เห็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายท่านถามในทำนองว่าเริ่มจากไหนดี เลยคัดมาฝาก ให้เป็นแนวทางค่ะ และยังมีเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากนะคะ ตามลิงค์ด้านล่างเลยค่ะ
ขั้นตอนการเริ่มต้นมีบ้าน
1. สำรวจฐานะรายได้
การเริ่มต้นที่จะมีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตนเองสิ่งแรกต้อง สำรวจฐานะรายได้ ความมั่นคงในอาชีพของครอบครัวว่า มีรายได้ประจำและรายได้พิเศษ ในแต่ละเดือนเท่าไร แล้วนำไปคำนวณวงเงินสินเชื่อถ้ากรณีมิได้ซื้อบ้านเป็นเงินสด
2. เลือกแบบขนาดบ้าน และราคาที่เหมาะสม
ในขณะนี้ท่านได้ทราบวงเงินสินเชื่อที่จะได้รับจากสถาบันการเงิน รวมกับเงินออมของครอบครัวว่ามีเงินทุนที่จะซื้อบ้านในวงเงินเท่าไรในขั้นตอนต่อไปให้ท่านเลือกประเภทของบ้านตามวงเงินที่จะซื้อ
โดยทั่วไปราคาของที่อยู่อาศัยแต่ละประเภทจะอยู่ในวงเงินประมาณนี้ คือ วงเงินขั้นต่ำ และประเภทที่อยู่อาศัยที่จะซื้อได้
วงเงินขั้นต่ำ ประเภทที่อยู่อาศัย
200,000 - 350,000 คอนโดมิเนียม,ทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว
350,000 - 800,000 ทาวน์เฮ้าส์สองชั้น
800,000 - 1,200,000 บ้านเดียวชั้นเดียว
1,200,000 - 3,000,000 บ้านเดียวสองชั้น,อาคารพาณิชย์
และท่านสามารถหาข้อมูลของบ้านที่จะซื้อได้จากสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ และข้อมูลในเว็บไซต์ต่าง ๆ เมื่อได้บ้านที่ต้องการแล้วควรจะพิจารณาข้อมูลของขนาดจำนวนห้องที่ใช้สอยว่า เหมาะสมกับจำนวนของคนในครอบครัวหรือไม่
3. กำหนดทำเลที่ตั้ง
ต่อไปก็พิจารณาทำเล ที่ตั้งว่ามีการคมนาคมสะดวกต่อการเดินทาง ไปที่ทำงาน และสถานศึกษา ของคนในครอบครัว มีรถประจำทางผ่านหลายสายใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สถานที่ราชการโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ทางเข้า - ออกสะดวก เป็นถนนสาธารณะ มีการบำรุงรักษามีระบบระบายน้ำที่ดี ไม่ท่วมขังอยู่ในทำเล ที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายเปลี่ยนมือ ไม่มีมลภาวะเป็นพิษ
4. ตรวจสอบมาตรฐานการก่อสร้าง และสภาพของอาคาร
การตรวจสอบมาตรฐานการก่อสร้าง และสภาพอาคารโดยพิจารณาจากใบอนุญาตก่อสร้างอาคารว่าการปลูกสร้างตรงตามที่ได้รับอนุญาต วัสดุก่อสร้างได้มาตรฐาน ไม่มีการชำรุดของโครงสร้างทั้งภายในภายนอกอาคาร หลังคา ฝ้าเพดาน ไม่มีรอยคาบน้ำรั่วซึม ไม่มีปลวกกัดกิน ระบบประปาไฟฟ้า ท่อน้ำทิ้ง อยู่ในสภาพดี การต่อเติมอาคารได้รับการอนุญาติจาก กองควบคุมอาคารถูกต้อง ไม่มีการปลูกสร้าง และต่อเติมล้ำเข้าไปในที่ดินคนอื่น
5. ตรวจสอบโฉนดที่ดิน แนวเวนคืน และระเบียบข้อบัญญัติควบคุมอาคาร
จากนั้นขอเอกสารสำเนาโฉนดที่ดินเพื่อนำไปตรวจสอบกับสำนักงานที่ดินเขต ที่รับผิดชอบ โดยข้อตรวจสอบ ระวาง แผนที่ ว่าที่ตั้งที่ดิน ถูกต้อง ติดทางสาธารณะหรือไม่หรือมีภาระผูกพันกับที่ดินแปลงอื่นอย่างไรเช่น ตกเป็นภาระจำยอม มีตะเข็บที่ดินปิดทางอยู่ แล้วมาตรวจสอบสารบัญการจดทะเบียน ความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินถูกต้องตรวจสอบว่า มีคำสั่งศาลสั่งอายัดที่ดินไว้หรือไม่ และตรวจสอบแนวเวนคืน เพื่อใช้สร้างถนน แนวเสาไฟฟ้าแรงสูง ฝังท่ออุโมง สะพานกั้นเขตเชื่อมทาง และผลกระทบทางด้านกฎหมายอื่น ๆ
6. การทำสัญญาจะซื้อจะขาย
การทำสัญญาจะซื้อจะขาย เมื่อมีความมั่นใจที่จะซื้อบ้านหลังที่เลือกไว้และได้ตรวจสอบดังกล่าวข้างต้นเป็นที่มั่นใจแล้ว ถ้าพร้อมจะซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ทันที ก็สามารถนัดเจ้าของที่ดิน ไปโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน โดยใช้ สัญญาซื้อขาย ฉบับสำนักงานที่ดินได้เลยแต่หากต้องใช้ระยะเวลานัดหมายในการโอนกรรมสิทธิ์ เป็นเวลานานหลายวันจำเป็นต้องมีการมัดจำเงินบางส่วนให้กับผู้ขาย จำเป็นจะต้องทำสัญญาจะซื้อจะขายกันขึ้น
หรือในกรณีที่มีการซื้อขายกันแบบผ่อนดาวน์ที่นิยมกันตามโดรงการจัดสรรต่าง ๆ ก็จำเป็นจะต้องทำสัญญาจะซื้อจะขายเช่นกันโดยเนื้อหาในสัญญาฯ จะมีระบุ ชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประจำตัวประชาชน ของผู้จะซื้อ ผู้จะขายรายละเอียดของบ้าน และโฉนดที่ดิน ราคา จำนวนเงินมัดจำ
ถ้าแบ่งเป็นงวดให้ระบุวันชำระไว้ด้วย จำนวนเงินที่เหลือในวันโอนกรรมสิทธิ์ กำหนดวันโอนกรรมสิทธิ์ การตกลงชำระค่าธรรมเนียม โอน ภาษี และค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ และอาจมีการตกลงค่าปรับหากผิดนัดผิดสัญญาต่อกันทั้ง 2 ฝ่ายและ ลงนามร่วมกันต่อหน้าพยาน
ถ้ามีการชำระเงินเป็นเงินสด หรือ เช็ค ให้ระบุชัดเจนด้วยและทำหลักฐานรับเงิน หรือ เช็ค ให้ถูกต้อง
7. วิธีการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน
วิธีการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินหากเราต้องการซื้อบ้านแต่ไม่มีเงินสดพอ ที่จะชำระได้ ทางสถาบันการเงินต่าง ๆ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเงิน ส่วนที่ขาด โดยกำหนดรูปแบบการให้สินเชื่อไว้หลายประเภท มีความแตกต่างกัน ตั้งแต่เกณฑ์การให้สินเชื่อ กำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ จากราคาซื้อขายและ/หรือราคาประเมินของธนาคาร
ตัวอย่างเช่น กำหนดให้กู้ยืมสำหรับซื้อบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ได้ในอัตรา 80%จากราคาซื้อขาย และ/หรือ ราคาประเมินธนาคาร เช่น ราคาบ้าน 1,000,000 บาท กู้ยืมได้ 800,000 บาท
ความแตกต่างด้านอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาในการผ่อนชำระซึ่งสูงสุดไม่เกิน30 ปี แต่จะต้องรวมอายุผู้กู้แล้วไม่เกิน 65 ปีการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ หลักการจะดูจากฐานะรายได้ ความมั่นคงในอาชีพ ประวัติการออมเงิน บัญชีเงินฝาก เป็นบุคคลน่าเชื่อถือ ไม่มีประวัติ เสียหายในด้านการเงิน และคดีความ
หลักทรัพย์ประกันคุ้มหนี้ตามเกณฑ์ มีสภาพคล่องในการขายเปลี่ยนมือในกรณีจำเป็นจะต้องมีบุคคลกู้ร่วม จะต้องมีฐานะดีเช่นกันจะเป็นภรรยา หรือญาติ ก็ได้ เพื่อให้ระยะเวลาการกู้ได้ยาวขึ้นใน
กรณีผู้กู้มีอายุมาก หรือต้องการเพิ่มวงเงินกู้เพิ่มจากเกณฑ์รายได้ ของผู้กู้ขึ้นอีก
การดำเนินการยื่นขอสินเชื่อ ดังนี้
การจัดเตรียมเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ ใบคำขอสินเชื่อ พร้อมกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มให้ครบถ้วน
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
- สลิปเงินเดือนใบรับรองเงินเดือน
- บัญชีเงินฝาก,Statement แสดงรายการเงินเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- สัญญาจะซื้อจะขาย
- หลักฐานการผ่อนดาวน์สำเนาโฉนดที่ดินทุกหน้า (เท่าฉบับจริง)
- ใบเสร็จรับเงิน หรือเอกสารแสดงการชำระหนี้ภาระผูกพัน (ย้อนหลัง 6 เดือน กรณีมีภาระหนี้สิน)
- หนังสือรับรองทะเบียนนิติบุคคล
- ทะเบียนการค้าหนังสือบริคณฑ์สนธิ
- ทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นงบดุล งบกำไรขาดทุน (ย้อนหลัง 3 ปี)
เมื่อจัดเตรียมเอกสารดังกล่าวครบถ้วน ก็นำไปยื่นกับแผนกสินเชื่อ ของสถาบันการเงินที่ท่าน มีบัญชีเงินฝากอยู่หรือ สาขาที่อยู่ใกล้สถานที่ทำงาน หรือที่ตั้งของบ้านที่ซื้อโดยเมื่อทางธนาคาร ได้รับเอกสารครบถ้วน จะทำการประเมินราคาหลักทรัพย์ โดยท่านจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการประเมินราคาแล้วแต่ละสถาบันการเงินคิดเรียกเก็บแตกต่างกัน
เมื่อประเมินราคาเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับเอกสาร ได้รับการตรวจสอบรวมถึง ประวัติการเงินของท่านเป็นที่พอใจแล้ว จะอนุมัติในระยะเวลาประมาณ 30 วัน โดยจะมีหนังสือแจ้งมายังท่าน และจะให้ท่านไปลงนามในสัญญากู้เงิน และนัดหมายวันโอนกรรมสิทธิ์ และจดจำนอง
8. การจัดเตรียมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน และสาธารณูปโภค
ขั้นตอนการจัดเตรียมการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เมื่อถึงวันกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ฯ และเตรียมการจดจำนองเป็นประกัน สิ่งที่ต้องเตรียมการทางด้านเอกสาร ดังนี้
## บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ตัวจริง
## ทะเบียนสมรส ตัวจริง โฉนดที่ดิน (ผู้จะขายเป็นผู้ถือไป)
## ค่าธรรมเนียมจดจำนอง 1% จากยอดวงเงินกู้
## ค่าธรรมเนียมโอน 2.5% จากราคาซื้อขาย
## ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% จากราคาซื้อขาย
## แคชเชียร์เช็ค เงินชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือ (ธนาคารผู้รับจำนองเป็นผู้ถือไป)
เมื่อไปถึงที่สำนักงานที่ดินตามที่ธนาคารนัดหมาย ก็ยื่นเอกสารสำคัญของผู้ซื้อ และผู้ขาย ให้กับประชาสัมพันธ์และรอหมายเลขคิวและช่องที่จะยื่นเรื่องจดทะเบียนเมื่อได้รับนำเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดยื่นตามช่องที่กำหนด รอเรียกชื่อเพื่อลงนามในเอกสารจดทะเบียนซื้อขายที่ดิน และสัญญาจดทะเบียนจำนอง
เมื่อเรียบร้อย ก็ไปชำระค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ ภาษี และค่าจำนอง รอรับเอกสารที่จดทะเบียนสัญญาซื้อขายที่ดิน และสัญญาจำนองที่เรียบร้อยแล้ว ตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้องอีกครั้ง และชำระเงินให้กับผู้ขายโดยสลักหลังแคชเชียร์เช็ค ให้ผู้ขายลงนามรับเงินต่อหน้าเจ้าพนักงานให้เรียบร้อยเป็นเสร็จการดำเนินการ พร้อมนี้ให้ผู้ขายลงนามมอบโอนไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยด้วย
ที่มา
BUDDY HOME
http://www.ecitizen.go.th/view.php?SystemModuleKey=home&id=59
จากคุณ :
ลูกแม่เกตุ
- [
13 พ.ย. 49 22:22:29
]