ความคิดเห็นที่ 1 - ความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้   การผ่อนชำระไม่ควรเกิน 30 % ของรายได้/เดือน   จะได้ไม่เครียด -  ควรมีเงินเก็บบ้างอย่างน้อย  30 %  และกู้ธนาคาร  เพียง  70  % -  ช่วงปลายปี 2550  ดอกเบี้ยเงินกู้น่าจะลงอีกจากเดือนปัจจุบัน   ปี 2551  ก็น่าจะลง ???  และการกู้เงินลองกู้ชนิดคงที่อย่างน้อย  3  ปี  จะได้ไม่ต้องกังวลกับดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง ( ดอกเบี้ยเพิ่ม  1 %  ยอดเงินผ่อนจะเพิ่มประมาณ  8 % ) -  ควรผ่อนทีละอย่าง   ไม่ควรผ่อนสิ่งของราคาแพง ๆ หลายอย่างพร้อมกัน   เพราะจะทำให้สภาพคล่องด้านเงินน้อยลง  จะทำให้เครียด -  ควรถมดินที่จะปลูกบ้านก่อนอย่างน้อย  1  ปี   เพื่อให้ดินทรุดตัวดี -  ควรเตรียมเงินให้เกินราคาบ้านอย่างน้อย  10 - 15 %  เพราะส่วนมากบานปลาย - วางแผนขนาดพื้นที่ใช้งาน   รูปทรง  ฮวงจุ้ยการวางตำแหน่งห้องต่าง ๆ  ( ถ้าเชื่อถือ )  ควรให้สถาปนิก  หรือวิศวกรโยธา  ออกแบบเพราะจะได้บ้านที่แข็งแรง   ทนทาน  และได้มาตรฐาน -  ควรดูทิศทางหน้าบ้านให้เหมาะสม  เช่นควรปลูกให้หน้าบ้านหันไปทิศใต้  หรือ  ทิศเหนือ  ตย. ทิศใต้  จะมีลมพัดมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เข้าหน้าบ้านประมาณ  8  เดือน   และมีลมหนาวพัดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  เข้าหลังบ้านประมาณ  4  เดือน -  ควรมีพื้นที่ว่างอย่างน้อย  30  %  เพื่อปลูกต้นไม้ต่าง ๆ  ทั้งมีดอกหอม   ใบสวย  ให้ร่มเงา  ฯลฯ -  ถ้าจะปลูกบ้านควรทำสัญญา  และแบ่งชำระเงินตามความก้าวหน้างานที่ทำ   อย่าจ่ายหมดในครั้งเดียวเพราะจะโดนโกงได้   และอย่าเลือกบริษัท ฯ ที่เสนอราคาถูก  เพราะอาจได้งานที่ไม่มีคุณภาพ  หรือถูกโกงได้ - ถ้าไม่มีความรู้เรื่องการควบคุมงานก่อสร้าง  ให้หาเพื่อนที่จบสถาปนิก  วิศวกรโยธา   หรือช่างที่รู้จักและนิสัยดี   มาควบคุมงานโดยเฉพาะงานฐานราก ( เสาเข็ม ) งานโครงสร้าง ( เสา   คาน   พื้น )  ฯลฯ  ที่ต้องควบคุมอย่างใกล้ชิด  จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง รอผู้รู้ท่านอื่น ๆ มาให้คำแนะนำด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 50 17:42:57 จากคุณ : Learn and Live - [ 29 พ.ค. 50 17:39:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณมากๆเลยคะ จะรอผู้รู้อีกหลายๆคนนะคะ หลากหลายไอเดีย จะได้มั่นใจมากๆคะ จากคุณ : I'm here - [ 29 พ.ค. 50 17:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ออกแบบให้เสร็จก่อนครับ แล้วให้ผู้ออกแบบ(แนะนำให้เป็นสถาปนิก) ทำ BQ ให้ด้วย เพื่อใช้ในการเสนอยื่นกู้ แบงค์ก็จะประเมินราคาค่าก่อสร้างจากแบบที่เราส่งไปด้วยครับ ส่วนใหญ่จะให้เกือบ ร้อยเปอร์เซนต์ของค่าก่อสร้าง แต่จะไม่เกินเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ของ ราคาที่ดิน+ค่าก่อสร้าง ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติผู้กู้ จากคุณ : amnuaysilpa 63 - [ 29 พ.ค. 50 23:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แอบมาเก็บข้อมูลด้วยค่ะ คุณ live and learn ให้คำแนะนำไว้เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ จะรอดูต่อนะคะ จากคุณ : da dent - [ 30 พ.ค. 50 00:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 BQ คือ อะไรคะ ไม่รู้จักอ่ะค่ะ รบกวนช่วยอธิบายหน่อยคะ ขอบคุณมากเลย อีกหนึ่งคำถามคะ ดิฉันเคยโทรถามทางแบงค์เรื่องศักยภาพให้การกู้เงินของตัวเองโดยคิดจากฐานเงินเดือนเท่านั้น ดิฉันสามารถกู้ได้ ประมาณ เจ็ดแสนห้าคะ แล้วแบบบ้านที่กำลังจะสร้างประเมินราคาก่อสร้างจะประมาณ เจ็ดแสน ส่วนที่ดิน ตามที่เคยเสียค่าธรรมเนียมการโอนโฉนด เค้าตีไว้ที่สามแสน ไม่ทราบว่าดิฉันจะสามารถกู้ได้กี่แสนคะ ขอแอบอีกคำถามหนึ่งคะ เราต้องรังวัดที่ดินใหม่มั้ยคะ คือ หลักเขตมีไม่ครบสี่หลักด้วยอ่ะคะ ขอบคุณคะ จากคุณ : I'm here - [ วันวิสาขบูชา 09:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตรวจสอบเหตุการณ์ย้อนหลังด้วยว่าบริเวณที่ดินของคุณ เคยถูกน้ำท่วมหรือไม่ ทั้งแม่น้ำปิง แม่น้ำสาขา น้ำป่า(จากภูเขา) หรือแม้แต่คลอง  แล้ววางแผนสร้างบ้านสองชั้น ยกพื้นสูง พร้อมทั้งแผนกันน้ำเข้าหรือระบายน้ำออกจากบ้าน จากคุณ : Zenithius - [ 3 มิ.ย. 50 19:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 BQ = ใบเสนอราคา  ( ไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือไม่ ?? ) ถ้าความสามารถกู้เงินคิดจากฐานเงินเดือนเท่านั้นตามที่ จขกท. บอก   แสดงว่า   ถึงโฉนดจะเคยมีการประเมินราคาได้  300,000  บาท  ธนาคารก็คงไม่นำมาใช้ในการเพิ่มวงเงินกู้ให้   ยกเว้นนำโฉนดไปใช้เพื่อขอกู้กับสถาบันอื่น ๆ ที่ยินยอม   ตย. เช่น  สหกรณ์ออมทรัพย์  เป็นต้น   แต่ต้องดูดอกเบี้ยเงินกู้ด้วยนะครับ ถ้ารังวัดไม่สมบูรณ์  หรือไม่ถูกต้อง   การทำให้เรียบร้อยจะช่วยให้เราทราบข้อมูลว่ามีพื้นที่เท่าไรที่ใช้ในการสร้างบ้านครับ   อาจได้เพิ่มขึ้น  ???  หรือลดน้อยลง ???  แต่เจ้าของที่ดินได้ประโยชน์แน่นอนครับ  ถ้าพิจารณาถึงผลประโยชน์ในระยะยาวและการเสียเงินเพื่อรังวัดใหม่ แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 50 16:38:41 จากคุณ : Learn and Live - [ 4 มิ.ย. 50 16:38:11 ]