ความคิดเห็นที่ 1 คือน้ำหมึกจะถูกรีดออกทางนอสเซิล หรือรูเล็กๆ เป็นสเปรย์ความเร็วสูง (เราถึงเรียกมันว่า"เจ็ท" ไง คือมันพุ่งออกมาจากรูเร็วมาก  ไม่ใช่มันพิมพ์เสร็จเร็วนะครับ คนละกรณีกัน)    วิธีการไม่ต้องพูดถึงแล้วกันครับ สมัยก่อนใช้ความร้อนให้เกิดแรงดัน ต่อมาใช้คลื่น ใช่สนามแม่เหล็ก สารพัดใช้ล่ะครับ  ยังไม่ได้ใช้ก็แค่ไสยศาสตร์เท่านั้น  จำนวนรูของนอสเซิลนี้จะเป็นตัวกำหนดความละเอียดของการพิมพ์ครับ แล้วเครื่องพิมพ์  all in one ล่ะ  ก็ส่วนใหญ่จะเป็นอิ๊งค์เจ็ตล่ะครับ   แต่พ่วงเอา สแกนเนอร์ เข้าไปด้วย บางทีก็มีแฟกซ์ด้วย  ก็ชีวิตสะดวกขึ้นครับ  แต่สแกนเนอร์ก็ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก  มันคงเหมือนเวลาคุณทานอาหารเซ็ทมั้งครับ ราคาถูกกว่าก็จริง แต่ถ้าคุณสั่งแยก มันดูดีกว่า มีจำนวนมากกว่า จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 08:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วเลเซอร์ล่ะ   เลเซอร์จะมีหลักการทำงาน ในลักษณะของผงหมึกครับ  ผงที่ว่าจะถูกเก็บอยู่ใน cartridge ที่ถูกปล่อยออกมาโดยลูกกลิ้งที่อยู่ในคาร์ทริดจ์นั้น   วิธีการคือ เมื่อเครื่องพิมพ์ได้รับสัญญาณจากคอมฯ ก็จะแปลสัญญาณเป็นอิมเมจแล้วสั่งให้ลำแสงเลเซอร์ยิงไปที่พื้นผิวของดรัม  เปลี่ยนสภาวะประจุบนผิวดรัมให้เป็นประจุลบ (มั้ง)  ตามตำแหน่งที่ต้องการให้หมึกมันเกาะ  ลูกดรัมก็จะหมุนไปเจอกับตลับหมึกที่ปล่อยผงหมึกออกมา  ก็จะมาเกาะตามตำแหน่งที่ประจุมีอยู่  ในจังหวะใกล้เคียงกัน กระดาษก็จะถูกดึงขึ้นมา และถูกรีดโดยลูกดรัมที่เกาะหมึกนี้ (บางเทคโนโลยีจะมีการถ่ายผงหมึกลงทรานสเฟอร์เบลท์ก่อนเพื่อถนอมดรัม และ หลอกขายอุปกรณ์สิ้นเปลืองเพิ่ม   กระดาษก็จะหมึกติดเป็นตัวอักษรหรือภาพ  ยังไม่เสร็จครับ ตอนนี้หากคุณไปดึงกระดาษออกมา ก็จะเหมือนเวลาที่คุณถ่ายเอกสารแล้วแจม มันก็จะเลอะๆ  เพราะยังไม่ได้ผ่านขบวนการฟิ๊วส์ หรือหลอม โดยฟิวส์เซอร์ จะใช้ความร้อนสูงรีดหมึกให้ติดกับกระดาษถาวร รูปด้านล่างเป็นเทคโนฯ ของพริ๊นเตอร์เลเซอร์ครับ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 49 08:22:32 จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 08:21:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลุงเจเล่....... เก่งจังเยยยยยย....... จากคุณ : joycandles - [ 1 ส.ค. 49 08:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณเอ็มฯ คงจะคิดแระ  ฉันไม่ได้ถามการทำงานเลย ดั๊นมาเล่าทำไม   คือมันอยากเล่าอ๊ะครับ  อยู่ที่ทำงานไม่ค่อยมีใครฟังนู๋เลย อ๊ะ  เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์นี้มีข้อดีคือ คมชัด รวดเร็ว งานพิมพ์ออกมาทนทานไม่เลอะเลือน สะอาดสะอ้าน น่าใช้ จิ้มลิ้ม น่ารัก ดูไร้เดียงสา แต่มีข้อเสียคือ ราคาเครื่องส่วนใหญ่จะใกล้ๆหมื่นขึ้นไปครับ  ราคาโทนเนอร์ อาจจะแพงกว่าอิ๊งค์เจ็ต แต่ถ้าเทียบต่อแผ่นแล้วถูกกว่าครับ  รู้สึกจะมีรีฟิล ด้วย งานพิมพ์ที่ว่าดูดีนั้น เห็นได้ชัดบนการพิมพ์ตัวอักษรครับ มันคมจริงๆ  ความละเอียดนั้นต่ำกว่า อิ๊งค์เจ็ทมาก  แต่การจัดการของเทคโนโลยีแล้ว เลเซอร์มันทำได้ดีกว่า แต่ถ้าเป็นการพิมพ์รูปภาพแล้ว อิ๊งค์เจ็ต สวยกว่าครับ สวยแต่แพง (ต้นทุนต่อแผ่น) จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 08:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วจะซื้ออะไรดี ก็ต้องดูสิครับ ว่าคุณจะเอาไปทำงานอะไร ถ้าใช้ตามบ้าน พริ๊นต์บ้าง ไม่มากนัก ก็อิ๊งค์เจ๊ตเถอะครับ  ถูกดี และมักจะเป็นของแถมเวลาเราซื้อพีซี แล้วควรเลือกออลอินวันไหม ?   ก็แหล่แต๊ว ครับ   คือถ้าคุณสแกนรูปบ้าง เป็นค้างคาว (ครั้งคราว)   ก็มีไว้มันก็ดีครับ  แฟกซ์บ้างมั้ย (บางรุ่นแฟกซ์ไม่ได้นะ)   ก็ต้องดูจุดประสงค์ของตัวเรา จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 08:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลุงเจเล่ นู๋จอยชมว่าเก่งอ่ะค่ะ ได้ยินรึเปล่าคะ จากคุณ : joycandles - [ 1 ส.ค. 49 08:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ถ้าเราเป็นโซโห  หรือ small office home office ก็ควรจะใช้ เลเซอร์นะครับ หรือมีอัตราการพิมพ์วันละร้อยแผ่น หรือเกือบร้อย  อิงค์เจ็ทรอตายเลย  หรือต้องการให้เอกสารดูดีดูเนี๊ยบ ไม่เลอะเวลาโดนน้ำ ก็นี่เลยครับ เลเซอร์ ผมไม่สามารถแนะนำยี่ห้อ หรือรุ่นได้เลยครับ เพราะห่างมันมามากแล้ว   แต่ผมเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงของเทคโนฯ คงไม่มากไปกว่าที่ผมพูดมามากนัก การเลือกซื้ออิ๊งค์เจ็ท ควรดูที่ลักษณะของกลักหมึกด้วยครับ  ถ้าหากสามารถ ได้เครื่องที่แยก สี่สี CMYK ได้นั้นมันก็ดี ( แดง ฟ้า เหลือง ดำ )  แต่ส่วนใหญ่แยกสี่แบบนี้มันจะเป็นรุ่นใหญ่  ตัวเล็กๆ ก็คงจะเป็นสองกลัก คือ ดำ กับกลักสี (หนึ่งกลักมี แดง ฟ้า เหลือง)   หากเลี่ยงได้ ผมไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า คือกลักเดียวมีสี่สีเลย  เพราะการใช้สีจะไม่เท่ากัน ดังนั้นเวลาหมด ก็จะหมดสีที่เราใช้มากที่สุด  ทำให้เราต้องทิ้งทั้งกลัก  หรือต้องถอดออกไปเพื่อรีฟิลทั้งหมด  คงไม่มีแบบนี้แล้วมั้ง  ผมไม่แน่ใจครับ จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 08:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โห.....เจาะลึกแบบถึงลูกถึงคนเลยอ่ะ.....ดีดี..ได้ความรู้ดีครับ...ตามอ่านต่ออ่ะ.... ปล.เพิ่งรู้ว่า..ลุงเจฯจบนิติฯเอกเทคโนฯสารสนเทศนี่เอง.....คิคิ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : บังใบ - [ 1 ส.ค. 49 08:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ได้ยินจ้า แต่เห็นจ้า พอดีกำลังคีย์อย่างเมามัน จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 08:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถึงไหนแระ  ลืมเลย สิ่งที่ต้องพิจารณา ถ้าเป็นผมนะ ผมเลือกที่ความเร็ว  ในส่วนของความละเอียด dpi นั้นไม่ค่อยเห็นความแตกต่างมากนัก   ลองให้เขาพิมพ์ให้ดู (ส่วนใหญ่มันมักจะเอาตัวอย่างพิมพ์ให้ดูประจำ  โถ คุณพี่เครื่องราคาแค่สองพันเองจะลองเหรอค๊า  เอ๊าสองพันไม่ใช่เงินเหรอน้อง) ที่อยากให้ลองพิมพ์คือมันเห็นเจ๋งๆ  fake กันไม่ได้  ช้าก็เห็น เสียงดังมากเกินไป ก็ได้ยิน  พิมพ์ออกมาสวยไม่สวยก็รู้กันไปครับ ยี่ห้อ ก็พอๆกันล่ะครับ  ดูที่ศูนย์บริการดีกว่าว่าเยอะมั้ย ใกล้บ้านมั้ย  นโยบายการให้บริการเป็นไง  HP, EPSON, Cannon ไม่แนะนำของยัยกี้เลย  อิ อิ จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 08:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อีกประการนึงนะครับ คือถาดกระดาษ  มันใส่กระดาษแบบไหน ? ถ้ากระดาษเข้าทางนึง ออกอีกทางนึง ผมมักจะชอบ ถึงแม้จะไม่ค่อยสะดวก และดูไม่ทันสมัย  แต่มันแจมยากกว่า การที่เครื่องมันบ้วนกระดาษออกมาทางเดียวกะที่มันเข้าไป  กระดาษจะงอมากๆเลยครับ  แล้วทำให้เราไม่สามารถใช้กระดาษหนาๆได้  เช่นปกรายงานของลูกเนี่ย เจอเครื่องพวกนี้เสร็จเลย แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 49 08:43:39 จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 08:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถามถูกคนแระ......อิ อิ จากคุณ : jiiwii - [ 1 ส.ค. 49 08:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ว้า....ผมว่า น้าบังคงจะชอบ  "เข้าทางไหน  ออกทางนั้น" นะลุงเจ คริ  คริ จากคุณ : jiiwii - [ 1 ส.ค. 49 08:44:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ลองให้คนขายยืนถือเครื่องเสียบปลั๊ก แล้วเอาฝักบัวราดดู ว่าระบบป้องกันไฟดีพอมั้ย    (พูดเล่นนาก๊าบ  ทำจริงก็บังใบ เอ๊ยบังสุกุลเลย) คงมีเท่านี้แหละครับ ที่นึกออก อ้อ ราคา ด้วยครับ  แพงเว่อร์ มีฟีเจ้อร์เพิ่มที่เราไม่ได้ใช้ ก็อย่าไปฟังเซลส์พูดมากนะครับ  ดูของแถมด้วย  ลดราคาไม่ได้เพราะนโยบายของร้าน งั้นขอของแถมดิ  MMC (SD) การ์ด แบบขนาดเล็กๆ เอามาให้ลูกเล่นสักอันก็ยังดี จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 08:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้าผิดทางเดี๋ยวเครื่องมันบ้วนออกมานะน้าบังฯ เดี๋ยวนี้เห็นน้าบังที่ไหน เห็นน้าปื๊ดที่นั่นนิ อิ  อิ   มีไรดีๆ แบ่งกันดูมั่งจิ จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 08:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หุหุ...น้าปี๊ดทำเป็นรู้ใจป๋ม....จริงๆแล้วก็ชอบเหมือนกันทุกคนแหละลุงเจฯ............. [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : บังใบ - [ 1 ส.ค. 49 08:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อิ อิ อธิบายได้โดนใจมากค่ะ  ว่าจะถามให้ละเอียด   แต่  แหะ แหะ..ตั้งคำถามไม่เป็นค่ะ   ได้ความรู้มากมายเลยค่ะ   ขอบคุณมาก ๆ นะคะ จากคุณ : mti - [ 1 ส.ค. 49 09:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อืม!! จากคุณ : จาน (สีไม้น้ำ) - [ 1 ส.ค. 49 09:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ลุงเจเล่ ตอบได้ เจ๋งกว่านู๋ คนขายพริ้นเตอร์ เองซะอีกอ่ะ ปกติลูกค้าโทรมาถาม โคตะระ ขี้เกียจตอบเลย ฮิๆๆ ดีนะ ม่ะขาย อิงค์เจ็ตด้วยอ่ะ จากคุณ : Nu_Cookie - [ 1 ส.ค. 49 09:38:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถามด้วยค่ะ เป็นร้านถ่ายเอกสาร,รับพิมพ์งานด้วย ตัวที่เร็วๆ  สแกนได้ด้วย   ละเอียดหน่อย ใช้อะไรดีคะ ตอนนี้ที่ใช้อยู่เป็น hp 1210 ซื้อตอนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วปัญหาที่พบตอนนี้คือ มันจะดูดกระดาษเข้าไปติดแหงกอยู่แล้วก็บอกว่ากระดาษติดไม่ปริ้นท์มีไรมั๊ย ก็แก้ปัญหาด้วยการสั่งปริ้นท์แบบไม่ต้องใส่กระดาษ พอมันดูดกระดาษ แล้วบอกว่าไม่มีกระดาษเฟ้ย ก็ใส่กระดาษเข้าไปให้มันแล้วกด continue มันก็จะปริ้นท์ออกมาให้ ทีละแผ่น (มีความอดทนดีไหมคะ) อายลูกค้ามากเลย แบบว่าเป็นเดือนแล้วยังทนใช้อยู่จนลูกค้าทักว่ายังไม่ซ่อมเหรอ จะหาอะไรมาแทนดีคะ  และอีกอย่างคือมันปริ้นท์ห่างจากขอบล่างเยอะมาก คือขอบล่างๆ มันไม่ปริ้นท์ เห็นเค้า ว่า เครื่องแคนนอนดี จะปริ้นท์ได้จนสุดขอบกระดาษเลย  ดีใจจังเลยค่ะที่มีกระทู้นี้ อัดอั้นมาสักพักแล้วค่ะ  ช่วยๆกันหน่อยนะค้า พลีส....ส  ขอให้ถูกหวยกันทุกคนที่มาตอบนะค้า จากคุณ : ดีใจ๊ ดีใจ (m_mix) - [ 1 ส.ค. 49 10:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ร้านบริการไม่เหมาะกะอิ๊งค์เจ็ทนะจ๊ะ  แต่ถ้าจะลองดูก็ไม่เสียหาย อิ๊งค์เจ็ท ถึงแม้จะเป็นออลอินวัน แต่ถ้ามาใช้งานพิมพ์เกิน 50 แผ่นต่อวัน ในความเห็นของผมนะครับ ไม่คุ้มค่าสึกหรอ  ถ้าพิมพ์เอกสารเล็กๆน้อย พอถูไถครับ  แต่ถ้าพิมพ์รูป  อยากให้ลองคำนวณค่าใช้จ่ายที่เสียไป กับรายรับที่เข้ามา  เกรงว่าอาจจะไม่คุ้ม  (ผมว่านะครับ)  ถ้าลูกค้าเยอะ และไม่เน้นเรื่องการพิมพ์สี  ผมอยากให้ลองกัดฟันซื้อเลเซอร์เพิ่มสักตัว  ควรเลือกในระดับมิดเร้นจ์ คือประมาณซัก สองหมื่นขึ้นไป จะทนได้ในระดับนึงครับ อ่า  ไม่ได้มาเชียร์ให้เสียเงินนะครับ  ลองวิเคราะห์รายรับรายจ่าย และคำนวน ROI (จุดคุ้มทุน) ก่อนน่ะครับ คือที่คุณมิกซ์เจอมาน่ะ เป็นธรรมดาอยู่แล้วครับที่ต้องเจอ เพราะเครื่องมันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในลักษณะการให้บริการ  ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้นะครับ  ผมว่าเครื่องลักษณะนี้ไม่ควรพิมพ์เกินวันละยี่สิบแผ่น  และ ควรจะระวังเรื่องฝุ่น กะ ความร้อน ให้มากๆครับ  โดยเฉพาะบริเวณลูกยาง ที่เป็นตัวเตะกระดาษให้ขึ้นมา ถ้าจับบริเวณนี้ หรือลูกยางเสื่อมล่ะก็แจมกันสนุกสนานเลยครับ รุ่นนี้ที่บ้านก็ใช้ครับผม (ความจริงเป็นรุ่นก่อนนี้นิดหน่อยแต่สเปคไม่แตกต่างครับ) จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 10:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พักนี้กระทู้มีสาระจัง จากคุณ : m'_yui - [ 1 ส.ค. 49 10:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สำหรับพิมพ์ภาพ มีเครื่องถ่ายเอกสารสีค่ะ เอามาใช้สำหรับงานพิมพ์รายงาน พิมพ์ปก กระดาษการ์ด 120-180  แกรม พิมพ์วุฒิบัตร ประกาศเกียรติคุณต่างๆนานา แบบที่มันเต็มๆแผ่นเนี๊ยบๆง่ะคะ เหมือนมีงานอบรมแล้วก็มีใบประกาศ ครั้งนึงเยอะๆ เอาด่วน เดี๋ยวนี้เลย อิชั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำไปบ่นไป แบบว่า จะวางแผนล่วงหน้ากันหน่อยนี้ไม่มีเลยหรือไง เข้าใจหัวอกอิชั้นมั๊ยคะ เงินก็อยากได้ หงุดหงิดก็หงุดหงิด อยากหาเครื่องเจ๋งเป้งง่ะค่ะ จากคุณ : ไม่มีใครไม่รีบเลยสักคนนึง (m_mix) - [ 1 ส.ค. 49 10:58:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาจดแล็กเชอร์ จากคุณ : วัช - [ 1 ส.ค. 49 11:10:13 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ทำไม ม่ะมีลูกค้าแบบ คุณ MIX นะเนี่ย วีคที่แล้ว เจอลูกค้าป่วนมากๆๆๆ ซื้อเครื่องพิมพ์สีไป ใช้งานได้ 2 วันโทรมาวีนบอกว่า ซื้อมาแล้วไม่เห็นเป็นไปตามที่ PC พรีเซนต์ตอนขายเลย เนี่ย พิมพ์ไม่ได้ตามปริมาณที่เค้าต้องการ คุยไปคุยมา จะขอเปลี่ยนเครื่อง เวงกำ ก็โอนไปให้เจรจาก๊ะนาย สรุป นายยอม ให้เปลี่ยนเครื่องด้วยนะ เออ ผ่านไป 2 วัน โทรมาอีกแล้ว มาโวยวาย จะขอเปลี่ยนอีก เอาก๊ะมันซิ ได้ความว่า คุณลูกค้ารายนี้เป็นรายถ่ายเอกสาร รับทำนามบัตร ท่านเอาเครื่องไปพิมพ์งานลูกค้า มาหลายงานแล้วละ โกงน้ำหมึกเราอะ เซ็งไม๊ละ เจอลูกค้าแบบนี้ หัวหมอจริง จริ๊ง จากคุณ : Nu_Cookie - [ 1 ส.ค. 49 11:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณนู๋กี้  การันตีได้เลยนะคะ ว่าพี่เป็นลูกค้าที่ดี เป็นผู้ใช้บริการที่ดีซำเหมอ แบบว่าเชื่อกฎแห่งกรรม เมื่อเราเป็นลูกค้าที่ดี เราก็น่าจะได้ลูกค้าที่ดี ซึ้ง..ง..ง..ชีวิตแม่ค้า จากคุณ : m_mix - [ 1 ส.ค. 49 11:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เอาละสิ กลายเป็นทู้ ผู้จำหน่าย พบผู้บริโภคซะแระ จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 11:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 28 น้าเจ๊เหล่....... เก่งจังเยยยยยย....... จากคุณ : น้าทู (Patunga) - [ 1 ส.ค. 49 11:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณมิกซ์ ต้องระวังเรื่องต้นทุนของเครื่องถ่ายสีให้ดีนะครับ หากเป็นการซื้อเครื่องขาด และซื้อหมึกเอง อาจจะไม่คุ้ม ต้นทุนต่อแผ่นโดยเฉพาะการพิมพ์สีนะครับ  มันขึ้นอยู่กับ coverage ของการใช้สี  ส่วนใหญ่มักจะบอกกันที่ 5% นึกภาพตามนะครับ   ห้าเปอร์เซนต์ของพื้นที่เนี่ย มันไม่ได้ต่างคนต่างปกคลุมนะครับ (สี่สี)   เดี๋ยวจะงง  คือยังงี้ สมมุติคุณมิกซ์แบ่งกระดาษเอ 4 โดยการตีตะรางออกเป็น ร้อยช่อง    การพิมพ์เนี่ย มันไม่ได้ลงสีสมมุติว่าสีฟ้าก่อน ลงไปห้าช่อง สีแดงห้าช่อง และสีเหลืองห้าช่อง อ้อ สีดำด้วยอีกห้าช่อง  นั่นคือปริมาณของกลุ่มสีที่เกิดจากการพิมพ์ 5%  ไม่ใช่ แต่ใกล้เคียงครับ ที่ว่าไม่ใช่เพราะจะมีการผสมของสีเกิดขึ้นด้วย บางรูปอาจใช้ C 100% ในบางส่วนของภาพ แต่ในบางส่วนอาจจะมีการผสมของ C 3% กะM 97% แล้วลงไปในช่องช่องเดียวก็ได้  ขึ้นอยู่กับว่าโปรแกรมวิเคราะห์ตำแหน่งเม็ดสีนั้นออกมาเป็นอย่างไร   ดังนั้นด้วยตามนุษย์จะไม่สามารถบอกได้เลยว่าต้นทุนต่อแผ่นเอสี่เนี่ย เป็นแปดบาทอย่างที่เซลส์บอกไว้ หรือปาเข้าไปเจ็ดสิบกว่าบาท  คุณจะรู้ก็อีตอนโทนเนอร์หมดล่ะครับ   ดังนั้นการรับพิมพ์งานสี บางทีก็จะได้กำไรมาก แต่บางครั้งจะขาดทุนกระจุยเลย  ถัวกันบางทีก็ไม่ลงตัว แต่ถ้าเป็นการให้เซอร์วิสให้ครบไลน์ของร้านถ่ายเอกสาร ก็โออ๊ะครับ จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 11:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ซื้อมาแล้วค่ะ ประมาณ 2 เดือนแล้ว ซื้อขาด ซื้อหมึกเอง ทำนองว่าให้ครบวงจร ก็สืบเนื่องมาจาก printer เจ้าปัญหาตัวนี้ ก่อนหน้านี้ใช้ถ่ายสีจากเครื่อง printer แล้วมันก็เริ่มเกเรมาสักระยะนึง เลยตัดสินใจซื้อ มันจำเป็นต้องมีค่ะ บางงานก็รอมันไม่ไหว ครั้งละ20-30 แผ่นรอกันเป็นวัน เติมหมึกเติมแล้วเติมอีก   แต่เรื่องความคุ้มทุนของเครื่องถ่ายสีก็รอดูอยู่ค่ะ ตอนนี้ใช้โทนเนอร์ที่ติดมากับเครื่อง คุณเจเล่  เข้าใจดีจังเลยค่ะ  ขอบคุณมากเลย จะเอาความคิดที่ 29 ไปคำนวนดูอีกที ไม่เคยมีใครบอกแนวคิดแบบนี้เลยค่ะ  มีอะไรบอกได้อีกนะคะ  เกาะจอรอค่ะ จากคุณ : m_mix - [ 1 ส.ค. 49 12:17:49 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มันมีอีกนิดนึงนะครับ แต่บังเอิญมันเป็นเครื่องพิมพ์สี  พอเป็นเครื่องพิมพ์มันก็เลยต้องมีไดรเวอร์สำหรับติดตั้งในเครื่องคอมฯ  จะมีเครื่องบางยี่ห้อที่ ไดร์เวอร์จะมีฟังค์ชั่นบอกให้ทราบหลังจากส่งพิมพ์แล้ว ว่ารูปๆนั้น ใช้สีฟ้ากี่เปอร์เซนต์ สีแดงกี่เปอร์เซนต์ ....จนครบทุกสี  เราก็เทียบบัญญัติไตรยางค์เอา เช่น 100% = ราคาสีหนึ่งตลับ  13% (สมมุติ) = เท่าไหร่  ทำแบบนี้จนครบทั้งสี่สี แล้วมารวมกันก็จะได้ต้นทุนสำหรับงานแผ่นนั้น  แล้วเราก็บวกกำไรเข้าไปสมมุติว่าต้องการได้ต่อแผ่นๆละยี่สิบ ต้นทุนแผ่นนั้นมัน สิบห้าบาท (บวกเผื่อสึกหรออีกซักแปดถึงสิบเปอร์เซนต์แล้วนะ)  ก็ขายงานในราคา สามสิบห้าบาท  ดังนั้น เวลาใครมาใช้บริการก็อาจจะปิดป้ายว่าเราคิดราคาตามเนื้องาน จะทราบเมื่อพิมพ์แล้ว แต่ไม่เกินเท่านั้นเท่านี้บาท และมีขั้นต่ำด้วย  เช่น รับพิมพ์สี คิดตามเนื้องาน ราคาไม่เกินห้าสิบบาทต่อแผ่น (ขั้นต่ำ สิบห้าบาท)  เป็นต้นครับ แต่ลูกค้าอาจอึดอัดหน่อย เพราะไม่รู้จะโดนเท่าไหร่  แต่ก็มีทางออกนะครับ  คือส่งพิมพ์ไปแล้วไปแคนเซิลที่เครี่องพิมพ์  แล้วเอาค่าที่ได้จากในคอมฯไปคำนวณแล้วถามลูกค้าก่อนว่าจะเอาไหม ฟังค์ชั่นนี้เคยเห็นในเครื่องฟูจิซีร๊อกซ์ แต่เป็นเครี่องพิมพ์นะครับ ไม่ใช่เครื่องถ่าย  เดี๋ยวนี้ไม่รู้ยังมีอยู่หรึอเปล่า แต่เรื่องจริงครับ  ในแต่ละการพิมพ์รูป ต้นทุนจะไม่เท่ากัน ต่างกันบางทีฟ้ากะดินเลยครับ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 49 12:33:24 จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 12:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณเจเล่เก่งจังเลยค่ะ  ขยันตอบแบบมีมุขตลกด้วย  อ่านไปก็ขำไปค่ะ ขอบคุณค่า.. จากคุณ : mti - [ 1 ส.ค. 49 12:31:59 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ใช้ แคนนอน ค่ะ ถ้ามี ไดรเวอร์ อย่างที่ว่าก็แจ๋วนะคะ  คิดๆดูแล้ว ที่ผ่านมาไม่น่าจะได้กำไรสักเท่าไหร่ a4 30 บาท ราคาเดียว เชื่อเซลล์ง่ะ เขาว่าต้นทุนประมาณ 6-7บาท แต่ก็นึกสงสัยอยู่ว่ามันจะใช่ไหม เพราะภาพสีแต่ละภาพออกจะใช้สีเยอะ รอโทนเนอร์หมด ดูกันอีกที เพราะจดมิเตอร์ไว้ตลอด จากคุณ : m_mix - [ 1 ส.ค. 49 12:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่แน่ครับ ถัวกันแล้วอาจจะโอเคก็ได้ครับ ลองดูซักระยะนึงก่อนครับ หากเห็นไม่เข้าทีอาจจะต้องหามาตรการอื่น ไม่งั้นขาดทุนแย่เลย ลองมองในมุมลูกค้านะครับ  เวลาจะมาพิมพ์งานสี  โดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นเคยกับการทำพรีเซ้นท์สีมาก่อน  จะถมสีกันเต็มที่ โดยไม่คำนึงว่ามันจะสวยหรือเปล่า   ดังนั้นงานที่มาใช้บริการพิมพ์จะออกมา ประมาณ 30% coverage หรือมากกว่า  ก็เท่ากับหกเท่าของที่เซลส์บอก  ก็เท่ากับ 6 x 7 บาท ก็ 42 บาทแล้วครับ  ยังไม่นับค่าสึกหรอของเครื่องนะครับ แต่ก็อย่าไปกังวลมันมากนะครับ  บางทีการถัวเฉลี่ยของงานโดยรวม  การให้บริการแบบครบวงจร ทำให้ธุรกิจเดินได้  อันนี้แหละครับ มันก็ตีเป็นมูลค่าเชิงกำไรได้เช่นกันครับ จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 13:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อยากถามคุณjeleหน่อย ผมใช้inkjet all in one ของHP ตอนซื้อหมื่นกว่าบาทใช้ได้ปีกับเดือนเสีย เอาไปซ่อมก็ไม่มีอะหลั่ยและหมดอายุประกันพอดี เค้าบอกว่าแลกของใหม่รุ่นเดิมเลยเพิ่มเงิน4700บาท แต่ไม่มีหมึกแถม ผมเลยตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้อรุ่นใหม่เลย หรือแลกซื้อรุ่นเดิม(เพิ่มเงิน)ดี ตลับหมึกมีแล้วเพราะตอนแรกไม่รู้ว่าเสีย นึกว่าหมึกหมดเลยซื้อหมึกใหม่ครับ จากคุณ : Bugmao (บั๊กเม่า) - [ 1 ส.ค. 49 13:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ของหมอที่เค้าจะให้เทินเป็นรุ่นอะไรอ่ะครับ ผมว่าเดี๋ยวนี้ออลอินวัน ราคามันก็ประมาณ สี่พันกว่าบาทอยู่แล้วอ่ะครับ  เท่ากับเอาเครื่องไปให้เค้าเลย ผมว่ามันแหม่งๆนะครับ  โดยเฉพาะโปรดักส์ของเอชพี ไม่ใช่โปรดักส์ที่เพิ่งอยู่ในตลาด  ถ้าสินค้าเพิ่งจะปีกว่าๆ แล้วบอกว่าซ่อมไม่มีอะหลั่ย ผมว่าลุยได้เลยครับ กฏหมายมันมีอยู่ที่บังคับให้ผู้ผลิตต้องมีไลน์ของสแปร์พาร์ทซัพพอร์ตสินค้าอย่างน้อย เจ็ดปี (มั้ง) อันนี้เป็นกฏหมายนานาชาติ  ผมไม่รู้ว่าเมืองไทยมีรองรับไหม แต่ เราก็โกลบอลพอสมควรแล้ว ผมเชื่อว่า สคบ.น่าจะต้องรับฟังนะครับ   ขั้นแรกถ้าเป็นผม  ผมจะคุยกับ คอลเซ็นเตอร์ของเอชพีก่อนครับ ว่ามันเป็นไปได้ไงสินค้าไม่มีอะหลั่ย  หรือหมอเอาเลขรุ่นมาให้ผมก็ได้ครับ เดี๋ยวผมให้น้องที่นี่ลองถามๆให้ครับ จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 14:05:35 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ของผมรุ่นphotosmart2610ครับ เอาไปทิ้งไว้3อาทิตย์ แต่มันไม่ใช่ศูนย์ อยู่ที่พันทิพ ชื่อร้านcyber care เค้าว่าไม่มีอะหลั่ยเป็นชิ้นส่วนที่รองรับตลับหมึก(ตอนเสียมันขึ้นเครื่องหมายตกใจ และตรวจสอบหมึกพิมพ์ ทั้งๆที่ซื้อตลับหมึกของแท้ใหม่แล้วครับ) ส่วนที่บอกให้เปลี่ยนเครื่องคือcall center ของHPเอง เค้าให้ไปที่ตึกอื้อจือเหลียงพร้อมเสียเงิน4700บาทครับ จากคุณ : Bugmao (บั๊กเม่า) - [ 1 ส.ค. 49 14:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ได้ความรู้เยอะเลยจ๊ะ หนุ่มเจฯ จากคุณ : ชาวเหนือ - [ 1 ส.ค. 49 14:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ๋อ รุ่นนี้มันค่อนข้างไฮหน่อยครับ ไอ้ที่ผมบอกว่าราคาสี่พันกว่าบาทคงไม่ได้แน่ครับ  แต่ผมยังตะหงิดอีตรงไม่มีอะหลั่ยนี่แหละ  ตัวนี้โพรดักส์ออกเมื่อต้นปีที่แล้วใช่ไหมครับ  ที่ว่าไม่มีอะหลั่ยนี่ยืนยันโดย HP หรือ โดยร้านที่จำหน่ายครับ  ผมว่าน่าจะลอง complain ดูนะครับ   แต่ถ้ามองอีกมุมนึง ค่าซ่อมบวกอะหลั่ย genuine น่ากลัวจะเกิน 4700 แฮะ   ที่หมอถามคือ ถ้าเทินจะเทินรุ่นไหนดีใช่ไหมครับ  ถ้าเป็นรุ่นใหม่จ่ายแพงกว่าเดิมมากมั้ยล่ะครับ  แล้วรุ่นใหม่กว่า มันมีสเปคสูงกว่ามากมั้ย แล้วมันใช้หมึกคนละตัวกันเหรอ ?    มีเลขรุ่นของรุ่นใหม่มั้ยครับ  ที่ผมดูในเวปของเอชพี ไม่รู้ว่าอันไหนคือเลเวลเดียวกัน เห็นมีอยู่ 4 รุ่น จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 15:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ฝนยังตกอยู่รึเปล่าคับคุณชาวเหนือ ? จากคุณ : Jele - [ 1 ส.ค. 49 15:07:34 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จริงๆบริษัท printer ม่ะได้อยากขายเครื่องหรอก เราอยากขาย หมึกมากกว่าอ่ะ ฮิๆๆ กำไร เห็นๆๆ เวลานั่งจิ้มราคาที หนุกหนานๆ (อุ๊บ ลืมตัว) จากคุณ : Nu_Cookie - [ 1 ส.ค. 49 16:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณครับ เห็นแฟนผมบอกว่ารุ่นใหม่หมื่นกว่า(พอดีผมไม่ได้ไปดูเอง) อย่างนี้อาจจะเทิร์นรุ่นเดิมดีกว่า ประหยัดไปอีกหน่อยครับ จากคุณ : Bugmao (บั๊กเม่า) - [ 1 ส.ค. 49 16:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 43 หมื่นกว่า ซื้อ เลเซอร์ได้เเล้วน๊าคะพี่บั๊กเม่า จากคุณ : Nu_Cookie - [ 1 ส.ค. 49 17:08:03 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เลิกใช้HP ไปนานแล้วครับ  ห่วยแตก จากคุณ : Senbon Zakura - [ 1 ส.ค. 49 20:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เข้ามาเก็บเข้าเซฟ  อิ อิ เราใช้คนเดียว เครื่องรุ่นถูกที่สุด all in oneด้วย หลายวันใช้ที แต่วอร์มเครื่องทุกวัน ใช้ได้ดีไม่มีปังแห จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 1 ส.ค. 49 20:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ความรู้ทั้งนั้น แต๊งค์จ๊ะ...น้าเล่...................... เซฟไว้ก่อนจ๊ะ ไว้ในไม่ช้า คงได้ซื้อเครื่องใหม่.. จากคุณ : tadee2005 - [ 1 ส.ค. 49 20:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 47 พึ่งได้เข้ามาดูอีกที...ก่อนจะเข้านอน... เฮ้อ...ฝนกำลังตกอยู่... ดูเหมือนว่าจะตกเกือบชั่วโมงมาแล้ว... ถ้าตกทั้งคืน จนถึงพรุ่งนี้เช้า... นึกไม่ออกเหมือนกันว่า... หมู่บ้านหนูจอย จะพ้นหรือเปล่า... แล้วที่ทำงานตัวเองล่ะ... หวาดเสียวเหมือนกันนา... อยู่เชิงดอยสุเทพ..เลยเชียว จากคุณ : ชาวเหนือ - [ 1 ส.ค. 49 23:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คริ ๆๆๆ พอดี เพื่อนร่วมงานโทรมาถามว่าจะซื้อพริ้นเตอร์รุ่นไหนดี ฮ่า ๆๆ ลอกคำตอบน้าเหล่ ตอบเค้าเลย ฮ่า ๆๆ เค้าคงนึกว่าเราเก่ง อิอิ ขอบคุณน้าเหล่มาก ๆ นะคะ จากคุณ : m'_yui - [ 2 ส.ค. 49 07:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 49 โห..น้าเจ..เก่งขนาด...รู้ไปหมดเลย.. จากคุณ : THE NEW - [ 2 ส.ค. 49 20:48:33 ]