PANTIP.COM : R4592224 สถานการณ์ปัจจุบันกับการตัดสินใจเรื่องบ้านใหม่ []

ความคิดเห็นที่ 2

- แนวโน้มของดอกเบี้ยจะขึ้นหรือลงอีกไม่มาก ไม่น่าจะขึ้นหรือลงเกิน 0.5-1 % จากข่าวที่อ่านเจอประเทศอเมริกาโดย Fade ( ธนาคารกลางของอเมริกา ) ขึ้นดอกเบี้ยมาประมาณ 17-18 ครั้งแล้ว เพื่อชลอเศรษฐกิจของเขาไม่ให้ร้อนแรงและควบคุมเงินเฟ้อ และการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปอาจไม่เกิน 1 % ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทำให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท. ) ต้องขึ้นดอกเบี้ย RP 14 วัน ตามไปด้วยเพื่อป้องกันเงินไหลออก + ควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆในประเทศต้องขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้และฝากตามไปด้วย
หมายเหตุ : ลองไปตั้งกระทู้ที่ "สินธร" ด้วยน่าจะได้คำตอบที่เป็นประโยชน์มากขึ้นครับ
- ราคาบ้านตามข่าวจะขึ้นอีกประมาณ 5-10 % จากวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ เหล็กเส้น ปูนซีเมนต์ อิฐ ฯลฯ ที่ปรับตัวขึ้น จากผลของน้ำมันที่มีราคาสูงขึ้นทำให้ต้นทุนการดำเนินงาน+ค่าขนส่ง ฯลฯ สูงตามไปด้วย ถ้าราคาไม่ขึ้นให้ระวังการเลือกบ้านด้วยเพราะคุณภาพอาจลดลง ( เพื่อลดต้นทุนของบริษัทลง ) สรุป ถ้าน้ำมันยังมีแนวโน้มขึ้นมากกว่าลงในปีนี้หรือปีต่อ ๆ ไป ราคาบ้านอาจเพิ่มขึ้นอีก ( โอกาสลงอาจมีแต่ค่อนข้างน้อยกว่าโอกาสขึ้น ) หรือราคาไม่ขึ้นแต่คุณภาพของวัสดุหรือการก่อสร้างอาจด้อยลงครับ
หมายเหตุ : ก ) คุณขรรค์ชัย ประธาน ฯ ธนาคาร ธอส. เคยให้สัมภาษณ์ว่า การผ่อนบ้านในยุคที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นควรให้ดอกเบี้ยคงที่อย่างน้อย 5 ปี ที่เหลือตามที่ธนาคารกำหนด ( ส่วนมาก MRR-1 % ) ผมก็ใช้บริการของ ธอส.เหมือนกันแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาดอกเบี้ยคงที่ 5 ปี ไม่มีแล้ว จึงต้องใช้แบบขั้นบันได 5 ปี ( เฉลี่ย 5 ปี เท่ากับ 7 % ) ที่เหลือ MRR-1 % ซึ่งอัตราดอกเบี้ยน่าจะใกล้เคียงกับของ จขกท.
ข) ช่วงนี้น้ำมันขึ้นราคา บริษัทต่าง ๆ ชลอหรือลดการผลิตลงเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ประชาชนชลอการจับจ่าย-บริโภคลงรวมทั้งชลอการซื้อบ้านลงมาก ตามข่าวที่อ่านจำนวนบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ ฯลฯ ยอดขายลดลงมากเนื่องจากธนาคารต่าง ๆ เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อบ้านมาก+ประชาชนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ฯลฯ เนื่องจากผลกระทบของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี 49 แล้ว
- การซื้อบ้านหรือทาวน์เฮ้าส์แถวสุวรรณภูมิ ตามที่เคยอ่านหรือฟังมาจากนักวิชาการ สถาปนิก ต้องคำนึงถึงขนาดพื้นที่หน้าตัด + ความยาวของเสาเข็มเป็นอันดับแรก เพราะดินบริเวณนี้มีลักษณะพิเศษคือมีชั้นดินเหลวอยู่ถึงความลึกประมาณ 15 เมตร ดังนั้นเสาเข็มที่ตอกจะต้องยาวกว่า15 เมตร ควรจะไม่ต่ำกว่า 21 เมตร เพื่อให้ยันถึงชั้นดินดานหรือชั้นทรายจะได้ไม่มีปัญหาบ้านทรุดในภายหลัง เพราะปัญหาบ้านทรุดต้องเสียเวลา+เสียค่าใช้จ่ายซ่อมแก้ไขประมาณ 10-70 % ของราคาบ้าน ( ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับสภาพการทรุด )
ขอให้โชคดีครับ

จากคุณ : Learn and Live - [ 3 ส.ค. 49 17:12:33 ]