ความคิดเห็นที่ 1 DTS โดยทั่วไปมักจะเรียกกันว่า DTS เป็นระบบดิจิตอล เซอร์ราวนด์ มัลติ-แชนแนล ระบบหนึ่งที่ได้รับการยอมรับ จัดเป็นบรรทัดฐาน (FORMAT) ซึ่งจะมีอัตราการส่งผ่านข้อมูลที่สูงกว่าระบบ Dolby Digital รวมทั้งจะใช้สัดส่วนในการบีบอัดข้อมูลที่ต่ำกว่า (lower compression) ระบบ Dolby Digital ทำให้คุณภาพเสียงที่ได้ โดดเด่นและครบสมบูรณ์กว่าระบบ Dolby Digital โดยจะสามารถบรรจุข้อมูลสัญญาณเสียงเซอร์ราวนด์ได้มากถึง 5.1 แชนแนล เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์และดนตรีที่บันทึกอยู่ใน DVD-Video ,CD และ LD ที่มีสัญลักษณ์ DTS กำกับอยู่ DTS 96/24 ตามธรรมดาระบบเสียงดิจิตอล เซอร์ราวนด์มักจะใช้อัตราสุ่มสร้างตัวอย่างข้อมูลอยู่ที่ 44.1 หรือ 48 kHz ดังนั้นความถี่เสียงตอบสนองของระบบจึงมักจะครอบคลุมได้สูงสุดที่ 20 kHz สำหรับ DTS 96/24 อัตราสุ่มสร้างตัวอย่างข้อมูลจะขึ้นไปอยู่ที่ 88.2 หรือ 96 kHz ทำให้ได้มาซึ่งความถี่เสียงตอบสนองที่กว้างขวางยิ่งขึ้นครอบคลุมขึ้นไปเกินกว่า 40 kHz ในขณะเดียวกันฟอร์แมตนี้ก็สามารถรายละเอียดข้อมูลได้มากถึง 24 บิต DTS 96/24 ก็เฉกเช่นเดียวกับ DTS Surround ที่สามารถส่งมอบจำนวนช่องเสียงได้ 5.1 แชนแนล ทว่าด้วยคุณภาพเสียงที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า นอกจากนี้ DTS 96/24 ยังสามารถใช้งานเข้ากันได้กับฟอร์แมต DTS Surround ธรรมดา DTS-ES Discrete นี่คือความสมบูรณ์แบบที่สุดของระบบ DTS-ES เพราะสัญญาณเสียงของ Surround Back จะถูกแยกบันทึกไว้เป็นข้อมูลดิจิตอลอิสระ จึงสามารถเรียกได้ว่าเป็น ระบบเสียง 6.1 แชนแนลแท้จริง สามารถถ่ายทอดบรรยากาศเสียงรายรอบได้ถึง 360 องศาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่สำคัญแม้ว่าแผ่นดีวีดีที่ได้รับการบันทึกด้วยระบบนี้จะยังคงสามารถนำไปเล่นกลับได้กับระบบถอดรหัสข้อมูล ดิจิตอล เซอร์ราวนด์ DTS ธรรมดาได้อย่างปกติ โดยจะให้ข้อมูลเสียงเป็น 5.1 แชนแนล เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์และดนตรีที่บันทึกอยู่ใน DVD-Video ,CD และ LD ที่มีสัญลักษณ์ DTS-ES กำกับอยู่ DTS-ES Matrix แม้ว่าจะมีสัญญาณเสียง Surround Back จ่ายออกในลักษณะของ ระบบเสียง 6.1 แชนแนล ทว่าสัญญาณเสียง Surround Back นี้จะมิได้ถูกบันทึกแยกไว้เป็นข้อมูลดิจิตอลอิสระ (เหมือนอย่าง DTS-ESä Direct 6.1) โดยจะใช้การเข้ารหัสในระบบอนาล็อกแบบ MATRIX ที่ “ซ่อน” สัญญาณเสียง Surround Back มากับช่องสัญญาณเสียงเซอร์ราวนด์ ซ้าย-ขวา ทำให้การแยกสัญญาณเสียง Surround Back ไม่เป็นอิสระอย่างแท้จริง แต่ก็สามารถสร้างสภาพเสียงรายรอบได้ดีกว่าธรรมดา ดังนั้นระบบนี้ก็จะยังคงสามารถนำไปเล่นกลับได้กับระบบถอดรหัสข้อมูล ดิจิตอล เซอร์ราวนด์ DTS ธรรมดาได้อย่างปกติ โดยจะให้ข้อมูลเสียงเป็น 5.1 แชนแนล เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์และดนตรีที่บันทึกอยู่ใน DVD-Video ,CD และ LD ที่มีสัญลักษณ์ DTS-ES กำกับอยู่ DTS NEO:6 ระบบนี้จะเหมาะกับการใช้งานสำหรับการ “สร้าง” สัญญาณเสียง 6.1 แชนแนลจากการป้อนสัญญาณเสียง 2 แชนแนล รวมทั้งยังสามารถใช้งานกับแหล่งสัญญาณเสียงที่บันทึกมาในระบบ 5.1 แชนแนลได้ด้วย โดยจะมี 2 โหมดให้เลือกใช้งานเพื่อความเหมาะสมกับรูปแบบสัญญาณขาเข้ากับลักษณะการรับฟัง มันออกจะคล้ายๆกับวิธีการของ Dolby Pro Logic IIx เพียงแต่ต้องทดลองเลือกใช้ดูตามความเหมาะสมของโปรแกรม จาก : wijitboonchoo.com - - 22/03/05 11:25:34 จากคุณ : อิงเจิ้ง - [ 21 พ.ค. 50 18:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Digital Ready ช่องต่อที่ทำไว้เผื่อเอาสัญญาณจากเครื่องอื่นที่เป็นดิจิตอล5.1มาต่อเข้าช่องอนาล็อก หรือช่องที่พร้อมจะขยายจากโปรเซสเซอร์เพิ่มเติมให้เป็น5.1แบบใดๆก็ได้ แล้วแต่จะระบุ หรือวงจรเครื่องที่นำมาเพิ่มเติมสามารถให้ได้ DOLBY DIGITAL5.1 ก็ระบบดอลบี้ดิจิตอล5.1ช่องเสียงธรรมดานี้เอง Digital Suround 5.1 เหมือนกับข้างบนครับ Dolby Digital EX. ระบบดอลบี้ดิจิตอลที่เพิ่มช่องเซอร์ราวนด์กลางด้านหลังขึ้นมาจากกระบวนการแมตทริกซ์สัญญาณอีกหนึ่งช่อง ดอลบี้ห้ามเรียกเป็น6.1 ให้เรียกว่า มีแค่5.1+1 matrixครับ Dolby Digital Prologic II ตัวนี้เรียกผิดครับ ไม่มีในสารบบเซอร์ราวนด์ดอลบี้ ควรเรียกว่าDolby Prologic II ซึ่งเป็นระบบโปรลอจิกที่ทำขึ้นมาให้มีลักษณะเสียงแบบคล้ายๆ5.1มากขึ้น แต่ยังคงใช้สัญญาณแค่สเตอรีโอในการแมททริกซ์สัญญาณครับ DOLBY DIGITAL SURROUND EXมิได้มีช่องเสียงมากมายถึง7ช่องเสียงอย่างที่เข้าใจกัน ดอลบี้ยังคงยึดเอาหลักพื้นฐานของวงจรชนิด5.1หรือ6ช่องเสียงเอาไว้ ได้แก่ แชนแนลหน้าซ้าย กลาง ขวา และแชนแนลหลังที่มีเซอร์ราวนด์ซ้าย และขวาอีกสองช่องเสียง พ่วงซับวูฟเฟอร์สำหรับความถี่ต่ำเฉพาะอีกหนึ่งช่องเราเรียกว่า .1แชนแนล ดังนั้นระบบดั้งเดิมของดอลบี้ดิจิตอล จะเป็น6ช่องเสียง หรือ5.1 เมื่อต้องการจะเพิ่มสัญญาณเซอร์ราวนด์ด้านหลังอีกหนึ่งช่อง เขาจะนำมันมาไว้ตรงตำแหน่งกลาง ระหว่างช่องเสียงเซอร์ราวนด์ซ้ายและขวา ทำให้ด้านหน้ามีลำโพงสามตู้หลัก ด้านหลังก็มีลำโพงสามตู้ด้วยเช่นกัน (ในโรงหนังจะดูว่ามีลำโพงเซอร์ราวนด์นับสิบตู้ แต่จริงๆแล้วช่องเสียงมีเพียงแค่สามช่องเท่านั้นเอง) วิธีการของดอลบี้เขาเพิ่มสัญญาณของเซอร์ราวด์หลังอีกหนึ่งช่องได้อย่างไร? คำตอบก็คือ นำเอาสัญญาณเสียงที่ต้องการบันทึก ทำการสวมรอยปนเข้าไปในช่องเสียงเซอร์ราวนด์สองช่องแต่เดิม เราเรียกว่าการ  แมททริกซ์MATRIX สัญญาณที่ต้องการบันทึกนั้นได้ถูก กลับเฟสเสียงแล้วใส่ลงไปในช่องเสียงเซอร์ราวนด์ เมื่อใช้เครื่องรีซีพเวอร์มาถอดรหัส ก็จะได้เสียงเซ็นเตอร์เซอร์ราวนด์ หรือเซอร์ราวนด์แบ็คขึ้นมาอีกหนึ่งช่อง ดอลบี้แล็ปส์ ประกาศว่าระบบนี้จะไม่เรียกเป็น 6.1ดังที่หลายคนชอบเอาไปพูดกันผิดๆ แต่มันคือระบบ5.1+MATRIX เท่านั้น เสียงรอบทิศด้านหลังที่เพิ่มขึ้นจะปรากฏ ก็ต่อเมื่อได้ดูหนังจากแผ่นดีวีดีที่บันทึกสัญญาณมาในแบบDOLBY DIGITAL SURROUND EX แต่ผู้ผลิตเครื่องรีซีพเวอร์ปัจจุบันหัวใสมาก นำเอาวงจรดอลบี้ดิจิตอล มาปรับใช้ให้ได้เซอร์ ราวนด์แบบ SURROUND EX เพื่อใช้กับแผ่นดีวีดี5.1ได้ หรือพูดง่ายๆ ป้อนหนังแบบ5.1 ก็สามารถฟังเสียงเซอร์ราวนด์เพิ่มเป็นคล้ายๆ5.1+MATRIXได้ แผ่นไม่บันทึกมาฉันก็ทำเอง ไม่เห็นจะลำบากอะไร แต่สัญญาณเทียมเหล่านั้น จะทำให้ได้เสียงกว้างกว่าใช้ระบบเสียง5.1ธรรมดาเล็กน้อย แต่ไม่อาจจะช่วยให้เสียงเซ็นเตอร์เซอร์ราวนด์มีความชัดเจนอะไรขึ้นมาได้ ระบบเสียงDOLBY DIGITAL SYURROUND EX นั้นมีใช้ทั้งในโรงภาพยนตร์และชุดโฮมเธียเตอร์ภายในบ้าน ทางบริษัทDTS เห็นว่าทางดอลบี้ชิงตัดหน้า ตลาดเซอร์ราวนด์ไปแล้ว ก็ไม่อยากจะเพลี่ยงพล้ำ จึงออกแบบระบบเสียงที่เป็น7ช่องเสียงแบบแยกอิสระขึ้นมาเกทับในทันที ระบบนี้เรียกว่าDTS ES ซึ่งจะเป็นระบบที่มีใช้เฉพาะในโฮมเธียเตอร์เท่านั้น ไม่มีใช้ในโรงหนัง การบันทึกลงในแผ่นดีวีดีเขาจะทำแชนแนลแยกอิสระเป็น7ช่องเสียงจริงๆ ไม่มีการอิงแอบสัญญาณแบบMARIXปลอมๆลงไป เครื่องเล่นรีซีพเวอร์จะต้องมีวงจรถอดรหัส DTS ESจึงจะถอดออกมาได้ แชนแนลสัญญาณของDTS ESนั้นจะมีแชนแนลหน้าสามช่อง  แชนแนลหลังสามช่อง พร้อมช่องซับวูฟเฟอร์ความถี่ต่ำอีกหนึ่งช่อง รวมเป็น6.1หรือ7ช่องเสียง เป็นระบบที่เรียกได้ว่าน่าจะให้ เสียงดีที่สุดในโฮมเธียเตอร์ครับ(ถ้าบันทึกได้ดีจริงๆด้วยนะ) หลังจากที่บริษัทดีทีเอส ออกชิพDTS ES ในตลาดโฮมเธียเตอร์ ก็ปรากฏว่ากระแสตอบรับมาแรงมาก แต่สถานะบริษัทเองเริ่มย่ำแย่ เพราะในโรงหนัง มีการใช้ระบบDTSลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ อันเนื่องมาแต่การใช้ข้อมูลจำนวนมากต่อการบันทึกลงในแผ่นซีดีรอมเพื่อใช้ในโรงหนังซึ่งต้องแยกจากฟิล์ม แม้คุณภาพเสียงของDTS จะเหนือกว่าดอลบี้ถึงสามเท่าตัว ความไม่สะดวกในการใช้งานนั้นแหละฆ่าตัวระบบเองไปในที่สุด ส่วนในการบรรจุข้อมูลเสียงลงแผ่นดีวีดี อัตราบิตเรตของดีทีเอสมีมากถึง1400กิโลบิตต่อวินาที ทำให้แผ่นที่ใช้บันทึกต้องเป็นDVD9 เท่านั้น และแผ่นดีวีดีระบบเสียงDTSจะบันทึกสัญญาณเสียงแบบดอลบี้เสริมลงไปไม่ได้ เนื่องจากพื้นที่ในแผ่นไม่เพียงพอ เป็นเรื่องยุ่งยากของขั้นตอนการผลิตแผ่น โรงงานหรือผู้ผลิตดีวีดีจึงงดใช้ระบบเสียงDTSในแผ่น นั่นยิ่งทำให้บริษัทDTS ถึงคราวอับจนโดยแท้ แต่ก็นับว่าโชคร้ายได้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นเมื่อผู้บริหารใหม่ ทำการยกเครื่องระบบDTS ให้บันทึกร่วมไปกับระบบเสียงดอลบี้ได้ในดีวีดีแผ่นเดียว ด้วยเหตุนี้ ระบบเสียง DTS จึงเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้นในปัจจุบัน หากถามว่าในทางเทคนิคเขาทำได้อย่างไร? คำตอบก็คือ การลดอัตราบิตเรตของข้อมูลลงมาครึ่งหนึ่ง เหลือประมาณ700-800กิโลบิตต่อวินาที ซึ่งก็นับว่า ยังคงให้รายละเอียดเสียงที่ดีกว่าดอลบี้ถึงหนึ่งเท่าตัวอยู่ดี ระบบดอลบี้ดิจิตอล มีอัตราบิตเรตเสียงสูงสุดแค่320-380กิโลบิตต่อวินาทีเท่านั้นเอง สำหรับระบบที่ออกแบบมาใหม่ DTS 24BIT /96KHZนั้นก็คือระบบที่ทางDTS คิดมาใช้สำหรับรูปแบบมัลติแชนแนลสำหรับบันทึกเพลงลงในแผ่นดีวีดี ที่ให้ทุกแชนแนลบันทึกในโค๊ด24/96ทุกแชนแนล เพื่อคุณภาพเสียงสูงสุดเท่าที่จะทำได้ กลยุทธ์ทางการตลาดดอลบี้นั้นเป็นรู้กันว่ารวดเร็วและได้เปรียบเสมอ หากคุณได้ดูหนังโรง ระบบเสียงที่ได้ยินมากกว่า 70-80เปอร์เซ็นต์เป็นระบบดอลบี้ เหลือให้ระบบSDDS บ้างเล็กน้อย ในขณะที่เสียงแบบDTS เหมือนตายไปแล้วจากโรงหนัง ดังนั้นการหันมาฟื้นฟูDTS ในโฮมเธียเตอร์ ทำให้ สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ด้วยคุณภาพของเสียงล้วนๆ แผ่นดีวีดีชั้นดี จะต้องบันทึกในระบบDTS โดยเฉพาะแผ่นที่ออกวางตลาดพิเศษสำหรับนักสะสมแผ่นดีวีดีทั้งหลาย การแข่งขันในเชิงการตลาดระบบเสียงระหว่างดอลบี้ และดีทีเอสยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่ระบบSDDS เจ้าของเสียงแบบ8แชนแนลกลับไม่สนใจใยดีในการวางระบบเซอร์ราวนด์ภายในบ้านแต่อย่างใดเลย จาก : wijitboonchoo.com - - 23/01/05 19:06:34 จากคุณ : อิงเจิ้ง - [ 21 พ.ค. 50 18:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อธิบายได้เห็นภาพเลยครับได้ความรู้เพิ่มอีก จากคุณ : แสบ (somsakph) - [ 21 พ.ค. 50 19:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ระบบ SDDS มันเป็นอย่างไรครับ จากคุณ : acleless - [ 22 พ.ค. 50 15:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ความสับสนในช่องสัญญาณของโฮมเธียเตอร์ และโรงภาพยนตร์ ระบบเสียงในโรงภาพยนตร์ปัจจุบัน เราเรียกกันว่าเสียงแบบหลายช่องเสียงหรือมัลติแชนแนล  มันเป็นการนำเอาสัญญาณดิจิตอลจากการบันทึกริมขอบฟิล์มหนัง ในแบบของดอลบี้เซอร์ราวนด์  และในซีดีรอมของDTS มาถอดออกเป็น6ช่องเสียง อันนี้คือพื้นฐาน แต่ก็ยังมีอีกรูปแบบ 8 ช่องเสียง ในระบบโรงหนังของโซนี SDDS เท่านั้นที่เป็นการทำช่องเสียงได้กว้างขวางที่สุดคือ7.1แชนแนล เท่าที่เห็นในโรงหนังมีลำโพงชุดหลังและด้านข้างเป็นราวไม่ต่ำกว่าสิบถึงสิบห้าตู้ ก็อย่าไปคิดว่ามีระบบ20แชนแนลขึ้นมาล่ะ เพราะลำโพงเซอร์ราวนด์ในโรงหนังนั้นเขาต้องมีมากๆก็เพื่อให้ได้เสียงครอบคลุมผู้ชมจำนวนมาก แท้จริงแล้ว ช่องสัญญาณจากหนัง มีไม่เกิน5.1-7.1แชนแนลตามแต่ว่าจะเป็นระบบใด แต่โซนีก็ยังไม่มีนโยบายนำเอาSDDS มาใช้ในในโฮมเธียร์เตอร์ครับ แถมครับ ระบบโฮมเธียเตอร์ ที่มีแผ่นซอฟท์แวร์วางจำหน่ายแตกต่างหลายฟอร์แมทช์ นั้นอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ตั้งมากมาย คำว่า5.1CH,6.1CH,7.1CH,8.1CH นี่มันอะไรกัน ฟังคนขายเพลินๆจากทำท่างว่ารู้เรื่อง กลายเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่ไม่ยากอะไรเลย เพียงแต่คนอธิบาย มักจะพูดในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจ ไม่พยายามคิดว่าคนซื้อนั้นมีประเภทไม่รู้อะไรเลยสักอย่างด้วยเช่นกัน หรือไม่ก็มาจากคนขายเองก็ไม่ค่อยจะรู้จริง กะว่าจะขายให้พ้นๆไปที เท่านั้นแหละ ระบบ6แชนแนล เขามาเรียกเป็น5.1ได้อย่างไร? ก็เพราะสัญญาณทั้งหกช่องเสียงในDOLBYและ DTS มีแชนแนลดังต่อไปนี้  ด้านหน้าจอภาพยนตร์  มี ซ้าย กลาง ขวา ด้านหลังมีแชนแนลซ้ายและขวา รวมห้าช่องสัญญาณ ช่องสัญญาณเหล่านี้ ให้ความถี่ครบถ้วนเท่าที่เราจะพึงได้ยินคือ20-20,000เฮิตรซ์ ที่เหลือในแชนแนลที่6เป็นช่องเสียงของSUBWOOFERที่เป็นความถี่ต่ำล้วนๆ ตอบสนองความถี่ได้สูงไม่เกิน100เฮิรตซ์ เท่านั้น เขาจึงบัญญัติกันว่า เมื่อทำความถี่ไม่ครบ ก็อย่าถือเป็นหนึ่งช่อง ให้เรียกว่า ช่อง.1แชนแนล ดังนั้นระบบหกช่องเสียงจึงกลายเป็น5.1ด้วยประการฉะนี้ จาก : wijitboonchoo.com - - 06/06/03 23:49:52 จากคุณ : อิงเจิ้ง - [ 22 พ.ค. 50 16:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เยี่ยมเลยครับ ขอเข้ามาเก็บความรู้ครับ จากคุณ : ong (misthematrix) - [ 25 พ.ค. 50 23:32:55 ]