ความคิดเห็นที่ 1 ปัญหาของคุณคล้ายกับดิฉันเลยค่ะ ซื้อบ้านเก่าอายุใกล้เคียงกัน พื้นเป็นปาเก้เหมือนกันทั้ง 2 ชั้น ชั้นล่างมีการทรุดตัวเหมือนกัน คงต้องทุบแล้วอัดใหม่ แต่รายละเอียดยังไม่แน่ใจต้องคุยกับผู้รับเหมาก่อน แต่ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องแทน เอ๊ะ ! เราซื้อบ้านหมู่บ้านเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย จากคุณ : สาวทักษิณ - [ 26 เม.ย. 50 16:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่พูดมา ใช่พื้นชั้นล่างหรือไม่ ? หากเดาถูก น่าจะเป็นการออกแบบให้พื้นวางบนดิน และมีการทรุดตัว ช่วงกลางพื้น และ ฝืดเกาะข้างคานคอดินทำให้เป็นคลื่น สันโหนก ตามแนวระหว่างเสาที่มี คานคอดินสอดใต้ อย่างไรก็ตาม ผมไม่ทิ้งประเด็นพื้นบนคานแต่ ใช้น้ำหนักเกินจนพื้นหักก็จะยุบตามแนวคลากแผ่นพื้นได้ ในลักษณะทรงคล้ายๆกัน แนวคิดที่จะผูกเหล็ก เททับ เป็นการเพิ่มน้ำหนักลงไปบนพื้นเดิม ซึ่งทรุดตัวแล้ว หรือ รับน้ำหนักไม่ไหวอยู่แล้ว ..... ฟันธงว่า คิดผิด โปรดจงคิดใหม่ พื้นเดิมหากวางบนดิน การทุบพื้นย่อยออกก่อนเป็นการบดอัดปรับแรงต้านดินใหม่ให้ดีขึ้นก่อน ปรับทรายและบดอัด เทพื้นใหม่ และการทุบออก เพื่อเทพื้นบนคานใหม่หากโครงสร้างเดิมออกแบบตามนั้น ก็เป็นการไม่เพิ่มน้ำหนักทับลงไป การจะเลือกทำวิธีใด ควรที่จะให้ผู้มีความรู้ระดับวิศวกร หรือ สถาปนิกที่ ชำนาญ สังเกตดูว่า ระบบเดิม เป็นอะไรกันแน่ การจ่ายยา โดยไม่รู้สมมติฐานโรคที่แท้จริง ยานอกยาแพงก็อาจไม่มีประโยชน์ฉันใด งานวิศวกรรมก็คงไม่แตกต่างกันสักเท่าไร ครับ จากคุณ : polar bear's sushi (The Polar Bear) - [ 26 เม.ย. 50 17:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลองอ่านดูนะครับอาจได้ประโยชน์บ้างครับ อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าเปลี่ยนพื้นสำเร็จกับพื้นหล่อกับที่ พัง แน่นอน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าไม่น้อยเลย ว่าผู้รับเหมาบ้านเราหลายคนทำให้เกิดอาคารวิบัติ โดยรู้เท่า ไม่ถึงการณ์ โดยการ เปลี่ยนแปลง แบบวิศวกรรมโครงสร้าง ของพื้น จากพื้นหล่อกับที่ธรรมดา ไปเป็นพื้นสำเร็จ เพื่อการทำงาน ที่ง่ายกว่า และบางทีก็เปลี่ยนจาก ระบบพื้นสำเร็จ ไปเป็นพื้นหล่อกับที่ ยามที่หาพื้นสำเร็จ ตามแบบไม่ได้ โดยมักจะบอกกับเจ้าของอาคารว่า "เหมือนกัน" ธรรมชาติของพื้นทั้งสองระบบนี้แตกต่างกันมาก และทำให้อาคารของท่านพังลงมาได้ง่าย ๆ หากลองวิเคราะห์ถึงพื้นฐาน ของการรับแรงในคานดู จะเห็นได้ถึงความแตกต่าง อย่างเด่นชัด พื้นสำเร็จ เป็นการวางแผ่นพื้น ลงบนคานสองด้าน คือหัวและท้าย สมมุติว่าพื้นทั้งผืนนั้น ขนาด 6 x 6 เมตร รวมเป็นพื้นที่ 36 ตร.ม. ต้องการให้รับน้ำหนักได้ ตร.ม. ละ 200 กก. ทำให้จะต้องรับน้ำหนักได้ = 36 x 200 = 7,200 กก. และน้ำหนัก 7,200 กก. นั้นจะถ่ายลง บนคานหัวท้าย สองข้าง คานหัวท้าย จะแบ่งน้ำหนักกัน รับตัวละ = 7,200/2 = 3,600 กก. โดยที่คานด้านข้าง อีกสองตัว อาจจะไม่ได้รับแรงกดอะไรเลย ทำหน้าที่เป็นตัวยึดเท่านั้น . เมื่อเปลี่ยนพื้นสำเร็จ เป็นพื้นหล่อกับที่ การถ่ายน้ำหนัก จะถ่ายลงยังคานทั้ง 4 ตัว (ด้าน) ทำให้คาน แต่ละตัว ต้องรับน้ำหนัก = 7,200/4 = 1,800 กก. คานด้านข้างทั้งสอง ที่ออกแบบ ไม่ให้รับน้ำหนักอะไรเลย ก็ต้องมารับน้ำหนัก 1,800 กก. ทำให้คานนั้นหักได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีพื้นต่อเนื่อง ทางด้านข้างอีก คานที่ไม่ได้ออกแบบมา ให้รับน้ำหนัก อาจจะต้องรับน้ำหนักถึง 3,600 กก. ทีเดียว ส่วนคานด้านหัวท้าย ออกแบบมาให้รับน้ำหนัก 3,600 กก. กลับมีน้ำหนักลงเพียง 1,800 กก. ซึ่งอาจจะทำให้ เกิดปัญหาอื่น ๆ ต่อเนื่องได้ ทำนองเดียวกัน หากเปลี่ยนพื้นหล่อกับที่ธรรมดามาเป็นพื้นสำเร็จ คานที่ออกแบบหัวท้าย รับเฉลี่ย 4 ส่วน ต้องมารับเฉลี่ยเพียง 2 ส่วน ก็จะรับน้ำหนักมากไป และจะเกิดการวิบัติได้ (ออกแบบไว้รับได้ 1,800 กก. ต้องมารับ 3,600 กก.) http://se-ed.net/winyou2/100_1000_1/014.htm ........................................................................ อยากจะยกพื้นบ้านพื้นห้องแถวทำยังไงดี หล่อคอนกรีตลงเทิ่งๆเลย ได้ไหม ก่อนจะทำอะไรทั้งสิ้น ขอให้ท่านเจ้าของบ้านหรืออาคารพาณิชย์ตรวจสอบดู ก่อนว่า ระบบโครงสร้างของบ้านท่านนั้นเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องตรวจ สอบลักษณะของพื้นเดิมท่านเป็นอย่างไรด้วย หากจะต้องการยกขึ้นมา (ได้เพียง เล็กน้อย) หรือจะทุบพื้นเดิมแล้วทำใหม่ ก็น่าจะทำให้อยู่ในระบบการถ่ายน้ำหนัก เหมือนเดิม หากโครงสร้างพื้นท่านเป็นพื้นหล่อกับที่ที่ฝากน้ำหนักไว้กับพื้นดิน (เป็น คอนกรีตเสริมเหล็กวางบนดินโดยตรง) เวลาทำใหม่ก็ต้องทำแบบนั้น อย่าเอาพื้นไป หล่อบนคานให้น้ำหนักถ่ายลงไปที่คาน เพราะคานไม่ได้ออกแบบเตรียมการไว้ให้รับ น้ำหนักพื้น ถ้ามีน้ำหนักใหม่ ถ่ายลงไปที่คาน คานรับน้ำหนักไม่ไหวก็จะหักหรือดึงไป ที่เสาบ้าน ก็จะทำให้เสาของ บ้านท่านเอียง หรือแตกหักเสียหายไปได้ แล้ว อาคารบ้าน เรือนของท่านก็จะเกิดปัญหาตามมามากมาย หากโครงสร้างพื้น ของท่านเป็นระบบพื้นสำเร็จ หมายถึง มีแผ่นพื้นคอนกรีต สำเร็จวางอยู่ที่คาน ซึ่งแผ่นพื้นสำเร็จนั้น ก็จะถ่ายน้ำหนักลงที่คาน ๒ ตัวที่หัวและ ปลายของพื้นสำเร็จ ส่วนคานด้านข้างของแผ่นพื้น (หรือของห้อง) จะไม่ได้รับน้ำ หนักพื้นนั้น ถ้าท่านต้องการ เปลี่ยนพื้นสำเร็จก็จะต้องวางพื้นสำเร็จลงที่คานตัวเดิม อย่า วางผิดทิศผิดทาง ไปจากเดิมเด็ดขาด มิเช่นนั้นคานเดิม ที่ออกแบบไว้ให้รับแรง ได้ก็จะไม่ได้รับน้ำหนัก แต่คานที่ไม่ได้ออกแบบให้รับน้ำหนักได้ต้องรับน้ำหนักมาก มาย คราวนี้คานก็จะเกิดปัญหา อาจจะหักหรือดึงเสาบ้านของท่านให้เกิดปัญหาได้ อย่างที่ได้บันทึกไว้ข้างบน หรือ หากท่านต้องการเปลี่ยนพื้นสำเร็จให้เป็นพื้นหล่อวาง บนดินนั้นทำได้ เนื่องจากแผ่นดินจะรับน้ำหนักไปทั้งหมด แต่ต้องบดอัดพื้นดีๆซึ่ง อาจจะตอกเข็มเล็กๆกระจายเต็มพื้นเพื่อช่วยรับน้ำหนักก็ได้ แต่ห้ามเปลี่ยนเป็นพื้น หล่อกับที่ที่ฝากน้ำหนักไว้กับคานทั้งสี่ด้านเด็ดขาด มิเช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาของคาน บางตัวต้องรับน้ำหนักเกินกว่าที่เตรียมไว้ หากพื้นของท่านเป็นพื้นหล่อกับที่ และฝากน้ำหนักไว้บนคานทั้งสี่ด้านแล้ว เวลาหล่อใหม่ก็ใช้ระบบและแบบของโครงสร้างเดิมได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นระบบถ่าย น้ำหนักลงบนพื้นดินโดยตรงก็ได้ แต่ห้ามเปลี่ยนเป็นระบบพื้นสำเร็จ เพราะจะเกิด ปัญหาว่าคานบางตัวที่เราพาดหัวและท้ายของแผ่นพื้นสำเร็จ จะต้องรับน้ำหนักมาก กว่าปกติแล้วก็จะมีปัญหาตามมาอีก http://se-ed.net/winyou2/100_1000_4/292.htm ........................................................................ พื้นสำเร็จชั้นล่าง อย่าลืมแผ่นพลาสติกกันซึมนะครับ พื้นบ้านชั้นล่างที่อยู่ชิดกับพื้นดิน (บางบ้านอาจจะยกพื้นชั้นล่างขึ้นมาสูงจาก ดินบ้าง) จะมีความชื้นจากดินพยายามแทรกซึมเข้ามาเสมอ ไม่ว่าท่านจะก่อสร้างพื้นด้วย ระบบหล่อกับที่ธรรมดาหรือจะเป็นระบบแผ่นพื้นสำเร็จ ขอให้อย่าลืมปูแผ่นพลาสติก กันความชื้นที่ผิวดินด้วย แผ่นพลาสติกที่ใช้ก็เป็นแผ่นพลาสติกธรรมดาสีขาวๆนั่นแหละ ครับ เพราะแผ่นพลาสติกนี้จะช่วยกันความชื้นไม่ให้ผ่านมาถึงพื้นห้องเราได้ง่ายๆ ถ้าไม่ มีการป้องกันเอาไว้ ความชื้นจะแทรกซึมเข้าทำให้เหล็กโครงสร้างเป็นสนิม และแทรกขึ้น มาทำให้กระเบื้องร่อน ไม้ปาร์เก้ปูด หินอ่อนเป็นจ้ำๆไม่สวยงาม http://www2.se-ed.net/winyou3/100-1000-05/535.htm ..................................................................... อย่าลืมค้ำยันใต้แผ่นพื้นสำเร็จหากยังไม่ได้เทปูนทับหน้า แผ่นพื้นสำเร็จแบบธรรมดาทั่วไป ตัวแผ่นพื้นเองเมื่อวางลงที่บ่าคานแล้วจะมี การแอ่นตัว ยังไม่สามารถที่จะรับน้ำหนักต่างๆได้แม้กระทั่งน้ำหนักของตัวแผ่นพื้นเอง ดังนั้น จะต้องมีการค้ำยันใต้ท้องพื้นเพื่อปรับระดับให้ได้ระนาบก่อนที่จะเทปูนทับหน้า ถ้าไม่มีการค้ำยันปรับระดับใต้ท้องพื้นแล้วเทปูนทับหน้าลงไปเลย จะทำให้เสียปูนเป็น จำนวนมาก มีน้ำหนักที่ไม่จำเป็นไปกดทับแผ่นพื้น ทำให้แผ่นพื้นไม่แข็งแรง เป็นอีกเรื่อง หนึ่งที่อยากจะฝากผู้ก่อสร้างและเจ้าของบ้านให้ช่วยๆกันตรวจสอบครับ เพราะของเล็กๆ น้อยๆแบบนี้จะเป็นอันตรายไม่น้อยครับ http://www2.se-ed.net/winyou3/100-1000-05/533.htm ................................................................... ยกพื้นห้องน้ำ อย่าเทปูนทับลงไป หลายท่านอยากจะเปลี่ยนระดับพื้นห้องน้ำให้สูงขึ้น จึงเทคอนกรีตเพิ่มความ สูงของระดับพื้นเข้าไป ต่อมาเมื่อใช้ไปนานๆห้องน้ำก็เกิดปัญหา บางครั้งก็มีการรั่วซึม ของน้ำที่พื้น หรือสุขภัณฑ์หลายชิ้นทำงานไม่ได้อย่างตั้งใจ ก็เพราะว่าการเทคอนกรีตทับ ลงไปแบบนั้น เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้โครงสร้างพื้นมาก พื้นห้องน้ำนั้นส่วนใหญ่วิศวกร ท่านออกแบบให้รับน้ำหนักได้ประมาณ ๑๕๐–๓๐๐ กิโลกรัมต่อ ๑ ตารางเมตร แต่คอน กรีตที่เราเทปรับระดับไปเพียงความหนา ๑๐ เซนติเมตร ก็เป็นการเพิ่มน้ำหนักไปถึง ๒๔๐ กิโลกรัมเข้าไปแล้ว โครงสร้างก็จะรับน้ำหนักมากเกินไป ปัญหาทั้งหลายก็จะตาม มา ทางที่ดีอย่าไปเพิ่มระดับห้องน้ำเลยครับ หากจำเป็นจริงๆก็ปรึกษาผู้รู้สักหน่อยจะดี กว่าแน่นอนครับ (ผู้รู้คือผู้รู้นะครับ ไม่ใช่คือผู้ไม่รู้แต่พูดเก่งนะครับผม) http://www2.se-ed.net/winyou3/100-1000-05/536.htm ..................................................................... ปูนที่ใช้เททับหน้าพื้นสำเร็จต้องเป็นคอนกรีตและต้องมีเหล็ก เสริมด้วยนะครับ ผู้ก่อสร้างบางคนไม่รู้ (หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้) จะเทปูนผสมทรายเท่านั้นทับ หน้าของแผ่นพื้นสำเร็จ ซึ่งเป็น “ความผิดร้ายแรง” เพราะจะทำให้พื้นมีความแข็งแรงไม่ เพียงพอ เพราะตามกำหนดที่ถูกต้องนั้น เมื่อวางแผ่นพื้นสำเร็จเรียบร้อยแล้ว จัดวาง ปรับระนาบของผิวแผ่นพื้นให้เรียบตรงและเท่ากันทุกแผ่นแล้ว ก็จะต้องวางเหล็ก ตะแกรงลงไปก่อน แล้วจะเท “คอนกรีต” ทับลงไปอีกครั้งหนึ่ง (คอนกรีต หมายถึง ปูน+ทราย+หิน) จึงจะมีความแข็งแรงเพียงพอ http://www2.se-ed.net/winyou3/100-1000-05/534.htm .......................................................... ระวัง ระวัง ผู้รับเหมาใจดี จะแถมพื้นคอนกรีตให้ท่านหนาเกินไป ในการออกแบบทั้งหลายทั้งมวล วิศวกรโครงสร้างได้ออกแบบพื้นคอนกรีตไว้หนาเพียงพอแล้ว อย่าให ้ผู้รับเหมา เทพื้นคอนกรีต ให้หนาเกินกว่า ที่แบบกำหนด ด้วยความใจดี (หรือผิดพลาด) แล้วมา บอกคุณว่า "แข็งแรงขึ้น" เพราะนั่น อาจเป็นสาเหตุ ให้อาคารของคุณ พังลงมาได้ เพราะคอนกรีต เป็นวัสดุ ที่ หนักมาก 1 ลูกบาศก์เมตร หนักตั้ง 2,400 กิโลกรัม หากเขาเทคอนกรีต หนาขึ้นเพียง 5 เซนติเมตร คิดเป็น น้ำหนัก ที่โครงสร้าง ต้องรับ เพิ่มขึ้นถึง 2,400 x 0.05 = 120 กิโลกรัม และตามกฎหมาย บ้านพักอาศัย จะออกแบบ ให้รับน้ำหนักได้เพียง 150 กิโลกรัม / ตร.ม. พอมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยไม่จำเป็นตั้ง 120 กิโลกรัม ก็เลยเหลือความแข็งแรง ที่โครงสร้างจะรับได้อีกเพียง 150-120 = 30 กิโลกรัม เท่านั้นเอง ...................................................................................................... จากหนังสือ ร้อยพันปัญหาในงานก่อสร้าง โดย ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ ( อ. ยอดเยี่ยม  เคยเป็นอดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยาม ฯ ) แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 50 18:01:40 จากคุณ : Learn and Live - [ 27 เม.ย. 50 18:00:02 ]