ความคิดเห็นที่ 1
ผมเพิ่งยื่นกู้ไปกับนครหลวงไทย เมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้วครับ ได้ rate ดอกเบี้ยที่คุณ oXynAt ได้รับครับ ขอ share ประสบการณ์ ที่ได้รับครับ
ขั้นตอนที่ผมยื่นเร็วมากครับ ประมาณ 3 วัน ผมก็ได้รับ pre-approve แล้ว เพราะผู้จัดการสาขาเขาเข้ามาเดินเรื่องเอง...
ตอนแรกผมเห็นดอกเบี้ย rate นี้ครับ สนใจก็เลยสุ่มโทรไปที่ สาขาใกล้บ้าน ทางฝ่ายสินเชื่อเขาบอกว่าเป็น rate ลูกค้าโครงการ เท่านั้น และโครงการที่ผมจะซื้อ มันไม่มี contact กับ นครหลวงไทย จึงไม่มีสิทธินี้ ผมก็ขอร้องเขาว่า อยากได้ rate นี้เพราะมัน fix 3 ปี พอจะช่วยพิจารณาได้ไหม และผมบอกว่าผมได้ pre-approve จาก SCB แล้ว ทางฝ่ายสินเชื่อเขาก็บอกว่าจะช่วยให้ แต่ไม่ทราบว่าจะได้หรือเปล่า เขาแนะนำให้ผมไปติดต่อกู้กับสาขาย่อย ที่ลูกน้องเก่าเขาเพิ่ง promote ไปอยู่ได้ 1-2 เดือน เพราะหากผู้จัดการสาขา ขอให้ มีสิทธิ์ที่สำนักงานใหญ่จะอนุโลมให้ ผมก็บอกว่า ok เขาก็ขอเบอร์ผมไป และบอกว่าจะติดต่อกลับ
ผ่านไป 15 นาที ผู้จัดการสาขา เขาก็ติดต่อกลับมา ให้ผมเล่ารายละเอียด และเขาบอกว่าเขาจะเข้ามารับเอกสารด้วยตัวเอง เพราะบังเอิญบ้านเขา อยู่ใกล้ผม ซึ่งตอนเย็น ผจก ก็มารับเอกสาร และวันรุ่งขึ้น เขาก็เข้า สนง ใหญ่ เพื่อขอผู้ใหญ่ให้ เขาต้องไปขอกับ ผจก ใหญ่ และต้องไป defend กับฝ่ายสินเชื่อให้ด้วยตนเอง
2 วันผ่านไปผลอนุมัติก็ออกมา ตกลงได้ rate พิเศษที่ต้องการ ทีนี้ผม ก็ขอให้เขาคำนวณค่างวดให้ ซึ่งตอนแรกผมเข้าใจผิดคิดว่า เราจะส่ง งวดน้อยตามอัตราดอกเบี้ย (เช่น ปีแรก ดอก 4.9 ส่ง 3 หมื่น, ปีที่ 2 ดอก 5.5 ส่ง 4 หมื่น , ปีที่ 3 ดอก 6 ส่ง 5 หมื่น หลังจากนั้น ก็ส่งตาม MLR-0.5%) ซึ่ง ผจก เขาอธิบายว่า bank ทุก bank เขาไม่คิดอย่างงี้ เขาจะใช้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยเผื่อ MLR ในอนาคต มาคำนวณหาค่างวดค่านึงเลย เช่น 5 หมื่น และให้เรา fix ส่งที่ยอดนี้ เพื่อให้ชัวร์ว่าลูกค้าส่งงวดและปิดบัญชีได้ไม่เกินอายุสัญญาหากดอกเบี้ยในอนาคตขึ้นสูงมาก
เงินงวด ตลอดอายุสัญญา ในปีแรกๆ ที่ส่งเท่าเดิม ดอกน้อย ก็จะไปช่วยตัดเงินต้นมากหน่อย ส่วนเจ้าอัตราดอกเบี้ยกลาง เขาก็มักจะใช้ MLR ปัจจุบัน + 1-3% เลย ซึ่ง case ของผม เขาบอกว่า ทาง bank คิดประมาณ 10% x วงเงินกู้ x จำนวนปีที่ต้องการผ่อน จะได้ค่างวดผ่อน
ผมเห็นว่าค่างวดใน 3 ปีแรกมันตึงไป เนื่องจากผมเข้าใจผิดแต่ต้น และ plan ว่าจะเก็บเงินบางส่วนไว้ตกแต่ง ผมจึงขอร้องเขาว่าให้เขาช่วย คุยกับสินเชื่อว่า หากผมขอผ่อน fix 3 ปีแรกน้อยก่อน แล้วค่อยให้ bank ไปเพิ่มในงวดหลังปีที่ 3 ให้มากกว่าค่าเฉลี่ยเดิมจะได้ไหม (ผมเผื่ออัตราการขึ้นเงินเดือนในอนาคตในอีก 3 ปี จะทำให้การผ่อน ที่มากกว่าค่าเฉลี่ย ณ หลังปีที่ 3 ไม่ตึงมาก)
ผจก เขาก็ใจดีครับ กลับไป สนง ใหญ่ให้อีกครั้ง และขอเรื่องลดเงินงวดผ่อนใน 3 ปีแรก เป็นกรณีพิเศษให้ ซึ่ง อีก 1 วัน ก็ได้รับอนุมัติตามที่ขอ ประทับใจมากครับ (เป็นเพราะ ทาง ผจก คงต้องเร่งสร้างผลงาน ตอน promote ใหม่ๆ ทำให้เขา ช่วยเต็มที่ และการที่ ผจก backup เอง ผมว่าทาง สนง ใหญ่ก็คง เชื่อ credit ได้มากกว่าพนักงานทั่วไปครับ)
สำหรับค่าใช้จ่ายการกู้ ผมเสียค่าประเมินที่ดิน เพราะบ้านผมไม่เคย contact มาก่อน ประมาณ 2500 (หากเป็นลูกค้าโครงการ ผมไม่ต้องเสียส่วนนี้ ) ค่าอากรประมาณ 3000, ค่าธรรมเนียมทำสัญญากู้ประมาณ 3000 (ค่าใช้จ่ายพวกนี้ แปรผันตามวงเงินกู้ครับ เป็น % ) และค่าเปิดบัญชีออมทรัพย์ พร้อม ATM อีก 500
ค่าประกันอัคคีภัยตามระเบียบการประกันสินทรัพย์จำนอง ตรงนี้ ก็ขึ้นกับราคาประเมินของบ้าน โดยประกันกับ siam city ประกันภัย ในเครือนครหลวง 3 ปีแรก
เรื่องการยุบรวมผมถามมาแล้ว หากเรากู้กับ นครหลวงไทย เราไม่มีผลกระทบครับ แต่หากกู้กับ TMB หลังควบรวม ลูกค้า TMB ทุกรายต้องมาเปลี่ยนสัญญามาขึ้นกับ นครหลวงไทย (น่าจะเป็นว่า นครหลวงไทย take TMB)
เรื่องแนวโน้มดอกเบี้ย ก็มีสัญญาณว่าน่าจะลงได้อีกครับ ในอนาคต ที่ exchange rate เราแข็งโดยเปรียบเทียบกับ US dollar แต่นั่นคือแนวโน้ม ไม่มีใครกล้ายืนยัน ส่วนตัวผมต้องการการ fix เพื่อประกันความผันผวนใน 3 ปีแรก ผมว่ามัน sure กว่า
อีกประเด็นคือ การที่ bank ชาติ จะลดอัตราดอกเบี้ย มันเป็นดอกเบี้ยเชิงนโยบายครับ แต่ละ bank จะลด MLR ตัวเองลง เท่าใด ขึ้นกับต้นทุนแต่ละ bank ครับ ตรงนี้มีแนวโน้มว่า bank ใหญ่ๆ จะลดได้มากกว่า อีกประการนึงคือ ผมว่าอัตราดอกเบี้ยที่ประเทศไทยจะลด มันต้องมอง FED Fund Rate ของ USA ด้วยครับ ยังไงการจะลดไปต่ำกว่า FED ผมว่า โอกาสการเกิดขึ้นมันน้อยครับ เพราะมันจะมีผลต่อ การไหลออกของเงินลงทุนต่างชาติ
การจะเลือก fix หรือ float มันแล้วแต่ความต้องการ และเงื่อนไขของผู้กู้แต่ละคนด้วยครับ ไม่มีใครบอกได้ว่าใครดีกว่าเพราะมันเป็นการเดาอนาคต ขอให้เลือก สิ่งที่ตอบโจทย์เรามากที่สุดก็พอครับ ....
จากคุณ :
yayayo
- [
21 ธ.ค. 49 00:05:15
]
|
|
|