Buffet diary ..ตอนพิเศษ .....จดหมายจากฮวงซุ้ย...... ต้อนรับ ชิกง๊วยปั่ว .....ทบทวนย่อ 5 บุฟเฟต์...
วันที่ 15 เดือน 7 แห่งปฎิทินจีน เวียนมาบรรจบ
อู๋ปังจู้ ผู้เวียนว่ายอยู่ในห้วงทุกข์ทรมาน มานานเนิ่น
คล้ายมีโอกาสผุดโผล่ขึ้นมารับอาหารนานา
อีกคราครั้ง
เป็นแบบ ผุดๆโผล่ๆ (ไม่ใช่ ผุบๆ โผล่ๆ)
ขึ้นมาตามวาระและสังขารจะอำนวย
เดือน 7 จีน ถ้าดูไม่ผิด
คงเริ่มย่างกรายเข้ามาตั้งแต่ 5 สิงหาแล้ว
กระนั้นก็ตาม ประตูที่กักขังเราจากโลกบุฟเฟต์
คล้ายยังไม่เปิดดี ดุจดั่งโรคลักปิดลักเปิด ก็ไม่ปาน
แต่ประตูย่อมมีรูให้เล็ดรอดบ้าง
ตราบที่ดวงวิญญาณริบหรี่ระโหยนี้ยังไม่มอดดับไป
ก็พอจะล่องลอยไปตามแรงลม
แวะเยี่ยมไลน์บุฟเฟต์ประปรายพอเป็นกระษัยหล่อเลี้ยง
อู๋ปังจู้ แห่ง สนส อันศักดิ์สิทธิ์
ในยามเทศกาลนี้ จึงย่อม อดอยากมากขึ้นเป็นธรรมดา
เพราะหาลูกหลานเผื่อแผ่อาหารทิพย์มามิได้
จึงต้องเพ่นพ่านไปตามประสา
เราพบว่า
หลายแห่งในโลก มีความเปลี่ยนแปรไปจริงๆ ....
****
ตอนนี้บนโลกมนุษย์ หลายโรงแรมเปลี่ยนแปลงชื่อไป
ฟอร์จูนโฮเต็ล รัชดา
ก็กลายเป็น เมอเคียว ฟอร์จูนไปแล้ว
ห้องบุฟเฟต์เปลี่ยนแปรไปตามควร
เริ่มจาก ห้องนานาชาติด้านล่าง
----
บุฟเฟต์นานาชาติกลางวัน
----
เราล่องลอย เข้าไปในวันหนึ่ง
หนทางเข้ากำลังขรุขระเพราะกำลังปรับปรุงซ่อมแซม
ห้องบุฟเฟต์ข้างล่าง ปรับปรุงใหม่สไตล์โรงแรมสมัยใหม่ ซึ่งสืบสาวต้นตอไปไม่ได้แล้วว่าใครลอกใครมากันแน่
ด้านขวาติดผนังเป็นโถถาดอาหารหลัก มีอยู่สิบกว่าอย่าง ไก่ผัดพริกหยวก หมูคั่วกลิ้ง ปลาทับทิมนึ่งซีอิ้วปกคลุมด้วยขิงสับ
....มุมที่ทำให้ใหม่ วันที่เราไปพบเนื้อ หมู ไก่ สดเอามาสั่งทำแบบเนื้อย่างเกาหลี ...
...ราดหน้าฟอร์จูน กับไอติมงาดำ สองเมนูขึ้นชื่อ ยังคงเป็นสองสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปรไปตามกาล
แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปร คือป้าย
ป้าย "ราดหน้าฟอร์จูน" บนแผ่นไม้โบราณเก่าคร่ำ อันเป็นของขลังคู่ครัวฟอร์จูนมานาน ถูกปลดไปแล้ว
สรรพสิ่งล้วนต้องถึงคราวถูกปล่อยวาง ไปตามกาลจริงๆ
...
ไลน์เค้ก นอกจากเค้กชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก็คงมีปอนด์ใหญ่ๆ ซักสองอย่าง อย่างเช่น ทีรามิทสุ มูสอีกสองอย่าง พร้อมกับมีบัวลอยงาดำน้ำขิงมาประจำทั้งกลางวันและเย็น
---
บุฟเฟต์นานาชาติมื้อเย็น
---
ต่างจากกลางวันตรงที่
ซุ้มอาหารที่ทำให้ใหม่ ซึ่งกลางวันเป็นเนื้อย่างแบบเกาหลี จะกลายมาเป็นมุมสเต็ก
ซึ่งมี กุ้ง ปลา ให้มาสั่งทำสเต็กด้วย
บริกรจะทำให้สดๆ ส่วนซอสนั้นโดยปกติ บริกรจะตัดสินใจทำให้ ว่า เนื้อชนิดนั้นเหมาะกับซอสใด
เช่น ปลาก็ทำซอสเนย กุ้งก็ทำซอสพริกไทย
เนื้อก็ทำซอสบาร์บีคิว
ผู้ใดเล่าเป็นคนบัญญัติ เนื้อชิ้นนี้ย่อมคู่กับซอสชนิดนั้น ?
เนื้อที่สั่งจะถูกบริกรบรรจงจัดมาในจานอย่างพิถีพิถันตามควร
ข้อแตกต่างอีกประการระหว่างกลางวันกับเย็นคือ ตรงซุ้มอาหารหลักติดผนังด้านขวามือนั้น กลางวันจะมากกว่าเย็น โดยตอนเย็นจะเน้นพวกขนมปังเข้ามามากขึ้น
ปล กลางวัน 376 เย็น 442
----
บุฟเฟต์ญี่ปุ่น ห้องอาเกฮัง
----
ห้องนี้ตั้งอยู่ชั้นสอง รร ฟอร์จูน
มีบุฟเฟต์ทั้งกลางวันและเย็น
เป็นบุฟเฟต์ญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่งบนถนนรัชดา นอกจากดิอิเมอรัลด์ เจ้าพระยาพาร์ค และสวิสโซเทล
ด้านหน้าห้องที่เข้าไป จะเป็นไลน์ของดิบ มีแซลมอนดิบ กะพงดิบ และซูชิต่างๆ หน้าไข่หวาน หน้าปลาดิบ ไม่มีพวกปลาไหลหรือทาโกะ
เคาท์เตอร์ในสุด มีเทมปุระ ไม่มีทอดไว้ให้ตัก แต่ให้สั่งเอา จะค่อยๆทอดตามสั่ง นอกจากผักก็มีกุ้งด้วย ปกติก็ทอดมาให้สองตัวต่อการสั่งหนึ่งครั้ง
อาหารในถาดในโถ
มีพวก ไก่ทอด หมูทอด ปลาซาบะย่าง ยากิโซบะ
ข้าวเปล่า ซุปมิโซ เนื้อย่าง
ชิดผนังมีมุมสลัด และเค้กซึ่งเหมือนกับการจำลองจากห้องนานาชาติข้างล่าง มาสักสี่ห้าอย่าง
***
รวมเบ็ดเสร็จ 454 บาทเท่ากันทั้งสองมื้อ
****
กล่าวถึงเชอราตันสักเล็กน้อย
บรันช์ อาทิตย์ตอนนี้ราคาขึ้นเป็น 800 บาทแล้ว
(จริงๆราคาเต็มคือ 1600 แล้วลดครึ่งถ้าคุณใช้บัตรจะเหลือ 800 จากเดิมที่ลดครึ่งแล้วเหลือ 714 บาท)
ปลาหิมะไม่พบอีก ตรงอาหารหลักก็จะเป็นแซลมอน กะ ขาแกะ
แต่ซุ้มสเต็กหลักประจำวันที่นักบุฟเฟต์จะพบในทันทีเมื่อออกจากลิฟท์มานั้น ยังมีนกกระจอกเทศ กับ clayfish
นำมาทำเสต็กอยู่ พร้อมทั้งเนื้อวัวตามปกติ ...
carving ประจำวัน ไม่เป็นปลา ก็เป็นเนื้อ หรือแฮมชิ้นใหญ่
ซีฟูดเย็นอันเป็นหัวใจของเหล่าวิญญาณบุฟเฟต์นั้น
เมื่อวันอาทิตย์แรกที่ขึ้นราคาเป็น 1600 เขาเปิดตัวด้วยหอยนางรมชนิดนำเข้าจากฝรั่งเศส ใส่มาในลังไม้พร้อมฉลากที่มา แต่ต่อมาก็เป็นหอยนางรมนิวซีแลนด์ตามปกติ
สำหรับ กุ้ง กั้ง ก็ยังพบได้ตามปกติ
ห้องเบซิล เปิดห้องไทยให้นักบุฟเฟต์ตักบุฟเฟต์ด้วย เพื่อเป็นการโชว์ "ครัวเปิด" แนวคิดใหม่ของห้องอาหารไทยที่เอาบริกรมาทำพวก ยำ สลัด ให้เห็น
ของที่เคยอยู่ที่ลับอย่างเช่นครัวนี้ กลับมาอยู่ในที่สว่างได้เช่นกัน
หมูหันก็ยังมี แต่ใช้กลยุทธ์ จะมาลงตอนเที่ยงตรง (กันพวกนักบุฟเฟต์มือฉมังที่มาดักกวาดหมูหันตั้งแต่ 11.30 )
ดังนั้น ตอนนี้อย่างน้อยบังเกิดความเป็นธรรมขึ้นประการหนึ่ง ระหว่าง ผู้ไปเช้า กับ ผู้ไปสาย ต่างมีโอกาสใกล้เคียงกันในการได้รับหมูหันเป็นเครื่องเซ่น
***
คห 1 ต่อเรื่องร่มไทร
****
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 48 17:38:59
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 48 17:36:37
จากคุณ :
อู๋ปังจู้
- [
19 ส.ค. 48 17:29:43
]