PANTIP.COM : R5565254 การผ่อนบ้านต่างจากการผ่อนรถอย่างไรครับ มีวิธีคิดอย่างไร [ที่พักอาศัย]

ความคิดเห็นที่ 2

ผ่อนรถยนต์ส่วนใหญ่ใช้วิธีที่เรียกว่า ลีสซิ่ง เขาคิดกันอย่างนี้
ตัวอย่าง : รถยนต์ราคา 500,000 บาท จ่ายเงินดาวน์ไป 100,000 บาท ยอดกู้จากไฟแนนซ์เท่ากับ 400,000 บาท สมมติดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี ถ้าต้องการผ่อน 4 ปี ก็คิดดอกเบี้ยเท่ากับ 4 x 3.5/100 = 0.14 หรือ 14% ของเงินกู้ ก็เท่ากับ 0.14 x 400,000 = 56,000 บาท รวมยอดที่ต้องผ่อนเท่ากับ 400,000 + 56,000 = 456,000 บาท ในระยะเวลา 4 ปี หรือ 48 เดือน ดังนั้นยอดเงินผ่อนต่อเดือนจะเท่ากับ 456,000/48 = 9,500 บาท แล้วเราก็ต้องผ่อนยอดนี้ไปเป็นระยะเวลา 48 เดือน ไม่สามารถโปะเพิ่มให้ลดต้นลดดอกมากกว่าปกติได้ เพราะแบบนี้มันเป็นแบบ จ่ายดอกเบี้ยคงที่และลดเงินต้นคงที่ด้วย อย่างไรก็ตามหากเราไถ่ถอนก่อนครบอายุ 48 เดือน เขาก็จะมีส่วนลดให้เล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆ ซึ่งไม่คุ้ม ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่ควรทำ)

บางแห่งมีการให้กู้ผ่อนรถยนต์แบบลดต้นลดดอก ไม่แน่ใจว่าจะเหมือนกับการกู้บ้านหรือไม่ต้องลองถามแบงก์ดู

ส่วนวิธีคิดค่างวดผ่อนบ้านนั้นจะใช้วิธีที่ว่า เมื่อมีการจ่ายเงินงวดในแต่ละงวดแบงก์ก็จะคิดดอกเบี้ยงวดนั้น เพื่อหักเงินค่าดอกเบี้ยจากเงินงวดก่อน แล้วค่อยหักเงินต้นจากเงินงวดที่เหลือ เช่น ยอดกู้แบงก์ 400,000 บาท ดอกเบี้ย 7% ต่อปี สมมติงวดแรกเราจ่ายที่ประมาณ 30 วันหลังจากทำสัญญา ดอกเบี้ยก็จะเป็น 400,000 x 7%/365 x 30 = ประมาณ 2,301 บาท ถ้าเงินงวดคือ 2,700 บาท เขาก็หักดอกก่อนจะเหลือ 2,700 - 2,301 = 399 บาท สำหรับหักเงินต้น พอเดือนต่อไป เงินต้นเราลดลง (เล็กน้อย) ดอกเราก็จะลดลดเล็กน้อยเช่นกัน เงินต้นที่ผ่อนชำระก็จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย พอผ่อนไปเรื่อยๆ ยอดต่างๆมันก็จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นลำดับกล่าวคือ เงินต้นคงค้างลดลงเรื่อยๆ ดอกเบี้ยจ่ายในแต่ละงวดลดลงเรื่อยๆ เงินต้นจ่ายในแต่ละงวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้ ดังนั้นช่วงแรกๆจะผ่อนดอกเบี้ยเยอะมากๆ และเงินต้นน้อยมากๆ ต้องเป็น ท. ทหาร อดทนครับ ซึ่งจะแตกต่างกับการผ่อนแบบลีสซิ่งซึ่งต้องจ่ายต้นและดอกคงที่ทุกเดือน การคำนวณว่าจะผ่อนบ้านด้วยเงินงวดเท่าไหร่ วิธีง่ายๆคือใช้สูตรใน โปรแกรม Microsoft Excel เข้ามาช่วย โดยพิมพ์สูตรว่า =PMT(Rate,Period,PresentValue) โดยที่ Rate = อัตราดอกเบี้ยต่องวด หรือต่อเดือน เช่น 7% ต่อปี ก็ทำเป็นต่อเดือน โดยเอา 12 ไปหารเป็น 7%/12 = 0.583% , Period คือระยะเวลาเป็นงวด ก็คือเดือนนั่นเองเช่น ถ้าเราต้องการกู้ 30 ปี ก็เท่ากับ 360 เดือน , PresentValue ก็คือยอดเงินกู้นั่นเอง เช่น 400,000 บาท เมื่อกรอกข้อมูลครบแล้ว มันก็จะคำนวณยอกเงินงวด (ต่อเดือน) = ประมาณ 2,661 บาท ตัวเลขติดลบแปลว่าเราต้องจ่ายเงินออกไป (เพราะในสูตรนี้เมื่อเรา "ได้ร้บ" เงินกู้เข้ามา ให้คิดเป็นบวก การจ่ายออกให้คิดเป็นลบ) ไม่ต้องสนใจเครื่องหมายลบ ถ้าไม่ได้เอาไปคำนวณในสูตรอื่นๆต่อไป

ทีนี้ลองเอาการกู้แบบลดต้นลดดอกมาผ่อนรถบ้างจะเป็นยังไง ก็ใส่สูตร
=PMT(7%/12,48,400000) = 9,578 บาทต่อเดือน เมื่อเทียบกับลีสซิ่งจะเห็นว่าดอกเบี้ยแบบลีสซิ่งจะแสดงไว้ต่ำกว่าแบบลดต้นลดดอก ประมาณครึ่งนึง เช่น ในตลาด ณ ปัจจุบ้นดอกผ่อนรถจะอยู่ประมาณ 3.5% (ลีสซิ่ง) ดอกผ่อนบ้านจะอยู่ประมาณ 7% (MLR) ตามที่ผมยกตัวอย่างมาข้างต้น จะเห็นว่าถ้าเราเอามาผ่อนรถทั้งสองแบบจะให้ค่าผ่อนที่ใกล้เคียงกัน คือ ในระยะ 4 ปี ผ่อนแบบลีสซิ่ง กับ ผ่อนแบบลดต้นลดดอก จะมีเงินงวดประมาณ 9,500 บาทเท่าๆกัน ที่ดอกเบี้ยตลาดคือ 3.5% และ 7% ต่อปีตามลำดับ ตรงนี้บอกอะไรเรา ก็บอกว่าอัตราดอกเบี้ยสำหรับการผ่อนรถ (ลีสซิ่ง) นั้นไม่ได้ถูกกว่าของการผ่อนบ้าน แต่ความจริงก็คือมันเท่าๆกันนั่นเอง เมื่อมองที่ผลลัพธ์สุดท้ายแล้ว หรือเขาเรียกว่า effective interest rate จะใกล้เคียงกัน

แล้วถามว่าถ้าจะผ่อนรถผ่อนแบบไหนดีกว่ากัน ผมขอเลือกแบบลดต้นลดดอก เพราะเราเลือกที่จะโปะได้ ถ้าเรามีตังค์มากพอ ก็ปลดหนี้ได้เร็ว แต่แบบลีสซิ่งทำไม่ได้ครับ

อย่างไรก็ตามกู้ซี้อรถแบบลดต้นลดดอกนั้น จะมีกี่แบงก์/ไฟแนนซ์ให้กู้บ้างก็ไม่ทราบนะครับต้องลองเซ็คดู เพราะส่วนใหญ่เขาจะใช้วิธีลีสซิ่งกัน
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 50 23:54:52

จากคุณ : dhammaboot - [ 1 ก.ค. 50 23:50:25 ]