ความคิดเห็นที่ 1 บ้านราคา12ล้านค่าสถาปนิก10% !!!  เชื่อไหมคุณจ่ายแค่1แสนก้อได้สถานปนิกเก่งๆมาดูงานให้คุณแล้ว จากคุณ : civil40 - [ 2 เม.ย. 50 23:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ค่าแบบน่าจะอยู่ที่ไม่เกินห้าแสน จากคุณ : interceptor - [ 2 เม.ย. 50 23:49:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จ้างพวกบริษัทรับสร้างบ้านมาสร้างให้ดิ  คุ้มกว่า จากคุณ : อโนรธา - [ 3 เม.ย. 50 00:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปกติค่าออกแบบก็ 10 %แหละ  คนกันเอง ก็ไม่ถึง  แต่คุณรู้ไหม 10% เนียะ  เขาจ่ายให้คนเขียนแบบแค่ 0.1% เอง  อย่าง เมื่อก่อนบ้านแม่เรา จ้างโดนหรอกกินเงินฟรีๆไป 2 แสน  กะราคาบ้าน 5 ล้าน  รู้จักกัน เขาคิดค่าออกแบบ 250,000  เชื่อไหม ได้เห็นแต่แบบร่าง เอ4 ดูอย่างเดียว  จนจ่ายงวดเกือบสุดท้ายไปแล้ว 2  แสน ถึงให้แค่แบบร่างถ่ายเอกสาร เอ4 มาให้ แล้วไม่ใช่ให้ง่ายๆด้วย  จนต้องขู่ เสร็จแล้วแบบที่เขาให้คนเขียนมาให้ดู   ยึกยักจนรู้แน่ๆว่าไม่ยอมให้พิมพ์เขียวก่อนจ่ายในงวดสุดท้ายแน่ๆ  เพราะเราก็ต้องเอาไปขออนุญาต  เขาก็เลยบอกว่าไม่จ่ายงวดสุดท้ายก่อน เขาจะฟ้อง  พี่เราก็เลยบอก เอาเลย จะฟ้องเอาเงิน 2 แสนกลับคืนด้วย  แน่จริงให้ฟ้องมา  เขาเลยเงียบไป  ก็เอาแบบและเอกสารที่จะทำการขออนญาตมาให้    เรียบร้อยโรงเรียนตุ๋น ไม่ผ่านค่ะ เลยยังไม่จ่ายอีก 5 หมื่น  ลายเซ้นก็ไม่ครบ บังเอิญ เขาให้สถาปนิกที่เขาจ้างเขียนแบบตัวจริงมาเซ็นให้(ตอนหลังเห็นว่าถูกโกงค่าจ้างด้วยมั้ง) พร้อมเพื่อนวิศวอีกคนที่ต้องเซ็นชื่อ เราถามเขา   คุณได้ค่าเขียนจากเขาเท่าไร เขาบอก 5 พันบาท  หาคนเซ็นให้เสร็จ  สรุปอ้ายแบบที่ถูกหรอกกิน แก้ยังไงก็ไม่ผ่าน  เลยเรียกคนใหม่ออกแบบให้ แล้วจ้างสถาปนิกคนเดิมเนียะเขียนแบบเองเลย แค่ 5 พัน บวก ค่าแบบที่ฮวงจุ้ยออกให้ อีก 5 หมื่น เบ็ดเสร็จ 55,000.-บาท  สูญเงิน 2 แสนฟรีๆ  ทำไม  เกี่ยวกับเรื่องบ้านที่ไร มันต้องโดนโกงกันซะก่อนทุกที  แค่เล่าประสบการณ์ให้ฟัง จากคุณ : ลูกนกหลงทาง - [ 3 เม.ย. 50 00:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเมืองไทยมีสถาปนิกอยู่ ไม่เกิน 20 คน คุณต้องจ่ายราคาที่ว่าแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่ สถาปนิกมีเป็นหมื่น  ดังนั้น ราคาที่แพงที่สุดของบ้าน 12 ล้าน คือ 2% ครับ อย่างไร ก็ตาม คุณจะต้อง มี interior design ด้วย ไม่งั้น บ้านจะออกมาไม่สวย และก่อนจะตกลงจะต้อง ให้พวกเขารู้จักกัน และทำงานด้วยกัน   บ้านจะออกมาดูดี function การใช้งานจะดีทั้งข้างนอกและข้างในครับ จากคุณ : น้าพร - [ 3 เม.ย. 50 00:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ได้ 10 % ก็รวยแย่สิครับ ไม่ถึงหรอกครับ  ค่า Fee ปัจุบัน แข่งขันกันสูง ครับ อย่าเอาประสบการณ์เลวร้าย ครั้งเดียว มาวัดว่า มันต้องเป็นแบบนั้น หรือ เลวแบบนั้นไปทั้งหมดสิครับ บ้าน 5 ล้าน ค่าออกแบบ 2.5 แสน ถ้าเค้าทำให้ครบ ตามหลักวิชาชีพ ไม่แพงครับ แล้ว 10% ตรงไหน 5% เอง พวกบ้านจัดสรรก็ใช้สถาปนิกออกแบบทั้งนั้นครับ อาคารสูงเอย ทั้งนั้นครับ เท่าที่ผมเจอมา สถาปนิกแย่ๆ มีเปอร์เซ็นต์น้อยมากๆครับ ถ้ามีงบ ขนาดนั้น ผมว่าน่าจ้างสถาปนิกครับ เหมือนคุณซื้อเสื้อผ้าตามห้าง กับแบบวัดตัวตัด อะไรจะใส่พอดีกว่ากันครับ แล้วคุณลองเปรียบเทียบ ราคาสิ มันแพงกว่ากันรึเปล่า สมมุตครับ สมมุติ งบ 12 ล้าน สถาปนิกคิดคุณ 5% ก็ 6แสนบาท สถาปนิกเค้าต้องเอาไปจ้าง วิศวกรโครงวร้าง งานระบบ draft man ทำภาพ Perspective แบบร่าง ขออนุญาติ ค่าถ่ายแบบ ค่า plot แบบ จิปาถะ เริ่มรู้สึกว่า ไม่แพงยังครับ ถ้ามีการจ้าง Consult สำหรับควบคุมงาน งบก็ประมาณออกแบบแหละครับ สมมุตว่าเท่ากัน 6 แสน บ้านคุณสร้าง 10 เดือน ก็เดือนละ 6 หมื่น ผมว่าไม่แพงนา มีคนมาช่วยทำเรื่องที่คุณไม่รู้ มาช่วยดูผู้รับเหมาไม่ให้ใช้ของผิด Spec ไม่แพงครับ ไม่แพง จากคุณ : Customshop - [ 3 เม.ย. 50 00:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาตรฐานทางวิชาชีพกำหนดประเภทบ้านพักอาศัยมูลค่างาน 10 ล้านแรก  7.5 % ครับ..ส่วนเศษอีก 2 ล้านก็คิด 6 % นั่นตามมาตรฐานการปฏิบัติวิชาชีพ พ.ศ. 2532 แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นข้อพิจารณาส่วนตัวระหว่างผู้ว่าจ้างกับผู้รับจ้างครับ...ในการพิจารณาตกลงกันบนพื้นฐานขององค์ประกอบที่เหมาะสมกับมาตรฐานด้วย...เช่น ประสบการณ์ ขอบเขตการดำเนินงาน ความมีชื่อเสียง ตลอดจนทีมงานที่ร่วมดำเนินงาน เพราะงานออกแบบเป็นการทำงานในระบบทีมครับ..จึงต้องพิจารณาไปจนถึงผู้ร่วมงานด้วย เป็นใคร มาจากไหน ระดับขั้น คุณวุมิทางวิชาชีพก็มีส่วนทั้งสิ้น..ในการพิจารณาต่อรองระหว่างผู้ว่าจ้างกับผู้รับจ้าง... นอกจากนี้ อาจจะต้องพิจารณาถึงความรับผิดชอบ ในที่นี้หมายถึง ความรับผิดชอบกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้นอันเกิดจากการประกอบวิชาชีพเองของผู้ประกอบวิชาชีพ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ จะสามารถรับผิดชอบในความเสียหายนั้นได้หรือไม่...ซึ่งรูปแบบขององค์กรของผู้รับจ้างที่เป็นนิติบุคคล กับบุคคลธรรมดา...จึงมีความได้เปรียบเสียเปรียบไม่เหมือนกันในความสามารถที่จะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น..โดยเฉพาะในลักษณะความเสียหายที่ต้องมีการชดใช้เป็นมูลค่า.. จากคุณ : minimalist - [ 3 เม.ย. 50 04:40:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่เราคงต้องจ้างทั้งสถาปนิกและอินทีเรียลเพราะเราไม่มีหัวด้านนี้เลย ฟังก์ชั่นห้องก้อมีแบ่งห้องเยอะ ทั้งห้องหนังสือ ที่เยอะมากๆกะว่าต้องทำรับน้ำหนัก ห้องดนตรีวางเปียโน กลองไฟฟ้า กีตาร์อีกเป็นสิบตัว เพราะบ้านที่อยู่ ดูมันรกไปหมด เข็ดค่ะ ของชิ้นใหญ่ๆทั้งนั้น ห้องออกกำลังกายอีก ฯลฯ มีแต่ห้องๆๆเต็มไปหมด แล้วค่าอินทีเรียลละค่ะ เค้าคิดยังไงค่ะ เพราะบ้านที่เราอยู่ตอนนั้นจ้างคนไม่ดีมาค่ะ งานไม่เรียบร้อย จ่ายไม่ครบก้อหนีงานแล้ว บ้านเลยครึ่งๆ ไม่ค่อยสวยแถมเฟอร์นิเจอร์ที่ บิวอิน ก้อผิดสัดส่วน ถามช่างที่มาทำบอกว่าช่างอยู่แถวบ้านอินทีเรียล เป็นช่างไม้ ไม่ใช่ช่างเฟอร์นิเจอร์ เซ็งเลย เกือบฟ้องอินทีเรียลแล้ว แต่ขี้เกียจยุ่งค่ะ ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะ หรือเราควรจ้างโฟร์พัฒนาทำทุกอย่าง เหมือนที่เพื่อนๆหลายคนแนะนำค่ะ ขอบคุณค่ะ หลังไมค์ก้อได้ค่ะ จากคุณ : งุนงง - [ 3 เม.ย. 50 06:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเคยตอบเรื่องประมาณนี้หลายๆครั้งแล้วครับขออนุญาตยกของเดิมมาให้อ่านอีกครั้งนะครับ  รายละเอียดหรือมุมมองอื่นๆลองอ่านเพิ่มใน Blog  ผมได้ครับ ค่าออกแบบมันมีเรทราคาเป็นมาตรฐานครับ      แต่ส่วนใหญ่ก็คิดประมาณ  5-7% ของราคาบ้าน ขึ้นกับความรับผิดชอบและเนื้องานต่างๆด้วย   บางรายออกแบบภายนอกอย่างเดียว บางรายแถมทั้งภายใน ภายนอกแล้วก็จัดสวนด้วย  หรือบางรายก็ออกแบบบ้านในโหมดอาคารประหยัดพลังงาน โดยคิดค่าแบบให้คุณเท่าเดิม ถ้างานราคาบ้านยิ่งสูง  % ค่าออกแบบก็จะลดลั่นลงไปตามราคาครับ ออกแบบบ้านหลังนึงไม่ได้จบกันง่ายๆนะครับ กว่าจะออกแบบแก้แบบจนพอใจ ไหนจะช่วยเจ้าของบ้านดูและเป็นที่ปรึกษาต่างๆระหว่างก่อสร้างอีก   กว่าจะจบงานเป็นปีเลยนะครับ... บางท่านบอกแสนเดียวก็หาสถาปนิกเก่งๆมาทำให้ได้แล้ว   เชื่อเถอะครับว่าคนเก่งจริงเขาไม่ตัดราคาและลดคุณค่าวิชาชีพตัวเองหรอกครับ..   ถ้าอยากได้คนเขียนแบบบ้านถูกๆ เขียนไม่แพงหาได้ไม่ยากหรอกครับ    ค่าเขียนแบบก็ไม่แพง แค่แผ่นล่ะ 400-600 บาทเท่านั้น   แต่นั่นคือค่าเขียนซึ่งเด็กเรียนจบปวช ปวสด้านก่อสร้างก็เขียนได้..     แต่จะดีไหมนั่นอีกเรื่อง     และนั่นก็ไม่ใช่ค่าออกแบบ ไม่ใช่ค่าความคิดและประสบการณ์ และการรับผิดชอบของงาน แต่แบบบ้านที่ใช้ความคิดในการออกแบบที่ดี   สวยงามลงตัวกับสภาพที่ดินและสภาพภูมิอากาศ แบบร้อนชื้นของไทย รวมถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ      และที่ออกมาจากตัวเราจริงๆ  มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครนั้นยากครับ   เพราะต้องออกแบบมาจากความคิดและประสบการณ์ของสถาปนิก ครับ งานที่ราคาถูกๆ คุณคิดว่าเขาจะตั้งใจทำเหรอครับ ?  คนจบใหม่ๆไม่มีประสบการณ์คุณกล้าไว้ใจเขาให้ทำบ้านให้เหรอ    สถาปนิกเก่งๆดีๆ  คุณคิดว่าเขาจะยอมลดค่าตัว เหรอครับ บ้านที่ดี  สื่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งมาจากคุณค่าของการออกแบบ   บ้านหลังนึงชีวิตเราจะมีได้สักกี่หลัง?   นั่นคือสิ่งที่คุณควรจะเสียถ้าคุณต้องการสถาปนิกมาออกแบบบ้านที่ดีๆให้ครับ หลายท่านถ้าอยากจะได้แบบที่ไม่เสียค่าออกแบบ คงต้องเอาแบบบ้านตามหนังสือต่างๆ หรือที่เขาแจกแบบฟรีๆ มาใช้    แต่นั่นท่านก็จะได้บ้านแบบทั่วๆไป ไม่แตกต่าง ไม่มีเอกลักษณ์ และไม่ลงตัวกับสภาพที่ดินและสิ่งแวดล้อม   เพราะมันจะไม่ใช่แบบบ้านที่ดีที่สุดสำหรับคุณและที่ดินคุณแน่นอนครับ จากคุณ : True man (khunchailek) - [ 3 เม.ย. 50 09:05:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่มีหรอกครับ 10% ได้ 5% ก็หรูสุดๆแล้วสำหรับสถาปนิก (เฉพาะงานบ้าน) ส่วนอินทีเรีย 5% น้อยไปครับ เพราะ มูลค่างานมันน้อยกว่าการสร้างบ้าน คร่าวๆ ส่วนใหญ่ได้กันประมาณ 7% ราคานี้รวมค่าออกแบบ เขียนแบบ ประมูลงาน ควบคุมดูแลงานจนเสร็จ ดูเหมือนมาก แต่บางงานกว่าจะเรียบร้อย ปาเข้าไป 2 ปี ทำให้เห็นว่า เป็นสถาปนิก หรืออินทีเรีย เมืองไทย ยังไง ก็ไม่รวย ถ้าทำอาชีพนี้อย่างเดียว แค่พออยู่ได้ไม่ลำบากเท่านั้น   นี่พูดเฉพาะคนที่เขาทำเป็นอาชีพแบบดีๆนะครับ ไม่นับพวกำมะลอ จากคุณ : asawavet - [ 3 เม.ย. 50 09:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อย่างที่คุณminimalistว่าครับ ราคาตามมาตรฐานเป็นอย่างนั้น แต่นั่นควรเป็นกรณีที่ เป็นบริษัท มีทีมงานมีคนที่จะคอยแก้ไขแบบ ตอบคำถามคุณจนจบงานนะครับ ถ้าไปจ้างพวกบุคคล นี่ถือว่าแพงเกินไปมากเลยครับ เพราะคุณต้องรับความเสี่ยงอีกหลายอย่าง ถ้าเป็นบริษัทมีทำสัญญากันเรียบรอ้ยก็โอเคครับ หรือถ้าเป็นบุคคลคุณต้องแน่ใจจริงๆว่าเขาจะดูงานให้คุณจนจบ ไม่ใช่ออกแบบเสร็จแล้วก็เลิกกัน เพราะแบบต้องมีการแก้ไขอีกอย่างแน่นอนอยู่แล้ว จากคุณ : ct15 - [ 3 เม.ย. 50 09:17:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ป้าเป็นเหมือนคุณงุนงงที่ไม่มีความรู้เรื่องสร้างบ้าน หลังจากหาข้อมูลจากคนที่มีประสบการณ์แล้ว จึงตกลงใจว่าจะใช้บริษัทรับสร้างบ้าน เพราะกลัวเรื่องผู้รับเหมาทิ้งงานและปัญหาจุกจิกอื่นๆ จากนั้นก็หาข้อมูลบริษัทรับสร้างบ้านและไปดูผลงานของเขาที่ทำอยู่ พอตัดสินใจเลือกได้ ก็ลงมือทำงานกับสถาปนิก โดยเลือกแบบบ้านในขนาดใกล้เคียงและประโยชน์ใช้สอยตรงกับที่เราต้องการ แล้วลงรายละเอียดตามที่เราต้องการ เขาจะปรับเปลี่ยนแบบจนกว่าเราจะพอใจ แล้วคิดราคาสรุป ซึ่งเป็นราคาที่รวมค่าสถาปนิก ควบคุมการก่อสร้าง จนเสร็จส่งมอบบ้าน เมื่อเริ่มลงมือสร้างก็คุยกับอินทีเรีย เพราะอยากให้บ้านสวย เรามีของสะสม ประเภทกระโหลกกะลา ถ้าจัดเองคงดูไม่จืด อินทีเรียเขาออกแบบและคุยกับสถาปนิก ก็มีการปรับผนังห้องหรือบางส่วนบ้าง ก็ได้ปรับไปเลยไม่ต้องแก้ทีหลัง ทำให้การก่อสร้างราบรื่นดี ไม่มีปัญหากวนใจ ป้าเห็นว่าคุณจะสร้างบ้านขนาดใหญ่ประมาณ 3 เท่าของบ้านป้า คงต้องตัดสินใจดี ๆ อย่างเพื่อนของป้าเขามีสถาปนิกที่คุ้นเคยกันดี มีผู้รับเหมาที่ไว้วางใจได้ แต่พอสร้างไปได้ครึ่งหนึ่ง ผู้รับเหมาเสียชีวิตกระทันหัน กว่าจะแก้ปัญหาได้ก็ทุกข์ใจอยู่เป็นเดือนเหมือนกัน จากคุณ : ป้าน้องจีน - [ 3 เม.ย. 50 11:52:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 รูปแบบของการบริหารในส่วนของเจ้าของเมื่อจะมีบ้านสักหลังหนึง มันมีหลายรูปแบบครับ...แต่สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป ก็มี 2 รูปแบบคือ 1.  ก็คือ การใช้บริการจากบริษัทบริการแบบครบวงจร เช่น บริษัทรับออกแบบ ขออนุญาต+ก่อสร้าง+ไปจนถึงการบริการด้านเงินกู้  ในลักษณะที่เน้นการทำงานแทนเจ้าของทุกเรื่อง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ต้องไปจัดหาทีมงานต่างๆ ตามที่คุณต้องการอีกที ทุกคนทำงานภายใต้บริษัท คุณเป็นลูกค้าโดยตรงของบริษัทนั้น..แต่ปัญหาคือ การเจรจาจะอยู่ภายใต้ระบบธุรกิจ เงื่อนไขของบริษัทนั้นๆ..ตลอดจนตัวงบประมาณ อะไรได้หรือไม่ได้ ทุกอย่างต้องผ่านบริษัทเป็นผู้ดำเนินการ หรือเขาอาจจะมอบหมายสถาปนิกของบริษัทมาทำงานให้ในขั้นออกแบบ แต่สถาปนิกนั้นก็จะอยู่ภายใต้การกำกับของบริษัท ซึ่งเจ้าของไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ตามที่ต้องการ สวมหมวกใบเดียวทำทุกเรื่อง ในแง่ของการตรวจสอบ ความไว้วางใจได้หรือไม่ ก็เป็นคำถาม...เพราะการตัดสินใจอยู่ที่บริษัทภายใต้เงื่อนไข ข้อดีก็คือ สะดวกเพราะเป็นการบริการครบวงจร.. 2.ระบบการจัดจ้างแบบแยกเป็นขั้นตอน...คือเริ่มต้นจากการจ้างผู้ออกแบบ ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาออกแบบ อย่างเดียว และควบคุมกำกับงานตามแบบของตนหลังการออกแบบ ซึ่งอาจจะเป็นในรูปบุคคลธรรมดาประกอบวิชาชีพ หรือนิติบุคคลผู้ประกอบวิชาชีพ หลังจากนั้นก็ไปดำเนินการขออนุญาต โดยผู้ออกแบบประสานงานให้ตามหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว.. ผู้ออกแบบ ก็จะทำหน้าที่ทำงบประมาณ ราคากลางในแบบที่ได้รับการเห็นชอบแล้ว เพื่อหาผู้รับเหมามาประกวดราคา ตามแบบดังกล่าว ตรงนี้เจ้าของงานกับผู้ออกแบบ สามารถที่จะพิจารณาได้อย่างอิสระ เพื่อหาตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด..ภายใต้คำปรึกษาของผู้ออกแบบต่อเจ้าของงาน หากแบบนั้นมีราคาที่สูงกว่าราคากลาง ผู้ออกแบบก็จะทำหน้าที่เจรจา และทำให้เกิดความลงตัวโดยไม่เป็นการเปลี่ยนแนวทางการออกแบบ แนวความคิดซึ่งเจ้าของพอใจ และเห็นชอบแล้ว...เมื่อได้ผู้รับเหมา ก็จะดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งตลอดเวลาการดำเนินการก่อสร้าง ผู้ออกแบบ ก็จะทำหน้าที่ชี้แจง ประสานความไม่เรียบร้อยต่างๆหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ ตลอดจนการให้ความร่วมมือกับเจ้าของงานในการตรวจสอบคุณภาพ การตรวจรับงานในแต่ละขั้นตอน ตามขอบเขตของผู้ออกแบบที่พึงมี..ตามจรรยาบรรณวิชาชีพ..ข้อเสียก็คือ ภาระในการจัดการเบื้องต้นเจ้าของงานจะต้องเป็นเจ้าภาพนั่งหัวโต๊ะหาผู้ออกแบบที่ตนเองพอใจในผลงาน หรือความรับผิดชอบที่พอใจ..เมื่อคุณได้ผู้ออกแบบมาเป็นที่ปรึกษาคุณได้แล้วก็จะผ่อนภาระตรงนั้นไปได้ แล้วงานก็จะกระจายไปสู่ผู้เกี่ยวข้องอื่นๆตามขั้นตอนโดยอัติโนมัติ ข้อดีก็คือ การตรวจสอบเป็นอิสระ โดยผู้รับเหมาจะต้องดำเนินการภายใต้การอนุมัติของเจ้าของงาน และผู้ออกแบบทุกขั้นตอน..ความอิสระในการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม โดยผู้ออกแบบจะเป็นผู้ประสานงานให้กับการก่อสร้าง ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ผู้รับเหมาเพียงทำตามรูปแบบที่ได้รับอนุมัติมาแล้ว..ภายใต้การตกลงราคา งานเพิ่มลด ที่เกิดขึ้นโดยมีผู้ออกแบบเป็นคนกลางในการพิจารณาตามหลักวิชาการ และจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างอิสระ จากคุณ : minimalist - [ 3 เม.ย. 50 14:29:17 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่รู้เป็นไรคนไทยส่วนใหญ่ตีค่างานสถาปัตย์กับอินทีเรียร์ต่ำมาก ทั้งที่เป็นส่วนสำคัญอันดับแรกของงานเลย กลับไปตีค่างานที่มีตัวตนเป็น อิฐหินปูนทราย สถาปนิกกับอินทีเรียร์ดีไซน์เนอร์ในเมืองไทยไม่ค่อยมีใ:-)ด้วยวิชาชีพนี้หรอก โดนเบี้ยวค่าแบบก็เยอะ(โดนกัยแทบทุกคน) หนีไปทำอาชีพอื่นก็เยอะ  ไปรับเหมายังรายได้ดีกว่า งานพวกนี้บางทีตีค่าด้วยเงินไม่ได้หรอก แต่บางทีก็เพื่อความอยู่รอด เพราะทำงานจ๊อปนึงดูแลกันเป็นปี บางรายทำกันถึง2-3ปีก็ไม่จบ อยู่จนมีลูก3คน ท่อเหม็นยังต้องโทรมาถามเลย หลายคนเบื่อ ไม่อยากรับงานออกแบบบ้านก็มี รับแต่งานออกแบบร้าน ผับ รีสอร์ต ยังดีกว่า มีระยะเวลาที่แน่นอน จบคือจบ จุกจิกน้อยกว่า พื้นฐานคนไทยแต่เดิม อยู่ง่ายๆก็พอ ไม่ต้องการสวยงามมากนัก แต่ไปให้ความสำคัญภาพลักษณ์ภายนอก เช่นรถยนต์หรู เสื้อผ้าเฉียบ แต่...บ้านยังกะรูหนู ซื้อๆมาใส่พอนอนได้ก็จบ พอบางคนอยากได้บ้านสวย ก็ให้ความสำคัญกับวัสดุ มากกว่าเรื่องของแบบที่เป็นอากาศ เมื่อสถาปนิกหรืออินทีเรียร์คิดราคาค่าแบบออกมา เกือบทุกราย รับไม่ได้ ทำไมมันแพงอย่างงี้ แค่ปึกพิมพ์เขียวเนี่ยนะ ที่สุดก็ไปจ้างเด็กเขียนแบบหรือไปซื้อแบบถูกๆมา ทุกวันนี้....เราเลยไม่ค่อยเห็นบ้านสวยๆในเมืองไทยซักเท่าไหร่ คนไทยก็เลยมักอาศัยหมู่บ้านจัดสรรเป็นหลัก พวกนักธุรกิจนี้ก็เลยปั่นราคาบ้านจัดสรรกันสูงลิ่วเกินจริง บ้านจัดสรรเกือบทั้งหมด หน้าตาแทบจะไม่ต่างกันเลย รูปแบบเมื่อ20ปีก่อนเป็นยังไง เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้พัฒนาอะไรไปมาก อยากจะบ่นอะไรอีกมาก แต่คงพอเท่านี้ดีกว่า ทั้งหมดทั้งปวงไม่ได้ว่า จขกท.นะ พูดโดยรวมๆ และอยากให้เข้าใจสถาปนิกและอินทีเรียร์บ้าง เงินที่คุณจ่ายจะคุ้มหรือไม่คุ้ม ขึ้นอยู่กับว่า คุณให้ความสำคัญอะไรมากกว่ากัน จากคุณ : dragon smile - [ 3 เม.ย. 50 15:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อย่างไรก็ไม่รวยจริงๆครับ แงงงงงงงงง ผมทำออกแบบภายในอยู่ ต้องลดค่าแบบตลอดแหละ ลูกค้าไม่ยอมจ่ายค่าออกแบบแพงๆหรอก แต่ทีซินแซมาแป๊บเดียว เป็นหมื่นๆ แถมI ซิน นี้แหละบางครั้งมาแก้แบบจนมั่วไปหมด จากคุณ : cantare - [ 3 เม.ย. 50 18:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เย้ สถาปนิกกะ interior มาตอบเยอะจัง นึกว่าจะให้วิศวกรตัวน้อยๆ เดือดร้อนแทนอยู่คนเดียวซะอีก จากคุณ : Customshop - [ 3 เม.ย. 50 22:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ^_^ จากคุณ : jarntag - [ 4 เม.ย. 50 00:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณค่ะ ได้เรื่องแล้วจะแจ้งให้ทราบค่ะ จากคุณ : งุนงง - [ 4 เม.ย. 50 00:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 14 และ 15 ครับ คนไทยส่วนมาก ขอย้ำเลยครับว่าส่วนมาก จะนิยม การซื้อบ้านจัดสรรที่หน้าตาเหมือนกัน จ่ายค่าแบบ ครั้งเดียวสร้างเป็น สี่ห้าสิบหลัง คุ้มกว่าครับ แต่ถ้าลองเทียบบัญญัติไตรยางค์ดู ถ้าเราทำบ้านหลังนึง แล้วต้องมาจ่ายค่าแบบแพงๆ ก็ไม่อยากได้ เพราะเราก็ ไม่ได้อยากได้บ้านหน้าตาแปลกๆ เพราะคนไทยกลัวเป็น แกะดำในหมู่แกะขาว อันนี้เรื่องจริง ที่พอจะเคยเจอครับ จากประสบการณ์ตรง แต่เรื่องค่าแบบ จะมีอัตราส่วนอย่างที่เพื่อนๆกล่าวมา บางที เรื่องราคาผมว่าขอให้เป็นอันดับรองๆดีกว่าครับ สนใจเรื่อง สไตล์ของสถาปนิกที่เราจะเลือกมาว่าเหมาะ กับสไตล์ของเราไหม ความรับผิดชอบในการดำเนินการ ความซื้อสัตย์ ส่วนเรื่องราคา มันก็จะแปรผันตามข้อความ ข้างบนแหละครับ จากคุณ : experimental - [ 4 เม.ย. 50 02:22:33 ]