PANTIP.COM : R4943670 เกร็ดความรู้เกี่ยวกับทีวี สำหรับ ประกอบการตัดสินใจซื้อคับ []

ความคิดเห็นที่ 8

LCD TV
มาพูดถึงตัวนี้ก่อนดีกว่า เพราะอยู่กับคนเรามานานแล้วเหมือนกัน (จริงๆ พลาสมาก็เริ่มมานานแล้วแต่เพิ่งเป็นรูปเป็นร่างและมาติดตลาดไม่นานนี้) หากมองไปรอบๆ เพื่อนๆจะเห็น จอ LCD ในแทบจะทุกที่ทุกเวลา เอาง่ายๆก่อนเลย นาฬิกา ที่เราๆใช้อยู่ บางรุ่นก็ใช้จอ LCD (พวกที่แสดงๆผลเป็นตัวเลขอ่ะคับ) หรือแผงหน้าปัดวิทยุบางรุ่น กล้องถ่ายรูป และนานา สิ่งของ จึงนับได้ว่า LCD นี่มีใช้กันอย่างกว้างขวางจริงๆครับ

การทำงานของจอภาพประเภทนี้ใช้หลักการบดบังแสงครับ จอภาพ LCD จะมีแหล่งกำเนิดแสงอยู่ข้างหลัง (Back light) แล้วมีแผ่นสารชนิดหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนคุณสมบัติในเรื่องความโปร่งแสงได้ด้วยการกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า วางไว้ข้างหน้าหลอดไฟนั้น เวลาใช้งาน ตัวควบคุมจะสร้างภาพโดยการ บังคับให้สารนั้น ในแต่ละตำแหน่ง pixel เปลี่ยนคุณสมบัติด้วยปริมาณไฟฟ้าที่เหมาะสม เกิดเป็นภาพที่ต้องการโดยแต่ละ Pixel จะถูกควบคุมโดย Transistor ของใครของมัน ซึ่งแผง Transistor นี้เรียกว่า TFT (Thin film transistor) ครับ

สำหรับการสร้างสีนั้น แต่ละ pixel จะประกอบด้วย sub pixel 3 จุดครับ ซึ่งแต่ละจุดจะถูกเคลือบสารที่ยอมให้แสงใดแสงหนึ่งในแม่แสงผ่านได้เท่านั้น (RedGreenBlue) และจากการบังคับปริมาณแสงแต่ละสี เมื่อผสมกันออกมาก็จะสามารถสร้างสีสรรค์ได้ครับ (โดยปรกติ แต่ละแสงจะสามารถไล่สเกลความสว่างได้ 256 สเกล ดังนั้น จึงสร้างสีได้ ประมาณ 256 x 256 x 256 = 16.7 ล้านเฉดสีครับ )

จากการทำงานแบบนี้ ทำให้ LCD มีจุดเด่นและจุดด้อยดังต่อไปนี้ครับ

จุดด้อย

- การเปลี่ยนสถานะของสารนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา (ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12ms) ทำให้บางครั้ง ในภาพที่มีการเปลี่ยนการเคลื่อนไหวเร็วๆ จะเกิด trailing effect ขึ้นได้ครับ
- การสร้างภาพในลักษณะการบังแสงนั้น ทำให้การสร้างสีดำทำได้ยาก เนื่องจากเกิดการรับกวนจากแสงเรืองจากทางด้านหลังครับ
- หากมองภาพในมุมที่ไม่ใช่มองตรงๆหน้าจอภาพ อาจทำให้ภาพที่เห็นมีคุณภาพแย่ลงครับ
สำหรับข้อเสียเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของ Specification ที่หลายๆคนพูดถึงและต้องดูเวลาซื้อจอทีวีแบบ LCD ครับ นี่ก็คือ Reaction time (ms), Contrast (1:xxx) และ View angle

Reaction time ผมว่าเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ LCD TV เพิ่งเกิดได้ไม่นานนัก เนื่องจากสำหรับอุปกรณ์ที่เน้นการแสดงภาพเคลื่อนไหวเป็นหลัก Trailing effect คงเป็นสิ่งไม่น่าปรารถนามากนัก ดังนั้นในอดีต LCD ยังทำได้ไม่ดีนักในเรื่องนี้ จึงยังไม่มีการนำมาผลิตเป็น TV ซักที แต่ในปัจจุบัน สำหรับผม ผมว่า 8ms ถือว่ายอมรับได้แล้วครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับความพอใจของแต่ละคนครับ

เท่าที่ผมทราบมา สำหรับ Contrast นั้น เนื่องด้วยวิธีการทดสอบ ที่ระบุไว้ยังไม่ได้มาตรฐานและมีข้อให้สงสัยได้หลายที่ จึงทำให้ Spec ตัวนี้ เชื่อถือไม่ค่อยได้ครับ คุณภาพจริงที่จอภาพทำได้ อาจต่ำ หรือ สูงกว่าที่ระบุได้ถึง 2 เท่าทีเดียว เพราะฉะนั้น ใช้สายตาดูเอาอาจจะดีกว่าครับ

ส่วนในเรื่องของ องศามองภาพ (View angle) นั้น สิ่งที่มีผลโดยตรงก็คือ Dot pitch หรือระยะห่างระหว่างแต่ละ Pixel ครับ ยิ่งถ้าแต่ละจุดห่างกันมาก องศารับภาพก็จะมากตามไปด้วย แต่ก็อาจจะทำให้เกิดอาการภาพแตกเป็นเหลี่ยมๆให้สังเกตเห็นได้ง่ายขึ้นด้วยครับ View angle โดยปกติผู้ผลิตมักจะเขียนเอาไว้เกินความเป็นจริงเสมอเพื่อจุดประสงค์ทางการตลาด เช่น อาจบอกว่า 170 องศา แต่เวลามองจริงๆ ที่ 170องศา ถึงจะมีภาพก็จริง แต่ดูไม่ได้เลยครับ T T เพราะฉะนั้นสำหรับข้อนี้ก็เหมือนเดิมคือพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ

จุดเด่น
- น้ำหนักเบา, บาง ทำให้การติดตั้งโดยติดผนังทำได้ดีกว่า
- มีแนวโน้ม ว่าเทคโนโลยีจะถูกลงเรื่อยๆ
- ตัว LCD เองใช้กระแสไฟน้อยในการควบคุม จะกินไฟหน่อย ก็ตรงหลอดไฟ Back light ครับ
- ถูกรบกวนจากแสงภายนอกน้อย
- ไม่ถูกรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
- ใช้งานที่ระดับความสูงสูงได้ดี (เช่นบนเครื่องบิน)
- เคลื่อนย้ายง่าย ค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายมักไม่สูงมากนัก
- อายุการใช้งานส่วนแสดงภาพ นานมาก ที่ประมาณ 60,000 ชม. (หากดูทีวีวันละ 8 ชม. จะดูได้ 20 ปี!!)

จากคุณ : De-Ace - [ 7 ธ.ค. 49 21:34:09 ]