวบนขาแต่ละข้างสลับไปมา สายตามองไปไกลๆ แต่ไม่ต้องจ้องปล่อยให้จุดที่เรามองแกว่งไปมาซ้ายขวาตามการแกว่งตัวท่านี้จะทำให้ดวงตาได้พักและมีการปรับตัวดีขึ้น ทำบ่อยๆ เมื่อมีโอกาส

    สถานีที่ 6 ฟัน  
      คนวัย 25 ปีมักมีปัญหาเรื่องฟัน ชัดเจนในบางรายคือฟันคุด ซึ่งมีสาเหตุมาจาก 3 สาเหตุ  คือ  ความผิดปกติของรากฟัน มีฟันซี่อื่นขวางอยู่ และพื้นที่กรามด้านล่างไม่เพียงพอ

      นอกจากนั้น คนอายุ 25  ดูเหมือนจะละเลยการดูแลสุขภาพฟันด้วยทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ทำให้เกิดปัญหาในช่องปาก อาทิ  ฟันผุ เหงือกร่น  เหงือกอักเสบ  คราบหินปูน  

    ตรวจตั๋ว
    -สำหรับคนที่ถนัดขวา  บริเวณที่ต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษก็คือด้านในของฟันแถบขวาทั้งบนและล่าง  เพราะคนส่วนใหญ่จะไม่ถนัดในการพลิกแปรงเข้าทำความสะอาดบริเวณนั้น
    -ฟันซี่บนสุดด้านกระพุ้งแก้มทั้งสองมักถูกละเลยเพราะเป็นบริเวณที่แคบมากและใกล้กระพุ้งแก้มของฟันหลังด้านบนนี้เป็นที่เปิดปิดของท่อน้ำลาย  จากต่อมน้ำลายหน้าหู หรือต่อม พารอทิด (Parotid  major salivary gland) ดังนั้นบริเวณนี้จึงควรรักษาความสะอาดให้ดีเพราะง่ายต่อการสะสมหินปูน ซึ่งจะส่งผลให้แบคทีเรียในช่องปากกัดกร่อนกระดูกหุ้มรอบฟัน  ซึ่งเป็นอันตรายต่อฟันของคุณ

    สถานีที่ 7 น้ำหนัก  
      หลังอายุ 25 ปีไปแล้ว เมทาบอลิซึมในร่างกายจะทำงานได้น้อยลงส่งผลต่อระบบการเผาผลาญแปลงพลังงานที่มีประสิทธิภาพน้อยลงเกิดเป็นไขมันส่วนเกินได้  

    ตรวจตั๋ว
    - ควรรับประทานอาหารช้า ๆ และหยุดรับประทานอาหารก่อนที่จะรู้สึกอิ่ม
    - ควรกินอาหารให้ครบ 3 มื้อและไม่ควรเลื่อนเวลาอาหารมื้อหลักให้นานออกไปจนรู้สึกหิว
    - ควรมีอาหารว่างหรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงานต่ำ  เสริมระหว่างอาหารมื้อหลัก
    - จำไว้ว่าหวานเป็นลมกินเข้าไปก็จะพองขึ้นเรื่อย ๆ ใช้สารให้ความหวานที่ไม่มีพลังงานแทนน้ำตาล
    - ปรุงอาหารด้วยการ  ปิ้ง-อบ แทนการทอด
    - หากอยากกินอาหารสำเร็จรูปควรเลือกที่ให้พลังงานต่ำกว่าปกติแทนอาหารสำเร็จรูปธรรมดา
    - จงชั่งน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอเพื่อเตือนตัวเอง
    - ถ้าคิดจะลดน้ำหนักให้ตั้งเป้าหมายต่ำ ๆ ไว้ก่อนจะได้ไม่หมดกำลังใจ แล้วค่อยลดที่ละน้อย ๆ ลงอย่างสม่ำเสมอ

    ข้อมูลจาก : นิตยสาร Health & Cuisines

    จากคุณ : Blue Pottery - [ 3 ส.ค. 48 15:05:57 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป