ความคิดเห็นที่ 1 จ่ายเพิ่มเหมือนกันอ่า...แต่ไม่อยากจ่ายให้รัฐบาลนี้เลย จากคุณ : อืมม...V2 - [ 27 มี.ค. 50 00:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ดูเหมือนเม็ดเงินภาษีในยุคนี้ ถูกใช้ไปอย่างไม่ค่อยจะคุ้มค่าเลย ส่วนการบริหารภาษี ก็ตามลดหย่อนปกติ บวก นิดหน่อย และ LTF+RTF อีกนิดหน่อย .... จากคุณ : นายแมงเม่า - [ 27 มี.ค. 50 06:55:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ภาษีที่จ่ายให้รบ.ชุดที่แล้วก็ใช่ย่อยนะ ปีนี้ไม่ได้เงินคืนสักบาท เสมอตัวอะ รอยื่นปีหน้าคงจะมีลดหย่อนดอกเบี้ยที่อยู่กับเบี้ยประกันชีวิตได้บ้าง จากคุณ : rigor - [ 27 มี.ค. 50 08:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ซื้อ LTF , RMF  เป็นคำตอบสุดท้าย  ได้คืน 10%-20% ซื้อ 1 แสน  สิ้นปีได้ตังค์ค่าภาษีคืน 2 หมื่น ดีจะตาย เงินต้นก็ไม่หาย สะสมไปเรื่อยๆ เฉพาะLTF ผ่านไป3 ปี2วัน ขายคืนได้ ถ้าหุ้นขึ้นก็ได้capital gain ถ้าหุ้นตกก็อย่าเพิ่งขาย เก็บไว้ก่อง  จบข่าว ปล.ห้ามซื้อเกินปีละสามแสนเด็กและสตรีมีคันผู้ป่วยโรคตับโรคไตซื้อได้ทุกคนคนยากจนบัตรเครดิตเต็มห้ามซื้อ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 27 มี.ค. 50 08:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขำคุณหมาร่าฯ ค่ะ อ่านแล้วหายเครียดไปเยอะ..... ตอบคุณ cocoa ค่ะ เอาประกันกะดบ.ผ่อนคอนโด ได้คืนนิโหน่ยค่ะ จากคุณ : tiraned - [ 27 มี.ค. 50 09:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยื่นไปว่าผ่อนบ้าน ดบ.25,000 เจอขอเอกสารเพิ่มเติมเลย ปีที่แล้วไม่ยักเจอ -_-' จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 27 มี.ค. 50 11:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้าวเวง เป็นโรคตับโรคไตนี่ตกลงซื้อได้มั้ยเนี่ย LTF 150k กับ RMF 150k ใช่ป่ะคะ มากกว่านี้หักไม่ได้ จากคุณ : cocoa butter - [ 27 มี.ค. 50 12:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มีหลังไมค์มาถามว่าอะไรคือ LTF จึงขอเอามาบอกเพื่อนๆด้วยครับ ทำไมต้องซื้อ LTF       ส ิ่งหนึ่งใกล้ตัวที่หลายคนมองข้ามไปก็คือการลงทุนใน LTF เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ไกลตัว หรือมีความเข้าใจในเรื่องการลงทุนในหุ้นที่น้อย แต่ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตามที่ LTF กลับเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม คุณควรปฏิบัติการลงทุนด้วยเหตุผลก็คือผู้ที่ลงทุนใน LTF ได้รับสิทธิประโยชน์อันสำคัญจากรัฐ คือ การลดหย่อนภาษี ซึ่งมีประโยชน์แฝงอยู่ที่หลาย ๆ คนอาจคิดไม่ถึง ภาษีที่คุณได้ลดหย่อนมากขึ้นนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่คุณต้องการ ใฝ่ฝัน หรือปรารถนา อาทิ นำไปใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว UNSEEN THAILAND นำไปต่อยอดการลงทุนไว้สำหรับการเกษียนในภายภาคหน้า หรือแปรเปลี่ยนเป็นค่าเทอมลูกจากโรงเรียนธรรมดาเป็นโรเงรียนอินเตอร์ ประโยชน์ต่อมาก็คือ เงินลดหย่อนที่คุณได้รับเสมือนกับการที่คุณซื้อหุ้นได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าคน อื่น ( หรือที่ภาระการเงินเรียกว่าซื้อที่ price-earning ratio (P/E RATIO) ที่ต่ำกว่าคนอี่น) โอกาสกำไรจากการลงทุน (CAPITAL GAIN) ในอนาคตจึงมากกว่าผู้ที่ลงทุนในรูปแบบปกติ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณได้ลดหย่อนภาษี 30% หรือเมื่อคำนวณออกมาแล้วสามารถประหยัดภาษีได้ 67,500 บาท นั้น คุณก็เสมือนซื้อหุ้นพื้นฐานดี อาทิ หุ้นปตท. ได้ในราคาที่ถูกกว่าคนอื่น 67,500 บาท โอกาสกำไรจึงมากกว่า ขณะเดียวกัน โอกาสขาดทุนก็ต่ำลงไปพร้อม ๆ กัน ประการที่สาม ถ้าคุณร่วมโครงการ “Let’s Activate Your LTF” โดยการลงทุนใน LTF อย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 3 เดือน คุณยังได้ประโยชน์ต่อที่ 3 ก็คือ การรับสิทธิ์ร่วมลุ้นรางวัลหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับเงินลงทุนสุทธิในเดือนที่ 3 (แต่ไม่เกิน 10,000 บาท) ผลตอบแทนจากการลงทุน ใน LTF เป็นช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนแบบอื่น เพราะนโยบายของ LTF ก็คือลงทุนในหุ้น จากข้อมูลผลตอบแทนของการลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ ของประเทศไทย ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา (2518-2548) การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 12 ต่อปี แม้ว่าในช่วงปี 2540-2544 จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ราคาหุ้นลดลงอย่างมาก ส่วนพันธบัตรในช่วงเดียวกันให้ผลตอบแทนร้อยละ 10 ต่อปีทั้งที่ไม่ได้รับผลกระทบจากช่วงวิกฤติเศรษฐกิจมากนักเพราะเป็นสินทรัพย ์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ ส่วนเงินฝากธนาคารให้ผลตอบแทนร้อยละ 7 ต่อปี และทองคำให้ผลตอบแทนเพียงร้อยละ 3 ต่อปี รายละเอียดเพิ่มเติม การลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน หรือ Dollar Cost Averaging คืออะไร การลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน คือ วิธีการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าให้นักลงทุนระยะยาว ช่วยลดความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนที่ดี วิธีนี้นักลงทุนต้องสร้างวินัยการลงทุนให้ตนเอง ลงทุนในหลักทรัพย์เป็นประจำสม่ำเสมอ ตามช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ทุกวันที่ห้าของเดือนจะซื้อกองทุนหุ้นกองหนึ่ง หรือซื้อหุ้นกลุ่มหนึ่งเป็นจำนวน 5,000 บาท โดยไม่สนใจว่าราคาหุ้นในตอนนั้นเป็นเท่าไหร่ จะขึ้นหรือตก ผลการศึกษาในการลงทุนอย่างต่อเนื่องใน SET index ทุกเดือนเป็นเวลา 4 ปี นับจาก มกราคม 2545 ถึง ธันวาคม 2548 นั้นการลงทุนแบบเฉลี่ยซื้อได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในช่วงปลายปี ปีละครั้งถึงร้อยละ 8.27 เลยทีเดียว รวมถึงสูงกว่าการลงทุนที่ซื้อไตรมาสละครั้ง ร้อยละ 2.65 หรือ ครึ่งปีครั้ง ร้อยละ 4.07 อีกด้วย ประหยัดภาษี LTF เป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้น้อยลง และเป็นช่องทางช่องทางการประหยัดภาษีที่มีข้อได้เปรียบมากกว่าการประหยัดภาษีแบบอื่น คือ    * ไม่ต้องลงทุนยาวนานลงทุนเพียง 5 ปีปฏิทินก็สามารถไถ่ถอนคืนได้ หรือถ้าอยากลงทุนต่อก็ทำได้    * ไม่มีข้อผูกพันว่าต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ถ้าต้องการลดหย่อนภาษีปีไหนก็ค่อยลงทุนปีนั้น    * มูลค่าที่สามารถลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงถึง 15%ของรายได้สูงสุดถึง 300,000 บาทต่อปี ดังนั้นใครที่เสียภาษีในอัตราที่สูงก็จะยิ่งได้ประโยชน์จาก LTF อ่านต่อได้ที่นี่ เด้อ http://www.set.or.th/ltf/benefit/why.html จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 27 มี.ค. 50 12:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปล. ซื้อ LTF ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย  แค่เดินเข้าไปธนาคารใกล้บ้าน บอกว่า จะซื้อ LTFเอาไปลดภาษี   จ่ายเงิน แล้วก็จบ ซื้อตอนไหนก็ได้วันไหนก็ได้ ก่อน 31ธันวาของทุกปี จ๊ะ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 27 มี.ค. 50 12:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นฟรีแลนซ์รับจากบริษัทเป็นจ๊อบๆ มีความจำเป็นต้องซื้อ LTF ไม๊ครับ จากคุณ : อืมม...V2 - [ 27 มี.ค. 50 12:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าไม่มีหนี้บัตรเครดิต แล้วเงินได้ตลอดทั้งปีเยอะๆ ควรซื้อ อย่างอืมม เป็นวิชาชีพถาปัด เข้าข่ายรายได้ 40(6) หัก คชจ ได้ 30% ดังนั้น ถ้าตลอดปี รายได้เกิน 774,200 บาท ควรซื้อ LTF อย่างยิ่ง เพราะจะได้กำไรถึง 20%  แต่ถ้ารายได้ต่ำกว่านั้น ก็จะซื้อก็ได้ เพราะผลตอบแทนเหลือ 10% ก็ยังดีแหละ ปล.วิธีคำนวน เอา 500000 / 0.7 + ค่าลดหย่อนคนโสด 6 หมื่น จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 27 มี.ค. 50 13:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอ คำนวณผิดไปหน่อย ต้อง 8 แสน ไม่ใช่ 774,000 ้ต้องคำนวณเป็น (500,000+60,000) / 0.7 ตะหาก  หักคชจ ก่อน แล้วค่อยลดหย่อนคนโสด จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 27 มี.ค. 50 14:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้าใจแล้วครับ :) จากคุณ : อืมม...V2 - [ 27 มี.ค. 50 14:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แว๊ก จำผิดอีกแระ ค่าลดหย่อนกรณีคนโสดไม่มีเมียไม่มีผัว แค่ 30,000 เน้อ ผมเอาไปสับสนกะคณะบุคคลที่จด 2 คนลดหย่อนได้ 6 หมื่น -_-' จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 27 มี.ค. 50 14:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เอ อย่างนี้ไปซื้อปลายปี ใกล้ๆ หมดปี เพื่อลดระยะเวลาที่จะปล่อยขาย จะดีกว่ามั้ยคะ หรือว่าควรซื้อเลยเพราะตอนนี้ราคาดี แล้วซื้อนี่ ต้องซื้อเท่าๆ กันทุกเดือน/ปีหรือเปล่าคะ หรือว่าแล้วแต่เรา หรือว่าซื้องวดเดียวปีต่อปี เพราะว่าหักได้แค่ปีแรกที่ซื้อนี่นา ถ้าเงินเดือนทั้งปีไม่ถึง 8 แสนจะคุ้มมั้ยคะ แบบว่าแค่เฉี่ยวๆ -__-" ปล. เศร้า เป็นพนักงานประจำ อดหักค่าวิชาชีพ 30% เลย T^T จากคุณ : cocoa butter - [ 27 มี.ค. 50 14:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 การซื้อ LTF ซื้อปีต่อปี จ้า ซื้อปีไหนก็ลดหย่อนได้ปีนั้น แต่จะเก็บสะสมไว้ในพอร์ท  พอครบกำหนด 3 ปี 2 วัน ก็ขายคืนได้ ในราคา ณ nav วันที่ขาย ซึ่งตามทฤษฏีการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ มันควรจะได้มากกว่าเดิม เช่นตอนนี้หุ้น 600 กว่าจุด อีก 3 ปีข้างหน้า ถ้าหุ้นมันกระโดดไป 800 จุด  เราซื้อ 1 แสน ควรขายได้ประมาณ 1.3 แสน  ยกเว้นเศรษฐกิจทรุด มีปฏิวัติซ้อน หุ้นเหลือ 300 จุด ถ้าเราขายวันนั้น ก็จะขาดทุน เหลือ 5 หมื่น แต่ถ้าไม่ขาย ก็ได้ เก็บไว้ก่อน รอหุ้นขึ้น ภาษาชาวบ้านคือ ติดกองทุน (แทนติดหุ้น) จะเห็นว่า การซื้อ LTF ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เหมือนหุ้นแหละ แต่อย่างน้อย เราก็ได้ผลประโยชน์ด้านภาษีตุนไว้อย่างน้อยๆก็ 10-20% อยู่แล้ว ส่วนที่ถามว่า ควรซื้อตอนไหน  เราก็ตอบไม่ได้ ในคู่มือLTf มันแนะนำว่า ให้ซื้อเฉลี่ยเท่าๆกันทุกเดือน (แบบสิ้นคิด) คือ ยังไงก็ชัวร์ ว่าได้ต้นทุนเฉลี่ยnav ตลอด อ่ะ้จ้า จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 27 มี.ค. 50 14:52:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มีค่าลดลูกกระตัญญูด้วยอีก 60k (คุณพ่อ + คุณแม่) ถ้าคุณพ่อคุณแม่อายุเกิน 60 และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30k อดหักอันนี้อีก เฮ้อออ จากคุณ : cocoa butter - [ 27 มี.ค. 50 14:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ปล. ที่ว่า 3 ปี2 วัน หมายถึง ซื้อ 30ธ.ค. ขาย 2 ม.ค. นะก๊ะ ท่านว่าจะคุ้มที่สุด  ถือว่า 5 ปี ปฏิทิน จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 27 มี.ค. 50 14:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ค่าลดหย่อนชวนป๋วยปีแปกอ ไม่แน่ใจว่า ลูกกะพ่อแม่ ต้องอยู่ทะเบียนบ้านเดียวกันด้วยป่าวอ่ะ  มันเขียนว่า พ่อแม่ต้องอยู่ในอุปการะของบุตร ปล. ของโกโก้ นี่ได้ข่าวว่า อยู่ในอุปการะพ่อแม่ นี่นา ค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินค่าอยู่ค่าบ้าน พ่อแม่จ่ายหมด  แล้วจะไปหักลดหยุ่อนได้ยางง้ายยยยยย 555 แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 50 14:59:12 จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 27 มี.ค. 50 14:56:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หักแต่เบี้ยประกันชีวิต ขอบคุณ คุณหมาร่าหมาหรอดมาก สนใจการลงทุนแบบนี้อยู่พอดี ตั้งใจจะเอามาหักภาษีนี้แหละ งุงิ งุงิ จากคุณ : สงครามกวี - [ 27 มี.ค. 50 15:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ชิชิ ... จ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน(บ้าง)นาแหม ไม่ได้อยู่ฟรีซักกะหน่อย เด๋วจะกู้ปลูกบ้านให้คุณพ่อคุณแม่แล้วด้วย ขอหักลูกกระตัญญูมั่งก็ไม่ได้ T^T จากคุณ : cocoa butter - [ 27 มี.ค. 50 15:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 รีบๆ มีลูก ครับ หักได้อีกคนละหลายบาทอยู่ มีสักสามคน กรณีที่มีค่าผ่อนบ้านแล้ว, มีค่าประกันเต็มวงเงินแล้ว, อยู่ในความอุปการะของพ่อแม่, อ้อ ไปบริจาคการกุศลก็ได้ครับ จากคุณ : ผ่านมาเห็น - [ 27 มี.ค. 50 15:41:59 A:210.4.147.41 X: TicketID:117988 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่า ชาวคอนโด มีคอนโดให้เขาเช่า ยื่นภาษีครบถ้วนหรือเปล่าจ๊ะ เงินได้จากการเช่า เป็นเงินได้พึงประเมินตาม 40 (5) ต้องนำมารวมคำนวน เงินได้จากการเช่า ต้องเสียภาษีโรงเรือนอีก 12.5 % ผมว่าไม่มีใครจ่ายแบบนี้อยู่แล้ว อย่าไปขอคืนภาครัฐเลย เดี๋ยวเขาจะมีเสี้ยนมาให้นะ จากคุณ : wut3616 - [ 27 มี.ค. 50 17:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หักภาษีลูกได้จ๋อยนึง เสียค่าบำรุงลูกเพียบอ่ะจิ -__-" ยังไม่มีผ่อนบ้านน่ะค่ะ ส่วนการกุศลทำนิดๆ หน่อยๆ เป็นครั้งเป็นคราวไม่เคยเอาไปหักเลยค่ะ แหะๆ รู้สึกว่าอยากทำบุญทั้งหมด ไม่ได้ทำบุญแล้วหวังผล(ภาษี) ประมาณนั้น จากคุณ : cocoa butter - [ 27 มี.ค. 50 17:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ลดหย่อนชวนป๋วยฯ ไม่น่าจะต้องทะเบียนบ้านเดียวกัน เพียงให้พ่อแม่(ผู้อายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ และรายได้แต่ละคนไม่เกินสามหมื่นบาท) เซ็นต์รับรองให้ในแบบ ลย.03  มีให้โหลดในเวปสรรพากรค่ะ ลูกคนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่มีสิทธิ์ค่ะ จากคุณ : Renka - [ 27 มี.ค. 50 20:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สงสัยนิดนึงค่ะ LTF , RTF ภรรยาซื้อ  ใช้สิทธิ์หักได้เต็มจำนวน (สิทธิ์เฉพาะผู้ซื้อ) หรือต้องแบ่งครึ่งนึง  ให้สามีหักด้วยได้คะ จากคุณ : Renka - [ 27 มี.ค. 50 21:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตอบได้ชัดเจนมากๆ LTF คือทางเลือกแรก ว่าจะซื้อซะช่วงนี้เลย จากคุณ : boy next door - [ 27 มี.ค. 50 21:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 28 บริจาค 2 หมื่นนี่ได้คืนเท่าไหร่อ่ะ 2 พันป่ะ? . มาจดคณะบุคคลคอนโดคลับกันเหอะ อิอิ จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 27 มี.ค. 50 21:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คณะบุคคล ได้ยินมาว่า เดี๋ยวนี้ต้องทำบัญชีแจงรายละเอียดแล้วด้วยค่ะ วน. ยังได้ประโยชน์หรือเปล่านา ท่านหมาร่าฯ โปรดให้ความกระจ่าง จากคุณ : Renka - [ 27 มี.ค. 50 22:55:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จิงดิ.. จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 27 มี.ค. 50 23:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ไปลองคำนวนคร่าวๆ ดูแล้ว ถ้าจะเอาภาษีคืนหมดปีนี้ สงสัยต้องซื้อ LTF ประมาณแสนนึง (เป็นอย่างน้อย T^T) แล้วตรูจะเอาอะไรกินเนี่ย ปล. พี่หมาร่า ตกลงถ้าจะซื้อ LTF ได้คืน 20% แหละ (ตกลงยอดรวมมันถึงซะงั้น คำนวนอ้างอิงจาก ภ.ง.ด.91 ปี 2549 นะ) ตกลงคุ้มใช่มั้ยคะ จะได้เริ่มยอดกระปุก จากคุณ : cocoa butter - [ 28 มี.ค. 50 00:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 32 หยอดได้เลย  เราว่าซื้อ LTF กองที่ลงทุนหุ้นแบบมีจ่ายปันผล ดิ ซื้อๆไปมีส่งเช็คเงินปันผลให้ด้วยนะ  ถึงจะไม่เยอะมากแต่ก็รู้สึกดีไปอีกแบบ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 28 มี.ค. 50 03:04:39 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แล้ว LTF กองทุนไหนที่ดีอ่ะคะคุณหมาร่าฯ เพราะเห็นแบงค์ไหนๆก็มีค่ะ จากคุณ : tiraned - [ 28 มี.ค. 50 08:07:41 ]

ความคิดเห็นที่ 34 หาข้อมูลมาเพื่อ คุณโกโก้ จากนิตยสารการเงินการธนาคาร 1. มีเงินเดือน ประมาณเดือนละ 6 หมื่นบาท โดยไม่ต้องเสียภาษี แม้แต่บาทเดียว ควรต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ -พนักงานบริษัทที่ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ -มีคู่สมรสที่ไม่มีรายได้...(รีบหานะ) -มีบุตร 3 คน อายุไม่เกิน 25 ปี -มีบิดา/มารดา ของตนเองและ บิดา/มารดาของคู่สมรสที่ต้องเลี้ยงดู -มีภาระจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตให้บิดา/มาดา ปีละ 15,000 บาท -ค่าเบี้ยประกันชีวิตของตนเอง ปีละ 50,000 บาท -ค่าผ่อนบ้านปีละ 50,000 บาท -ซื้อกองทุน RMF + LTF 15% ของรายได้ จะมีรายการได้ดังนี้ รายได้ 735,714 (เงินเดือน เดือนละ 61,309.50) ค่าใช้จ่ายของตนเอง 60,000 เหลือ รายได้ 675,714 หัก ค่าลดหย่อนส่วนตัว + คู่สมรส 60,000 ค่าบุตร 3 คน 51,000 ค่าเลี้ยงดูบิดา/มารดา 60,000 ค่าเลี้ยงดูบิดา/มารดา คู่สมรส 60,000 ค่าเบี้ยประกัน บิดา/มารดา 15,000 ค่าเบี้ยประกัน ตนเอง 50,000 ดอกเบี้ยกู้บ้าน 50,000 ค่าประกันสังคม 9,000 RMF/LTF 220,714 ***ไม่รวมเงินบริจาค รายได้ 100,000 บาทเเรก ยกเว้นภาษี หักค่าลดหย่อนได้ตั้ง 575,714 บาทนะ แต่ชีวิตประจำเดือนในแต่ละเดือน ช่างน่าสงสาร เงินเดือนน้อยนิด เลี้ยงคนตั้ง 8 ชีวิต -__-" ค่าใช้จ่ายเพียบ 2. ใช้สิทธิลดหย่อนได้เกือบ 1 ล้านบาท ควรต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ -ผู้บริหารของบริษัทเอกชนที่ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ -มีรายได้ ปีละ 2 ล้านบาท (170,000 บาทต่อเดือน) -มีคู่สมรสที่ไม่มีรายได้...(รีบหานะ) -มีบุตร 3 คน อายุไม่เกิน 25 ปี -มีบิดา/มารดา ของตนเองและ บิดา/มารดาของคู่สมรสที่ต้องเลี้ยงดู -มีภาระจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตให้บิดา/มาดา ปีละ 15,000 บาท -ค่าเบี้ยประกันชีวิตของตนเอง ปีละ 50,000 บาท -ค่าผ่อนบ้านปีละ 50,000 บาท -ซื้อกองทุน RMF + LTF 15% ของรายได้ หัก ค่าลดหย่อนส่วนตัว + คู่สมรส 60,000 ค่าบุตร 3 คน 51,000 ค่าเลี้ยงดูบิดา/มารดา 60,000 ค่าเลี้ยงดูบิดา/มารดา คู่สมรส 60,000 ค่าเบี้ยประกัน บิดา/มารดา 15,000 ค่าเบี้ยประกัน ตนเอง 50,000 ดอกเบี้ยกู้บ้าน 50,000 ค่าประกันสังคม 9,000 RMF/LTF 600,000 รวมหักค่าลดหย่อนได้สูงสุด 955,000 บาท คุณโกโก้ ได้ปรับฐาน น่าจะเข้ากรณีที่ 2 นะ 5555 ***ไม่รวมเงินบริจาค จากคุณ : ผ่านมาเห็น - [ 28 มี.ค. 50 09:26:15 A:203.144.241.41 X: TicketID:117988 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ทำไมย้ำ -มีคู่สมรสที่ไม่มีรายได้...(รีบหานะ) จังฮึ ตอนแรกเห็นแว่บๆ ต๊าย คุณผ่านมาเห็นใจดี กะลังจะขอบคุณอย่างแรง อ่านแล้วแบบ เสียภาษีก็ได้ฟระ แง่งงงง โอเค ตัดใจไม่ไป westin กับ zen กะได้ แต่มันเซลล์ 70% เลยน้า T^T จากคุณ : cocoa butter - [ 28 มี.ค. 50 09:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อ้าว ก็คู่สมรส ส่วนใหญ่ ควรจะมีรายได้ มาช่วยกันจุนเจือ ครอบครัว 555 70% เซลล์ ของ cmg เห็นเกือบทุกไตรมาสเรยน๊า รอหน่อยก็ได้ 5555 ปล. โห ไม่นอนเลยเหรอเนี่ย กระทู้โน้น เห็นตอบตอน ตีสอง เก้าโมง มาอีกแร้น จากคุณ : ผ่านมาเห็น - [ 28 มี.ค. 50 09:36:10 A:210.4.147.41 X: TicketID:117988 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เงินบริจาคคิดไงอ่า แง.. จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 28 มี.ค. 50 18:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านแล้ว งงงง จากคุณ : ttt (ตาตี๋โต) - [ 28 มี.ค. 50 20:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่า เงินบริจาค ก็เอาไปหัก เป็นค่าลดหย่อนไงครับ ดังนั้น ฐานภาษีก็ลดน้อยถอยลงไป เอามาจากในหนังสือเลยนะครับ -การบริจาค เพื่อสนับสนุนการศึกษา สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ถึง 2 เท่า ของเงินบริจาคจริง -การบริจาค เพื่อสนับสนุนการกีฬา สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ถึง 1.5 เท่า ของเงินบริจาคจริง -เงินบริจาคเพื่อการกุศลทั่วไป ลดหย่อนได้ไม่เกิน ร้อยละ 10 ของเงินได้ (หลังหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน) ข้อ 1 ข้อ 2 ไม่เคยบริจาค แต่คาดว่า ที่เราเห็นๆ กันว่า บรรดาเศรษฐีที่เขาตั้งทุนการศึกษาให้เด็กๆ หรือ สนับสนุนการกีฬาต่างๆ เขาคงเอามาลดตรงนี้ด้วยล่ะมั้ง...ก็ดีนะ ช่วยสังคม ข้อ 3 อันนี้บริจาค บ่อย ก็เช่น มีเงินได้สุทธิหลังหักค่าโน่น ค่านี่แล้ว 600,000 บาท ก็สามารถ นำเงินบริจาคการกุศล มาหักได้อีก 60,000 บาท (10%)....ถ้าเงินได้สุทธิ เหลือ ไม่เกิน 100,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษีนะครับ ชี้แจงเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่อ่านแล้ว งง งง....(การคำนวณภาษีมักจะงง เสมอ ผมเองก็งง 555) กรณีแรก ที่บอกว่า เงินเดือน 61,309.50 ไม่เสียภาษี ก็หมายความว่า คุณจะต้องมีภาระค่าใช้จ่าย ตามที่ระบุไว้ ทุกประการ เงินได้รวมทั้งปี อยู่ที่ 735,714 หัก ค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่อนุญาตให้หักได้ 60,000 ก็จะเหลือ เงินได้ สุทธิ 675,714 บาท ซึ่งถ้าไม่มีค่าลดหย่อนอะไรเลย ก็จะเสียภาษีดังนี้ครับ 100,000 บาท แรก ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษี 575,714 บาท เสียภาษี 500,000 ในอัตราร้อยละ 20 ทีนี้ กรณีแรกเนี่ย จะเห็นว่า เขาใช้ค่าลดหย่อนทุกๆอย่าง เต็มจำนวน 575,714 บาท ซึ่งถ้าเขามีเงินบริจาคอีก ก็ได้เงินคืนด้วยบางส่วน กรณีที่สอง คือการใช้ค่าลดหย่อนเต็มจำนวนเช่นกัน โดยได้สูงสุด 955,000 บาท แต่กรณีนี้ก็ยังต้องมีการเสียภาษีอยู่นะครับ รายได้รวม 2,000,000 บาท หัก ค่าใช้จ่ายของตนเอง 60,000 บาท หักค่าลดหย่อนแบบเต็มจำนวน 955,000 บาท เหลือ เงินได้ 985,000 บาท ก็ต้องเสียภาษีดังนี้ครับ 100,000 บาท แรก ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษี 885,000 บาท เสียภาษีในอัตรา 20% ซึ่งถ้าเขามีเงินบริจาคอีก ก็ได้เงินคืนด้วยบางส่วน จากคุณ : ผ่านมาเห็น - [ 29 มี.ค. 50 09:48:24 A:210.4.147.41 X: TicketID:117988 ]

ความคิดเห็นที่ 40 -การบริจาค เพื่อสนับสนุนการศึกษา สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ถึง 2 เท่า ของเงินบริจาคจริง ^ ^ น่าสนมั่กๆ อิอิ เผื่อชาติหน้าจะได้เรียนจบโทกะเค้ามั่ง.. ชาตินี้บุญไม่เยอะ จบแค่ตรี -_- จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 29 มี.ค. 50 10:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตอบตามที่เข้าใจก่อนนะค่ะ หลังจากถามมาหลายคนในที่ทำงานแล้ว 1. ลดหย่อนบุตรถ้าไม่ได้ศึกษาได้ 15,000 บาท ถ้าศึกษาอยู่ได้ 17,000 บาท 2. เงินสนับสนุนเพื่อการศึกษา ต้องเป็นลักษณะของเงินบริจาค(ไม่ใช่เงินค่าเทอม) และต้องเป็นการบริจาคเพื่อ 1) จัดหาหรือจัดสร้างอาคาร อาคารพร้อมที่ดิน หรือที่ดินให้แก่สถานศึกษา เพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษา (2) จัดหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อการศึกษา แบบเรียน ตำรา หนังสือทางวิชาการ สื่อ และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาให้แก่สถานศึกษา ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด เท่านั้นนะค่ะ คือใบเสร็จต้องแสดงชัดเจน ถ้าต้องการสอบถามว่าบริจาคอันไหนนำมาหักเป็นรายจ่ายได้ต้องถามจากทางโรงเรียนจะชัดเจนที่สุด เงินสนับสนุนการศึกษานำมาเป็นหักรายจ่ายหลังจากที่หักค่าลดหย่อนและรายจ่ายอื่นๆ แล้ว ได้ 2 เท่าแต่ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของเงินก่อนนำมาคำนวณภาษี พอจะเข้าใจหรือปล่าวค่ะ หรือใครมีข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนกว่านี้ ก็ตอบคำถามได้เลยนะค่ะ ถือว่าแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพราะเราก็ตอบตามที่เราเข้าใจ(รวมทั้งเพื่อนในที่ทำงานด้วยจ้า)   โดย แม่น้องบอส(อุดร) เมื่อ 2005-03-03 15:18:33 http://www.raklukefamilygroup.com/webboard/topic.php?id=69860 จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 29 มี.ค. 50 11:18:17 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คนเราไม่สายเกินเรียนนะครับ ^ ^ จากคุณ : ผ่านมาเห็น - [ 29 มี.ค. 50 11:18:37 A:210.4.147.41 X: TicketID:117988 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แก่แย้ว -_-' จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 29 มี.ค. 50 11:58:56 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ม่ายน่อ ออกจะยังปิ๊งปั๊ง จากคุณ : ผ่านมาเห็น - [ 29 มี.ค. 50 15:34:48 A:210.4.147.41 X: TicketID:117988 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อวบอั๋น มากกว่า จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 30 มี.ค. 50 08:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามาดู... จากคุณ : rigor - [ 30 มี.ค. 50 09:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อืมม์ อวบอั๋น เยย เหยอ ^ ^ ผมว่าคุณว่าน น่าไปเรียน Real Estate Management ที่ มธ. นะครับ จากคุณ : ผ่านมาเห็น - [ 30 มี.ค. 50 10:23:21 A:210.4.147.41 X: TicketID:117988 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่มีตัง ไม่มีเวลา -_- ทำงานหาเงินก็หมดเวลาละ ถึงได้อ้วนอย่างทุกวันเนี้ยะ.. จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 30 มี.ค. 50 12:12:23 ]