ความคิดเห็นที่ 1 ขั้นตอนการยื่นขอแก้ไขข้อมูล หรือมีข้อโต้แย้งข้อมูลเครดิตสำหรับบุคคลเจ้าของข้อมูล             เมื่อเจ้าของข้อมูลได้ตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตนเอง พบว่าข้อมูลของท่านไม่ถูกต้อง หรือมีข้อโต้แย้ง จะต้องนำเอกสารหลักฐานมาแสดงตน พร้อมหลักฐานอื่น เพื่อแจ้งความประสงค์ขอแก้ไขหรือโต้แย้งข้อมูลเครดิต ต่อเจ้าหน้าที่ส่วนบริหารข้อมูลผู้บริโภค ดังนี้ เจ้าของข้อมูลกรอกแบบคำขอแก้ไข / โต้แย้งข้อมูลเครดิต ( Download แบบคำขอแก้ไข / โต้แย้ง ) โดยแจ้งรายละเอียดของข้อมูลเครดิตที่ท่านต้องการแก้ไข หรือโต้แย้งจากรายงานข้อมูลเครดิตของบริษัทฯ และแนบหลักฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ กรณีบุคคลธรรมดา 1) สำเนารายงานข้อมูลเครดิตฉบับที่ต้องการแก้ไข หรือโต้แย้ง 2) บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่หน่วยงานราชการออกให้ หรือหนังสือเดินทาง (กรณีที่เป็นชาวต่างชาติ) พร้อมสำเนารับรองความถูกต้อง 1 ชุด 3) หลักฐานประกอบอื่น (ถ้ามี) กรณีนิติบุคคล 1) สำเนารายงานข้อมูลเครดิตฉบับที่ต้องการแก้ไข หรือโต้แย้ง 2) หนังสือรับรองบริษัท / ห้างหุ้นส่วน ที่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน และให้กรรมการผู้มีอำนาจลงรับรองความ ถูกต้องพร้อมประทับตราของบริษัท 3) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ พร้อมรับรองความถูกต้อง 1 ชุด 4) หลักฐานประกอบอื่น (ถ้ามี) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐาน และทำการบันทึกข้อโต้แย้งของเจ้าของข้อมูลไว้ ในระบบข้อมูลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ จะประสานงานกับสถาบันการเงินสมาชิกที่เป็นผู้นำส่งข้อมูลดังกล่าวให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่ เจ้าของข้อมูลขอให้แก้ไข หรือโต้แย้งข้อมูล กรณีที่สถาบันการเงินสมาชิกพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้องตามที่ได้รับการโต้แย้ง บริษัทฯ จะแจ้งผลการตรวจสอบหรือแก้ไขข้อมูลให้เจ้าของข้อมูลทราบภายใน 30 วัน และ ยกเลิกรายการบันทึกข้อ โต้แย้งของ NCB ออกจากระบบ กรณีสถาบันการเงินสมาชิกแจ้งและยืนยันข้อมูลที่นำส่งถูกต้อง 5.1 บริษัทฯ จะบันทึกผลการตรวจสอบในระบบเป็น ” สมาชิกยืนยันข้อมูลถูกต้องตามที่ได้นำส่งให้ NCB” 5.2 ทำหนังสือแจ้งเจ้าของข้อมูลให้รับทราบถึงผลการดำเนินการ ภายใน 30 วัน •  กรณีเจ้าของข้อมูลยอมรับผลการแจ้งจาก NCB แล้วให้ทำการยกเลิกรายการบันทึกข้อโต้แย้งออก จากระบบข้อมูล •  กรณีเจ้าของข้อมูลไม่ยอมรับผลการแจ้งจาก NCB และยืนยันข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งไม่อาจหาข้อยุติได้ ให้ NCB บันทึกข้อโต้แย้งไว้ในระบบ http://www.ncb.co.th/process.htm จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 23 พ.ย. 49 23:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อืม ขอบคุณ คุณว่านน้ำค่ะ ดีตรงที่ ขอตรวจสอบเองได้ ขอแย้งได้ แต่อยากจะขอเล่าสู่กันฟังสักนิด กรณีใกล้เคียงกับเจ้าของกระทู้ค่ะ พี่ชายที่สนิทกัน เคยกู้ซื้ออาคารพาณิชย์ วงเงินประมาณ 5 ล้าน ผ่อนได้ประมาณ 2 ปี ก็ขาย ตอนขายก็เสียค่าธรรมเนียมปิดบัญชีกับธนาคาร ผ่านไป 2 ปี ต้องการกู้เพื่อซื้อบ้าน วงเงินเท่าเดิม ยื่นกู้กับอีกธนาคารหนึ่ง ผล "ไม่ผ่าน เนื่องจากยังคงค้างวงเงินอยู่กับธนาคารเดิม 2.5 ล้านบาท" เอากะเค้าสิ 2 ปี ไม่อัพเดทข้อมูลให้ลูกค้าเก่า (เก่าแล้วไม่สนสินะว่าจะทำให้ เสียหายได้ หรือเสียหายก็ๆไม่สนใจ) ทำให้พี่เค้าติดแบล็กลิส ทั้งที่ปิดบัญชีไปแล้ว ไม่ได้มีเงินของธนาคารอยู่ในมือเค้าแล้ว (กะจะฟ้องเหมือนกัน) ทำให้พี่เค้าต้องไปเช็คเรื่องเครดิตบูโร ต้องเดินเรื่องเองจ่ายเองทุกอย่าง ช่างไม่คิดซะมั่งเลยว่า ถ้าไม่มีพวกเราที่เป็นคนกู้ ธุรกิจตรวจสอบแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีหรอก จะกลายไม่เกินความจำเป็นและไร้สาระซะด้วยซ้ำไป การที่ธนาคารไม่ดูแลลูกค้า(เก่า) ธนาคารก็จะเสียลูกค้าที่ประวัติดี คุณภาพดี ไปเอง (ไม่รุ้ตัว และไม่สนใจมั้ง) ซึ่งธนาคารอาจไม่สนใจที่จะรักษาลูกค้าคนนี้เป็นลูกค้าที่ดี ผ่อนตรง ปิดบัญชีได้ ยิ่งปิดเร็ว แสดงว่าคุณภาพและความสามารถของลูกค้ามีสูง แบบนี้ไว้มั้ง ก็เลยไม่คิดจะดำเนินเรื่องให้จบถึงขั้นตอนสุดท้าย คือรายงานการปิดบัญชีไปที่ศูนย์ข้อมูลฯ (ก็แปลกนะ ธนาคารเค้าไม่สนใจจะรักษาความสัมพันธ์กันลูกค้าดีๆแบบนี้ไว้ โง่ป่าวหว่า เอ รึ จะแทงกั๊ก) และทั้งๆที่เราเป็นลูกค้าของธนาคาร และเป็นลูกค้าแฝงของบริษัทข้อมูลเครดิตทุกที่ แต่ไม่ได้รับการบริการที่ดีเลย ธนาคารไม่ใส่ใจจะส่งข้อมูล พอไม่มีการเคลื่อนไหว ก็ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ปิดข้อมูลให้ จนต้องไปดำเนินการเองทุกอย่างเพื่อ รักษาความน่าเชื่อถือของตนเอง (ความน่าเชื่อถือ น่าจะแปลอีกทางได้ว่า หน้าตาทางสังคมเฉพาะทางการเงิน นะ) ซึ่งเป็นรักษามิให้เสื่อมเสียสถานภาพและเกียรติ ในการติดต่อธุรการเงินกับสถาบันใดก็ตาม เป็นผู้บริโภค นี่เสียเปรียบทุกด้านจริงๆ ต้องเป็นผู้ดำเนินการเอง ทั้งที่เราก็ไม่ได้เป็นหนี้ธนาคารฯแล้ว ต้องจ่ายค่าดำเนินการค่าธรรมเนียมเอง แล้วยังต้องบริการตัวเองอีก ดีจริงๆ เฮ้อ สุดท้าย ก็แค่คำว่า "อย่าอ้างว่าไม่รู้กฏหมาย" "ทุกคนมีหน้าที่ต้องรู้กฏหมาย" กฏหมายที่ไว้จัดการสถาบันที่ไม่รับผิดชอบจนหมดขั้นตอนน่ะมีมั่งก็ดีนะ สุดท้ายแล้วจริงๆ เชื่อ+ใช้ คำพ่อ "เศรษฐกิจพอเพียง" ในชีวิตประจำวันทุกเรื่อง น่าจะดีที่สุด ตัวเราอาจจะต้องยอมเก็บเงินก้อนไว้เพื่อซื้อบ้าน(ด้วยเงินสด)ตอนอายุ 35 - 55 ปี เพื่อที่ลูกจะได้ไม่ต้องผ่อนต่อ พยายามกลับไปใช้เงินก้อนซื้อในสิ่งจำเป็น โดยไม่ต้องพึ่งพิงพวกนายทุน สบายใจที่สุดเลย ทำได้นะ เครดิตบูโร จะเป็นแค่เรื่องที่รู้ไว้ใช่ว่า แค่นั้นเอง ไม่ใช่สาระสำคัญของชีวิต เข้าท่าดีออก แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 49 00:52:47 จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 24 พ.ย. 49 00:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คนทำธุรกิจการเงินที่ไร้จริยธรรมนี่แย่ เหมือนชาวนาที่ทำนาแบบไร้ความสำนึกถึงคุณค่าของดิน ใช้ปุ๋ยเคมี เพื่อให้ได้ผลผลิตมากๆดูสวยงามแต่เต็มไปด้วยสารพิษ ไม่เคยคิดถึงว่าถ้าวันใดดินป่วย ขาดคุณภาพ เหมือนพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของเอากำไรมากๆ โก่งราคาสูง กล้าขายของไม่มีคุณภาพ หลอกลวง ได้ผล / เงินเยอะ แต่ คนซื้อเค้าก็ได้รู้ เข็ดขยาด ไม่มาซื้อหา ค้าขายกับคุณอีก ดีมั้ยล่ะ(สรุปว่าที่พยายามเพื่อให้ได้เยอะนี่ฉลาดหรือโง่กันแน่จ๊ะ) ทำให้ดี เค้าต้องเลี้ยงกันให้รอด ทั้งสองฝ่าย เพื่อที่จะซื้อขาย เกื้อกูลกันไปได้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด ไม่หมดน้ำใจกันก่อน มันก็ต้องมาใช้บริการกันต่อไปในภายหน้าอยู่แล้ว เพราะชอบใจกันอยู่ จริงมั้ยคะ จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 24 พ.ย. 49 00:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เคยเจอพี่ที่ทำงานมีข้อมูลในเครดิตบูโรผิด ๆ เหมือนกัน พี่เค้ายื่นกู้ซื้อบ้าน 3 ล้าน แบบว่ารายได้ต่อปีก็ล้านกว่าบาทแล้ว มีหนี้แค่ผ่อนรถยนต์ 1 คันเอง และยังเป็นโสด (ผู้หญิง) พอยื่นขอกู้ธนาคารไป ธนาคารตอบกลับมาว่าไม่อนุมัติ พอขอคำชี้แจง ทางแบงค์บอกว่าข้อมูลในเครดิตบูโรของพี่เค้าอ้างว่า สถานภาพปัจจุบันเป็นสมรส ที่นี้ก็งงสิคะ ยังไม่เคยแต่งงานที่ไหนแล้วมีข้อมูลแบบนี้ตั้งกะเมื่อไหร่ พอแย้งไปเค้าก็บอกว่า ไม่รู้ทำไมข้อมูลส่งมาให้แบบนี้ ทางสินเชื่อเลยไม่อนุมัติเพราะหาว่าเราบิดเบือนข้อมูล ทีนี้ตามไปเช็คกับเครดิตบูโร ทางนั้นบอกว่าต้อง update ข้อมูลใหม่โดยยื่นคำร้องขอแก้ไขอย่างที่คุณว่านน้ำแนะนำมาน่ะค่ะ เสียแต่ว่าต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการตรวจสอบข้อมูล (ของเราเอง) ใหม่ เป็นเงิน 500 บาทค่ะ  ทีนี้ก็ต้องยอมเสียสิคะเพราะข้อมูลเครดิตมันไม่ตรงนี่ ไม่งั้นจะกู้ซื้อบ้านได้ไง จริงมั๊ย เสียเวลาลางานไปเดินเรื่องเป็นวันกับเสียตังค์อีกตะหากกับเรื่องที่เราไม่ได้ก่อ ทีนี้อยากรู้จังว่ามีข้อมูลเครดิตบูโรมาไว้ทำไมในเมื่อมันมั่วขนาดนี้น่ะ เกิดอยากเติมข้อมูลใครมั่ว ๆ มาก็เก็บตังค์ได้แล้วสิคะ ไม่ยุติธรรมเลย จากคุณ : หนูนุก - [ 24 พ.ย. 49 02:21:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาลงชื่อเห็นด้วย และสนับสนุนเช่นที่คุณลูกแม่เกตุเรียกร้อง สถาบันการเงินทั้งที่เป็นหน่วยงานของเอกชน แต่ออกกฏระเบียบมากมายที่เอาเปรียบผู้บริโภค หน่วยงานรัฐก็มักบอกว่ามีหน้าที่มากมายต้องรับผิดชอบและดูแลได้ไม่ทั่งถึง ทำไมตอนออกกฏกติกาในครั้งแรกจึงไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน ในอีกแง่หากมองว่าปัญหาไม่มาปัญญาไม่เกิด เคสนี้มีปัญหาให้เห็นซึ่งคงต้องมีหลายเคสแน่นอน หน่วยงานรัฐ หรือคนที่ทำงานในหน่วยงานรัฐแล้วบังเอิญอยู่ในห้องนี้ช่วยนำไปเสนอหน่อยครับ จากคุณ : RadiusRoof - [ 24 พ.ย. 49 08:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อยากให้มีคนฟ้องเป็นกรณีตัวอย่างนะ เราก็เคยเจอแต่เก็บในเสร็จรับเงินที่เป็น 0 แล้ว ส่งแนบไปทุกครั้งที่ยื่นกู้และก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกครั้งว่า ถ้าคุณเจอว่าพี่มีปัญหาเรื่องเครดิตบูโรให้โทรหาพี่ด่วนแล้วจะอธิบายให้ฟัง และก็จริงดังคาด มีปัญหาทุกครั้ง แต่ก็ผ่านทุกครั้งเพราะเราเก็บใบเสร็จไว้แสดงทุกครั้ง นี่ก็กำลังจะกู้อีกหลังปีใหม่ ก็เพิ่งไปปิดบัตรเครดิตที่เป็นบัตรทองทุกใบ แต่ไม่รู้ทางแบ็งค์จะส่งข้อมูลให้ทันรึเปล่า จากคุณ : ยายสุ่ม (ยายสุ่ม) - [ 24 พ.ย. 49 09:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โหวต....ครับ จากคุณ : เกิดมาจน - [ 24 พ.ย. 49 09:42:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โหวตด้วย จากคุณ : station - [ 24 พ.ย. 49 09:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การมีระบบข้อมูลเครดิตกลางเป็นสิ่งที่ดีครับ ...... แต่รูปแบบและวิธีการปฏิบัติไม่เหมาะสม    ไม่ UPDATE -ข้อมูล   จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา จากคุณ : magicsand - [ 24 พ.ย. 49 09:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โหวตด้วยคน  เห็นด้วยว่าผู้บริโภคมีแต่เสียเปรียบ สถาบันการเงินมีแต่ได้ จากคุณ : LoaMan - [ 24 พ.ย. 49 09:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โหวตด้วย ค่ะ จากคุณ : panu_01 - [ 24 พ.ย. 49 10:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โหวต... ให้อีก 1 เสียงค่ะ จากคุณ : -__-' (บู้บี้น้อย) - [ 24 พ.ย. 49 12:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ฟ้อง แบงค์  A  ด้วย   ในฐานะ  ไม่ยอม UPDATE ข้อมูล ฟ้องเลยครับ   ถ้าไม่เดือนร้อย จะได้เกิด ผลประโยชน์กับคนอื่นอีกมายมายเลยครับ จากคุณ : nuso - [ 24 พ.ย. 49 13:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยว่าน่าจะฟ้องแบงค์ที่ไม่ยอมอัพเดทข้อมูลทำให้ลูกค้าเสียประวัติ จากคุณ : แย่จัง - [ 24 พ.ย. 49 13:44:22 A:124.120.71.98 X: TicketID:093748 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปรึกษาทนายครับ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าผู้บริโภคอย่างเรา ๆ เสียเปรียบและเรียกร้องอะไรไม่ได้เลย จากคุณ : คนราศีมังกร (BoRNunDerCaPriCoRN) - [ 24 พ.ย. 49 14:45:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 โหวตด้วยค่ะ จากคุณ : ปลื้มใจ - [ 24 พ.ย. 49 15:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คิดอีกด้าน ดีซะอีก จะได้ไม่เป็นหนี้ จะรีบเป็นหนี้ไปทำไม การโปะเร็ว แบ็งค์ อาจไม่ชอบก็ได้ เพราะไม่ได้ดอกเบี้ยมาเลี้ยงพนักงานครับ เขาปล่อยกู้เพราะต้องการดอกเบี้ยครับ ยังไงรอให้ผ่านไปสักปี ค่อยเป็นหนี้ใหม่ก็ได้นี่ครับ จากคุณ : Oh-deh - [ 24 พ.ย. 49 16:10:11 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จะฟ้องแพ่งข้อหาละเมิดใช่ไหมครับ ขอบอกว่ายากครับ 1.การให้กู้เงินเป็นสิทธิเฉพาะของผู้ให้กู้ครับ ว่าจะให้กู้หรือไม่ ดังนั้นจะไปบีบบังคับเค้าว่าจะต้องให้กู้ไม่ได้เช่น ขอกู้เงินแบงค์ B พอแบงก์ไม่อนุมัติด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ แล้วมาฟ้องแบบนี้ศาลไม่รับฟ้องครับ เพราะเหตุว่าคุณไม่ได้เป็นผู้ถูกละเมิดนั่นเอง (เทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ คนจะขอบวช แล้วพระไม่บวชให้ จึงมาฟ้อง สรุปคือศาลยก เพราะไม่เป็นการละเมิดครับ) 2. ส่วนจะฟ้องเครดิตบูโร กับ แบงค์ a ว่าให้ข้อมูลผิดๆ ต้องดูนะครับว่าคุณถูกละเมิดตรงไหนรึป่าว ถ้าข้อมูลเท็จ คุณก็ฟ้องได้ แต่ถ้าข้อมูลที่ไม่อัพเดท ผมว่ายากส์ครับ เพราะถึงจะไม่อัพเดท แต่มันก็เป็นข้อมูลที่มีอยู่จริง ณ วันนั้น ฝากอีกนิดนะครับ ก่อนจะฟ้องเค้าพิจารณาก่อนว่า 1.คุณถูกละเมิดตรงไหน 2.คุณได้รับความเสียหายเป็นตัวเงินแค่ไหน ลำพังแค่ยื่นขอสินเชื่อ สิทธิของคุณ ยังไม่เกิดนะครับ จากคุณ : chesdprn - [ 24 พ.ย. 49 17:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ขอความรู้ค่ะ แล้วถ้าจะฟ้องแบงก์A ที่เราทำให้เสื่อมเสียความน่าเชื่อถือ(ชื่อเสียง) โดยการที่เค้าไม่ส่งข้อมูลสุดท้าย (ที่เราปิดบัญชีแล้วนั้น) ให้ทางเครดิตบูโรล่ะคะ จะว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่รุ้ว่าจะได้มั้ยเพราะไม่ใช่ข้าราชการ ส่วนในเรื่องที่คุณบอกว่าเป็นสิทธิของผู้ให้กู้ว่าจะให้หรือไม่ให้นั้นเข้าใจดีค่ะ ที่รับไม่ได้ คือ แบงก์อดีตเจ้าหนี้ มากกว่า อยากรุ้ว่าจัดการอะไรได้บ้างให้เกิดความสำนึกรับผิดชอบ ไม่ใช่ พอเลิกเป็นลูกค้ากันแล้วก็ไม่สนใจว่าจะทำให้เกิดความเสียหายกับเราต่อไปได้อีก ทำเป็นไม่รุ้ไม่ชี้ อย่างนี้เค้ามีสิทธิหรือคะ เค้าสมควรทำได้ หรือป่าว แล้วถ้าจะเอาผิดจริงๆ ทำได้รึไม่อย่างไร ช่วงเวลาสำคัญค่ะ บอกได้ว่าเวลานั้นถูกต้อง แต่มันไม่ถูกต้องในเวลาปัจจุบันนี่คะ จริงอยู่ว่าเค้าไม่ได้ให้ข้อมูลเท็จ ณ เวลานั้นๆ แต่การที่เค้าไม่นำส่งข้อมูล นี่ล่ะปัญหาที่แท้จริง มันอยู่ตรงนี้ ถ้าจำไม่ผิดรุ้สึกว่ามีข้อบังคับเรื่องการส่งข้อมูลระหว่างสถาบันการเงิน กับ บ.ข้อมูลเครดิต กับ ธปท. นะคะ ข้อนี้ น่าจะมีเรื่องระยะเวลาบังคับ ถ้าไม่มีก็แสดงว่ากฏหมายนี้เอื้อแต่นายทุนอย่างเดียวไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นจากความขี้เกียจ สะเพร่า ของสถาบันตนเองเลยไม่แต่นิดเดียว ถ้าเป็นกรณีนี้ก็เรื่องใหญ่ไปหน่อย ตรงที่ต้องแย้งถึงขั้นแก้ไขกฏฯข้อบังคับกันเลย ถึงเรื่องจะใหญ่อย่างไร แต่เพื่อเกิดความเป็นธรรม และส่งเสริมเรื่องจริยธรรม ของสถาบันการเงิน ก็น่าจะทำให้เกิดการแก้ไขในจุดนี้ ให้มีความรับผิดชอบต่อลูกค้ามากขึ้น ไม่ใช่แบบปัจจุบัน เลิกกันแล้วก็ปล่อยปละละเลย ให้ไปตายเอาดาบหน้ากันเอง แต่ก็ยังถือปลายเชือก/โซ่ห่วงผูกคอ(ไม่อัพเดทข้อมูลเครดิต)อดีตลูกค้าอยู่ไม่ยอมปล่อย (เค้าเห็นพวกเราเป็นอะไรกันแน่ ลูกไก่ ลูกเจี๊ยบ ฯลฯ) มันสมควรแล้วหรือคะ ที่จะให้เค้ามีสิทธิทำแบบนี้กับพวกเราได้น่ะ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบหน่อยนะคะ ถือว่าช่วยให้ความรู้ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในนี้ก็ยังดี ขอบคุณล่วงหน้านะคะ (ปรับย่อหน้า+คำผิดค่ะ) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 49 19:51:00 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 49 19:48:16 จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 24 พ.ย. 49 19:38:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรียนปรึกษาคุณ  chesdrpn ครับ   เรื่องจริงคือว่า โครงการที่ผมไปดูมา เขาจัด promotion แค่เดือนนี้เดือนเดียว และทางโครงการไม่มีนโยบาย วางมัดจำครับ เจ้าของเขาบอกว่า ใครยื่นผ่าน bank ก่อน หรือ จ่าย เงินสด ก็ได้สิทธิ์ในบ้านที่ตนสนใจ คราวนี้ ผมไปดู ก็สนใจ ขอยื่น pre-approve ทางโครงการก็เรียก bank B เข้ามาในวันรุ่งขึ้นครับ มารับเอกสารเลย ผมก็ดำเนินการนำหลักฐานยืนยันรายได้ให้เขาดู ทางเจ้าหน้าที่ bank ดูในเบื้องต้น ก็บอกว่ารายได้ของผมไม่มีปัญหาอะไร ผ่าน sure ทาง  bank  B ก็รับปากว่าจะช่วยเร่งให้ แต่ขอให้ผมช่วยเลือกเขา ผมก็ บอกว่าผมต้องรีบ จะยื่น bank C ควบไปด้วย เพราะกลัวเสี่ยง แต่เอกสารให้เขาไปก่อน bank C 2 วัน ปรากฏว่า ทาง bank C ที่ได้เอกสารทีหลัง โทรมาถามเรื่อง credit ผมมีปัญหา ผมก็แจ้งเขาว่า ผมไถ่ถอนมาแล้ว ให้ดูหลังโฉนดได้ ฺBank C ก็บอกว่า เขาเข้าใจ และจะแจ้งผู้ใหญ่ให้ อีกวัน bank B ก็โทรมาว่า เขาเห็นว่าผมอาจจะเข้าข่าย black list จากข้อมูลเครดิตบูโรที่เขาตรวจสอบ (ข้อมูลเดียวกัน) ผมก็อธิบายไป เขาก็บอกเช่นเดียวกัน ว่าต้องให้สำนักงานใหญ่พิจารณา วันนี้ผมไปที่ NCB ขอตรวจสอบข้อมูล ก็เห็นว่า ในเครดิตผมมีหนี้ค้างอยู่ 1.5 แสน ตั้งแต่ปี 48 และข้อมูลก็ไม่ได้ update ไปเฉยๆ ทาง NCB เขายังบอกว่า เหมือน bank a ไม่ได้ส่งข้อมูล  เขาก็ให้ผมกรอกแบบฟอร์มโต้แย้ง และรับปากว่า จะตามให้ด่วน เขาแนะนำให้ผมไปขอหนังสือรับรองการปราศจากหนี้ และปิดบัญชีจาก bank a ไว้ประกอบกับการพิจารณาของ bank B &C ซึ่งผมก็ไปขอตามที่แนะนำ ระหว่างทำเรื่อง แฟนก็โทรไปว่า ทางโครงการโทรมาว่า บ้านที่ผม เล็งไว้มีคนมาซื้อสด เมื่อวานนี้เอง  ผมและแฟนก็เสียใจมาก ทางพนักงานขาย เขาก็บอกว่าเขาก็เสียใจกับเราด้วย และขอให้เลือกแปลงใหม่   อีก 20 นาที bank C ก็แจ้งผล approve มา แต่ผมก็บอกเขาว่า สายไปแล้ว บ้านที่ทำเรื่องไว้ถูกขายไปเมื่อวานนี้เอง ส่วน bank b ที่ได้เอกสารไปก่อน ยังไม่แจ้งผลมาเลย คาดว่าน่าจะอาทิตย์หน้า ทีนี้ ในทางกฏหมาย หาก bank A update ข้อมูลที่ถูกต้อง ข้อมูลเครดิตผมก็ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ และ ไม่ทำให้ Bank B &C ต้องเสียเวลา ผมก็น่าจะทำการซื้อบ้านได้ก่อนหน้านี้ 2 วัน ผมไม่ทราบว่ากรณีนี้ ถือเป็นว่าเราถูกละเมิดหรือยังครับ ? ส่วนประเด็นเรื่องการไม่ update ข้อมูลถือว่าไม่ผิด กระผมกลับเห็นต่างครับ เพราะหน้าที่การ update ข้อมูลถือเป็นหน้าที่ทางกฏหมาย พรบ ไม่ใช่หรือครับ เพราะการที่ข้อมูลใหม่ที่เข้ามา และเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานผู้มีหน้าที่ กลับไม่ยอม update  การนำผลที่ไม่ update ไปใช้ประกอบการพิจารณา จะทำให้ทิศทางของข้อเท็จจริงผิดพลาดได้ และอาจทำให้ทำความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่ผู้ถูกตรวจสอบข้อมูลได้ ใช่ไหมครับ ประเด็นที่ผมอยากยกตัวอย่างถึงการไม่ update ข้อมูลและอาจ ทำให้มีความเสียหายในชีวิตประจำวัน - ข้าราชการคนนึงลาออกจากราชการ ยื่นใบลาออกแล้ว แต่หากไม่มีการ update ข้อมูล สิทธิของการเป็นข้าราชการก็ยังคงอยู่ ทีนี้เงินเดือน ของข้าราชการคนนี้ก็จะถูกโอนเข้าบัญชีอีกใช่ไหมครับ และสิทธิต่างๆ รัฐก็ต้องยังให้แก่คนนี้อยู่ ในกรณีนี้ ภาษีของแผ่นดินจะถูกใช้ไปในคนที่หมดสภาพสิทธิของข้าราชการใช่ไหมครับ - กรณีการที่มีคนตายในบ้าน แล้วเจ้าบ้านก็ไปแจ้งทางเขตตามเวลา ตามกฏหมายกำหนด แต่หากเจ้าหน้าที่เขตรับเรื่องไว้แล้วเกิดลืม key ข้อมูล ในกรณีนี้ ก็จะเห็นว่า คนนั้นยังไม่ตาย ใช่ไหมครับ และหากมีการเลือกตั้ง ใบแสดง สิทธิเลือกตั้ง ก็จะนับคนตายคนนี้ เข้าไปในฐานข้อมูลใช่ไหมครับ ขอบคุณทุกความเห็นมากๆ นะครับ ตอนนี้ กำลังทำใจกับ บ้านหลังที่หลุดหายไป :( แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 49 08:53:43 แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 49 08:51:52 แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 49 00:39:11 จากคุณ : yayayo - [ 25 พ.ย. 49 00:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ลองมองแนวทางดู (แค่ลองดูความเป็นไปได้เท่านั้น) 1. ไม่ปฏิบัติตามกฏฯ/พรบ./ข้อบังคับ 2. ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง 3. เสียโอกาส (โอกาสอยากเป็นหนี้/อนาคตเจ้าของทรัพย์) เท่าที่สังเกตุ ปัญหาแบบนี้มักจะเกิดในกรณีที่ปิดบัญชีก่อนกำหนดเป็นส่วนใหญ่ ไม่ทราบว่า กฏฯ/พรบ./ข้อบังคับ เขียนเป็นข้อยกเว้นไว้รึอย่างไรว่า การปิดบัญชีก่อนกำหนดไม่จำเป็นต้องส่งข้อมูลเครดิตประจำปีของบัญชีนั้นได้ รบกวนผู้รู้ตอบด้วยค่ะ จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 25 พ.ย. 49 01:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เคสแบบนี้เข้าข่ายที่ว่า มีกฎระเบียบแต่ไม่นำมาใช้(ไม่ update)หรือผู้มีอำนาจเอาไปใช้ในทางที่ผิด ปล.ผมคิดว่าธนาคารอาจจะไม่ชอบให้เราเอาเงินไปโปะหรอก เพราะเขาขาดรายได้จากดอกเบี้ย จากคุณ : MlCHAEL - [ 25 พ.ย. 49 02:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ฟ้องเลย พวกนี้ทำงานเช้าชามเย็นชาม..เอาให้เป็นตัวอย่าง....ไปออกรายการ TV ด้วยก็ดีนะครับ จะได้ทำงานกันบ้าง จากคุณ : The Fifth - [ 25 พ.ย. 49 06:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอโทษที่ทำให้คุณสับสน แต่แบล๊คลิสท์ กับ เครดิตบูโร ไม่เหมือนกันนะครับ คืออย่างนี้ครับ เครดิตบูโร คืออะไรก่อนนะครับ เครดิตบูโร คือบริษัทที่สถาบันการเงินตั้งขึ้นมาเพื่อ "ปกป้องสถาบันการเงินด้วยกันเอง" จากลูกค้าประเภทตีหัวเข้าบ้าน เช่น ซื้อ รถยนต์ 10 คัน 10 บริษัทไฟแนนซ์ แล้วไม่ผ่อนชำระ พวกนี้จึงคิดระบบศูนย์รวมข้อมูลขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทอื่นๆที่ยังไม่ทราบหลวมตัวอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้าประเภทนี้ (คล้ายๆกับเวลาเราสมัครรับราชการ ทาง กพ. จะตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ ว่าบุคคลต่อไปนี้เคยติดคุกมาก่อนหรือไม่ ) เห็นภาพรึยังครับ ต่อไปคือ มีอะไรในเครดิตบูโร มันจะเป็นลักษณะประวัติการชำระหนี้ของคุณทุกอย่างที่มีอยู่ในประเทศนี้ ละเอียดแบบเดือนต่อเดือน /วงเงินอนุมัติ / แม้กระทั่งสินเชื่อื่นที่คุณชำระหมดไปแล้ว(ถ้าอยากเห็นภาพ ขอเชิญมาตรวจสอบประวัติของคุณเองได้ ให้จขกท มาที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์สำนักงานใหญ่ครับ เพราะบริษัทเครดิตบูโรมาเช่า สนง อยู่ที่นี่ นำยัตรประชาชนมา พร้อมเงิน 200 บาท แต่ถ้ามีหนังสือปฏิเสธการให้กู้จากแบงค์ ก็ไม่เสียเงินครับ) คราวนี้ เมื่อคุณดูเอกสารจากเครดิตบูโรแล้ว (ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ ธนาคาร Aและ B เห็นเช่นกัน ) ดังนี้ จากระเบียบสินเชื่อในแต่ละธนาคารฯ เค้าจะดูว่า 1.ยอดรวมที่คุณผ่อนชำระในแต่ละเดือนของคุณทั้งหมดเท่าไร เช่น ผ่อนธนาคาร A 2,500.-บาท + บัตรวีซ่า 2,000.-บาท + ผ่อนอีซี่บาย 800.-บาท รวม 5,300.-บาทแล้วมาดูว่าเงินเดือนคุณเท่าไร สมมติ 20,000- บาท หักแล้วเหลือ 14,700.- บาท เค้าก็จะดูว่าที่คุณขอกู้มาต้องผ่อนเท่าไหร่ ถ้าหักกันแล้วเหลือน้อย เค้าอาจไม่ให้คุณกู้ได้ 2.กรณีคุณชำระหนี้เดิมไม่ปกติ จ่าย 1 เดือน ขาดไป 3 เดือน พอเดือนที่ 4 จ่าโป๊ะรวดเดียว 4 เดือนดังนี้ ทางธนาคารฯ ถือว่าคุณเป็นลูกหนี้กลุ่มเสี่ยงนะครับ ถึงแม้คุณจะชำระครบทุกบาททุกสตางค์ในภายหลังก็ตาม เค้าก็มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธสินเชื่อคุณได้ครับ จากคุณ : chesdprn - [ 25 พ.ย. 49 12:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้าใจเลยล่ะ แฟนเคยเป็น blacklist ด้วย เงิน 15 บาทคุณเชื่อมั๊ยล่ะ ปัญหาคือไปปิดบัญชีสินเชื่อตามที่แจ้งในใบเรียกเก็บ แต่มันมีค่าธรรมเนียมบวกดอกเบี้ยสินเชื่ออะไรก็ไม่รู้แทรกเข้ามาเพิ่มระหว่างช่วงการทำธุรกรรม ณ วันที่ปิดบัญชี พนักงานรับเรื่องดำเนินการ ปิดบัญชีให้เรียบร้อย แต่คงค้างเงิน 15 บาท(ดอกเบี้ย+ค่าธรรมเนียม)ค้างอยู่ในระบบ แต่ระบบไม่ยอมออกใบเรียกเก็บใดๆหรือไม่มีการออกใบมาตามให้เราไปจ่าย ด้วยเหตุผลแค่เพียงว่ามันไม่คุ้มทุนที่จะตามเงิน 15 บาทจากเจ้าของบัญชี(ต้นทุนการตามให้ไปชำระมันมากกว่านั้นและระบบอีกระบบอย่างมันแจ้งว่าปิดบัญชีเป็นที่เรียบร้อย) แต่มันส่งข้อมูลไปเคตดิตบูโรว่าเราคงค้างเงินมัน 15 บาท และไม่ยอมนำส่ง/ผิดนัดชำระ เป็นไงล่ะ... กลายเป็น Blacklist ไปเฉยๆโดยไม่รู้ตัวไปตั้งหลายปีด้วยเงิน15 บาท มารู้ตัวอีกทีก็ตอนยื่นเรื่องทำธุรกรรมทางการเงินแล้วปรากฎว่าไม่ผ่าน เครดิตบูโรมันไม่บอกหรอกว่าคุณเป็นหนี้เท่าไหร่ มันบอกแต่ว่าคุณเป็น Blacklist หรือผิดนัดชำระ สุดท้ายเลยได้แต่ไปไล่เบี้ยเอากับธนาคาร ซึ่งธนาคารได้แต่แจ้งว่าจะยกเลิกค่าธรรมเนียม 15 บาทให้ซึ่งกว่าเค้าจะแจ้งไปทางบูโรให้ก็อีกเดือนกว่าๆ ช่วงนั้นทำธุรกรรมทางการเงินอะไรไม่ได้เลย ทำบัตรเครดิตยังไม่ได้เลยครับ ทั้งๆที่คุณสมบัติผ่านเกณฑ์มาตรฐานไม่รู้ตั้งกี่เท่า ระดับว่าทำบัตร gold/platinum ได้สบายๆ กว่าเรื่องจะจบผ่านไปตั้งหลายเดือน ..เพราะยังไงๆมันไม่ออกเรื่องย้อนหลังให้และก็กลายเป็นประวัติเสียอยู่อย่างนั้นแล้วก็ต้องรอให้ประวัติใหม่สะอาดแล้วต้องไป defend กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อ เหมือนที่เจ้าของกระทู้ทำ เครดิตบูโรทำได้ให้แค่อัพเดตข้อมูลเท่านั้นจริงๆครับ หน้าที่เราทำได้แต่คอยอัพเดตข้อมูลของเราเอง หากมีข้อผิดพลาดต้องยื่นเรื่องขอแก้ข้อมูลให้อัพเดต จากคุณ : เค้าเรียกผมว่าเด็กสร้างบ้าน - [ 25 พ.ย. 49 13:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ต่อครับ เข้าใจรึยังครับว่าบริษัทเครดิตบูโร เกิดจากการลงขันกันของสถาบันการเงิน เพื่อแชร์ข้อมูลระหว่างกัน เพื่อป้องกันตัวเองจากลูกหนี้เอ็นพีแอล ไม่ใช่สถาบันหลักหรือหน่วยงานราชการที่ให้ข้อมูลเพื่ออ้างอิงแต่อย่างใด ( มันพัฒนามาจากสมาคมธนาคารไทยที่แชร์ลูกหนี้ที่ศาลสั่งล้มละลายระหว่างกันน่ะครับ  พวกแบงค์กลัวมากเวลาคนล้มละลายมากู้เงินเนี่ย เพราะหากพลาดเท่ากับสูญเงินเลยครับ) แล้วเราจะทำอย่างไร 1. ถ้าคุณไม่เข้าหลักเกณฑ์ลูกหนี้ชั้นดีของเขาแล้วเค้าไม่อนุมัติก็ต้องทำใจนะครับ อาจเปลี่ยนตัวผู้กู้ หรือถามเค้า (แบ๊งค์) ตรงๆเลยแล้วจะให้กรูทำยังไง 1.1 ถ้าคุณเครดิตดีเลิศทุกประการ แต่ถ้าเค้าไม่อนุมัติให้กู้ไม่ว่าเหตุประการใดก็ตาม ก็ต้องทำใจเหมือนกัน เป็นสิทธิของเค้านี่ แล้วถ้าจะฟ้องร้องเค้าว่าเค้าไม่อนุมัติทำให้เราเสียหายก็ฟ้องได้ครับ แต่ขอบอก ศาลยกฟ้องครับ 2. กรณี จขกท ชำระหนี้หมดแล้วแต่ยังไม่อัพเดท  คราวต่อไป หากคุณขอสินเชื่อ ให้แนบหลักฐานการชำระเงินงวดสุดท้าย หรือหนังสือรับรองของธนาคารฯ ว่าชำระหนี้ครบถ้วนแล้วแนบไปกับ คำขอสินเชื่อไปเลยครับ(ไม่ต้องรอให้มันอัพเดท เราอัพเดทตัวเราเองเลย) อย่าลืมครับสินเชื่อจะผ่านหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของธนาคารฯ ไม่ใช่ ข้อมูลของเครดิตบูโร ไม่แน่ใจว่าเครดิตบูโรจะล้างข้อมูลทุก 5 ปีรึป่าวนะครับ รายงานการประชุมทิ้งไปแล้วด้วยซี ฮิๆๆ ส่วนแบล๊คลิสท์นั้น มันเป็นการใช้เรียกกันเองของสถาบันการเงินเกี่ยวกับการเช็คเข้าไปในข้อมูลของศาลแพ่งครับ ว่าชื่อนี้มีการฟ้องศาลคดีแพ่ง หรือไม่ หรือปรากฏเลขคดีแดงหรือไม่ เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเครดิตบูโรเลย แต่มีการใช้กันสลับกัน ผิดๆนะครับ ซึ่งกรณีของคุณ หากยังไม่มีการฟ้องศาลมาก่อนก็จะไม่ติดแบล๊คลิท์หรอกครับ (ข้อมูลของศาลลบไม่ได้นะครับ) แนะนำ จขกท นะครับ คิดว่า จนท โครงการคงรับฟังมาและสื่อสารคุณอย่างผิดๆ คุณคงไม่ได้ติดแบล๊คลิสท์หรอกครับ (ยกเว้นเคยถูกฟ้อง) ไปถามเจ้าหน้าที่สินเชื่อเองเลยว่าติดตรงไหน แล้วเคลียร์ด้วยตัวคุณเองเลย อยู่ในระบบทุนนิยมก็ต้องทำใจครับ แต่ยังมีแบงค์รัฐอีกมากมาย เช่น ธอส. ธ.ออมสิน ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือคุณอยู่.... ปล. ก่อนจะฟ้องใครดูสักนิดครับ 1.คุณเป็นผู้เสียหายรึปล่าว 2.คุณได้รับความเสียหายอันคำนวนเป็นตัวเงินได้ไหม 3.กรณีคุณแพ้ คุณอาจต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในคดีและค่าทนายความให้ฝ่ายผู้ชนะด้วยนะครับ โชคดีครับ จากคุณ : chesdprn - [ 25 พ.ย. 49 13:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณที่ช่วยอธิบายค่ะ อธิบายได้ดีเชียวค่ะ (ถึงออกจะเข้าข้างกันเองในนิดนะคะ) แต่ คุณตอบไม่ตรงคำถามสักข้อ ถามเกี่ยวกับแบงก์A ตอบ แบงก์ B ,C ซะงั้น คำถาม (ย้ำอีกครั้ง)ตกลง กรณ๊ของจขกท. แบงก์ A ยังคงมีหน้าที่ในการต้องนำส่งข้อมูล (อัพเดทข้อมูล) ให้บ.ข้อมูลเครดิต อยู่หรือไม่คะ ถ้ายังเป็นหน้าที่อยู่ แล้วไม่นำส่งข้อมูล ผิดมั้ยคะ มีความรู้ค่ะยอมรับเลย แต่ใช้ไม่ถูกนี่นะ เพราะถามอย่างตอบอีกอย่าง แต่อย่างไรก็ขอบคุณมากๆนะคะที่มาให้ความรู้ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 49 19:10:03 จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 25 พ.ย. 49 16:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 vote ด้วยค่ะ อ้างแต่ไม่ใช่หน้าที่...แล้วลูกค้าที่ไม่ผิดเนี่ยถือเป็นหน้าที่หรอ? จากคุณ : chommy - [ 25 พ.ย. 49 19:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Voteให้ค่ะ โดยเฉพาะคุณข้างบนที่ว่าติดบูโรเพราะ เงินแค่15บาทนี่.......บอกตรงๆเลยชั่วมาก ไม่ยอมเก็บเงินกับเราแล้วส่งชื่อเราเข้าบูโร ทั้งชั่วทั้งมั่วพอๆกันทั้งแบงค์ทั้งบูโรเลย สาธุ.......อยากให้ฟ้องเป็นตัวอย่างจริงๆ ใอ้พวกทำงานมั่วๆ แล้วทำให้คนอื่นเสียหาย แบบนี้หน่ะ จากคุณ : varada - [ 25 พ.ย. 49 20:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พี่สาวเคยผ่อนบ้าน มีอยู่เดือนนึง ชำระช้าไปหน่อย แต่ตอนนี้ผ่อนบ้านหมดแล้ว จะกู้ใหม่ไปลงทุนแต่กู้ไม่ได้บอกโดนแบล็กลิสส์10ปี ข้อหาจ่ายเงินช้าไปงวดนึง ผมสงสัยว่าโทษมันหนักขนาดนั้นเลยหรอครับ จ่ายช้าไปวัน2วัน จ่ายช้าก็จ่ายดอกเพิ่มให้ก็ไม่น่ามีอะไร แล้วพวกที่เป็นหนี้ตอนปี40หนี้เป็นหมื่นเป็นพันล้านทำไมตอนนี้เค้าจะกู้ไปลงทุนยังกู้ได้ ผมละงงๆจริงๆ ระบบแบบนี้คล้ายกับป้องกันคนจนไปโกงคนรวย แต่ที่คนรวยโกงคนจนไม่เห็นเอาผิดกันได้เลย จากคุณ : t.lek - [ 25 พ.ย. 49 21:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมจะติดแบ็คลิสต์ด้วยมั้ยเนี่ย อ่านมาแล้วชักกลัว คือว่าผมเริ่มผ่อนดาวน์คอนโดอยู่ก้เลยเริ่มทยอยปิดหนี้สินเชื่อกับพวกบัตรเครดิต แต่ที่มีปัญหาคือบัตรสินเชื่อของผมต้องผ่อน24เดือนผ่อนมาถึงเดือนที่20แล้วพอเดือนที่แล้วก็ตัดสินใจโปะหมดตามยอดที่ค้างไว้ทั้งหมดก็ว่าอ่านดีแล้วและก็จ่ายเงินไปตามที่เขาเขียนแจ้งมาปรากฏว่าใบเสร็จล่าสุดมาแจ้งว่า วงเงินคงเหลือเป็น 49,999.48 บาท อ้าวทำไมไม่เป็นห้าหมื่น พอดูรายละเอียดอีกถึงกะอึ้งมีดอกเบี้ยคงค้าง 0.42 บาท ค่าธรรมเนียม 0.10 บาท โทรไปถามเจ้าหน้าที่เค้ากลับตอบมาว่าระบบคิดออกมาณวันจ่ายจริง??? เลยงงครับก็จ่ายก่อนวันที่เค้าบอกนี่หว่า ละถามว่าต้องทำไงให้ยอดนี้หายไปเค้าบอกว่าไม่เป็นไร ไว้ผ่อนสินค้าหรือใช้ครั้งหน้ายอดก็จะมาคิดไปไอ้เราก็จะปิดบัตรนี้ทิ้งเค้าบอกว่าไม่มีผลอะไรให้ถือไว้เหอะไม่ต้องปิดบัตรหรอก อ่านจากกระทู้นี้สงสัยต้องยอมจ่าย 15 บาทค่าบริการเพื่อไปชำระหนี้ 0.52 บาทดีกว่ากลัวว่าอีกปีหนึ่งตอนติดต่อขอกู้คอนโดจะติดแบ๊คลิสต์กับเค้าอะ ว่าจะจ่ายเกินไปเป็น 5 บาทไม่รู้จะมีปัญหาอะไรป่าว ที่สำคัญไอ้ยอดที่จะจ่ายอีก 5 บาทถ้าพนักงานเค้าขี้เกียจคีย์คงแย่แน่เลย แต่คงต้องเก็บใบเสร็จใบนี้ไว้ด้วยดีกว่า น่ากลัวจริงๆติดแบ๊คลิสต์แบบไม่รู้ตัวคงต้องแย่แน่ๆถ้าเกิดกับตัวเองในอนาคต จากคุณ : กลัว Blacklist (เด็กน้อยฝั่งธน) - [ 25 พ.ย. 49 22:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อีกประเด็นนึง ที่ผมติดใจ คือ ทำไมเราไปเช็คข้อมูลของเราเองต้อง เสียเงินต่อครั้ง 200 บาท ครับ ราคานี้ใครเป็นผู้กำหนด จริงอยู่ผมเห็นว่า ต้นทุนในการจัดเก็บค่อนข้างจะสูง แต่ในชีวิตจริง สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลของตนเอง น่าจะได้รับการคุ้มครองบ้าง ผมเห็นว่า น่าจะเก็บครั้งเดียว และให้ check ได้ตลอดครับ เช่น เก็บ ต่อปี ปีละ 200 บาท และให้ประชาชนเข้าไป check ข้อมูลเองได้ตลอดเวลา ถ้าผิดพลาดจะได้มีเวลาทักท้วง ในทางปฏิบัติ เราจะทราบข้อมูลเครดิต เมื่อเรายื่นกู้ หรือ ทำบัตรเครดิตเท่านั้น ซึ่งผมว่า มัน fair กับ สถาบันการเงินเท่านั้น แต่ไม่ fair กับ ประชาชน หรือเพื่อให้เป็นการเท่าเทียม ผมว่าน่าจะมีองค์กร ที่ share ข้อมูลการทำธุรกรรม ของสถาบันการเงิน ให้ประชาชนตรวจสอบบ้าง เช่น การเอารัดเอาเปรียบ การคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม การตั้งนโยบายที่ไม่เป็นธรรม แก่ผู้บริโภค อาจจะเรียก Financial Transparency Bureau ซึ่งประชาชนที่สนใจเป็นสมาชิก สามารถ update ข้อมูลกันได้บ้าง เพื่อตรวจสอบ และแฉธุรกรรมที่ผิดปกติบ้าง หากสถาบันการเงินใด ือยากขอ ข้อมูลบ้าง ก็ต้องมา กรอกคำร้องครั้งละ 2000 บาท/ ครั้ง หากสถาบันการเงินใดมีข้อมูลเอารัดเอาเปรียบมาก ก็ต้องถูก Bank ชาติ ปรับเป็นค่าปรับ หรือ ต้องถูก เพิ่มอัตรา inter-bank rate ผมว่า มันจะเป็นการถ่วงดุลในระบบบ้าง เพื่อมิให้องค์กรใดมีอำนาจมหาศาล โดยปราศจากการถูกตรวจสอบจากสังคม :) จากคุณ : yayayo - [ 25 พ.ย. 49 23:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ฟ้องก็ต้องไปฟ้อง bank A ได้ที่เดียว เพราะการกระทำผิดเกิดขึ้นและมีผลถึงเครดิตของคุณแล้ว เอาชื่อออกมาประจานเรื่องจะได้ clear ไว้ ให้คนผู้บริโภคคนอื่นๆได้รู้ด้วยว่า bank ห่วยๆ ชื่ออะไร จากคุณ : spa162 - [ 25 พ.ย. 49 23:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 34 vote เหมือนกัน จากคุณ : วีทีอาร์ - [ 25 พ.ย. 49 23:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอถามนิดนึง อาจไม่เกี่ยวกับกระทู้ แต่สงสัยว่าบริษัทต่าง ๆ สามารถขอข้อมูลเราจากบูโรไปดูได้ง่าย ๆ เลยหรือ เพราะว่าบ่อยมากที่มี่คนโทรมาให้สมัครสินเชื่อบ้าง ขายประกันบ้าง สมัครบัตรเครดิต รีไฟแนนซ์รถ ฯลฯ แล้วบอกคล้าย ๆ ว่าคุณมีคุณสมบัติครบ และประวัติการเงินดี  เขาไปเอาเบอร์เอาชื่อเรา แล้วรู้ประวัติเราได้อย่างไร จากคุณ : ไม่เป็นไร - [ 26 พ.ย. 49 08:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อยากรู้เรื่อง *35 เหมือนกันครับ จากคุณ : k9advance - [ 26 พ.ย. 49 09:41:40 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คำถาม (ย้ำอีกครั้ง) ตกลง กรณีของจขกท. แบงก์ A ยังคงมีหน้าที่ในการต้องนำส่งข้อมูล (อัพเดทข้อมูล) ให้บ.ข้อมูลเครดิต อยู่หรือไม่คะ ถ้ายังเป็นหน้าที่อยู่ แล้วการที่แบงก์ A ไม่นำส่งข้อมูล ผิดหรือไม่คะ รบกวนผู้รู้ช่วยมาตอบให้ด้วยนะคะ จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 26 พ.ย. 49 09:50:06 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมก็อยากทราบในข้อกฏหมาย นะครับ ว่า ในฐานะประชาชน เราทำอะไรได้บ้างในการพิทักษ์สิทธิของเรา เหมือนความเห็น ของคุณลูกแม่เกตุ ผมก็อยากให้มีผู้รู้เข้ามาช่วยวิเคราะห์ว่า ตกลงการที่ bank a ไม่ update ข้อมูล ถือเป็นความผิดหรือไม่ หรือ หากขั้นตอนการตรวจสอบพบว่า bank a ส่งข้อมูล update ไปที่ NCB แต่ ทาง NCB ไม่ update เอง  NCB ผิดหรือไม่ครับ จากคุณ : yayayo - [ 26 พ.ย. 49 10:15:46 ]

ความคิดเห็นที่ 39 vote จากคุณ : YellowFever - [ 26 พ.ย. 49 18:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 40 น่าจะมีการฟ้องร้องเรียกร้องความยุติธรรมและค่าเสียโอกาส กับพวกบรรดาสถาบันการเงินเหล่านี้นะครับ   ขอโหวตให้ด้วยคนครับ จากคุณ : BBoYa007 - [ 26 พ.ย. 49 19:56:40 ]

ความคิดเห็นที่ 41 บริษัทนี้มีหน้าที่ให้บริการฐานข้อมูลเครดิตของประชาชน การอัพเดทข้อมูลและความถูกต้องของข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ปรากฎว่ากลับไม่สนใจต่อหน้าที่ๆตัวเองต้องรับผิดชอบ ถ้าบอกว่าข้อมูลมันเยอะ ทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำละกัน เค้าจ้างคุณมาให้ทำงานแบบนี้ คุณทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ไม่ง้อหรอก งั้นก็ไปขายพวงมาลัยตามสี่แยกเหอะ จากคุณ : S(2) - [ 27 พ.ย. 49 11:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โดนเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้กับเครดิตบูโร เป็นที่แบงก์ ปิดยอดไปแล้วตั้งเป็นปี อยู่ๆโทรมาบอกว่า รีบมาใช้หนี้ด้วยติดอยู่หลายแสน เราโมโหมาก พ่อแม่เครียด รีบโทรกลับไปเช็คอยู่นานหลายวัน กว่าจะติดต่อได้ สุดท้ายเค้าบอกว่า อ๋อ ปิดไปนานแล้ว แต่ไม่ได้ update ข้อมูล ดูดิ่... น่าเกลียดมากเลย คงกะว่าเอาไว้หลอกคนโง่ๆ ที่ไม่รู้อะไร ให้จ่ายเงินซ้ำอีกอ่ะดิ จากคุณ : โมโหเหมือนกันค่ะ (punimka) - [ 27 พ.ย. 49 11:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เออ แล้วเราจะติดเครดิตบูโรหรือป่าว 1. เคยผ่อนโทรศัพท์ อิออน ปิดยอดก่อนสัญญา 3 เดือน 2. หลังจากนั้นสินเชื่อเงินสด อิออน ปิดยอดภายใน 6 เดือน แต่มีหนึ่งครั้งที่จ่ายช้าไป 2 วัน 3.ต่อมา  เช่าซื้อรถยนต์ แล้วขายต่อคนอื่นไปยังไม่ได้เปลี่ยนสัญญา ปรากฎว่าคนซื้อไปไม่ผ่อน 2 เดือน เลยไปตามเอารถมาคืนบริษัท มีหนังสือคืนเรียบร้อย ต่อมาบริษัทแจ้งให้ชำระส่วนต่าง 80000 บาท โดยแจ้งผ่านบริษัทกฏหมาย แต่เมื่อติดต่อกลับไปเค้าแจ้งว่าถ้าจ่ายภายใน 15 วัน ก็ลดให้ เหลือ 30000 บาทแล้วปิดบัญชีเลย เราจึงเลือกจ่าย 30000 บาท โดยบริษัทกฎหมายได้ ส่งใบจ่ายเงินของไฟแนนซ์มาให้ จ่ายไปเรียบร้อย มีใบเสร็จรับเงินจากไฟแนนซ์ ไม่มีใบแจ้งว่าได้ปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว ถามไปยังบ.กฎหายบอกว่าปิดเรียบร้อยแล้วคะ 4. ต่อมาสินเชื่อเงินสด อิออนที่เดิม ปิดยอดไปตั้งแต่ใบเรียกเก็บเงินใบแรกยังไม่มา พอใบเรียกเก็บเงินมาปรากฎว่าค้าง 1 บาท พอไปจ่ายที่ตู้จ่ายเงินมันบอกว่าไม่มียอดค้าง ด้วยประการนี้ สงสัยว่าเราติดเครดิตบูโรมั้ย ใครมีประสบการณ์บ้าง จากคุณ : สงสัย (jie xin "oo") - [ 27 พ.ย. 49 16:42:37 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สับสนในข้อมูลนิดหน่อยที่คุณ chesdprn บอกว่าเครดิตบูโร เป็นการลงขันกันระหว่างธนาคารและสถาบันการเงิน แต่เวลาที่ทางสถาบันการเงินส่งรายละเอียดมาให้ มักจะบอกว่าเป็นไปตามระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย ผมเลยไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วเครดิตบูโรใครเป็นคนจัดตั้ง แม้จะเข้าใจหน้าที่ของเครดิตบูโรแล้วก็ตาม ทีนี้ผมมองในอีกมุมนึงว่าปกติแล้วในทุก ๆ ปี สถาบันการเงินที่เราเป็นหนี้อยู่ มีหน้าที่ต้องส่งสรุปรายงานข้อเครดิตบูโรมาให้เราใช่มั้ยครับ เทียบจากบัตรเครดิต และสินเชื่อเงินผ่อนที่ผมเป็นหนี้อยู่ ก็จะส่งสรุปรายงานประจำปีมาให้ ยกเว้นผ่อนบ้านที่เพิ่งผ่อนไป 2 งวด เลยยังไม่เห็นรายงานประจำ ซึ่งข้อมูลที่ได้มาผู้บริโภคมีหน้าที่ที่ควรจะอ่านให้ละเอียดเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ของตนเอง โดยการอ่านรายงานนั้นอย่างละเอียด ในรายงานนั้นก็มีรายละเอียดพอสมควร พอที่จะให้เราเข้าใจได้ว่าเรามีหนี้อยู่เท่าไหร่ และมียอดหนี้คงเหลือเท่าไหร่ ถ้าหากมีอะไรที่ผิดปกติเราก็สามารถติดต่อกับสถาบันการเงินนั้น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ดีกว่าจะรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยไปตามแก้ไขกับเครดิตบูโร เพราะถ้าเป็นไปตามที่คุณ chesdprn ว่าองค์กรนั้นเป็นองค์กรเอกชนมิใช่องค์กรของรัฐ เมื่อเราต้องใช้บริการเขาเราก็ต้องจ่ายค่าดำเนินการให้กับเขา   ส่วนประเด็น 200 บาทสำหรับการตรวจสอบ และต้องจ่ายอีกสำหรับค่าแก้ไขรายละเอียดตัวเอง อันนั้นผมไม่เห็นด้วย รู้สึกว่าต้องจ่ายแพงเกินจริง แต่ถ้าเราตรวจสอบรายงานเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ของเราเบื้องต้น มันก็ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้ จากคุณ : Tiekung - [ 28 พ.ย. 49 11:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อตอนกลางวันผมได้ไปจ่ายยอดการผ่อนสินค้ากับ บริษัท FC กับ บริษัท EB มาครับ ... โดยการจ่ายหมด ที่เค้าเรียกว่า " ปิดบัญชี " เพื่อที่จะยื่นขอกู้ซื้อคอนโดครับ ... ถ้าบริษัท ไม่ส่งข้อมูล หรือส่งช้า ตอนที่ผมยื่น ผมจะยังมียอดค้างชำระหรือไม่ครับ ... ผมต้องยื่นวันศุกร์นี้แล้วครับ ... ลำพังตอนนี้ผมก็กู้ได้ไม่ถึง 3 แสนอยู่แล้ว เพราะธนาคารอื่นๆ เค้ามองแต่เงินเดือนผม ทั้งๆที่รายรับอื่นๆ ผมก็รับเกือบจะเท่ากันทุกเดือน มีหลักฐานการเสียภาษีทุกเดือน ... ปกติเค้าอัพเดทกันกี่เดือนครั้งครับ ... กลัวแล้วนะนี่ครับ ... จากคุณ : เล็บขบ ลงพุง - [ 28 พ.ย. 49 21:05:57 A:58.136.19.114 X: TicketID:116227 ]

ความคิดเห็นที่ 46 โหวตค่ะ...กรรม ของผู้บริโภคจริงๆ...เฮ้อ... จากคุณ : m'_yui - [ 29 พ.ย. 49 11:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 47 โหย .. เครดิตบุโรทั่ง จังเลย โหวตครับ จากคุณ : Shandy - [ 29 พ.ย. 49 21:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ................................. ไม่มีสัญญาณตอบรับ จาก........ ที่ท่านเรียก เฮ้อ ไร้ซึ่งปาก ไร้ซึ่งหู ไร้ซึ่งตา ไร้สัมผัส ไร้การตอบรับ ไม่มีผู้ใดจะสามารถมาตอบคำถามของเราๆท่านๆได้ ไม่มีผู้ใดจะช่วยเราสอดส่องดูแลกำกับพฤติกรรมของผู้ที่ถือข้อมูลของเราและมีอภิสิทธิใช้ข้อมูลนั้นซึ่งอาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่เราได้ เลยหรือไรกัน แม้เค้ามีสิทธิที่จะมีข้อมูลใช้ข้อมูล แต่ในการที่เค้าทำความเสื่อมเสียให้เราอันเกี่ยวกับข้อมูลนั้น ซึ่งไม่ใช่ความผิดพลาดของเรา แต่เรากลับไม่มีสิทธิเสียงในการให้เค้าแสดงความรับผิดชอบการกระทำนั้นได้เลย ทำไมกัน เหตุใดจึงเกิดความไม่ยุติธรรมเช่นนี้ได้ เราเป็นลูกค้านะ ทำไมการที่ผู้ประกอบการ(การเงินการธนาคาร)ทำงานแบบไม่ระมัดระวังความให้ข้อมูลเราผิดพลาดเกิดความเสื่อมเสียแก่เราแล้วยังจะต้องเป็นความรับผิดชอบขอบเราอีกรึที่จะแก้ไขเอง คุณเขียนกันเองมิใช่รึ เขียนถูกเขียนผิด ก็คุณเป็นผู้เขียน(บันทึกข้อมูล) แล้วเหตุใดความผิดนี้ ไม่ได้รับการแก้ไขจากคุณ แต่เป็นเราที่ต้องแก้ไข รวมทั้งรับผิดชอบภาระอันเกิดจากการแก้ไขนั้น ไม่ว่าจะค่าธรรมเนียม ค่าคำร้อง ฯลฯ กรณีที่ความผิดพลาดเกิดจากการฝ่ายผู้ประกอบการฯ แล้วมันถูกมันควรรึ ที่เราต้องเป็นผู้รับผิดเองแต่ฝ่ายเดียว การทั้งที่เราไม่ได้ทำ ความยุติธรรม จริยธรรม จากผู้ประกอบการ อยู่ที่ไหน??? แล้วเราจะหวังอะไรจาก กิจการของพวกคุณได้ ไม่มีตัวแทนมาเลยรึ????? เฮ้ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ เค้าคง ไม่อยากปฏิสัมพันธ์ ไม่อยากวิสาสะ ไม่อยากทำธุรกรรม กับพวกเรา อาจเพราะเราอยากรักษาสิทธิของเราโดยไม่ยอมเสียในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรที่เค้าอยากได้จากเรา มันก็น่าคิด อาจมีการตั้งใจทำให้เกิดความผิดพลาด เพื่อให้มีการแก้ไข 200 ต่อ 1 รายการ คนละ 2-4 รายการ เดือนละ 100 คน ก็ อย่างน้อย 40000 แล้ว (อันนี้คิดเล่นๆนะ) อยากรู้จริง บริษัทข้อมูลเครดิตอยู่ได้อย่างไร มีรายได้จากไหน ที่ว่าลงขันนี่ ลงขัน เงินเดือน จนท. ปฏิบัติงานด้วยรึป่าว ตกลงที่ถามไปว่าจะมีผู้ใดรับผิดชอบการกระทำที่ผิดพลาดของหน่วยงานตนรึไม่ ก็ไม่มีใครมาตอบ สรุปว่าเค้าไม่รับผิดชอบ ทั้งที่เค้าเป็นผู้ส่งข้อมูลผิดนั้นเอง เป็นความยุติธรรม ??????????????????????? แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 49 23:23:26 จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 29 พ.ย. 49 23:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ยกมาจากคคห 24 ครับ  เรื่องการเสียเงินเพื่อตรวจสอบ //(ถ้าอยากเห็นภาพ ขอเชิญมาตรวจสอบประวัติของคุณเองได้ ให้จขกท มาที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์สำนักงานใหญ่ครับ เพราะบริษัทเครดิตบูโรมาเช่า สนง อยู่ที่นี่ นำยัตรประชาชนมา พร้อมเงิน 200 บาท แต่ถ้ามีหนังสือปฏิเสธการให้กู้จากแบงค์ ก็ไม่เสียเงินครับ)// ไม่ได้ตอบคำถามทั้งหมดนะครับ เพราะไม่รู้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแบ็งค์ แค่อ่านเจอข้างบน อย่าด่าผม จากคุณ : Ontjung - [ 30 พ.ย. 49 00:29:13 ]

ความคิดเห็นที่ 50 โหวตครับ เห็นด้วยว่าข้อมูลของ คห.26 ละเอียดดีแต่ตอบไม่ตรงคำถาม ประเด็นที่ยังค้างอยู่ก็คือ Bank A ผิด(ตามกฏหมาย) หรือไม่ที่ไม่อัพเดทข้อมูลทำให้ จขกท เสียโอกาสแม้ว่าจะยังไม่มีการสูญเสียเป็นตัวเงินก็ตาม รบกวนผู้รู้ช่วยตอบคำถามด้วยครับ เพราะโดยส่วนตัวแล้วผมเห็นว่าน่าจะผิด และน่าจะชนะคดีถ้ามีการฟ้องร้อง จากคุณ : Suburbant - [ 30 พ.ย. 49 09:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 51 พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. ๒๕๔๕                        “สมาชิก” หมายความว่า สถาบันการเงินที่บริษัทข้อมูลเครดิตรับเข้าเป็นสมาชิก                        “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า สมาชิก หรือนิติบุคคลที่ประกอบกิจการอันชอบด้วยกฎหมายโดยให้สินเชื่อเป็นทางการค้าปกติ หมวด ๓ สิทธิและหน้าที่ของ บริษัทข้อมูลเครดิต สมาชิกและผู้ใช้บริการ                        มาตรา ๑๖ บริษัทข้อมูลเครดิตต้องทำการประมวลผลข้อมูลจากสมาชิกหรือจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด                        มาตรา ๑๗  (๒) ระบบการแก้ไขข้อมูลให้มีความถูกต้องสมบูรณ์และทันสมัยอยู่เสมอ                        มาตรา ๑๘ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและประมวลผลข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตให้สมาชิกส่งข้อมูลของลูกค้าของ ตนแก่บริษัทข้อมูลเครดิตที่ตนเป็นสมาชิก และแจ้งเป็นหนังสือให้ลูกค้าของตนทราบเกี่ยวกับข้อมูลที่ส่งไปภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ส่งข้อมูลแก่บริษัทข้อมูลเครดิตแต่การส่งข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของประวัติการชำระสินเชื่อ และประวัติการชำระราคาสินค้าหรือบริการโดยบัตรเครดิตให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิต ให้สมาชิกแจ้งให้ลูกค้าของตนทราบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด                        มาตรา ๑๙ สมาชิกมีหน้าที่ดังต่อไปนี้                            (๑) รายงานและส่งข้อมูลตามมาตรา ๑๘ ให้บริษัทข้อมูลเครดิต และแจ้งให้ลูกค้าของตนทราบถึงการส่งข้อมูลนั้นโดยไม่เลือกปฏิบัติ                            (๒) ส่งข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัยอยู่เสมอ ถ้ารู้ว่ามีความไม่ถูกต้อง สมาชิกต้องแก้ไขและจัดส่งข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิต                            (๓) ในกรณีที่สมาชิกได้รับรายงานจากบริษัทข้อมูลเครดิตว่าเจ้าของข้อมูลเห็นว่าข้อมูลที่ตนมีอยู่นั้นไม่ถูกต้อง ให้สมาชิกดำเนินการดังต่อไปนี้ (ก)- (จ)                        มาตรา ๒๑ ผู้ใช้บริการประเภทเดียวกันมีสิทธิได้รับข้อมูลอย่างเท่าเทียมกันจากบริษัทข้อมูลเครดิต หมวด ๗ ความรับผิดทางแพ่ง                        มาตรา ๔๑ บริษัทข้อมูลเครดิต หรือผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้ประมวลผลข้อมูลผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อเปิดเผยข้อมูล ที่ไม่ถูกต้องแก่ผู้อื่น หรือเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง แต่มิใช่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่สมาชิก ผู้ใช้บริการหรือเจ้าของข้อมูล บริษัทข้อมูลเครดิตนั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น หมวด ๘ บทกำหนดโทษ                        มาตรา ๔๒ บริษัทข้อมูลเครดิตใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗ มาตรา ๘ หรือมาตรา ๑๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง                        มาตรา ๔๗ บริษัทข้อมูลเครดิตใดหรือผู้ประมวลผลข้อมูลผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง หรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา ๑๗ วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง                        มาตรา ๔๘ สมาชิกผู้ใดไม่ส่งข้อมูลของลูกค้าของตนแก่บริษัทข้อมูลเครดิตที่ตนเป็นสมาชิกต้องระวางโทษปรับไม่เกิน ห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง                        สมาชิกผู้ใดไม่แจ้งให้ลูกค้าของตนทราบเกี่ยวกับข้อมูลที่ส่งให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิต หรือไม่แจ้งภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๑๘ หรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ                        มาตรา ๕๐ สมาชิกผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๙ (๒) (๓) (๔) หรือ (๕) หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา ๑๙ วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 30 พ.ย. 49 15:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แปลความได้ว่า ลูกค้ามีสิทธิ ทราบข้อมูลที่ธนาคาร ส่งให้ บริษัทข้อมูลเครดิต ธนาคาร มีหน้าที่ + จัดเก็บข้อมูล ที่ถูกต้อง และต้องตรวจสอบให้ถูกต้อง และทันสมัยเสมอ + แจ้งให้ลูกค้าทราบถึงข้อมูลที่ส่งให้บริษัทข้อมูลเครดิตภายใน30วัน จะเห็นได้ว่า มาตรา 19 (2) มาก่อน (3) เพราะฉะนั้น ธนาคารมีหน้าที่ตรวจสอบให้ถูกต้องก่อนที่จะ ส่งข้อมูล ถ้าธนาคารส่งข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไม่ทันสมัยให้บริษัทข้อมูลเครดิต ธนาคารก็จะผิดตาม มาตรา 42, 47 และ 50 น่าสังเกตุคำว่า"ทันสมัย" หมายถึงช่วงเวลาใดกันแน่ กรณีผู้ส่งข้อมูล ทันสมัย คือ ข้อมูล ณ ช่วงเวลาที่ส่งข้อมูล กรณีผู้ขอทราบข้อมูล (ไม่ว่าจะสถาบันการเงินอื่น หรือเจ้าของข้อมูล) ทันสมัย หมายถึง ช่วงเวลา ณ วันที่รับทราบข้อมูลนั้น ซึ่งอาจล่าช้าจากวันที่บันทึกเกินว่า 6 เดือน (ทันสมัย?????) น่าสมเพช ลูกค้าอย่างเราๆ จริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แม้เค้าจะผิดแต่ก็ดิ้นได้ไม่เลิก จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 30 พ.ย. 49 15:12:05 ]

ความคิดเห็นที่ 53 http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02fin01301149&day=2006/11/30 กันเหนียวข้อมูลแบงก์ไม่อัพเดต "เครดิตบูโร"จี้สอบประวัติตัวเอง "นิวัฒน์" บิ๊กเครดิตบูโรออกโรงย้ำ ผู้มีความคาดหวังจะกู้ต้องตรวจสอบข้อมูลเครดิตตัวเองก่อนปีละครั้ง กันเหนียวผิดพลาดทางเทคนิคจะได้แก้ไขได้ทัน เผยที่ผ่านมามีคนโต้แย้งข้อมูลเครดิต 100 คน/เดือน เหตุยกเลิกบัญชีหรือบัตรเครดิตไปแล้ว แต่พนักงานไม่ดำเนินการให้ สุดท้ายข้อมูลยังโชว์สถานะความเป็นหนี้อยู่เพียบ แถมการยกเลิกบัญชีไปแล้วไม่ได้หมายความว่าจะหลุดจากข้อมูลเครดิตบูโรทันที ต้องรอแบงก์ยื่นเอกสารส่งให้อัพเดตข้อมูลใหม่ก็ปาไปเกือบเดือนแล้ว ระบุปี"50 ลดค่าบริการเหลือ 150 บาท นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ที่ผ่านมาเครดิตบูโรพยายามย้ำเตือนให้ผู้บริโภคหรือผู้มีโครงการที่จะขอเงินกู้กับสถาบันการเงิน ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตัวเองอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อป้องกันข้อมูลที่ไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังมีผู้บริโภคมาโต้แย้งข้อมูลเครดิตกับทางเครดิตบูโรอยู่ถึง 100 รายต่อเดือน ว่าข้อมูลที่สถาบันการเงินได้รับไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้ถูกปฏิเสธสินเชื่อ "ส่วนใหญ่ที่สอบถามไป จะเป็นในเรื่องการยื่นความประสงค์ขอปิดบัญชีไปแล้ว รวมถึงยกเลิกบัตรเครดิตบางอันแล้ว แต่ทางพนักงานธนาคารไม่ได้ทำเรื่องยกเลิกบัญชีดังกล่าวหรือยกเลิกบัตรเครดิตใบนั้นให้ จึงกลายเป็นว่ามีวงเงินกู้รวมกันอยู่เยอะ จนสถาบันการเงินพิจารณาแล้วว่าวงเงินกู้นั้นเต็มความสามารถในการชำระหนี้แล้ว จึงปฏิเสธการให้เงินกู้ไป" นายนิวัฒน์กล่าว นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องคาบเกี่ยวเวลาในการรายงานข้อมูลของสถาบันการเงินมาให้เครดิตบูโร ซึ่งเท่าที่ทราบแม้ผู้กู้จะแจ้งปิดบัญชีไปแล้ว สมมติเมื่อวันที่ 3 แต่ในรายงานของเครดิตบูโรก็ยังแสดงว่าคุณยังเป็นหนี้ในบัญชีนั้นอยู่ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะสถาบันการเงินจะส่งรายงานข้อมูลมาให้เครดิตบูโรตอนสิ้นเดือน หรือไม่ส่วนใหญ่ประมาณ 80% ส่งมาหลังสิ้นเดือน 3 วัน ซึ่งเครดิตบูโรก็จะนำรายงานข้อมูลนั้นมาใส่เข้าไปเพื่ออัพเดตข้อมูลใหม่ให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 15 วัน ส่วนปัญหาที่พบบ่อยอีกประการคือผู้กู้มีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุล ทำให้ข้อมูลที่รายงานเข้ามาคลาดเคลื่อน ส่งผลให้เกิดการรายงานผิด อย่างไรก็ตามเรื่องการปิดบัญชีไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะแสดงว่าคุณเป็นลูกค้าที่ดี แต่สถาบันการเงินจะดูพฤติกรรมการชำระหนี้ย้อนหลังด้วย 3 ปี ที่ยังมีการโชว์อยู่ในข้อมูลเครดิตด้วย ฉะนั้นหากที่ผ่านมาคุณประวัติชำระหนี้ไม่ดีก็อาจถูกปฏิเสธสินเชื่อได้ "ฉะนั้นผมถึงบอก เวลาขอกู้ต้องมั่นใจแล้วว่าเครดิตตัวเองดี ซึ่งทำได้ง่ายๆ ก่อนยื่นเรื่องขอกู้ ยอมเสียเวลาสักนิดตรวจสอบข้อมูลตัวเองก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายในการขอตรวจสอบก็เพียง 200 บาทต่อครั้ง ซึ่งมีแผนว่าในปี 2550 จะลดราคาเหลือ 150 บาทต่อครั้ง เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมีการตื่นตัวขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตตัวเองกันเยอะขึ้น จากเดิมเฉลี่ย 1,700 รายต่อเดือน ปัจจุบันตัวเลขขึ้นมาถึง 4,000 รายต่อเดือน ซึ่งเมื่อมีผู้ใช้บริการมาก ต้นทุนเฉลี่ยจึงลดลงเหลือประมาณ 100 บาทต่อราย เราจึงสามารถที่จะลดค่าบริการลงได้" นายนิวัฒน์กล่าวว่า แต่สำหรับผู้ที่ถูกสถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อ สามารถยื่นเรื่องขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตนเองได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ อย่างไรก็ตามในส่วนของสถาบันการเงินเอง ก่อนที่จะมีการแจ้งไปยังผู้ขอกู้ว่าจะถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อ ควรจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลกับเครดิตบูโรอย่างครบถ้วนถูกต้องก่อน เพราะอาจมีบางกรณีที่รายงานทางบัญชีของลูกค้าหายไปจากข้อมูลในแต่ละเดือน ซึ่งก็ต้องตรวจดูว่าข้อมูลที่หายของลูกค้าเกิดจากอะไร เกิดจากการปิดบัญชีไปเรียบร้อยหรือไม่ ฉะนั้นขอเตือนผู้กู้ต้องเก็บใบเสร็จรับเงินที่ปิดบัญชีสินเชื่อที่ชำระหมดไปเรียบร้อยแล้วไว้ด้วย เพื่อเวลามีปัญหาภายหลังจะได้ยื่นให้ฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อพิจารณา จากคุณ : Knight - [ 30 พ.ย. 49 19:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แสดงว่าสถาบันการเงินทำหน้าที่ไม่ครบถ้วน นั่นแปลว่าข้อมูลไม่ทันสมัยอย่างแน่นอน (ส่งวันนี้ อีก 15 วัน บันทึกเข้าศูนย์ข้อมูล ข้อมูลทันสมัยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มันอาจแปลได้ว่า ข้อมูลที่จะถูกขอดูได้เป็นข้อมูลที่ล่าช้าไปแล้ว 15 วันเป็นอย่างน้อย ก็ได้ มิใช่รึ??????) สมมติสถานการณ์ วันที่ 2 ก.พ. สถาบันการเงินส่งข้อมูลให้ศูนย์ข้อมูลฯ วันที่ 8 ก.พ. ทำการจ่ายเงินต้นเพิ่มเติม หรือทำการปิดบัญชีเงินกู้/บัตรเครดิต วันที่ 10 ก.พ. ศูนย์ข้อมูลฯ ทำการบันทึกข้อมูลที่สถาบันการเงินนำส่งในวันที่ 2 เรียบร้อย (เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ขอตรวจสอบได้แล้ว) วันที่ 11 ก.พ. - วันที่ 2-11 มี.ค. เป็นช่วงเวลาที่สามารถ/จำต้องใช้ข้อมูลที่นำส่งแล้วนั้น วันที่ 2 มี.ค. สถาบันการเงินส่งข้อมูลให้ศูนย์ข้อมูลฯ จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างหากมีการตรวจสอบข้อมูลในเวลาช่วงวันที่ 11 ก.พ. - 10 มี.ค. ซึ่งเจ้าของบัญชีได้ปิดบัญชีไปแล้ว (มีการเปลี่ยนแปลงของบัญชีแล้ว) ข้อมูลล่าช้า (อันนี้แน่นอน) ซึ่งแปลได้อีกว่าไม่ทันสมัย ถ้าเป็นการบันทึกผิดพลาดล่ะ เช่น สถาบันการเงิน บันทึกผิดพลาดเอง สถาบันการเงินผิดแน่นอน แต่ผู้ใช้บริการ(ลูกค้า) ก็ยังแย้งไม่ได้อยู่ดี ต้องรอข้อมูลสิ้นสุดระบบแล้ว ถึงจะแย้งได้ และยังต้องเป็นผู้รับผิดชอบในสิ่งที่ไม่ได้ทำอีก ยุติธรรมตรงไหนเนี่ย????? ในกรณีนี้ ตรงจุดไหนกัน ที่เป็นการแสดงความรับผิดชอบของผู้กระทำ(ให้เกิดความเสื่อมเสียแก้ผู้ใช้บริการ/ลูกค้า) มองไม่เห็นเจอเลยสักนิด เราจะแย้งก่อนได้ตอนไหน เราจะรู้ตัวต่อเมื่อ"เค้าทำผิดแล้ว" (เค้าทำ "ไม่ใช่" เราทำ จริงมั้ย) มีมั้ย????? คิดจะมีบ้างมั้ย ความรับผิดชอบน่ะ???? แน่ใจนะว่า ต้นทุน 100 บาท/ราย มันน่าจะน้อยกว่านี้นะ (จะมีใครกล้ามาโชว์รายละเอียดต้นทุนจริงให้ดูมั้ยน๊า) น่าจะเก็บ 100 บาท (เท่านี้ก็น่าเกียจมากแล้ว) มากกว่า 150 บาท แพงเกินไป ดูแล้วออกแนวค้ากำไรเกินควร (4,000x200=800,000 ต่อ เดือน) คล้ายต้องการหารายได้จากการตรวจสอบข้อมูลของผู้ใช้บริการ เอื้อประโยชน์กันเองเป็นหลัก (เป็นหลักการในการจัดตั้งหน่วยงานนี้อยู่แล้ว อุตสาหทำให้ถูกกฏหมายซะด้วย) แปลกๆมั้ย คล้ายตั้งวงกันเองเล่นกันเอง ผู้ตั้งเก็บค่าดูจากคนดูแล้ว คนเล่น(คนเดิมคนเดียวกับคนตั้ง)ยังเก็บค่าดูจากคนดูอีก ได้สองต่อ คุ้ม คนดูมีทางเดียวทางเสียไง (ค่าต๋งเค้าเก็บคนเล่น เค้าไม่เก็บคนดู/คนเชียร์ เจ้าของสถานที่เค้าเก็บค่าเช่าจากผู้จัดงาน เค้าไม่เก็บจากคนเข้าดูงาน) เก็บทางเดียว(ดอกเบี้ย)ไม่พอเลี้ยงปากท้องหรือ ให้ชัดเจนขึ้น เช่น เปิดทางผ่านให้เป็นทางลัด เก็บค่าผ่านทาง คันละ 5 บาท (รถ=ดอกเบี้ย) หรือ คนละ 2 บาท (คนขับ=ดอกเบี้ย คนโดยสาร=การขอตรวจสอบ) แบบคนละ 2 บาท เป็นการเก็บซ้ำซ้อน     รถ 1 คัน มี 1 คนขับ (ข้อมูลดี ไม่ผิด ไม่พลาด ไม่เคยมีประวัติ) จ่าย 2 บาท     รถ 1 คัน นั่งมา 4 คน จ่าย 8 บาท จะเก็บทำมัยกันแบบนี้ อยากได้ความสะดวกมากขึ้น ซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกมาใช้ แต่ผลักภาระค่าอำนวยความสะดวกของตัวเอง มาให้คนที่มาขอดู ???????? ถูกต้องมากๆๆๆๆเลย อยากร้อง(เร่แห่กระเณอ)ไห้ กับผู้บริโภค /ลูกค้า /ผู้ใช้บริการ คนไทยจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 49 21:59:19 จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 30 พ.ย. 49 21:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผมว่าฟ้องได้นะครับ อาจจะชนะด้วย แต่มันคงไม่คุ้มกันกับเวลา+ค่าใช้จ่ายที่เสียไป เพราะความเสียหายที่เกิดก็ไม่ชัดเจนซะทีเดียว ในกรณ๊นี้คือ เสียโอกาสที่จะซื้อบ้าน ต่อให้ศาลตัดสินว่าชนะ ผมว่าก็ได้ชดเชยไม่คุ้มครับ จากคุณ : eMiLe - [ 1 ธ.ค. 49 17:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เรียกร้องหาจริยธรรมจากนายทุน เสือนอนกินพวกนี้ เหมือนหาหนวดเต่า วิธีเดียวที่จะไม่ถูกมันเอาเปรียบ คือไม่กู้ ทางเดียวจริงๆ จากคุณ : numtien - [ 2 ธ.ค. 49 09:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 57 โหวตจ้า จากคุณ : nameshiro - [ 2 ธ.ค. 49 13:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 58 -ธนาคารกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก -ธนาคารกำหนดขั้นตอนและวิธีการฝาก -ธนาคารกำหนดอัตราดอกเบี้เงินกู้ -ธนาคารกำหนดเงื่อนไขในการกู้ -ธนาคารกำหนดทุกอย่างทั้งในตอนที่ตัวเองเป็นเจ้าหนี้และตัวเองเป็นลูกหนี้ -ธนาคารกำหนดดอกเบี้ยเงินฝากคงที่ แต่กำหนดดอกเบี้ยเงินกู้ลอยตัวโดยตัวเองเป็นคนกำหนด -ธนาคารปล่อยเงินกู้ 100 บาท ได้ดอกเบี้ย 10 บาท แบ่งให้เจ้าของเงิน(ผู้ฝาก) 5 บาท เอาไว้เอง 5 บาท นายทุนหน้าเลือดยังต้องออกเงินเองให้กู้ ธนาคารเอาเงินคนอื่นให้คนอื่นกู้ ส่วนแบ่งบางครั้งมากกว่าเจ้าของเงิน -แล้วเราจะเอาอะไรกับธนาคาร ธนาคารเป็นกิจการที่หวังผลกำไร ก่อตั้งและกำหนดกติกาโดยนายทุน -เครดิตบูโร ก็เป็นส่วนหนึ่ง ของกติกาของนายทุน จากคุณ : ลูกหนี้ - [ 2 ธ.ค. 49 18:49:38 A:61.7.139.235 X:61.7.139.235 TicketID:133015 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ธนาคารที่ตั้งมากว่าร้อยปี เราเป็นหนี้บัตรเครดิต แล้วจ่ายช้า เลยเอาเงินไปปิดบัญชี แค่หมื่นกว่าบาท ตอนหลังจากนั้น  5 เดือน ไปกู้ซื้อบ้านไม่ผ่าน ก็ยังไม่เฉลียวใจ จนธนาคาร ส่งจดหมายทวงหนี้มาอีก หลังจากไปกู้ที่ธนาคารเดียวกัน สงสัยว่าคิดว่าป็นหนี้บัตรยังไม่จ่าย เราก็ยังง ว่าไปจ่ายปิดบัญชีที่ศูนย์บัตรเครดิตแล้ว เขายังออกเอกสารยืนยันให้เรา แล้วทำไมไม่ล้างหนี้ให้ นอกจากไม่แก้ข้อมูลในเครดิตบูโรแล้ว ยังไม่ดูข้อมูลของตัวเองอีก ต้องให้คนอื่นเสียเวลาไปชี้แจง พนักงานธนาคารทำงานผิดพลาด ลูกค้าเสียผลประโยชน์ แล้วนี่ผ่านมาเกือบปี ยังไม่ได้เช็คเลย สงสัยจะถูกหลอกฟันเงินสองร้อยค่าตรวจสอบข้อมูลตัวเอง จากคุณ : อนิลฑิตาแห่งอำมฤตาลัย (เด็กเกาะสมุย) - [ วันพ่อแห่งชาติ 20:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เราเคยขอกู้ซื้อบ้าน แต่ธนาคารที่ pre-approve แจ้งว่า น่าจะได้วงเงินไม่มากเท่าที่ต้องการ เพราะเรากู้บ้านไปสองหลังแล้ว ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไร ต่อมามีงาน money expro แล้วมีบริษัทเครดิตบูโรมาเปิดบูธด้วย เราเลยลองเช็คประวัติทางการเงินของเรา เพราะในงานนั้น เขาลดราคาค่าตรวจสอบเหลือ 100 บาท พอได้ผลมา ปรากฏว่า บ้านหลังที่สองที่เรากู้กับธนาคาร T ยอด 1.7 ล้าน มี 2 ยอด ยอดนึงอัพเดทถึงปีนี้ ส่วนอีกยอดไม่อัพเดท เป็นตัวเลขของปี 48 นั่นหมายความว่า เราเป็นหนี้เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว คือ 3.4 ล้าน เลยโทรไปต่อว่าธนาคาร T ว่าทำไมข้อมูลเราเป็นอย่างนี้ ขอให้แก้ไขด้วย รอสัก 3 วัน ทางธนาคารโทรกลับมาแจ้งว่า ได้แก้ไขให้เรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่าข้อมูลที่มีอยู่ขึ้นกับทางธนาคารเจ้าของเรื่อง ที่ส่งไปให้เครดิตบูโรจริงๆ จากคุณ : แซงแซว - [ 6 ธ.ค. 49 00:02:55 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เออดีแฮะ กลายเป็นผลักภาระหน้าที่นี้มาให้ลูกค้าซะงั้น จริงๆมันไปคุยกันเอง (บูโร กะ แบงค์) มันก็รู้เรื่องแล้วนี่ ทำไมต้องให้เราตามเอง? มันขี้เกียจไง+save cost เพราะรู้ว่าถ้าผิดเดี๋ยวลูกค้าก็วิ่งเอง เสียข้าวสุกจริงๆ จากคุณ : S(2) - [ 6 ธ.ค. 49 16:07:14 ]

ความคิดเห็นที่ 62 กรณีคุณแซงแซง ธนาคาร Tมีความผิดตาม พรบ. ที่ไม่ส่งข้อมูล จริงๆแล้วเราเห็นว่า การที่ธนาคารทำแบบนี้ได้เพราะธนาคารไม่เคยตระหนักถึงการทำผิดกฏหมายของตนเองเลย และเป็นการสมควรที่ท่านผู้ได้รับความเสียหายจากการที่ธนาคารไม่ส่งข้อมูลเพื่อปรับปรุงให้บริษัทข้อมูลเครดิตควรที่จะแจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐาน และเพื่อให้ธนาคารได้รับรู้ไว้บ้างว่า ธนาคารกำลังทำผิดกฏหมายอยู่ จากคุณ : ลูกแม่เกตุ - [ 7 ธ.ค. 49 11:11:35 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โหวตด้วยครับ จากคุณ : big9780 - [ 9 ธ.ค. 49 07:23:54 ]