ความคิดเห็นที่ 1 พอช่วยได้ครับ ส่วนรุ่นเก่า เดี๋ยวนี้มีสวิทย์กันไฟดูดแยกเป็นตัวๆขาย ไปถามตามร้านอูปกรณ์ไฟฟ้าดูครับ จากคุณ : ส/305 - [ 19 ก.พ. 49 10:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าไม่ต่อสายดิน ระบบตัดไฟเมื่อกระแสรั่วก็จะทำงานไม่สมบูรณ์หรือไม่ทำงาน{มันไม่มีความต่างศักย์อ้างอิงนะ (อันนี้อย่าเชื่อผมนะผมคิดเอาเอง)} ถึงตายเชียวนะครับ ต้องต่อสายดินครับ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น จากคุณ : น - [ 19 ก.พ. 49 16:25:19 A:58.10.237.227 X: TicketID:013108 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าไม่ต่อสายดิน ระบบตัดไฟเมื่อกระแสรั่วก็จะทำงานไม่สมบูรณ์หรือไม่ทำงาน{มันไม่มีความต่างศักย์อ้างอิงนะ (อันนี้อย่าเชื่อผมนะผมคิดเอาเอง)} ถึงตายเชียวนะครับ ต้องต่อสายดินครับ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น ----------- ยืนยันตามข้างต้นครับ ไม่ได้คิดเอาเองครับ ต่อให้สุดยอดเครื่องตัดไฟ ถ้าไม่่ต่อสายดิน ทดสอบในห้อง lab ทดสอบ 100 ครั้งจะไม่ตัดทั้ง 100 ครั้งครับ ......... คิดดูว่า เราจะมีโอกาสเป็นครั้งที่ไม่ตัดไ้ด้ไม๊ ลองดูกระทู้เก่าๆ เคยคุยเรื่องนี้ไปเยอะแล้วครับ หลักการต่อสายดินที่ถูกต้องลอง search หา ดูก่อนครับ ถ้าหาไม่เจอ เสร็จธุระแล้วจะกลับมาปะให้ครับ ( เพื่อนๆ ท่านที่ว่างช่วยหาก็ดีครับ ) จากคุณ : น้าแสบ - [ 19 ก.พ. 49 17:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เอ ใช่หรือครับ ความเห็น 2+3 เบรคเกอร์กันไฟดูดทำงานโดยการเปรียบเทียบกระแสทั้งสองสาย ว่าเท่ากันหรือเปล่า แบบดีน่าเชื่อถือ ทำงานด้วยแรงแม่เหล้กที่เกิดจากกระแสที่ไม่เท่ากัน ตอนนี้ราคาไม่ถึงสามร้อยบาทก็มีขาย ถ้าซื้อตามร้านขายใหญ่ๆที่ขายพวกช่างเอาไปรับจ้างเดินไฟ ฟังดูคล้ายเจ้าของกระทู้จะซื้อเครื่องใหม่เพื่อแก้ปัญหา ไม่น่าจะคุ้มนะครับ ยิ่งรุ่นใหม่ๆตัดไฟด้วยระบบวงจรอีเลคโทรนิคส์ ถ้าอุปกรณ์คุณภาพต่ำ มีโอกาสเสียแล้วไม่ยอมตัด ต้องหมั่นกดปุ่มทดสอบ ในความเห็นส่วนตัวของผม ติดเบรคเกอร์กันไฟดูดเพิ่มน่าจะดีกว่า รูปร่างเหมือนกับเบรคเกอร์ธรรมดาก็มี แต่มีปุ่มสีเขียวไว้กดทดสอบเพิ่มมา การติดก็ไว้นอกห้องน้ำเลยปลอดภัยกว่า และเสียยากกว่าเพราะไม่ต้องเจอกับความชื้นด้วยครับ จากคุณ : SRT - [ 19 ก.พ. 49 23:13:59 A:221.128.114.240 X: TicketID:094778 ]

ความคิดเห็นที่ 5 .......ความเห็น 2 และ 3   ไม่เข้าใจกับเบรกเกอร์กันดูดและระบบสายดิน นะครับ       เบรกเกอร์กันดูดหาซื้อได้   ทั่วไปก็ 500-600 บาท   ราคาไม่แพงของ National ก็มี(ที่โฮมโปรนะ)   ราคาขนาดนี้ก็เหมาะสมต่อการใช้งานในบ้านโดยเน้นป้องกันไฟดูดโดยเฉพาะ แต่พวกนี้ไม่ทนต่อไฟซ็อตมากนักเวลาไฟซ็อตบ่อยๆจะพังเร็วกว่าเบรกเกอร์ทั่วไป       ถ้าถามว่าปัองกันไฟรั่วได้ 100 % หรือไม่ ???   ขอตอบว่าขึ้นกับคุณภาพของตัวเบรกเกอร์โดยตรง   แนะนำให้เลือกที่มียี้ห้อหน่อยก็ดีครับ       การเพิ่มสายดินก็เป็นการเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ใช้งานอีกชั้นนึงครับ   ดีไม่ดีนั้นอยู่ที่การติดตั้งระบบต่อลงดินและการเดินสายให้ถูกวิธี    ส่วนใหญ่มักไม่มีการวัดค่าความต้านทานของระบบสายดินหลังติดตั้งเลยไม่มีวิศวกรคนไหนรับรองได้       อีกอย่างระบบสายดินนั้นช่วยให้เบรกเกอร์กันดูดทำงานได้รวดเร็วและเที่ยงตรงมาก   ช่วยเสริมให้การป้องกันไฟดูดน่าเชื่อถือมากขึ้น จากคุณ : arm_cc - [ 20 ก.พ. 49 07:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับ คุณ arm cc ครับ ให้เลือกเบรคเกอร์แบบมียี่ห้อที่เชื่อถือได้ครับ การต่อสายดินเป็นการป้องกันไฟดูดเพิ่มอีกทางนึงครับ ในกรณีที่เบรคเกอร์ที่ป้องกันไฟดูด ทำงานผิดพลาด คือไม่ยอมตัดวงจร กระแสไฟที่รั่วก็จะไหลผ่านสายดินไป ไม่ไปไหลผ่านร่างกายของผู้ใช้ แล้วยังทำให้วงจรตรวจสอบของเบรคเกอร์แบบกันไฟดูด ทำงานได้แม่นยำขึ้นด้วยครับ แบบว่า กระแสไหลเข้า-ออก ที่สายไฟทั้ง2เส้น จะต่างกันมาก เนื่องจากกระแสบางส่วนจะไหลลงดินไปเมื่อมีการต่อสายดิน การสั่งให้ตัดวงจรก็จะเที่ยงตรงมากขึ้นครับ จากคุณ : มะขามป้อม.. - [ 20 ก.พ. 49 14:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้าใจหลักการของ ELB กับ Ground earth ดีครับ แต่ไม่อยากอธิบายให้งงกัน ยังขอยืนยันให้ จขกท ต่อสายดินให้ถูกต้องนะครับ ในห้อง Lab ของหน่วยงานฯ นำ ELB ของหลายๆ ยี่ห้อในท้องตลาดมาทำการทดสอบ ที่สภาวะต่างๆ กัน ผลการทดสอบ อย่างที่บอกไว้นะครับ  ทดสอบ 100 ครั้ง ยี่ห้อที่ดีที่สุด ตัดแค่ 97 ครั้ง  ส่วนยี่ห้อที่แย่สุด ตัดแค่ 39 ครั้ง ( น่ากลัวมากๆ ) ดังนั้น ทางการไฟฟ้าจึงแนะนำให้ต่อสายดิน ( อย่างถูกต้อง ) ไว้เสมอ เพราะในกรณีที่ ELB ไม่ทำงาน  โอกาสที่ไฟจะดูดผู้ใช้งานจะลดน้อยลงครับ จากคุณ : น้าแสบ - [ 20 ก.พ. 49 19:29:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่ผมบอกว่าไม่ถึงสามร้อยบาท ก็ยี่ห้อ National นี่แหละครับ ตอนแรกไม่อยากบอกยี่ห้อเดี๋ยวหาว่ามีส่วนได้เสีย ถ้าซื้อที่ร้านไฟฟ้าใหญ่ๆจะถูกกว่าร้านที่พวกเราชอบอ้างถึงมากพอสมควร น้าแสบความเห็นที่7ครับ ถ้าที่ทดสอบเป็น ELCB แบบใช้วงจรอีเลคโทรนิคส์ทำ ได้ผลอย่างที่น้าแสบว่าผมไม่แปลกใจ แต่ถ้าห้องLabทดสอบELCBมาตราฐานยุโรปแล้วได้ผลอย่างที่ว่า อาจจะลองกลับมาพิจารณาวิธีการทดสอบกันดีไหมครับ หวังว่าคงไม่โกรธนะ ลองเอาวิธีทดสอบ สภาวะที่บอกมาดูกันก็ได้ เป็นวิทยาทานให้ผมได้เปิดหูเปิดตาด้วยครับ จากคุณ : SRT - [ 20 ก.พ. 49 20:31:32 A:61.47.97.157 X: TicketID:094778 ]

ความคิดเห็นที่ 9 .......หลักการของ ELCB หรือ RCD หรือ GFCI ที่ใช้กันในระดับอาคารอยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ ส่วนใหญ่เป็นแบบวัดค่าความกระแสตกค้างหรือพูดง่ายๆคือ เปรียบเทียบกระแสเข้าและออก(ตามที่คุณ SRT เข้าใจ)   ส่วนวิธีอื่นๆก็มีครับแต่มักใช้กันระดับโรงงานและอุตสาหกรรม .......ส่วนที่ว่า "ถ้าไม่ต่อสายดิน ระบบตัดไฟเมื่อกระแสรั่วก็จะทำงานไม่สมบูรณ์หรือไม่ทำงาน{มันไม่มีความต่างศักย์อ้างอิงนะ (อันนี้อย่าเชื่อผมนะผมคิดเอาเอง)}" ข้อความนี้ก็มีส่วนจริงครับแต่ไม่ทั้งหมด    เบรกเกอร์กันดูดที่พูดถึงกันไม่ได้ใช้แรงดันวัดหากระแสรั่วครับ     แต่จริงที่ว่า (เกิดขึ้นในชีวิตจริง) บางครั้งเบรกเกอร์กันดูดตัดบ้างไม่ตัดบ้างเมื่อไฟรั่ว    แต่กรณีนี้ก็มีคำอธิบายนะครับ(ให้เบรกเกอร์สภาพ 100% เลย) .......ในระบบไฟฟ้าบ้านเราที่หม้อแปลงมีการต่อลงดินตรงจุดนิวทรอล   แต่การจ่ายไฟไม่มีการเดินสายดินไปด้วย  เลยเป็นหน้าที่ของผู้ใช้ไฟฟ้าต้องทำระบบสายดินขึ้นเอง จากคุณ : arm_cc - [ 20 ก.พ. 49 23:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 .......กรณีที่บ้านไม่มีระบบสายดิน  " ทำไมเบรกเกอร์กันดูด จึงตัดบ้างไม่ตัดบ้างเมื่อเกิดไฟดูด (แม้ให้เบรกเกอร์อยู่ในสภาพพร้อมใช้ 100 %)??? "   เพราะว่า ขนาดของกระแสไฟที่รั่วนั้นยังไม่มากพอที่เบรกเกอร์กันดูดจะจับได้(แต่คนที่ไปสัมผัสรู้สึกได้แล้ว) เนื่องจากความต้านทานของผู้สัมผัสกับความต้านทานของดินมีค่าสูงซึ่งไปจำกัดขนาดกระแสรั่วไหล .......ทำไม " ระบบสายดินจึงช่วยให้เบรกเกอร์กันดูดทำงานได้ดีขึ้นและน่าเชื่อถือมากขึ้น " ???    ตอบ  เพราะว่าเครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้าโดยทั่วไปที่มีโครงและสิ่งห่อหุ้มเป็นโลหะซึ่งนำไฟฟ้าได้มักจะมีกราวน์ของอุปกรณ์อยู่ (เต้ารับตัวผู้ที่ติดมากับเครื่องจะเป็นแบบ 3 ขา มีขากราวน์ 1 ขา) และใช้งานกับเต้ารับตัวเมียซึ่งเป็นแบบ 3 ตา(มีการเดินสายดินอย่างถูกต้อง)   เมื่อเกิดไฟรั่วที่โครงหรือสิ่งห่อหุ้มโลหะจะมีขนาดกระแสรั่วมากกว่ากรณีที่ไม่มีสายดินเพราะค่าอิมพีแดนซ์หรือค่าความต้านทานในสายดิน(ทองแดง)มีค่าต่ำกว่ามากโดยเปรียบเทียบกับกรณีรั่วผ่านคน+พื้นอาคาร+พื้นดิน      กระแสรั่วที่มีปริมาณมากนี้เองที่ให้เบรกเกอร์กันดูดตรวจจับได้ง่ายและทำงานได้ไวกว่า จากคุณ : arm_cc - [ 20 ก.พ. 49 23:31:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 .......เบรกเกอร์กันดูดหลายยี้ห้อทำไมมีราคาถูก ไม่กี่ร้อยเอง   เพราะว่า เบรกเกอร์พวกนี้ได้เพิ่มเอาคุณสมบัติการป้องกันไฟรั่วเข้ามาแต่ได้ลดคุณสมบัติอื่นๆ ลงไป (อาจตัดออกไปเลย) เช่น พิกัดการทนกระแสลัดวงจรสูงสุด อีกทั้งไม่อ้างมาตรฐานที่ผ่านการทดสอบหรืออ้างมาตรฐานที่ไม่ใช่มาตรฐานสากล      จริงๆผมไม่อยากเรียกว่าเป็นเบรกเกอร์เลยเพราะความทนทานต่อการลดวงจรนั้นต่ำมากเรียวกว่าเป็นสวิทซ์กัดดูดจะดีกว่า .......ถึงคุณ น้าแสบ  ไม่ทราบว่าจะเปิดเผยวิธีทดลองเบรกเกอร์กันดูดของหน่วยงานได้ไหมครับ   ว่าทดสอบกับยังไง  ควบคุมตัวแปรไหนบ้างและอ้างอิงมาตรฐานไหน  เผื่อเป็นความรู้นะครับถ้ามีอะไรจะได้แนะนำกันกันและกันได้   เพราะถ้าการทดลองเชื่อถือได้จะได้ไม่ไปซื้อยี้ห้อที่มันตัดแค่ 39 จาก 100 ครั้ง จากคุณ : arm_cc - [ 21 ก.พ. 49 00:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ....เข้ามาดู คุณอาร์ม จากคุณ : safety first - [ 21 ก.พ. 49 01:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะครับ ผมได้สอบถามช่างไฟดู สรุปได้ว่า ELCB รุ่นใหม่จะตรวจจับกระแส L and N ครับ ถ้ามีความแตกต่างกระแสไปและกลับขึ้นก็จะไปเข้าวงจรให้ตัดไฟต่อไป(อันนี้ผมเขียนตามความเข้าใจของผมนะครับ เขาอธิบายศัพท์ยากบางทีผมจะงง แต่ฟังดูแล้วผมเข้าใจอย่างที่ว่านะครับ) แต่สายดินจะช่วยเราได้ในกรณีที่วงจรเกิดผิดพลาด ยังไงๆ ก็ยังมีสายดินคอยผ่อนหนักเป็นเบาได้ครับ ดังนั้น ถ้าผมจะสรุปว่า ยังไงๆ ก็ต้องต่อสายดิน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ถูกไหมครับ จากคุณ : น - [ 21 ก.พ. 49 15:43:47 A:10.10.10.25 X:203.185.68.131 TicketID:013108 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ arm_cc ครับ ที่บอกว่า ELCB ไม่ทนกระแสลัดวงจรนี่หมายถึงอะไร หมายถึง Interrupted Capacity หรือเปล่าครับ ELCB ไม่จำเป็นต้องมีค่าตัวนี้มากกว่าสวิชปกตินี่ครับ เพราะไม่ได้มีหน้าที่ตัดตอนกระแสลัดวงจร ดังนั้นกระแสขณะตัดก็คือกระแสปกติ ไม่ใช่กระแสลัดวงจร ELCB เล็กๆที่ขายทั่วไป รูปร่างเหมือนกับเบรคเกอร์ แต่ไฟลัดวงจรไม่ตัดนี่ครับ เรื่องสายดิน ในความคิดผม ยุ่งยากซับซ้อนมากๆ ถ้าให้พึ่งสายดินอย่างเดียว ไม่มั่นใจที่มาที่ไปของสายดินดีพอ ผมไม่เอาด้วยหละครับ ถ้าใช้กับเครื่องทำน้ำอุ่น ผมชอบที่จะต่อตรงกับแท่งดิน ตัวเดียวโดดๆ ไม่ยุ่งกับใคร แต่ต้องมี ELCB ด้วยนะครับ จากคุณ : SRT - [ 22 ก.พ. 49 08:57:03 A:61.47.97.157 X: TicketID:094778 ]

ความคิดเห็นที่ 15 .......to คุณ น "ดังนั้น ถ้าผมจะสรุปว่า ยังไงๆ ก็ต้องต่อสายดิน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ถูกไหมครับ"   ตอบ...ถูกต้องครับ(ต้องเดินสายดินให้ถูกต้องด้วยนะครับ) ************************************************* .......to คุณ SRT .......เบรกเกอร์กันดูดเป็นอุปกรณ์ตัววงจรอัตโนมัติที่มีฟังชันก์ป้องกันกระแสเกินทั้ง Overload และ Short Circuit อยู่แล้วและจะเพิ่มฟังชันก์ป้องกันกระแสรั่วลงดินมาด้วย ดังนั้นเวลามีไฟซ๊อตก็จะตัดวงจรด้วย    เบรกเกอร์หลายยี่ห้อที่ขายในบ้านเรา (ราคาขายจะถูกมาก) ชื่อภาษาอังกฤษจะไม่เรียกว่า Breaker ครับแต่เรียกว่า Safety Switch แทน (บ้านเราเรียก "เบรกเกอร์" หมด) ......."ที่บอกว่า ELCB ไม่ทนกระแสลัดวงจรนี่หมายถึงอะไร หมายถึง Interrupted Capacity"   ตอบ...ใช่แล้วครับค่า IC มันน้อยมากๆ ราคามันจึงถูกมาก ค่า IC สูงราคาก็สูงตามไปด้วย  เทียบราคาเบรกเกอร์ธรรมดาหรือเบรกเกอร์กันดูดของ National กับของ Squar D ดูสิครับ ราคาต่างกันเป็นเท่าตัวเลย     ตอนนี้มาตรฐานการไฟฟ้าให้ใช้เบรกเกอร์ขนาด IC = 10 kA ขึ้นไปครับ  แต่พวกนี้ค่า IC จะอยู่แค่ 1.5-3 kA เองครับ   เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำมาเพื่อเป็นเบรกเกอร์จริงๆแต่ทำมาเพื่อใช้เป็นสวิทซ์ (safety switch) มากกว่าครับ จากคุณ : arm_cc - [ 22 ก.พ. 49 20:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ arm_cc ถูกต้องแล้วครับ ผมเรียกผิดเอง ปกติในบ้านผมใช้ Safety switch นี่แหละครับ แยกกับ CB ทำงานคนละฟังชั่นกัน ผมไม่ได้ใช้รุ่นที่ตัดด้วย Overload หรือ ShortCircuit เลย เพราะคิดว่าแยกกันน่าจะเหมาะกว่า ของNational ที่ผมบอกว่าไม่ถึง300บาทก็มีแต่ Earth Leakage ครับ มาตราฐานการไฟฟ้า 10 kA ก็จริง ทางการไฟฟ้าเผื่อไว้เยอะสำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุดด้วย เบรคเกอร์ที่บ้านผม 4.5 kA เองครับ แต่มีตลับฟิวส์อีกตัวตรงเมน ไม่ได้ไว้ใจเบรคเกอร์100เปอร์เซนต์ โอกาสที่จะเกิดสำหรับบ้านพักอาศัย กระแสลัดวงจรถึงขนาด10kAมีไม่มาก เพราะระบบสายส่งยืดยาวมาก ถึงอยู่ใต้หม้อแปลงหัวเสาก็ยังไม่น่าจะถึง ถ้ามีเวลาลองคำนวณดูเล่นๆสิครับ แต่ถ้าในโรงงาน เป็นไปได้มากๆ จากคุณ : SRT - [ 23 ก.พ. 49 03:29:26 A:61.47.97.157 X: TicketID:094778 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ SRT   ผมลองคำนวนกระแสลัดวงจรอย่างคราวๆบริเวณด้านแรงต่ำของหม้อแปลง ได้ผลดังนี้ .......หมอแปลง 250 kVA ด้านแรงต่ำ 400/230 V  %Z = 4  จะมีกระแสลัดวงจรด้านแรงต่ำประมาณ 9 kA (ที่บุชชิ่งหม้อแปลง) .......หมอแปลง 315 kVA ด้านแรงต่ำ 400/230 V  %Z = 4  จะมีกระแสลัดวงจรด้านแรงต่ำประมาณ 11.4 kA (ที่บุชชิ่งหม้อแปลง) .......หมอแปลง 500 kVA ด้านแรงต่ำ 400/230 V  %Z = 4  จะมีกระแสลัดวงจรด้านแรงต่ำประมาณ 18 kA (ที่บุชชิ่งหม้อแปลง) .......จะเห็นว่าบริเวณใกล้หม้อแปลงค่ากระแสลัดวงจรสูงมากครับและอาคารที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์ที่รับไฟฟ้าใกล้ๆกับหม้อแปลงจะมีความรุนแรงจากไฟซ๊อตมากกว่าที่อยู่ไกลๆ ครับ ยิ่งรับไฟฟ้าจากหม้อแปลงตัวใหญ่ๆ ยิ่งรุนแรงครับ       .......ดังนั้นการที่การไฟฟ้าได้กำหนดให้ใช้เบรกเกอร์ที่มี IC 10 kA เป็นอย่างน้อยก็ถูกต้องแล้วครับเพราะเบรกเกอร์จะสามารถตัดไฟซ๊อตได้อย่างปลอดภัย จากคุณ : arm_cc - [ 24 ก.พ. 49 05:40:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ arm_cc เยี่ยมจริงๆ เทคนิคแน่นมากเลยนะครับ แหม หม้อแปลงหัวเสาเล่นขนาด 500kVAเลย ผมก็แย่สิครับ แก้ตัวไม่ถูกแล้ว... แสดงว่าบ้านอยู่ในใจกลางเมือง อย่างที่บอกว่ากระแสลัดวงจรขนาด10kA เกิดขึ้นได้ง่ายๆในโรงงาน แต่ตามบ้านหนะค่อนข้างยาก เพราะเรายังไม่ได้คิดถึงความต้านทานของสายไฟย่อยจากหม้อแปลงมามิเตอร์ จากมิเตอร์ไปแผงเบรคเกอร์ ตัวคอยล์กระแสในมิเตอร์ ตัวเมนเบรคเกอร์เอง และ contact resistance ทั้งหมด สำหรับกระแสลัดวงจรขนาด 4.5kA ความต้านทานทั้งหมด จะอยู่ที่ราว 0.05 โอมห์ ถ้าสูงกว่านี้กระแสลัดวงจรก็จะน้อยลงอีกใช่ไหมครับ ความต้านทานค่านี้เทียบเท่ากับสายทองแดงขนาด16ตารางมิลิเมตร ที่มีความยาว50เมตร นับว่าไม่มากจนเป็นไปไม่ได้จริงไหมครับ เรามามองเรื่องความต้านทานจากค่า Voltage drop อาจจะมองง่ายกว่า ลองสังเกตดูจะเห็นว่าแทบทุกบ้านเวลาแอร์เดินจะเห็นไฟหรี่ลงแว่บหนึ่ง จะมากหรืออาจจะมีที่น้อยจนแทบมองไม่เห็นก็แล้วแต่ เราคิดกันว่าแรงดันน่าจะลดลงอย่างน้อยสักเท่าไหร่ดีเวลาแอร์ขนาด1ตันเดิน สัก5โวลท์ดีไหมครับถึงจะพอมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในแสงไฟ แอร์ขนาด1ตันตอนเริ่มเดินจะดึงกระแสราวๆ20แอมป์ ถ้าแรงดันต่ำลง5โวลท์ แปลว่าระบบมีความต้านทานมองย้อนไปทางต้นทางประมาณ 0.25 โอห์มถูกไหมครับ และถ้าระบบมีความต้านทาน 0.05 โอห์มตามเป้า แรงดันจะลดลงประาณ 1 โวลท์ คุณ arm_cc คิดว่ามีบ้านไหนเวลาแอร์1ตันเริ่มเดินแล้วแรงดันลดลงน้อยกว่า1โวลท์บ้างหรือเปล่าครับ ผมว่าหายากเหมือนกันนะ ลองวัดที่ปลั๊กที่บ้านดูก็ได้ เพราะวงจรปลั๊กจะแยกมาจากหลังเมนเบรคเกอร์พอดี ใช่ไหมครับ ตอนแรกที่เห็นข้อบังคับของการไฟฟ้าและเห็นว่าเบรคเกอร์จากยุโรปตัวเล็กสุดทนได้แค่4.5 kA ผมก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เลยลองคำนวณคร่าวๆดูอย่างที่บอกมาข้างต้น แต่ก็เผื่อเหนียวใส่ฟิวส์ไว้ในรางอีกตัว ฟิวส์กระเบื้องตัวเล็กๆ ไม่กี่บาท (ถ้าใช้แบบมีมาตราฐานเสียหน่อย) ทนกระแสลัดวงจรได้ไม่ต่ำกว่า15kA แถมทิ้งไว้10-20ปีโดยไม่ไปแตะเลย ผมเชื่อใจฟิวส์มากกว่าเบรคเกอร์ทุกยี่ห้อครับ ขอเสนอความรู้สึกส่วนตัวหน่อยนะครับ ตอนนี้คงไม่มีใครอ่านแล้ว เห็นคุณ arm_cc พูดถึงSquareD ก็เลยคิดว่าน่าจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันบ้าง เบรคเกอร์ SquareD หรือในกลุ่มนั้น กับฟิวส์กระบอกกระดาษ Eagle หรือในกลุ่มนั้น มักจะมีคนชอบใช้เสียเหลือเกิน ผมมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกลุ่มนี้มาก เพราะติดแล้วดูเรียบร้อยแข็งแรงดี ติดตั้งง่าย แต่การทำงานไม่ดีเลย จริงไหมครับ ผมเคยเจอ SquareD ไม่ตัดเพราะกลไกฝืด ตัดเองเพราะหนีบรางไม่แน่น รางสกปรก ตัดช้าเพราะมีแต่ขดความร้อนจนอุปกรณ์ตรงจุดที่ลัดวงจรเสียหายหนัก (รุ่นใหม่อาจจะมีแม่เหล็กแล้ว ผมไม่ได้มองมาหลายปีแล้ว) ฟิวส์ตัดแล้วกระบอกกระดาษทะลุ ทิ้งคราบเต็มตู้ และอีกสารพัดปัญหา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนถึงชอบใช้กันจังครับ จากคุณ : SRT - [ 25 ก.พ. 49 06:30:51 A:221.128.104.102 X: TicketID:094778 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ชอบฟังคนเก่งๆคุยกันครับได้ความรู้ดี ตามที่คุณอาร์มคำนวนมา ก็อยากถามคุณอาร์มและคุณ เอสอาทีซักหน่อยครับว่า 1. ปกติหม้อแปลงตามมาตรฐาน ANSI ขนาด 75-500 kVA จะมี voltage impedance(%Z) ประมาณ 3-4.5% ใช่หรือไม่ครับ?   2. แล้วหม้อแปลงขนาดนี้จะมีใช้ %Z ต่างจากนี้มั้ยครับ?   3. ถ้าหม้อแปลงมี %Z ต่ำกว่า4% กระแสลัดวงจรด้านแรงต่ำของหม้อแปลงจะสูงกว่าที่คุณอาร์มคำนวนมา  ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ? 4. แล้วถ้าหม้อแปลงมีการจ่ายโหลดไปไกลๆแล้วเกิด voltage drop แล้วการไฟฟ้ามีการแทปแรงดันของหม้อแปลงให้สูงขึ้นอีกเพื่อแก้ปัญหาแรงดันตก คราวนี้พอเวลากลางคืนมีการใช้ไฟฟ้าน้อยลง แล้วมีการลัดวงจรที่บ้านต้นทาง กระแสลัดวงจรจะสูงขึ้นใช่มั้ยครับ? ขอบคุณคร้าบ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 49 18:46:16 แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 49 18:13:39 แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 49 18:00:18 จากคุณ : safety first - [ 25 ก.พ. 49 17:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 .......to K.SRT       ตามที่ผมเข้าใจคือ การไฟฟ้ากำหนดเบรกเกอร์เมนต้องมีค่า IC ไม่ต่ำกว่า 10 kA และ เบรกเกอร์ย่อยมีค่า IC ต่ำกว่าได้ (ความเข้าใจส่วนตัวครับเพราะไม่มีเอกสารอ้างอิง)      แต่ตามมาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้าของ ว.ส.ท. พศ. 2545 ไม่ได้กล่าวถึงการกำหนดค่า IC ขั้นต่ำไว้       ส่วนใหญ่พวกฟิวส์ชนิดต่างๆ มีค่า IC ค่อนข้างสูงครับ(ยกเว้นฟิวส์เส้นลวดที่ใส่ในสะพานไฟ) แต่ไม่สะดวกในการเปลี่ยนและรีเซ็ต  ส่วนการทำงานของเบรกเกอร์นั้น เมื่อใช้งานมันนานๆอุปกรณ์ด้านในก็เสื่อมเป็นธรรมดาครับบ้างครั้งฝุ่นเข้าบ้าง มดอาศัยทำรางบ้าง มันเป็นเรื่องของการบำรุงรักษาที่ไม่ดีพอ     สำหรับค่า IC จริงๆเป็นค่าที่สำคัญมาก ผมเคยเห็นเบรกเกอร์ของ Natxxxx นี่แหล่ะครับ "ตัดวงจรได้แต่ไม่ปลอดภัย !!!!" เพราะตอนเกิดไฟลัดวงจรแบบรุนแรงจริงๆ พยายามตัดกระแสไฟฟ้าแต่ไฟลุกท่วมตัวเบรกเกอร์เลย สุดท้ายก็ตัดวงจรได้แต่เบรกเกอร์เสียหายไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ .......to K.safety first       ตอบ       1. ใช่ครับ หม้อแปลงสำหรับระบบจำหน่ายขนาดเล็กๆ มีค่า %Z ประมาณ 3.xx-4.xx ครับ  ถ้าใหญ่ขั้นเป็น 1000 kVA กว่าๆ ก็มี %Z ประมาณ 5-7 ได้ครับ       2. %Z ขึ้นกับการออกแบบและมาตรฐานที่กำหนด ครับ ส่วนใหญ่ก็น่าจะใกล้ๆกัน  โดยทั่วไป สามารถดูได้จากป้าย name plate ครับ  หรือ ขอจาก บ.ผู้ผลิตได้ครับ         3. ใช่ครับ ลองศึกษาและค้นหาว่า วิธีวัดค่า %Z นั้นทำยังไง แล้วจะเข้าใจว่าทำไมถึง ใช้เป็นค่าบอกถึงกระแสลัดวงจรสูงสุดที่ขั้วหม้อแปลงด้านแรงต่ำได้ ใช้เป็นค่าเบื้องต้นได้ (ค่าที่ได้ก็ใกล้เคียงกับแบบที่คำนวณละเอียดๆในหัวเรื่อง "การคำนวณกระแสลัดวงจร")      และค่า %Z นั้นมีประโยชน์หลายอย่างในการคำนวณทางระบบไฟฟ้า เช่น คำนวณกระแสลัดวงจร  หาค่าอิมพีแดนซ์ของหม้อแปลง       4. การคำนวนกระแสลัดวงจรของหม้อแปลงเบื้องต้น ต้องใช้ ขนาดหม้อแปลง kVA, แรงดันใช้งาน และ %Z ครับ     --> ค่าแรงดันที่สูงขึ้นแต่อิมพีแดนซ์เท่าเดิม ดังนั้นกระแสย่อมสูงขึ้นด้วย จากคุณ : arm_cc - [ 27 ก.พ. 49 01:41:27 ]